แต่ความกดดันดูเหมือนจะไม่ได้มาจากฝ่ายครอบครัวของอธิศเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะพ่อและแม่ของชนิตาเองก็เริ่มกดดันลูกสาวในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยยังคงให้เหตุผลว่าท่านอยากอุ้มหลานก่อนตาย ยิ่งทำชนิตารู้สึกไม่ดีมากขึ้นไปอีก จนต้องมานั่งถอนหายใจเฮือกๆ อย่างที่เป็นอยู่ ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติแล้วเดินกลับเข้าบ้าน เพื่อสั่งให้แม่บ้านเตรียมมื้อเย็น เนื่องจากวันนี้จะมีเพื่อนของอธิศแวะมากินข้าวด้วย และเพื่อนคนนั้นของอธิศก็คือนพกรนั่นเอง โดยทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ไปมาหาสู่กันเสมอๆ แต่ระหว่างการสนทนาบนโต๊ะอาหารก็มีประโยคหนึ่งที่ทำให้ชนิตาถึงกับชะงักไป“ข้าไม่รีบมีลูกว่ะ ปล่อยไปตามธรรมชาติก่อนดีกว่า” อธิศ ตอบคำถามนั้นของนพกร พร้อมกับแอบสังเกตสีหน้าของชนิตาไปด้วย รู้สึกเห็นใจเธอที่ใครต่อใครมักจะถามคำถามทำนองนี้เสมอ แต่จะไปโทษคนเหล่านั้นก็คงไม่ได้ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขากับชนิตาแม้จะแต่งงานกันแต่กลับอยู่กันแบบเพื่อน ไม่ใช่สามีภรรยา“มีลูกตอนอายุเยอะๆ จะไม่ดีต่อสุขภาพคุณตาเขานะโว้ย เด็กก็เสี่ยงตามไปด้วย”“ขอบใจที่แนะนำ แล้วนี่นายดื่มหนักขนาดนี้จะขับรถกลับไหวเหรอ” เอ่ยรับเสร็จอธิศก
“คุณตา”“ค่ะ” ชนิตาเอ่ยรับด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะมั่นใจว่าอธิศยังมีสติพอที่จะไม่ล่วงเกินอะไรเธอ หรือต่อให้เขาทำเธอก็จะต่อต้านจนหลุดพ้นได้สำเร็จ“ถ้าคุณอยากหย่า คุณแค่บอกผม ตกลงไหมครับ” คำพูดของอธิศทำให้ชนิตายิ้มออกมา เพราะชายหนุ่มยังคงให้เกียรติเธอเสมอ“ค่ะ”“ผมจะหย่าให้คุณทันที ผมสัญญา”“ฉันรู้ค่ะว่าคุณรักษาสัญญา แต่ตอนนี้คุณเมามากแล้ว พักผ่อนก่อนดีกว่า”“ครับผม”อธิศเอ่ยรับอย่างว่าง่าย เวลานี้เขาช่างดูเหมือนเด็กชายตัวโตไม่ใช่ชายหนุ่มที่แบกภาระความรับผิดชอบไว้เต็มสองบ่า ชนิตาห่มผ้าห่มให้สามีในนามก่อนจะกลับออกไปจากห้อง และเมื่อมาถึงห้องก็เห็นว่าพรฟ้าหลับเสียแล้ว เธอจึงส่ายหน้าให้อย่างเอ็นดู“ที่รีบกลับเพราะง่วงหรอกเหรอ” เมื่อเอ่ยจบชนิตาก็ปิดไฟและเข้านอนเช่นเดียวกัน ทันทีที่ไฟถูกปิดลงพรฟ้าที่แกล้งหลับก็ลืมตาขึ้น เธอไม่ได้ง่วงอย่างที่ชนิตาคิด แต
ความสัมพันธ์ของอธิศและชนิตานั้นยังคงเหมือนเดิม ทั้งคู่ต่างห่วงใยกันแบบเพื่อนที่ดีต่อกัน ในขณะที่พรฟ้าที่รู้ใจตัวเองดีก็คอยเอาแต่หลบหน้าหลบตาอธิศ นั่นเพราะกลัวหากเจอชายหนุ่มเขาจะรู้ความในใจเข้า ขืนเป็นแบบนั้นต้องไม่ดีต่อเธอแน่“เบล”“ค่ะ...คุณอธิศ”“จะไปมหาวิทยาลัยเหรอ”“ค่ะ” พรฟ้าที่เวลานี้อยู่ในชุดนักศึกษาเอ่ยรับด้วยความเกรงใจ ก่อนจะถอยหลังไปยืนห่างอธิศอีกหลายก้าว“ไปด้วยกันสิ ฉันผ่านทางนั้นพอดี”“เอ่อ...ไม่ดีกว่าค่ะ คือ...เบลไปรถเมล์เหมือนทุกวันสะดวกกว่า”“ไปด้วยกันนี่แหละ ฝนตั้งเค้ามานู่นแล้ว เดี๋ยวก็เปียกก่อนถึงป้ายรถเมล์พอดี” อธิศมองออกไปนอกบ้าน ที่เวลานี้ฝนตั้งเค้ามาแล้ว และคงตกหนักแน่นอน“เบลติดร่มไปแล้วค่ะ” คำพูดแย้งของพรฟ้าทำให้อธิศถึงกับส่ายหน้า เห็นเรียบร้อยๆ แบบนี้ แต่บทจะดื้อก็ดื้อไม่ฟังคำพูดเขาเหมือนกัน&ldq
เมื่อคิดไปคิดมาก็ยังไม่ได้คำตอบพรฟ้าจึงเลิกคิด จากนั้นก็ก้าวขึ้นตึกเรียนไป ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆ ในคณะที่มองมายังเธออย่างสนอกสนใจว่าวันนี้ใครมาส่ง แต่พรฟ้าก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบขณะเรียนพรฟ้าได้ตัดเรื่องของอธิศออกไปจากความคิดชั่วคราว แต่บางครั้งเขาก็มีอิทธิพลจนทำให้เธอเสียสมาธิอยู่บ้าง กระทั่งได้เวลาเลิกเรียน เธอก็ลงมาจากตึกพร้อมกับเพื่อนๆ แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าเวลานี้อธิศนั่งอยู่ใต้ตึก“คุณอธิศ!” พรฟ้าอุทานออกมาอย่างตกใจและแปลกใจ ก่อนจะมองไปยังอธิศที่เวลานี้ยังคงอยู่ในชุดสูทเต็มยศ ยิ่งสวมแว่นกันแดดสีเข้มรับรูปหน้าด้วยแล้วก็ยิ่งส่งให้เขาดูหล่อและสมาร์ทจนทำให้นักศึกษาผู้หญิงหลายคนหันไปมองแล้วมองอีก รวมถึงเพื่อนๆ ของเธอเองก็ดูจะตะลึงกับความหล่อของอธิศไม่น้อย“ใครอะ หล่อมาก”“คุณอธิศ สามีของคุณตา” พรฟ้าเป็นคนเฉลยให้รู้ว่าชายตรงหน้าคือใคร ทำเอาบรรดาสาวๆ อกหักกันไปเป็นแถว และเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มมีภรรยาแล้วแบบนี้ทุกคนจึงแยกย้ายทันทีพรฟ้าสูดอ
เมื่อลงจากรถ พรฟ้าก็ถือเค้กไปเซอร์ไพรส์ชนิตาในห้องนั่งเล่น โดยมีอธิศเดินตามมาเช่นกัน เสียงร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์จากพรฟ้าและอธิศที่ดังขึ้นทำให้เจ้าของวันเกิดอย่าง ชนิตาหันไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้คนทั้งคู่ เพราะไม่คิดว่าพวกเขาจะมาเซอร์ไพรส์อะไรแบบนี้“สุขสันต์วันเกิดครับคุณตา”“ขอบคุณค่ะคุณอธิศ”“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณตา ขอให้คุณตาของเบลมีความสุขมากๆ”“จ้ะ...ขอบใจมากนะเบล” ชนิตาแอบน้ำตาคลอนิดหน่อย งานวันเกิดเล็กๆ ถูกจัดขึ้นแต่ทว่ามันกลับอบอุ่น เพราะปกติทุกปีชนิตาไม่ได้จัดงานหรือรู้สึกตื่นเต้นกับวันเกิดของตัวเองสักเท่าไหร่นัก เมื่อเช้ามาเธอแค่ออกไปใส่บาตรกับโทรศัพท์หาแม่และพ่อ รวมถึงโอนเงินจำนวนหนึ่งไปทำบุญตามสถานที่ต่างๆ อย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกปีแต่ที่ตื่นเต้นกว่าทุกปีหน่อยคงหนีไม่พ้นเรื่องที่รู้ว่าพรฟ้ากำลังมีใจให้อธิศนั่นเอง ยิ่งทั้งคู่มาเซอร์ไพรส์เธอด้วยกันแบบนี้ก็ยิ่งคิดไปไกลของขวัญที่พรฟ้ามอบให้ชนิตาปีนี้เป็นเค้กที่เธอชอบ ใ
“สรุปในนี้มีคนที่หนูตาชอบบ้างไหม” น้ำเสียงของมยุราแฝงความไม่พอใจอยู่มาก นั่นเพราะเธอพยายามหว่านล้อม ชนิตาดีๆ แล้ว แต่ดูเหมือนลูกสะใภ้จะมองไม่เห็นความหวังดีนั้นของเธอแม้แต่น้อย“ไม่ค่ะ”“หนูตา!” มยุราตวาดใส่ชนิตาอย่างลืมตัว ก่อนจะรีบเก็บท่าที ในขณะที่ชนิตาก็พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน“ถ้าคุณอธิศต้องมีผู้หญิงอีกคนจริงๆ ตาขอเป็นคนเลือกได้ไหมคะ”“ได้สิจ๊ะ” ส่งยิ้มให้ชนิตาเสร็จมยุราก็เอ่ยรับปากอย่างไม่ลังเลทันที เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องการคือหลานคนแรก และต้องเกิดมาเป็นผู้ชายเท่านั้น เธอจึงแทบไม่สนใจความรู้สึกของ ชนิตาไปมากกว่ามรดกที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม ต่อให้หลานคนนั้นจะมีแม่เป็นใครขอแค่มีดีเอ็นเอของอธิศอยู่ครึ่งหนึ่ง เธอก็พอใจแล้ว“ขอบคุณค่ะคุณแม่”“แต่แม่ขอเร็วๆ นี้ด้วยนะ” เอ่ยจบมยุราก็ส่งยิ้มให้ชนิตาอีกครั้ง แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้มีความอบอุ่นแฝงอยู่แม้แต่น้อยชนิ
ขณะนั่งคิดถึงเรื่องที่คุยกับมยุราอยู่นั้น จู่ๆ ชนิตาก็สะดุ้งเพราะเสียงเรียกจากพรฟ้า“คุณตาเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”“เปล่าจ้ะ”“เปล่าเหรอคะ” พรฟ้าไม่ค่อยเชื่อในคำตอบสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่กล้าเซ้าซี้ถามจากชนิตาเช่นเดียวกัน“ใช่...ว่าแต่เบลมีอะไรหรือเปล่า”“เบลเอาผลการเรียนปีนี้ค่ะมาให้คุณตาค่ะ” เอ่ยจบพรฟ้าก็ยื่นผลการเรียนของเธอให้ชนิตาได้ดู ซึ่งนั่นหมายความว่าเธอเรียนจบระดับปริญญาตรีแล้วนั่นเอง“เก่งมากจ้ะ” คำชมดังขึ้นจากชนิตา เพราะผลการเรียนของพรฟ้าอยู่ในระดับดีมากมาทุกๆ ปี แถมยังคว้าเกียรตินิยมมาได้อีก“เบลเรียนจบแล้วนะคะคุณตา”“ฉันดีใจด้วยนะ”“เบลสมัครงานไปหลายที่ รอแค่เขาเรียกสัมภาษณ์ ถ้าผ่านเบลก็จะได้ทำงานค่ะ” พรฟ้าเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม“จ้ะ...” จู่ๆ ชนิตาก็หยุดพูดแล้วมองใบ
“แม้จะเป็น...”“พอเถอะครับคุณตา ผมไม่อยากรู้ว่าเป็นใครทั้งนั้น”“ค่ะ” ชนิตาจำต้องปล่อยเรื่องนี้ไปก่อน เพราะดูเหมือนอธิศจะไม่พร้อมรับฟังความคิดของเธออีก ขืนพูดออกไปตอนนี้ชายหนุ่มก็คงยืนกรานปฏิเสธท่าเดียว แต่ชนิตาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และเธอก็มีแผนบางอย่างไว้สำรองแล้วเช่นกันแม้อธิศจะยืนกราน ว่าเขาไม่พร้อมที่จะรับผู้หญิงคนไหนเข้ามาในชีวิตตอนนี้ แต่ชนิตากลับบอกพรฟ้าว่าชายหนุ่มตอบตกลง เพราะรู้สึกดีๆ กับเธอเช่นเดียวกัน คำโกหกของชนิตาทำให้หัวใจของพรฟ้าพองโตก่อนที่ชนิตาจะจัดแจงให้เธอแยกห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัว โดยให้เหตุผลกับอธิศว่าพรฟ้าโตพอที่จะต้องนอนแยกห้องกับเธอแล้วนั่นเอง ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ได้เอะใจหรือว่าอะไร ยังคงใช้ชีวิตปกติแต่ภายใต้ความไม่ปกติคือเขามักจะมองหา พรฟ้ามากขึ้น แต่คำพูดหนึ่งของชนิตาในตอนนั้นก็ย้อนกลับเข้ามา เพราะดูเหมือนเธอจะได้เลือกผู้หญิงคนนั้นไว้แล้ว“ใครคือคนที่คุณตาเลือกกันนะ”เพราะคำพูดของชนิตาที่บอกว่าอธิศเองก็มีใจให้เธอ ซึ่งคำพูดเหล่านั้นมันคือสารหล่อเลี้ยงหัวใจข
“ดีๆ ดีมาก” ภาคยิ้มอย่างมีความสุข ตามด้วยโกศลและศจี ในขณะที่มยุราซึ่งยังคงตั้งแง่กับพรฟ้าก็เผลอยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน แม้เธอจะไม่ปลื้มแม่ของหลานแต่หลานชายน่ารักน่าชังแบบนี้เธอจะไม่เอ็นดูได้ยังไง อะไรที่หยวนได้ก็หยวนไปแล้วกัน นั่นคือข้ออ้างที่มยุรามีให้กับตัวเอง เพื่อจะหาทางออกกับเรื่องที่เคยก่อชนิตาเองก็ยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าพรฟ้าคลอดลูกอย่างปลอดภัย แถมยังมอบลูกชายที่เปรียบดั่งสายใยความรักความผูกพันให้กับครอบครัวอีก ชนิตารอกระทั่งรู้ว่าพรฟ้าออกมาพักฟื้นที่ห้องแล้วจึงโทรศัพท์ทางไกลมาหา“ดีใจด้วยนะเบล”“ขอบคุณมากค่ะคุณตา”“หลานฉันช่างน่ารักน่าชัง ขอให้ฉันได้เป็นแม่ทูนหัวแกได้ไหม” ชนิตาเอ่ยถาม“ได้ค่ะ”“ขอบใจมากจ้ะ”“ร้องไห้ทำไม” เมื่อเห็นพรฟ้าร้องไห้หลังจากวางสายจากชนิตาแล้ว อธิศก็เข้ามาถามทันที“ดีใจที่ทุกคนเอ็นดูลูกของเรานะคะ”“ก็แกน่ารักน่าชังขนาดนั้นนี่ครับจะไม่ให้ทุกคนเอ็นดู
“ยินดีจากใจจริงอีกครั้งครับเพื่อน”“ขอบใจนายมากนพ”“เป็นฝั่งเป็นฝากับคนที่รัก สีหน้าของนายเต็มไปด้วยความสุขจริงๆ” นั่นเพราะนพกรยังจำสีหน้าของอธิศที่เกิดขึ้นตอนงานแต่งงานกับชนิตาได้ดี ว่ามันดูอึมครึมไม่ได้สดใสอย่างในตอนนี้“อื้อ”“เจ้าสาวนายก็สวย”“ใช่ไหม เบลสวย ยิ่งอยู่ในชุดเจ้าสาวแบบนี้ก็ยิ่งสวย” อธิศยิ้มกว้างเมื่อเอ่ยชมความสาวของภรรยา ยิ่งตอนนี้พรฟ้าท้องด้วยแล้วเธอก็ยิ่งสวยเปล่งปลั่ง“เบื่อคนอวยเมียว่ะ”“ก็เมียข้าสวยจริงๆ นี่หว่า”“เออๆ สวยก็สวย สรุปนายได้ลูกสาวลูกชาย บอกได้ยัง”“ยัง ไปลุ้นเอาวันที่เบลคลอดนู่น”“บอกหน่อยไม่ได้หรือไง จะได้ซื้อของรับขวัญถูก” นพกรเซ้าซี้ นั่นเพราะตอนนี้เขาไม่รู้จะซื้ออะไรรับขวัญหลานจริงๆ ยิ่งไม่รู้ว่าเป็นเพศอะไรก็ยิ่งมืดแปดด้าน“จ
ชนิตาย้ายกลับไปอยู่ที่บ้าน และวางแผนให้พ่อและแม่ฟังว่าหลังจากนี้เธอจะใช้ชีวิตแบบไหน ซึ่งโกศลและศจีก็ต่างสนับสนุน เพราะมั่นใจว่านั่นคือความสุขของลูกสาวคนนี้ ส่วนเรื่องคู่ครองพวกเขาคงไม่เข้าไปก้าวก่ายอะไรอีก หาก ชนิตาจะครองตัวเป็นโสดก็คงสบายไปอีกแบบส่วนว่าที่คุณพ่อและคุณแม่ก็กำลังตระเตรียมห้องสำหรับเด็กอ่อน ที่เวลานี้รู้เพศแล้วว่าคือผู้ชาย แต่ทั้งคู่ยังคงเก็บเป็นความลับ เพื่อให้ทุกคนไปลุ้นเอาวันที่พรฟ้าคลอด ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว“ซื้อพอแล้วมั้งคะคุณอธิศ”“พอแล้วเหรอ” ว่าที่คุณพ่อเอ่ยถามขึ้นเพราะคิดว่าสิ่งของจำเป็นที่เขาซื้อเตรียมไว้ให้ลูกชายคนแรกนั้นยังไม่มากพอ ขณะที่พรฟ้าได้แต่มองจำนวนสิ่งของในรถเข็นที่เยอะจนล้นออกมา“ค่ะ...ถ้าหมดค่อยซื้อเพิ่มก็ได้”“โอเค...พอก็พอครับ” อธิศยิ้มให้ก่อนจะพาพรฟ้าไปทานอาหาร ในขณะที่รถช้อปปิ้งชายหนุ่มส่งให้แม่บ้านเป็นคนจัดการต่อ แต่ระหว่างทางเดินไปร้านอาหารนั้นจู่ๆ เขาก็วกเข้าร้านเพชรที่อยู่ตรงทางผ่านแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ก่อนจะจัดแจงบอกให้พนักงานขึ้น&ldq
“ผมรอคำตอบอยู่” เมื่อมยุราไม่ตอบภาคก็เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง นั่นยิ่งทำให้มยุราอึกอักอย่างมีพิรุธ ก่อนจะยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธ“เอ่อคือ...ไม่มีอะไรค่ะ”“คุณแม่เป็นคนแนะนำให้คุณตาหาผู้หญิงสักคนให้ผมครับพ่อ โดยพยายามกดดันเรื่องคุณปู่อยากอุ้มหลาน จนทำให้คุณตาไม่มีทางเลือก” หลังจากเงียบมานานอธิศก็ขอเอ่ยขึ้นบ้าง นั่นเพราะอยากให้ผู้เป็นแม่รู้ว่าทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องแต่คำพูดของบุตรชายกลับยิ่งทำให้มยุราไม่พอใจ เพราะไม่คิดว่าอธิศจะกล้าหักหน้าเธอแบบนี้ ทั้งๆ ที่เงียบไปก็ได้“นี่คุณกล้าเอาเรื่องหลานไปกดดันหนูตาอย่างนั้นเหรอ คุณทำเกินไปแล้วนะคุณมยุรา” ภาคจ้องมองมาที่มยุราอย่างเอาเรื่อง เขาไม่พอใจที่มยุราทำอะไรเลยเถิดเช่นนี้“ฉันไม่ได้ทำอะไรเกินไปทั้งนั้น เพราะถ้าเรามีหลานก็จะเป็นเหลนของคุณทวด ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นของเหลนท่าน ฉันผิดตรงไหน” มยุราแย้งกลับ“ผิดที่คุณห่วงแค่มรดก โดยไม่ห่วงความรู้สึกของคนอื่น” คำพ
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ชนิตาและอธิศจึงหย่ากันในวันรุ่งขึ้น และวันนั้นก็ยังเป็นวันที่อธิศกับพรฟ้าได้จดทะเบียนสมรส เป็นสามีและภรรยากันอย่างถูกต้องทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยเช่นเดียวกัน โดยมีชนิตาเป็นสักขีพยานคนสำคัญ จากนั้นก็ปล่อยให้สามีภรรยาตามกฎหมายป้ายแดงได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน“อยากกินอะไรครับ”“ส้มตำค่ะ”“ไม่ได้ หมอบอกมะละกอจะทำให้ท้องอืด”“งั้นก็ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก”“ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกใส่เลือด ไม่ดีเหมือนกัน”“นั่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ สงสัยเราสองคนต้องหิวไปทั้งวันแน่ๆ เลยลูก” พรฟ้าลูบท้องตัวเองไปมาแล้วเอ่ยกับเจ้าตัวเล็กที่โตวันโตคืนไปด้วย พอได้ยินแบบนั้นอธิศก็รีบออกตัวทันที“โอ๋ๆ อย่าพึ่งงอนพ่อนะครับ เอาเป็นว่าเราไปกินอาหารญี่ปุ่นกันดีกว่า วันก่อนเห็นเบลบ่นว่าอยากกิน”“จำได้ด้วยเหรอคะ” รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าของ พรฟ้า นั่นเพราะไม่คิดว่าอธิศจะได้ยินตอนเธอบ่น“จำได้ครับ”“แต่อาหารญี่ปุ่นมีปลาดิบ เบล
เพราะไม่เข้าใจความหมายของสองขีดสักเท่าไหร่ อธิศจึงหันไปมองชนิตาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอ ในขณะที่พรฟ้ายังคงยืนยิ้มอยู่ข้างๆ“ขีดสีแดงถ้าขึ้นสองขีดแสดงว่ากำลังตั้งครรภ์ค่ะ”“ตั้งครรภ์...ท้อง” ว่าที่คุณพ่อทวนคำพูดและแปลความหมายเสร็จสรรพ ในขณะที่พรฟ้าก็เอ่ยรับเช่นกัน“ค่ะ”“เยส! ผมกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วจริงๆ เหรอครับเนี่ย ไชโย” อธิศตะโกนเสียงดังลั่นบ้าน ชายหนุ่มแสดงความรู้สึกดีใจออกมาอย่างไม่ปิดบัง นั่นสร้างความตกใจให้พรฟ้าและชนิตาเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าจะได้เจออธิศมุมนี้ เนื่องจากปกติแล้วเขาจะเป็นคนเงียบขรึมเสียมากกว่าอธิศรีบพาพรฟ้าไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจให้แน่ใจ และผลที่ออกมาก็ทำให้เขายิ้มกว้างมากกว่าเดิม นั่นเพราะตอนนี้ พรฟ้าท้องจริงๆ แม้อายุครรภ์จะเพียงแค่สิบสัปดาห์ก็ตาม อธิศจัดการฝากครรภ์ให้เธอทันที โดยเลือกหมอที่เป็นเพื่อนกันให้คอยดูแลเมียและลูกระหว่างทางกลับบ้าน อธิศซึ่งขับรถอยู่ก็คว้ามมือเล็กๆ ของพรฟ้าไปกุมไว้ บนใบหน้าของเ
เพราะเธอสงสารชนิตามาตลอดที่ต้องถูกจับคลุมถุงชน แต่อีกใจก็ยังรู้สึกผิดที่ตอนนี้สถานะระหว่างเธอกับอธิศมันลึกซึ้งเกินจะถอยได้แล้วเช่นกัน และเมื่อศจีกลับออกไปแล้วเธอก็เข้าไปดูแลชนิตาอย่างที่เคยทำ“เบลได้ซื้ออุปกรณ์ตรวจครรภ์ไว้บ้างหรือเปล่า” คำถามของชนิตาทำให้พรฟ้าหน้าแดงก่ำ“ยังไม่ได้ซื้อค่ะ”“ไปซื้อไว้หน่อยก็ดี เผื่อตอนนี้เธอท้องแล้ว”“ถ้าเบลท้องคุณตาจะเป็นอิสระใช่ไหมคะ” คำถามของพรฟ้าทำให้ชนิตาชะงักไปนิดหน่อย นี่คงแอบได้ยินที่เธอคุยกับแม่เข้าแน่ๆ“ใช่...เพราะฉันจะหย่ากับคุณอธิศ จะยกสิทธิ์ภรรยาที่ถูกต้องให้กับเธอ เพราะฉะนั้นเธอต้องรีบๆ ท้อง เข้าใจไหม”“แต่เบลรู้สึกผิดกับคุณตา” พรฟ้าน้ำตาเอ่อ เพราะรู้สึกไม่ดีและอยากบอกชนิตาว่าเธอนั้นรู้สึกแบบไหน“รู้สึกผิดอะไร ไหนบอกมาสิ”“เบลไม่ควรคิดอะไรเลยเถิดกับคุณอธิศ มันเหมือนเบลหักหลังคุณตา”
เพราะอยากกดดันให้ชนิตายอมบอกว่าส่งผู้หญิงคนไหนไปให้อธิศลูกชาย มยุราจึงตั้งใจเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ศจีมารดาของชนิตาฟัง นั่นทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมากที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับลูกสาวของเธอ ไม่คิดว่าชีวิตครอบครัวหลังแต่งงานชนิตาต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้รวมถึงไม่พอใจมยุราเป็นอย่างมากที่เอาเรื่องลูกมากดดันชนิตา แถมยังเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะส่งผู้หญิงไปให้อธิศอีก ต่อให้ชนิตาจะได้สิทธิ์เลือกก็เถอะ แต่นั่นมันคือความสุขอย่างนั้นเหรอ และที่สำคัญชนิตาไม่เคยเอาเรื่องนี้หรือเรื่องที่ขุ่นข้องหมองใจมาเล่าให้แม่อย่างเธอฟังเลยสักครั้ง“คุณแม่” ชนิตาอุทานออกมาเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่มาหาที่บ้าน เพราะตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ที่นี่กับอธิศน้อยครั้งมากที่แม่จะแวะมา“ยุ่งอยู่หรือเปล่าตา”“ไม่ค่ะ”“สวัสดีค่ะคุณศจี” พรฟ้าที่นั่งอยู่กับชนิตามาตั้งแต่ต้น ยกมือไหว้ศจีอย่างนอบน้อม ซึ่งศจีก็รับไหว้พร้อมพินิจมองหน้า พรฟ้าที่เวลานี้โตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนั่นเอง“สวัสดีจ้ะเบล สบายดีใช่ไหม” แว
“ไม่ได้ไม่ดี ฉันชอบที่เธอหึงรู้ไหม”“งั้นจะหึงไปอีกหลายวัน” พรฟ้าขู่ฟ่อๆ แต่เป็นการขู่ที่ไม่ได้ทำให้อธิศกลัวแม้แต่น้อย“หึงได้ก็ต้องหายได้ ไม่เอาหลายวัน มีอะไรก็คุยกัน ฉันชอบที่เธอบอกความรู้สึกออกมาตรงๆ คิดยังไงก็บอกไม่ต้องเก็บไว้แล้วคิดเองว่าฉันต้องรู้ อย่างหึงก็บอกหึง เพราะบางอย่างฉันก็ไม่รู้ จะได้อธิบายให้เข้าใจ ตกลงไหม”“ค่ะ”“มาให้ฉันทำโทษซะดีๆ” คำพูดที่บอกว่าจะทำโทษของอธิศนั้นแฝงความวาบหวามไว้เสมอ ซึ่งพรฟ้าเข้าใจความหมายเหล่านั้นดีกว่าใครๆ“คุณอธิศก็ชอบวกมาเรื่องนี้อยู่เรื่อย”“ก็ฉันมีความสุขนี่หรือเธอไม่มี”“มีค่ะ” พรฟ้าเอ่ยรับตรงๆ เพราะการทำโทษของอธิศ สร้างความสุขให้เธอเสมอ มันไม่ได้โหดร้ายแต่กลับเต็มไปด้วยความเร่าร้อนและเสียวซ่าน“ที่ฉันขยันทำโทษเพราะอยากให้เธอท้อง”“ท้องเหรอคะ”&