ทันทีที่หนานมู่เจ๋อออกไป ทุกคนนอกประตูก็คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพเขาดูอ่อนแอ หลังจากวิ่งออกไปก็เห็นร่างที่อ่อนแอนั้นร่างนั้นซุกตัวอยู่ที่มุมห้อง นอนอยู่บนพื้นในสภาพที่น่าสังเวช ทำให้เขาเจ็บใจอย่างสุดซึ้งจริง ๆราวกับว่าในโลกนี้เหลือเพียงพวกเขาสองคน และทุกคนรอบตัวเขาก็เหมือนดอกไม้ใบหญ้าริมถนนในสายตาของเขาในช่วงเวลานี้ เขาก็ตระหนักว่าตัวเองใส่ใจผู้หญิงคนนี้มาก...เหตุการณ์ทั้งหมดในช่วงสองวันที่ผ่านมาแวบขึ้นมาในสมอง และเมื่อมองดูร่างเล็ก ๆ ที่น่าสมเพชนั้น หนานมู่เจ๋อก็รู้สึกโกรธ"ใครบอกให้พวกเจ้าปฏิบัติต่อเธอแบบนี้!"อาจจะโกรธเกินไป ความโกรธโจมตีหัวใจในชั่วขณะ จนกระอักเลือดออกมาเต็มปากท่านเสนาบดีตกใจมากจึงรีบประคองเขา "ฝ่าบาท ท่านเป็นอะไรไหม? เรื่องนี้พวกเราสามารถอธิบายได้ ท่านอย่าโกรธเด็ดขาด!""เธอเป็นคนของข้า พวกเจ้ากล้าดียังไง!"กล้าดียังไงถึงทิ้งเธอไว้ที่มุมแบบนี้?กล้าดียังไงถึงไม่สนใจเธอ?ความโกรธดังกล่าวทำให้ ท่านเสนาบดีตกใจมาก "เมื่อวานพวกเราทำความสะอาดและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ยังหาหมอมาให้เธอด้วย...""พอแล้ว ข้าเชื่อแต่สิ่งที่เห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้น! แคกแคก พ
ตามโม่เล่าอย่างรุกรี้รุกรนมาที่จวนชิงหยุน และเห็นคนกลุ่มใหญ่ทันทีที่เขาเข้าไปพวกสาวใช้ก็เข้าและออกจากห้องนอนอย่างฉุกละหุก ทุกคนที่ออกมาจากห้องนอนถืออ่างน้ำเปื้อนเลือดไว้ในมือหมอหลวงหลายคนยืนอยู่ที่ประตูและดูเหมือนจะกำลังพูดถึงบางสิ่งบางอย่าง แต่หนานมู่เจ๋อก็ยืนอยู่นอกประตูด้วยสีหน้าที่มืดมนและน่ากลัวโม่เล่าปาดเหงื่อจากหน้าผากแล้วพูดว่า "ท่านอ๋อง พระชายามาแล้ว"หนานมู่เจ๋อไม่ได้มองพวกเขาด้วยซ้ำ แค่พูดอย่างเย็นชา: "ใครให้เองพาเธอมาที่นี่?"โม่เล่าพูดด้วยน้ําเสียงหนักแน่นว่า: "ท่านอ๋อง ผู้หญิงคนนั้นบาดเจ็บหนักมาก คนไม่รู้วิชาแพทย์ ไม่เพียงแต่ใช้ยาไม่ดี แม้แต่สภาพบาดแผลก็ดูไม่ออก พวกข้าก็ไม่สะดวกที่จะเข้าไป หมอหญิงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะมา พระชายาเข้าใจวิชาแพทย์นิดหน่อย ตอนนี้ได้แต่ให้เธอดูก่อนเท่านั้น"คิ้วของหนานมู่เจ๋อเต็มไปด้วยความกังวล เขาไม่แม้แต่จะมองหลิ่วเซิงเซิง แต่ยังคงจ้องมองที่ประตูห้องนอนต่อไป"ห้ามใครถอดหน้ากากออกจากใบหน้าของเธอโดยไม่ได้รับคําสั่งจากข้า เธอไม่ชอบ เข้าใจไหม?"ประโยคนี้ดูเหมือนจะพูดให้คนอื่นฟัง แต่หลิ่วเซิงเซิงเข้าใจว่าเขาพูดให้ตัวเองฟังเขาอนุญาตให
ไม่ต้องให้เสี่ยวเจียงไปส่ง หลิ่วเซิงเซิงก็หันหลังและเดินออกไปเองเมื่อเห็นทั้งคู่ทะเลาะกันแข็งทื่อขนาดนี้ เสี่ยวเจียงก็มองหนานมู่เจ๋ออย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย "ท่านอ๋อง นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านพาผู้หญิงกลับมา เป็นเรื่องปกติที่พระชายาจะไม่พอใจ อย่างไรเสียพระชายาก็ชอบท่านมาหลายปี...""ข้าไม่เคยชอบเธอ"เสี่ยวเจียงสะดุ้ง "งั้น เซินเอ๋อคนนั้น…""รอเธอฟื้นแล้ว ข้าจะแต่งงานกับเธอ"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสี่ยวเจียงก็ตกใจมาก "ท่านอ๋อง ไม่ได้เด็ดขาด! ไม่ใช่ข้าน้อยเข้าข้างพระชายา แต่รู้จักตัวตนของผู้หญิงคนนี้เลย ท่านลืมไปแล้วหรือว่าตอนเจอเธอครั้งแรกเธอยัง...""ข้ารู้ว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต้องให้เองมาสั่งสอน"หนานมู่เจ๋อพูดอย่างหนักแน่นว่า "ตั้งแต่ข้าฟื้นขึ้นมา ข้าไม่ได้อยู่ดูแลเธอเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้ข้าคงจะอยู่เคียงข้างเธอ..."เสี่ยวเจียงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมา แต่เมื่อมองดูสภาพของท่านอ๋อง ก็เห็นได้ชัดว่าจริงใจท่านอ๋องไร้ความปราณีต่อพระชายา ดูเหมือนว่าต่อจากนี้ไป ชีวิตของพระชายาจะยิ่งลําบากมากขึ้นทันทีที่เขาออกจากจวนชิงหยุน เสี่ยวถังก็เดินเข้ามาด้
มู่ชิงชิงสะดุ้ง มองไปที่ชายชุดดำข้างหน้าเธอ เธอถามอย่างสับสนว่า "เซินเอ๋อ?"หลิ่วเซิงเซิงยิ้ม "ข้าอย่างนี้แล้ว เจ้ายังจำข้าได้อีกเหรอ?""เจ้าคือเซินเอ๋อจริง ๆ เหรอ?"มู่ชิงชิงตกใจและรีบดึงเธอไปที่ที่นั่งหรูหราเพื่อนั่งลง "ข้าได้ยินชื่อของเจ้าหลายครั้งมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ปรากฎว่าเจ้าคือคนที่ช่วยท่านพ่อของข้ามาก่อน เจ้าคือคนของอ๋องชาง?"เปลือกตาของหลิ่วเซิงเซิงกระตุก "เจ้ารู้เรื่องแล้ว?""แน่นอน! สองวันหลังจากที่อ๋องชางหายตัวไป ท่านพ่อของข้าก็พาเขากลับมาที่จวน ข้าได้ยินมาว่าเขาเอาแต่เรียกชื่อเจ้าตอนที่เขาหมดสติ จากนั้นทุกคนก็รู้ว่าเจ้าชื่อ เซินเอ๋อ ตอนนั้นข้าสงสัยว่าใช่เจ้าหรือเปล่า ไม่คิดว่าจะเป็นเจ้าจริง ๆ เจ้าเก่งเกินไปแล้วไหม? ได้ยินว่าเจ้าช่วยท่านอ๋องกลับมา เจ้าได้ทำอะไรไปบ้าง?"มู่ชิงชิงดูเหมือนจะมีคำพูดมากมาย "ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าให้ความรู้สึกแปลก ๆ แก่ข้า ที่แท้เจ้าคือคนของอ๋องชาง... ""แคกแคก ข่าวลือกำลังทำให้เข้าใจผิด ข้าไม่ใช่คนของเขา"หลิ่วเซิงเซิงพูดอย่างเขินอาย: "บังเอิญเจอกัน เลยวิ่งหนีไปด้วยกัน""ไม่ใช่ นั่นไม่ใช่!"จู่ ๆ มู่ชิงชิงก็พูดด้วยความตื่นเต้น
มู่ชิงชิงก้มหน้าลงด้วยความสิ้นหวัง "ใช่ เธอทำอย่างนั้น เธอเข้ามาแทนที่ข้า เมื่อพี่รองฟื้นตัวเต็มที่ เธอก็เอาผลประโยชน์ของข้าไปโดยสิ้นเชิง เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่ข้าชอบเมื่อตอนเป็นเด็กเธอจะต้องแย่งไป..."หลิ่วเซิงเซิงลูบขมับตัวเอง "ดังนั้นเธอจึงปลอมเป็นเจ้าและได้รับความจริงใจจากมู่เหยียนซี?""ข้าคิดว่าพี่รองเดิมทีหน้าจะชอบพี่สาวอยู่แล้ว เขาจึงหวังว่าเป็นพี่สาวที่เป็นคนดูแล..."หลิ่วเซิงเซิงทำอะไรไม่ถูก "นี่เป็นแค่ความคิดของเจ้าเองเท่านั้น บางทีตอนนั้นมู่เหยียนซีแค่แยกเจ้าสองคนไม่ออก ดังนั้นจึงตะโกนเรียกพี่สาวหยั่งเชิงเท่านั้น เจ้าเป็นคนที่อ่อนไหวเกินไปและคิดมากเกินไป!"มู่ชิงชิงก้มหน้าแล้วพูดว่า "ข้าก็คิดเรื่องนี้เหมือนกัน แต่นั่นเป็นเรื่องต่อมาแล้ว ต่อมาข้าโตขึ้น เรื่องนี้ผ่านไปนานมาก ข้าก็ยากที่จะรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมาใหม่ อย่างไรก็ตามคนหนึ่งเป็นคนที่ข้าชอบและอีกคนเป็นพี่สาวของข้า ข้าไม่อยากทําให้พี่สาวของข้าอับอายและไม่ต้องการให้พี่รองผิดหวัง ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ไม่ได้สวยแบบพี่สาว ถ้าพี่รองรู้ความจริงแล้ว ไม่แน่..."เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่ชิงชิงก็ถอนหายใจยาวและไม่ได้พูดต่อ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่ชิงชิงพูดต่ออย่างจริงจังว่า: "ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงขยายกำลังอย่างรวดเร็วและกลืนกินหลายแก๊งติดต่อกัน ในเวลาเพียงสองปี พวกเขาก็มีพลังเท่ากับหอฮัวจิ่ง มีข่าวลือในยุทธภพว่า หอฮัวจิ่งจะทำลายแก๊งอู่ชิวไม่ช้าก็เร็ว และจะเป็นผู้มีอำนาจพวกเดียวต่อไป""แต่ผ่านมานานขนาดนี้ หอฮัวจิ่งแห่งนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากนั้นแก๊งอู่ชิวก็ไม่ได้คิดจะลงมือกับพวกเขา ตอนนี้จึงเก่งกล้าสามารถไปหาเรื่องอ๋องชาง ดีเลย หอฮัวจิ่งไม่ต้องเคลื่อนไหว ราชสํานักก็จะไม่ปล่อยพวกเขาไปหรอก""ได้ยินมาว่าฮ่องเต้ได้สั่งให้ปิดล้อมและปราบปรามแก๊งอู่ชิว ตอนนี้เจ้าหน้าที่จะจับกุมใครก็ตามที่เป็นสมาชิก แก๊งอู่ชิว"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลิ่วเซิงเซิงก็จิบชาแล้วพูดว่า "ดังนั้นพวกเขาคงจะอดทนได้ไม่นานแล้วใช่ไหม?""จะเป็นไปได้อย่างไร? พวกเขาแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ ต้องมีความสามาถอะไรบางอย่างแน่นอน นอกจากนี้แก๊งนี้ก็ซ่อนอยู่ในที่ลับ จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าจุดรวมของพวกเขาอยู่ที่ไหน มันไม่ง่ายเลยที่จะกําจัดพวกเขา ได้ยินมาว่านักฆ่าทุกคนในแก๊งได้รับการคัดเลือกมาเป็นอย่างดี แต่ละคนมีศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง"หลิ่ว
หลิวเล่ายิ้มและพูดว่า "คือแบบนี้คุณชายเฉิน ผู้หญิงคนนี้มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ก่อนหน้านี้ยังช่วยลูกของข้ากลับมาด้วย อาการป่วยของท่านข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนจริง ๆ นี่จึงเชิญเธอมา"ขณะพูด เขาก็ขยิบตาให้หลิ่วเซิงเซิงหลิ่วเซิงเซิงก็เข้าใจ "ข้าน้อยเซินเอ๋อ ยินดีที่ได้พบคุณชายเฉิน""เซินเอ๋อ? ชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ นะ…"หนานลั่วเฉินเกาหัว คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างก็ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า: "คนนั้นของจวนอ๋องชางก็ชื่อเซินเอ๋อ""ใช่ใช่ ข้าคิดออกแล้ว ช่วงนี้ชื่อนี้มีชื่อเสียงมาก แต่คนนั้นยังนอนอยู่ที่จวนอ๋องชางอยู่เลย หน้าจะแค่ชื่อเหมือนกัน"หนานลั่วเฉินลูบหัวตัวเอง "ไม่ต้องพูดมากแล้ว ข้าเชื่อใจหลิวเล่า ในเมื่อเป็นคนที่หลิวเล่าพามา งั้นก็มาดูให้ข้าเถอะ"หลิวเล่าพึมพำด้วยเสียงต่ำ "คุณชายเฉินมีฐานะอันสูงส่ง เจ้าระวังหน่อย ข้ารอเจ้าที่นอกประตู"หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็ถอนตัวออกไปราวกับกำลังหนีหนานลั่วเฉินกระโดดขึ้นบนโต๊ะแล้วยื่นมือไปหาเธอ"อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า อาการป่วยของข้าเป็นสิ่งที่แม้แต่หมอหลวงในพระราชวังยังรักษาไม่หาย หลิวเล่ามีชื่อเสียงมากขนาดนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรกับอาการป่วยของ
หลิวเล่าตกใจมากเขาดูอาการให้หนานลั่วเฉินสองครั้ง แต่ละครั้งเขาไม่ก็ดูไม่ออก แต่เธอกลับมองออกทันทีและแก้ไขแล้ว...นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก?เมื่อมองไปที่เงาที่หลิ่วเซิงเซิงจากไป หลิวเล่าก็รู้สึกว่าเขาได้พบกับหมอเทวดาแล้วจริง ๆหลังจากออกจากร้านร้อยปีแล้ว หลิ่วเซิงเซิงก็มุ่งหน้าไปยังจวนอ๋องชางออกมานานขนาดนี้ ไม่แน่ว่า "เซินเอ๋อ" คนนั้นอาจจะฟื้นแล้ว ถึงเวลากลับไปพบเธอแล้วขณะที่เดินอยู่คนเดียว หลิ่วเซิงเซิงก็มักจะรู้สึกว่ามีคนจ้องมองตัวเองอยู่ เธอมองซ้ายขวา บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนและไม่มีคนน่าสงสัยหรือว่าตัวเองคิดมากไป?ขณะที่กำลังคิด เธอก็พบชายชุดดำที่อยู่ไม่ไกลจ้องมองตัวเองอยู่ ชายคนนั้นสวมหน้ากากในชุดดําเหมือนกันและมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เขาถือดาบในมือแน่น...หลิ่วเซิงเซิงแอบคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติและเร่งฝีเท้าอย่างรวดเร็วตอนนี้ถนนเต็มไปด้วยผู้คน คนนั้นคงไม่กล้าลงมือโดยตรง เธอยังมีโอกาสกลับไปที่จวนอ๋องชาง!ขณะที่กำลังคิด ก็เห็นชายชุดดำวิ่งมาหาตัวเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำก็ชักดาบออกมาฟันใส่หลิ่วเซิงเซิง!คนรอบข้างเคยเห็นการต่อสู้เช่นนี้ที่ไหน?ตอนนี้ก็กรีด
"ชีวิตและความตายของคนคนหนึ่งไม่สำคัญเท่ากับชาวบ้าน ถ้าวันนั้นเป็นเจ้าและข้าสองคนไปช่วยที่ประตูเมือง ชาวบ้านทั้งเมืองมองด้วยสายตาเย็นชา งั้นวันนี้ข้าก็จะมองด้วยตาเย็นชา แต่วันนั้นชาวบ้านทั้งเมืองมาช่วยเหลือ พวกเขาเห็นแก่หน้าข้ามาก แม้ว่าพวกเขาจะเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง พวกเขาก็ไปแล้ว ในเมื่อเป็นแบบนี้ วันนี้ข้าก็ไม่เข้าไปยุ่งไม่ได้ นี่จึงเป็นการไปมาหาสู่กันตามมารยาท"สายตาของหลิ่วเซิงเซิงแน่วแน่มาก "ถ้าไม่ใช่โรคระบาด การมาของเราก็แค่ไร้ประโยชน์ แต่ถ้าเป็นโรคระบาดจริง ๆ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่ อย่างที่หมอเหอพูด นี่เป็นพื้นฐานที่สุดในฐานะหมอ"อี้โจวถอนหายใจ "ท่านเป็นแบบนี้มาตลอด คนที่ทำดีแก่ท่านก็จำได้ ก็เหมือนคนที่ทำไม่ดีแก่ท่าน ท่านก็จำได้ ท่านพูดมีเหตุผลอย่างนี้ ข้าจะได้ไม่กล้าพูดว่าท่านเป็นห่วงอ๋องชางแล้ว""แคกแคกแคก..."หลิ่วเซิงเซิงไอสองสามครั้งแล้วพูดว่า "อย่าเดาไปทั่ว"ขณะที่อี้โจวกำลังจะพูด หมอทุกคนที่อยู่ข้างหน้าก็เข้าไปแล้ว และในไม่ช้าพวกเขาก็ส่ายหัวออกมาหมอเหอกลับมาหาหลิ่วเซิงเซิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "แม่นาง ไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูเลย มันเป็นโรคระบาดจริง ๆ"เมื่อเห็นสีหน
หนานมู่เจ๋อเพียงมองไปรอบ ๆ อย่างสงบ ร้านขายยาแห่งนี้ไม่ใหญ่นักและไม่ต่างจากร้านขายยาอื่น เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงมาที่นี่โดยบังเอิญ เขาเหลือบมองบันไดข้าง ๆ แล้วถามว่า "ชั้นสองเป็นที่พักผ่อนของพวกเจ้าเหรอ ?"หมอเหอยิ้มและกล่าวว่า "ตอบฝ่าบาท ชั้นบนเป็นห้องผู้ป่วย ให้ผู้ป่วยหนักบางคนได้พักผ่อน"เฉินเหลียงเฟิงพยักหน้าอย่างชื่นชม "มีห้องผู้ป่วยในร้านขายยา ค่อนข้างหายาก"หมอเหอกล่าวว่า "นี่คือความคิดของหมอเทวดาหลิ่วทั้งหมด เธอบอกว่าผู้ป่วยบางคนมีไข้สูงไม่ลด ถ้าอยู่บ้านตลอดเวลา ไข้นาน ๆ จะเผาสมอง ถ้ารุนแรงหน่อยก็ควรอยู่ที่ร้านขายยา มีอะไรก็แก้ไขได้ทันที""หมอเทวดาหลิ่วของพวกเจ้าอยู่ชั้นบนหรือเปล่า?"หนานมู่เจ๋อจู่ ๆ ก็ถามขึ้นหมอเหอพยักหน้า "ให้ข้าน้อยไปเชิญเธอลงมามั๊ย?""อ๋องชาง ท่านเจ้าเมือง มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!"ได้ยินแต่เสียงตื่นตระหนกจากนอกประตู จากนั้นองครักษ์ก็รีบเข้ามา ทันทีที่เข้ามา ก็คุกเข่าลงบนพื้น "มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น!"หนานมู่เจ๋อหงุดหงิดเล็กน้อย "พูดมา""โรคระบาด โรคระบาดเข้ามาในเมืองแล้ว หลายคนในเมืองมีอาการอาเจียนด้วยกัน ริมฝีปากของพวกเขาเป็นสีม่วง กินอะไรก็
ราวกับว่าศรัทธาทั้งหมดของเขาพังทลายลงในขณะนี้ หรงหรงก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวและเกือบจะล้มลงกับพื้นเธอมองไปที่หลิ่วเซิงเซิงด้วยความหวาดกลัว "เจ้า เจ้าวางแผนข้า?"หลิ่วเซิงเซิงพูดอย่างบริสุทธิ์ใจ "จะพูดได้ยังไงว่าเป็นแผนการ? ทุกคำที่เจ้าพูดนั้นเจ้าเป็นคนพูดเอง และทุกการกระทำที่เจ้าทำนั้นถูกวางแผนอย่างรอบคอบด้วยตัวเจ้าเอง เจ้าเองที่มาที่นี่เพื่อข่มขู่ข้า ข้าไม่ใช่พยาธิในท้องของเจ้า จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้ามาที่นี่แล้วจะทำเรื่องแบบนี้?"ขณะพูด เธอก็เอามือแตะหน้าตัวเองอีกครั้ง "ตบนั้นเจ็บใช่ไหม? เห้อ ครั้งที่แล้วเจ้าก็ทำแบบนี้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าเจ้าคิดยังไง บางทีคนหน้าหนาตบยังไงก็ไม่เจ็บใช่ไหมล่ะ?"หรงหรงสั่นไปหมด "มันมากเกินไปแล้ว! พวกเจ้าทำมากเกินไปแล้ว...""พอแล้ว!"จู่ ๆ เฉินโย่วก็ขัดจังหวะเธอ แล้วพูดอย่างเย็นชา "ใครกันแน่ที่ทำเกินไป? แล้วใครกันแน่ที่หลอกลวง? หรงหรง เจ้าไม่คิดจะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยเหรอ?"หรงหรงตื่นตระหนก "สามี ท่านอย่าถูกหลอก นี่เป็นแผนการของพวกเขาทั้งหมด พวกเขาจงใจนัดข้ามา จงใจนำข้าให้พูดคำที่ไม่ดีเหล่านั้น แล้วจงใจพาท่านไปที่ประตู ทุกอย่างเป็นไปโดยเจตนา พวกเขาแค่คิดจะ
อี้โจวโกรธมาก ขณะที่กำลังจะพูด หลิ่วเซิงเซิงก็เดินออกไปอย่างเย็นชา "เดิมทีพวกเรากำลังจะไป ในเมื่อฮูหยินน้อยกระตือรือร้นมาก ข้าคิดว่าเราอยู่ต่อดีกว่า"สีหน้าสาวใช้เปลี่ยนไป "เจ้ารู้ตัวเองมั๊ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่?""ในเมื่อเจ้านำคำพูดมาด้วยความกระตือรือร้นขนาดนี้ งั้นข้าก็ต้องกระตือรือร้นหน่อย เจ้าก็ช่วยข้าบอกฮูหยินน้อยด้วย นัดเธอไปพบที่หย่งชุนถังพรุ่งนี้เถอะ ถ้าเธอไม่มา เรื่องราวความเจ้าชู้ของเธอในเมืองหลวงในอดีตก็จะสะเทือนในเจียงเฉิง"เมื่อเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหลิ่วเซิงเซิง สาวใช้ก็โกรธมาก "เจ้าหมายความว่าอย่างไร?""ความหมายของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ ฮูหยินน้อยของเจ้าเข้าใจก็พอ"หลังจากพูดจบ หลิ่วเซิงเซิงก็ปิดประตูอย่างไม่เกรงใจและกลอกตา "อะไรวะเนี่ย"อี้โจวยังเยาะเย้ยว่า "ไม่ดูตัวเองเลยว่าตัวเองเป็นยังไงยังกล้ามาขู่ ผู้หญิงคนนั้นช่างปัญญาอ่อนไม่รู้เรื่อง!""กลัวว่าสมองจะใช้ในการหลอกลวงผู้ชายอย่างเดียว"หลิ่วเซิงเซิงดูถูกเหยียดหยามและกระซิบคำพูดสองสามคำกับอี้โจว ก่อนที่จะกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อหลิ่วเซิงเซิงมาถึงหย่งชุนถัง หรงหรงก็รออยู่ที่ประตูมาน
ดวงตาหนานมู่เจ๋อกระตือรือร้น และหลังจากพูดแล้ว เขาก็เดินไปยังทิศทางที่หลิ่วเซิงเซิงจากไปหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าว ท่านเจ้าเมืองก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา"ฝ่าบาท ฝั่งหยุนตูมีความเคลื่อนไหวอีกแล้ว!"หนานมู่เจ๋อหายใจเข้าลึกและต้องหยุด "เกิดอะไรขึ้น?""ตอบฝ่าบาท รายงานจากแนวหน้า หยุนตูไม่ได้ถอนกำลัง แต่ตั้งค่ายอยู่บนทุ่งหญ้าไม่ไกลจากประตูเมืองของเรา เกรงว่าเขาจะต้องทำสงครามที่ยืดเยื้อกับเรา!"เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เสี่ยวเจียงก็รีบถามว่า "ยืนอยู่บนกำแพงเมือง สามารถเห็นค่ายของพวกเขาไหม?""อยู่ค่อนข้างไกล แต่ถ้ายืนสูง ๆ ก็จะมองเห็นได้นิดหน่อย"เจ้าเมืองพูดอย่างจริงจัง "ฝ่าบาทจะเสด็จไปดูหรือไม่?"หนานมู่เจ๋อดูเหมือนจะฟุ้งซ่านเล็กน้อย จนกระทั่งเขาได้ยินคำเตือนของเสี่ยวเจียง เขาก็พยักหน้า"ไปกันเถอะ""..."ในไม่ช้าพวกเขาก็ออกจากจวนเจ้าเมือง ขี่ม้าและรีบไปที่ประตูเมืองด้วยเหตุผลบางอย่าง นับตั้งแต่เขาเห็นรอยแผลเป็นบนหลัง หัวใจของหนานมู่เจ๋อก็สับสน รู้สึกเสมอว่าร่างด้านหลังนั้นคุ้นเคยมาก...เสี่ยวเจียงที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างและพูดอย่างจริงจัง "ท่านอ๋อง พระชายาไม่อยู่
เมื่อระยะทางใกล้เข้ามา หัวใจของหลิ่วเซิงเซิงก็เต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าหนานมู่เจ๋อ จะจำตัวเองได้หรือไม่เมื่อเขาเห็นตัวเอง...โชคดีที่หนานมู่เจ๋อไม่ได้มาทางพวกเขา แต่เลี้ยวไปทางแยกถนนข้างหน้า คนรับใช้ที่อยู่รอบ ๆ ก็ก้มหน้าลงและทำความเคารพ หลิ่วเซิงเซิงและอี้โจวก็ก้มศีรษะลงเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ดึงดูดความสนใจของพวกเขาจนกระทั่งร่างของพวกเขาค่อย ๆ จางหายไป อี้โจวก็เงยหน้าขึ้น "ข้าไม่เคยเห็นท่านกลัวอะไรเลย ข้าไม่เคยคิดว่าท่านจะกลัวการพบกับอ๋องชาง…""ม่ใช่ว่ากลัว แค่ไม่อยาก""ได้ยินมาว่าอ๋องชางรักท่านมาก ดูออกว่าท่านก็มีเขาอยู่ในใจ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมต้องหลบหน้าไม่ไปพบ?"หลิ่วเซิงเซิงเงียบ "บอกไม่ถูก บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าข้าไม่เคยคิดที่จะอยู่ในจวนลึกไปตลอดชีวิต พอคิดว่าอนาคตอาจจะต้องแบ่งปันสามีของตัวเองกับผู้หญิงคนอื่น ก็ยากที่จะยอมรับ แทนที่จะอยู่ที่นั่นและรอให้ตัวเองจมลึก สู้ใจร้ายหน่อย ไม่ต้องเจอกันอีก""แต่ข้าได้ยินมาว่า อ๋องชางขัดพระราชโองการ และไม่ได้แต่งงานกับนางสนมใด ๆ เลย…"อี้โจวกระซิบ "เป็นไปได้ไหมที่ระหว่างท่านสองคนมีความเข้าใจผิดมากมาย?""อาจจะ
มีผู้คนมากมายอยู่รอบ ๆ ทุกคนพูดคุยและหัวเราะ ดื่มเฉลิมฉลอง หลิ่วเซิงเซิงไม่ต้องการคุยกับพวกเขา แต่เธอกลัวที่จะดึงดูดความสนใจมากเกินไป เธอจึงพยักหน้า ยกแก้วขึ้นแล้วชนกับหรงหรงหรงหรงยิ้มแล้วจิบชา "ข้าคิดมาตลอดว่าคุณชายคือหมอเทวดาหลิ่ว แต่หลังจากได้ยินพวกเขาพูดในวันนี้ข้าจึงรู้ว่าที่แท้เป็นแม่นาง พูดตามตรง ข้าตกใจมาก ข้าไม่ไม่คิดว่าแม่นางจะเป็นวีรสตรี เคยทำไม่ดีมาก่อน หวังว่าแม่นางจะไม่ใส่ใจ"หลิ่วเซิงเซิงไม่ต้องการสุภาพกับเธอ แค่อยากดื่มให้เสร็จและจากไปโดยเร็วแต่แก้วเหล้าสัมผัสริมฝีปาก ทันใดนั้นเธอก็ได้กลิ่นยา เป็นยาระบาย...เธอเยาะเย้ย เหลือบมองสาวใช้ที่กำลังรินเหล้าอยู่ข้าง ๆ จากนั้นมองดูรอยยิ้มอันน่ายินดีของหรงหรง แล้วเธอก็เข้าใจทุกอย่างในทันทีแต่ยังคงยกแก้วเหล้าและดื่มจนหมดคิดว่าครั้งนี้หรงหรงคือสำนึกผิดจากใจจริง ไม่คิดว่าจะอยากให้ตัวเองขายหน้าต่อหน้าคนอื่นเมื่อเห็นเธอดื่ม หรงหรงก็ดูมีความสุขมาก พูดจาสุภาพสองสามคำแล้วเดินไปที่ห้องโถงบางทีเธออาจตื่นเต้นเกินไป แม้ว่าจู่ ๆ จะรู้สึกเจ็บแปลบที่น่อง แต่เธอก็ไม่ได้จริงจังกับมันและปฏิบัติต่อมันเหมือนกับยุงกัดหลิ่วเซิงเซิงสะบั
สีหน้าของเฉินโย่วเปลี่ยนไป "อะไรนะ? ใครกล้าดีขนาดนั้น กล้ามัดเธอบนถนน?"คนใช้เหลือบมองหลิ่วเซิงเซิงอย่างลังเล จากนั้นจึงมองไปที่อี้โจวข้าง ๆ หลิ่วเซิงเซิง และสุดท้ายก็หันกลับมามองที่เฉินโย่วเฉินโย่วไม่ใช่คนโง่ เข้าใจความหมายของการมองนั้นอย่างรวดเร็วเขาหันกลับไปมองหลิ่วเซิงเซิง ในขณะที่กำลังจะถามอะไรบางอย่าง ก็เห็นคนอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้ นำโดยท่านเจ้าเมืองเฉินเหลียงเฟิงเห็นแต่เฉินเหลียงเฟิงมาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า "นี่คือหมอเทวดาหลิ่วใช่ไหม? ชื่อเสียงโด่งดังมานาน และวันนี้มันยิ่งโด่งดังมากขึ้น เชิญเข้ามาก่อน"หลิ่วเซิงเซิงพยักหน้าอย่างสุภาพ จากนั้นมองไปที่เฉินโย่วและพูดว่า "ท่านเจ้าเมืองน้อยลองไปถามฮูหยินของท่านก่อน ตอนพวกท่านรักษาประตูเมือง เธอทำอะไรอยู่ หรือถามชาวบ้านในเมืองก็ได้"หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เดินตามท่านเจ้าเมืองเข้าไปในสถานการณ์แบบนี้เฉินโย่วก็ไม่สามารถพูดอะไรได้แค่พูดว่า "ไปตรวจสอบ ตรวจสอบดีแล้วค่อยว่ากัน""ได้ ขอรับ...""..."จวนเจ้าเมืองในวันนี้สนุกสนานและมีชีวิตชีวามาก ถนนด้านนอกจวนเจ้าเมืองยังเต็มไปด้วยผู้คนที่ส่งเสียงเชียร์และเฉลิมฉลอง
เชียงไชโย เสียงตะโกน ตะโกนออกมาทีละคน!นี่เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น แม้ว่าในเมืองจะมีทหารไม่ถึงสองหมื่นนาย แต่ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าทหารแต่ละคนจะมีทหารหลายพันนายอยู่ข้างหลังพวกเขา!เมื่อมีชาวบ้านเข้าร่วม สงครามก็พลิกกลับอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแต่รักษาประตูเมืองได้เท่านั้น แต่กองทัพศัตรูที่หลงผิดปีนขึ้นไปบนกำแพงก็ถูกโค่นล้มทีละคนและพ่ายแพ้เหมือนภูเขา!แม้แต่หนานมู่เจ๋อที่อยู่ในสนามรบมาหลายปีก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ มีเพียงทหารเท่านั้นที่ปกป้องชาวบ้านมาตลอด เคยเห็นชาวบ้านช่วยเหลือทหารที่ไหน?ใครกันที่มีแรงดึงดูดอันทรงพลังเช่นนี้?บนกำแพงเมือง ขวัญกำลังใจของทหารอยู่ในระดับสูง และชาวบ้านต่างเคลื่อนย้ายอาวุธและช่วยเหลือ เกือบทุกคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านศัตรู!ใต้กำแพงเมืองชาวบ้านตะโกนเสียงดัง"ออกแรงหน่อย! ทุกคนอดทนไว้!""แม่งเอ๊ย ถ้าไม่กลัวว่าพวกเขามีโรคระบาด คงจะเปิดประตูเมืองและฆ่าเต่าพวกนี้!""ทุกคนสู้ ๆ!""..."สงครามยังคงดำเนินต่อไป และไม่มีใครสังเกตเห็นร่างทั้งสองยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ บนหลังคาในระยะไกล"ฉากนี้ ทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นจริง ๆ"เสี่ยวกงถอนหายใจและกล่าวเ