ชีวิตในวันที่หิมะตกถล่มทลายนางคิดว่าในหมู่บ้านต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน พอรุ่งเช้าบิดากับพี่ชายขอเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่อาจจะได้รับความเดือดร้อนจากพายุหิหะที่ตกลงมาอย่างหนักสามวันสามคืน บ้านหลังเล็กของครอบครัวเซียวที่ได้เปลี่ยนหลังคาใหม่จึงรอดพ้นจากหลังคาถล่มมาได้ แต่ถ้าเป็นตอนที่ยังไม่เปลี่ยนทุกคนต้องเดือดร้อนเรื่องที่อยู่แน่ เพราะว่ามีคนมาพักอาศัยด้วยในบริเวณบ้านจะเข้ามิติก็ไม่สะดวกอย่างแน่นอน ดีนะที่นางป้องกันเอาไว้ก่อนลำพังแค่พ่อแม่ลูกสี่คนนั้นไม่มีปัญหาเรื่องการเป็นอยู่นางพาทุกคนเข้ามิติได้สบายอยู่แล้ว แต่ติดที่มีคนนี้นา"เย่วเอ๋อร์พ่อจะเข้าไปดูในหมู่บ้านหน่อยเผื่อมีครอบครัวไหนที่หลังคาไม่แข็งแรงจะได้ช่วยซ่อมแซมช่วยเหลือได้ คิดถึงที่พวกชาวบ้านมาช่วยเหลือครอบครัวของพวกเราพ่อจะไปกับพี่ชายของเจ้า ส่วนเจ้าหนุ่มสองคนนั้นก็อยู่กระท่อมไม้ไผ่ของลูกก็คงไม่เป็นไร นี้ก็จะสองเดือนที่อยู่ด้วยกันมาก็เห็นช่วยการช่วยงานไม่เคยเกี่ยงแถมยังอยากรู้เรื่องการเพาะปลูกมาก เห็นสนใจจะนำกลับไปทำที่บ้านของพวกเขาด้วยกินมื้อเช้าเสร็จก็เห็นเข้าโรงเรือนทุกวัน" พ่อบอกกับบุตรสาว"ท่านพ่อ
เย่วเย่วทำผัดกระเพราหมูป่าใส่ใข่ดาวคนละสองฟองให้สองหนุ่มในมื้อเที่ยงที่ห้องโถงของบ้าน ถ้าชาวบ้านมาพบคงจะเอาไปนินทากันน่าดูเพราะคนที่นี้เขาจะไม่อยู่กับคนที่ไม่ใช่ครอบครัวตามลำพัง แต่นางไม่ถือและทั้งสองหนุ่มก็ไม่ทำให้อึดอัด เฉิงมู่ฉินมารับอาหารไปกินกับนายน้อยที่กระท่อมที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่ชั่วคราวนางก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ก็ตักใส่จานให้จนคิดว่าอิ่มจนจุกไปเลยทีเดียวนางกับท่านแม่จึงทานกันแค่สองคนส่วนท่านพ่อกับพี่ใหญ่คงจะกินในหมู่บ้านและนางได้เตรียมใส่ตระกร้าให้ทั้งสองคนแล้วเมื่อเช้าชีวิตช่วงกลางวันก็วนลูบกับมารดาจนถึงยามเซินนางจึงเดินไปที่โรงเรือนที่ปลูกผัก มื้อนี้นางหมักเนื้อหมูเอาไว้กลับเนื้อปลาแล่บางๆหมักเอาไว้จะทำชาบูจะซดน้ำร้อนแก้หนาวตอนค่ำ นางจึงมาเก็บผักบุ้ง ผักกาดขาว หัวไชเท้า ต้นหอมผักชี ขึ้นฉ่สยไปใส่หม้อน้ำซุปรสเด็ด จำพวกเครื่องในหมูที่นางเก็บเอาไว้ในมิติที่ไม่เน่าเสีย ถ้าสองหนุ่มจะสงสัยนางจะบอกว่าแช่น้ำแข็งจากหิมะเอาไว้ก็แล้วกัน แต่ดูเหมือนสองหนุ่มนั้นจะไม่ถามซอกแซกให้พวกนางลำบากใจจะตอบสักเท่าไร มีให้กินทั้งสองก็ไม่เรื่องมากกินได้ทุกอย่างที่นางทำแถมหมดเกลี้ยงทุกอย่างอีกต่างหาก"เย
"ท่านพ่อมีบ้านหลังไหนถล่มบ้างที่หมู่บ้านบ้างเจ้าคะ" เย่วเย่วถามบิดานางยกน้ำจิ้มรสเด็ดออกมาจากในครัวคนสุดท้าย มองหน้าหนุ่มๆที่มองอาหารสดตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจว่าจะกินอย่างไร ตอนนี้หม้อน้ำซุปกำลังเดือดได้ที่บิดากับพี่ชายเดินมานั่งที่ของตัวเอง นางทำเป็นสองหม้อจะได้กินกันได้สะดวก"สามหลังลูกแต่ได้รับการช่วยเหลือแล้วทุกคนในหมู่บ้านช่วยเหลือกัน ลุงผู้ใหญ่ประกาศเตือนก่อนที่พายุจะตกหนักถ้าบ้านไหนคิดว่าไม่ปลอดภัยให้รีบออกมาที่ศาลาที่สร้างเอาไว้ช่วยเหลือชาวบ้านทุกคนได้เลย จึงไม่มีคนบาดเจ็บดีนะที่ลูกบอกให้ซ่อมแซมศาลาที่หลวงเอาไว้ให้ชาวบ้านเวลาเกิดเรื่องจะได้มีที่ให้ชาวบ้านอยู่ทุกคนจึงฝากมาขอบใจลูกสาวของพ่อมากๆเลยละ"บิดาตอบแล้วเอามือลูบหัวลูกสาวที่นั่งด้านข้างกับมารดาคนละข้าง พี่ชายนั่งถัดไปอีกหม้อกับสองหนุ่มที่เอาแต่นั่งมองหม้อชาบูว่าจะกินแบบไหนรอให้เจ้าบ้านบอกวิธีกินเสียก่อน"ข้าดีใจที่ทุกคนไม่บาดเจ็บเจ้าค่ะ""เอาละเจ้าค่ะนายน้อยซ่งกับพี่เฉิงมู่ฉินทำแบบนี้นะเจ้าคะ" นางเอาตะเกียบคีบเนื้อหมูแผ่นบางลงไปจุ่มน้ำที่เดือดวนๆแป๊ปเดียวเนื้อหมูแผ่นบางก็สุก นางเอาขึ้นมาจิ้มน้ำจิ้มให้ดูแล้วนำเข้าปาก"กิ
"แล้วที่ท่านอ๋องฝึกวรยุทธให้กับพี่ใหญ่ทุกวันก็เพื่อจะให้เข้ากองทัพเหรอเพคะ" เย่วเย่วถามหลังจากนั่งฟังชายตรงหน้าที่นางเปิดใจจะคบหาแต่ก็มีเรื่องให้ตกใจทั้งเรื่องที่เขาเป็นเชื่อพระวงศ์ ทั้งกุมกำลังทหารนับแสนเพื่อจะทำการศึกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจนมารดาของนางเป็นลมจนฟื้นมานั่งฟังด้วยความสงบด้วยกันทุกคนในบ้านที่คนสนิทของท่านอ่องบอกเล่าทุกอย่างให้ฟังจนหมด"ใช่แล้วละเย่วเอ๋อร์ข้าต้องการฝึกเซียวอี้เหอมาไว้ข้างตัวเพื่อเป็นคอยเคียงข้างกับเฉิงมู่ฉินเพราะเห็นว่าพี่ชายของเจ้ามีพรสวรรค์ด้านนี้เหมือนกันกับเจ้า บางทีเย่วเอ๋อร์ก็มีวิชาต่อสู้ไม่น้อยตามที่ข้าเห็นเจ้าซ้อมกับพี่ชายจึงทำให้เห็นการต่อสู้จากพี่ชายของเจ้าที่แปลกและรวดเร็วเน้นจุดตายที่จะทำให้คู่ต่อสู้ล้มได้ในเวลาไม่นานเจ้าว่าจริงไหม"ท่านอ๋องหันมาหาสาวน้อยตรงหน้าที่ซ่อนความลับเอาไว้มากมายจนเขาทึ่งนางมองหน้าของชายหนุ่มแล้วยิ้มๆแล้วถามว่า"ท่านคิดว่าอย่างนั้นหรือเพคะท่านอ๋อง""อือข้าคิดเช่นนั้นจริงๆและอีกสองเดือนก็จะหมดหน้าหนาวตอนนี้ทหารในสังกัดของข้าก็เตรียมพร้อมเพื่อจะออกศึกแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านจะต้องได้รับคำสั่งจากในอำเภอในไม่ช้าเรื่องข้าศึก
หลังจากวันที่รู้ว่าชายคนรักเป็นถึงท่านอ๋องน้องชายของฮ้องเต้องค์ปัจจุบัน ทุกคนในครอบครัวเซียวก็ยังทำตัวตามปกติยามเหมาตื่นมาฝึกซ้อมต่อสู้ทุกวันสำหรับผู้ชายในครอบครัว ส่วนนางกับมารดานั้นก็ทำอาหารหลังจากการวิ่งและซ้อมยิงธนูแล้วสองคนแม่ลูกแล้วค่อยมาทำมื้อเช้า ที่ทุกคนฝึกหนักกันทุกวันเพราะนี้ก็ใกล้จะหมดหน้าหนาวในอีกไม่ถึงสองอาทิตย์แล้ว หิมะก็เริ่มตกลงมาบางเบาแต่ก็ยังตกอยู่ชีวิตทุกคนวนลูปในบ้านตีนเขาด้วยความเรียบง่ายเหมือนที่ผ่านมาหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จพ่อบอกว่าจะเข้าไปสืบข่าวในหมู่บ้านว่ามีคนของอำเภอมาส่งข่าวกับหัวหน้าหมู่บ้านหรือยัง ส่วนคนที่อยู่จะพากันไปทำหน้าที่ของตัวเองเย่วเย่วกับมารดาเข้าโรงเรือนปลูกผักส่วนสามหนุ่มนั้นไปนั่งทำธนูเพิ่มจนกว่าจะถึงเวลาได้ออกรบจริงกำลังจะมาถึงในไม่ช้า"ท่านแม่พอหมดหน้าหนาวแล้วพวกเรามาลองปลูกข้าวกันเจ้าค่ะ มันใช้เวลาไม่นานก็ได้เก็บเกี่ยวแล้วเจ้าค่ะ" นางบอกวันนี้ท่านพ่อเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อจะสืบข่าวและขอซื้อที่ดินเพิ่มจากลุงผู้ใหญ่บ้านจะได้ลงมือเพาะปลูกได้ทันหลังหมดหน้าหนาว นางจะปลูกมันเทศแล้วผลไม้ทุกอย่างที่กินได้รอให้ท่านพ่อกลับมาจากในหมู่บ้านก่อนว่าจะซ
"เพ้ยไม่ต้องให้ข้ามากถึงเพียงนี้ก็ได้ข้าทำให้ลูกบ้านทุกคนอยู่แล้ว" หัวหน้าหมู่บ้านบอกเซียวอี้ถัง"รับไปเถอะขอรับท่านลุงข้ายังมีเรื่องให้ท่านช่วยอีกหลายอย่าง เพราะว่าพอหมดหน้าหนาวไปแล้วข้าอยากให้ท่านบอกชาวบ้านไปช่วยตัดหญ้าพลิกหน้าดินเพื่อเพราะปลูกอีกทั้งล้อมรั้วให้จนรอบที่ดินใหม่ ข้าพอมีตำลึงจากการค้าขายจากจวนท่านเศษฐีเมื่อตอนไปขายผักผลไม้ในเมือง จึงพอมีตำลึงจ้างชาวบ้านเพื่อเตรียมจะเพาะปลูกเลยขอรับท่านลุงผู้ใหญ่" เซียวอี้ถังบอกกล่าวของที่มาของตำลึง"อย่าให้ข้าลำบากใจเลยขอรับเพราะตลอดมาท่านกับครอบครัวที่ยื่นมือช่วยเหลือครอบครัวของข้าตอนลำบากจากบ้านใหญ่ คราหน้าข้าจะกล้ามาขอความช่วยเหลือท่านได้อย่างไรเล่าขอรับ" เซียวอี้ถังบอกพร้อมกับยัดตำลึงใส่มือของหัวหน้าหมู่บ้าน"เช่นนั้นหรือข้าจะรับไว้ก็แล้วกันทั้งที่ไม่อยากได้ก็ตามเพราะนังหนูเย่วเย่วมันก็ตอบแทนข้ามาไม่น้อยแล้วผักดองสูตรของนังหนูเย่วเย่วมันอร่อยมากจริงๆ ข้ากินกับข้าวต้มทุกมื้อเลยทีเดียวละ ถ้าหมดคงต้องนำสิ่งของไปแลกปลี่ยนมาไว้ล่วงหน้าแล้วละ" หัวหน้าหมู่บ้านพูดกับบิดาของเซียวเย่วเย่วตรงหน้า"ขอรับที่บ้านนางทำเอาไว้มีให้แลกเปลี่ยนกับชาวบ
หลังจากที่ท่านพ่อกลับมาที่บ้านตีนเขาแล้วทุกคนช่วยกันทำหน้าที่ของตัวเองจนถึงเวลากินมื้อเที่ยงร่วมกันจนอิ่มหน่ำสำราญ จึงย้ายมานั่งคุยกันที่แค่หลังบ้านกับเรื่องที่ท่านพ่อเข้าไปสืบข่าวจากในหมู่บ้านมาว่าทางอำเภอมีข่าวส่งมาตามแต่ละหมู่บ้านหรือยัง"เป็นไปตามที่ท่านอ๋องบอกทุกอย่างพะยะค่ะ" เซียวอี้ถังบอกกับทุกคนที่นั่งรอฟังข่าวจากเขาที่เข้าไปในหมู่บ้านมาถึงบ้านยามอู๋แต่ยังไม่ได้คุยกันรอบอกพร้อมกันทีเดียวเลย"เมื่อวานมีคนทางอำเภอมาส่งข่าวเรื่องเกณฑ์ชายหนุ่มของแต่ละครอบครอบครัวในหมู่บ้านไปเป็นกองเสบียงให้กับเหล่าทหารกล้าหรือกองพ่อครัวนั้นละ ส่วนเสบียงนั้นทางกองทัพจัดมาแล้วไปช่วยพ่อครัวของทหารทำอาหารแจกจ่ายกับทหารที่ออกรบแนวหน้า พอหมดหน้าหนาวที่จะหมดลงนี้ละหัวหน้าหมู่บ้านจะเข้าไปประชุมในอำเภอแล้วจะเคาะเรียกชาวบ้านมาฟังพร้อมกันเลยทีเดียวก็เกือบครึ่งเดือนได้" เขาบอกให้ทุกคนฟังจนหมดแล้วก็ถอนหายใจยาวๆ"ใช่แล้วละพอเกณฑ์ชายหนุ่มในหมู่บ้านครบแล้วจะนำไปฝึกในอำเภอให้ร่างกายแข็งแรง รอกองทัพใหญ่ที่กำลังเดินทางมาจากเมืองหลวงค่ายทหารของข้าก็จะร่วมเดินทางไปพร้อมกันมุ่งหน้าที่ชายแดนแคว้นฉีเป่ย" ท่านอ๋องบอก"พวก
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่นางได้บอกเล่าแผนการให้บิดากับมารดาฟังหลังจากที่ไปคุยกันกับท่านอ๋องกลับมา บิดามารดาก็ไม่ขัดข้องในเหตุผลของบุตรสาวเช้านี้หลังจากที่อิ่มมื้อเช้าทั้งสี่คนจึงเตรียมตัวขึ้นไปบนเขาเพื่อจะซ้อมอาวุธใหม่ ที่สองพี่น้องต้องการให้ฝึกฝนจนชำนาญก่อนที่จะนำไปใช้จริงในอีกไม่นานท่านอ๋องคิดด้วยความตื่นเต้นจากนั้นทั้งสี่คนก็เดินไปที่ท้ายสวนมุ่งหน้าขึ้นเขาไปหิมะที่หยุดตกหนักแต่ก็ยังทับถมทำให้เดินลำบากเหมือนกัน แต่ทุกคนก็ไม่ประมาทเดินตามหลังกันไปด้วยความระมัดระวัง ด้วยมีท่านอ๋องหนุ่มเดินรั้งท้ายกับเย่วเย่วชายหนุ่มมองสาวน้อยคนรักที่เดินนำหน้าเขาไปด้วยแววตาล้ำลึกนางช่างมีวิธีที่ทำให้อ๋องอย่างเขารู้สึกอุบอุ่นหัวใจที่ได้มีคนคอยเคี้ยงข้างสู้ไปด้วยกันเช่นนี้ ชายหนุ่มนั้นยกยิ้มที่มุมปากพอมองด้านหลังของสาวคนรักตัวน้อยแต่ความสามารถของนางนั้นไม่ได้น้อยตามร่างกายที่แสนจะบอบบางนั้นเลยเดินขึ้นมาได้สามเค่อทุกคนจึงหยุดพักก่อนมองไปทางไหนก็ขาวโพลนไปหมดเพราะหิมะยังไม่ละลายดีแต่ทุกคนก็ใส่ชุดที่ป้องกันตัวเองเป็นอย่างดี"พี่ใหญ่เราลองกันตรงนี้ก็ได้กระมังถึง" อย่างไรทางเขาฝั่งนี้ชาวบ้านก็ไม่กล้าเข้ามาหาของ
หลังจากแต่งกันกับท่านอ๋องภายในตำหนักในทุกคืนจะมีเสียงครางหวานของคู่สามีข้าวใหม่ปลามันจนนางกำนัลหน้าแดงไปตามๆกัน ท่านอ๋องช่างรักพระชายาเหลือเกินตามใจนางทุกอย่างตลอดที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ช่วงก่อนจะถึงวันกลับไปเยี่ยมที่บ้านของพระชายาเขาตักตวงความสุขตั้งแต่ก่อนวันแต่งจนผ่านมาหลายคืนแล้วก็ยังคงหื่นเสมอต้นเสมอปลาย เย่วเย่วคิดในตอนนี้นางนั่งผิงอกแกร่งของพระสวามีกลับหมู่บ้านฉีซานเพื่อจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมตามประเพณี กว่าจะได้ออกจากห้องแต่ละวันนางนี้ต้องมีนางกำนัลคอยประคองถ้าไม่มีน้ำพุวิเศษนี้นางไม่อย่างจะคิดเลยว่าจะนอนเป็นผักทั้งวันหรือเปล่า"เย่วเอ๋อร์น้องนอนเถอะนะคนดีพอถึงบ้านของพ่อตาแม่ยายพี่จะปลุกน้องเอง"ท่านอ๋องกระชับอ้อมกอดให้ภรรยานั่งพิงอกได้สะดวกตอนกลางวันต้องให้นางนอนพักเอาแรงไว้มากๆหน่อยช่วงกลางคืนคือเวลาของเขา ว่าจะหยุดสักเดือนก่อนจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปหาพี่ชายที่รอจัดงานให้อีกรอบที่ตำหนักอ๋องที่เมืองหลวง แต่จะให้เขาอดใจไหวไม่รังแกภรรยาได้เช่นไรในเมื่อนางน่ารักน่ากินไปทั้งตัว เขาก็ไม่ใช้ผู้หลุดพ้นเสียหน่อย นี้ก็อดทนรอมาตั้งปีเพื่อจะแต่งนางเข้าตำหนักได้แต่ก็ต้องออกศึกไปเป็นปีที่ไ
ท่านอ๋องกว่าจะปลีกตัวจากเหล่าทหารทั้งหลายได้ก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มในภพเก่าของนางเย่วเย่วกำลังนั่งหลับพักเอาแรงหลังจากที่มารดามาอวยพรร่ำลากันกลับหมู่บ้านกับบรรดาป้าๆทั้งหลายกลับไปกันจนหมด นางก็อยู่กับนางกำนัลสองคนที่มีอายุสามสิบได้กระมังเย่วเย่วแอบกินนมกับขนมเพราะมีผ้าคลุมหน้านางไม่กลัวนางกำนัลเห็นหรอกนะ คนมันหิวกว่าด้านนอกจะรับแขกและกลับหมดพอดีหิวท้องร้องกันพอดี หยิบของออกมากินจนอิ่มนางก็นั่งหลับไปเลยเอาแรงดีกว่าถ่างตารอไม่ไหวหรอก เพราะเมื่อคืนนี้ท่านอ๋องของรางวัลทั้งคืนถ้านางไม่หลับก่อนคงสว่างคาตาแน่ๆเลย คนอะไรอึดเป็นบ้าขอให้ปล่อยก็ไม่ยอมหยุดจนนางหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วยังโดนลากมาทำพิธีทั้งวันอีกจนค่ำสองที่พักนอนงีบเอาแรงสักนิดก็ยังดีตัดมาที่ท่านอ๋องที่ตอนนี้กำลังโดนเหล่าทหารคนสนิทมอมเหล้าเพื่อกลั้นแกล้งให้เจ้านายเข้อหอไม่ไหวชนแก้วจอกต่อจอก จนเขาต้องใช้อุบายขอเข้าห้องน้ำพอปลีกตัวออกมาได้ก็เดินตัวปลิวไปที่ห้องหอในตำหนักใหญ่เลยป่านนี้เย่วเย่วคงจะรอแย่แล้ว อ๋องหนุ่มคิดไปยิ้มไปกับความน่ารักของภรรยาหมาดๆที่นางให้รางวัลกับเขาเมื่อคืนนี้จนแทบตายคาอกนาง แต่ใครจะอดใจไหวเล่าภรรยาน่ารักเสียขนาดน
ตอนนี้หัวสมองของสาวน้อยเย่วเย่วขาวโพลนไปหมดกับริมฝีปากหนาของชายคนรักที่ละเลงน้องสาวจนนางครางกระเส่าอย่างไม่อาย ชายหนุ่มนั้นตอนนี้ดูดดึงกุหลาบงามของสาวคนรักอย่างไม่รังเกียจนางสวยไปหมดจนเขาอดใจไม่ไหวอยากกลืนกินทุกอย่างที่เป็นนาง"เย่วเอ๋อร์คนดีร้องดังๆไปเลยพี่ชอบเห็นน้องมีความสุขที่สุุขเสียวไหมที่รัก" ชายหนุ่มเงยหน้ามาพูดกับนางแต่ก็ยังมีนิ้วแทนที่ปากเขาเขี่ยวนตรงปุ่มเสียวของนาง เย่วเย่วยกสะโพกลอยตามนิ้วร้ายของชายหนุ่มที่ละเลงแล้วแหย่เข้าไปที่ละนิ้ว พอถามนางจบเขาไม่คิดจะฟังคำตอบเพราะดูจากการตอบรับของสาวคนรักก็พอใจมากแล้ว ท่านออ๋องหนุ่มก้มหน้าลงฉกชิมกุหลาบงามตรงหน้าต่อจนร่างบอบบางเกร็งกระตุกสุขสมไปก่อนเพื่อเปิดทางให้มังกรตัวเขี่ยงเข้าไปในกุหลาบงาม ชายหนุ่มแยกขาของคู่หมั้นสาวออกจนกว้างก่อนจะชักรูดมังกรตัวเองถูกไถ่ก่อนจะค่อยๆกดเข้าไปทีละน้อย เยว่เยว่หัวขาวโพลนเพราะพึ่งเสร็จสมไปเพราะลิ้นร้ายของท่านอ๋องต้องสะดุ้งเพราะมีสิ่งใหญ่โตกำลังมุดเข้ากุหลาบของนางมาได้แค่ส่วนหัวนางแทบขาดใจทำไมมันใหญ่ขนาดนี้จะเข้าไปในน้องสาวของนางได้จริงๆหรือ"ท่านอ๋องเพคะ" นางเอามือยันหน้าอกแกร่งเอาไว้ก่อน"ท่านพี่เรียก
ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์มีรถม้ามารับเซียวเย่วเย่วทุกวันในตอนเช้าเพื่อฝึกสาวน้อยที่จะแต่งเข้าตำหนักของท่านอ๋องซงตงหยางในอีกไม่นาน รอเพียงท่านอ๋องเดินทางกลับมาถึงที่อำเภอแห่งนี้ ท่านอ๋องปกครองครอบคลุมไปถึงชายแดนฉีเป่ยที่พึ่งรบจบศึกในตอนนี้นั้นเอง ตลอดเวลาเย่วเย่วก็ตั้งใจเรียนการเดินการนั่งการกินการพูดคุยพิธีการต่างๆที่ชนชั้นสูงต้องมีจนครบสิบวัน นางแทบจะรากเลือดกับสิ่งที่ฝืนกับสิ่งที่ตนเองไม่ถนัดแต่ก็ทำเพื่อหน้าตาของสามีในภายภาคหน้าจะได้ไม่อายใครว่าแต่งชายาบ้านนอกเข้ามาและไม่รู้เรื่องอะไรเลยในตอนค่ำของอีกวันหลังจากที่สามพ่อแม่ลูกกินมื้อค่ำอิ่มแล้วก็เตรียมตัวจะเข้านอนหลังจากที่นั่งย่อยอาหารที่หน้าบ้านเหมือนเช่นทุกวัน จนจะได้เวลาเข้านอนก็ได้ยินเสียงม้าวิ่งมาที่หน้าบ้านพร้อมกับเสียงเคาะประตูหน้าบ้านเสียงดัง"ท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมาแล้วขอรับ" เสียงเรียกที่หน้าบ้านมันเสียงของพี่ชายของนางชัดๆเลย"ท่านพ่อเสียงพี่ใหญ่เจ้าค่ะ" พูดจบนางก็วิ่งลงบ้านไปที่ประตูใหญ่เลยทันที บิดาวิ่งตามลูกสาวไปติดๆหลังจากที่บอกให้ภรรยานั่งรอที่นี้ห้ามวิ่งตามมาสั่งแล้วเขาก็วิ่งตามลูกสาวสาวไปที่หน้าบ้านเหมือนกันเซียวเย่วเย
"เซียวอี้ถังเปิดประตูบ้านเร็วๆเข้า" เสียงลุงผู้ใหญ่บ้านเคาะไม้เรียกเสียงดังลั่นที่ด้านหน้า"ขอรับๆข้ากำลังเปิดอยู่" ส่วนท่านแม่ยืนรอที่หน้าระเบียงบ้านพอเปิดประตูออกก็เห็นคนมากมายเต็มหน้าบ้านของนางไปหมด แม้แต่ท่านนายอำเภอยังมาเลยท่านพ่อกับเย่วเย่วก็ตกใจเหมือนกัน"มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือท่านลุงทำไมคนมาบ้านของข้าเยอะขนาดนี้ละ" เซียวอี้ถังถามด้วยความสงสัยเหมือนกันส่วนเย่วเย่วนั้นนางตั้งสติแล้วรอฟังว่าทุกคนมีอะไรจึงมาหน้าบ้านของนางมากมายขนาดนี้มองคร่าวๆที่ด้านหลังนั้นอีกที่ชาวบ้านเดินตามกันมาจนจะหมดดทั้งหมู่บ้านเลยกระมัง นางคิดและมองดูคนที่แต่งตัวเป็นเหมือนขันทีในวังเหมือนในละครทีวีที่นางดูเป็นประจำทหารอีกเป็นร้อยรวมทั้งรถม้าหลายสิบคันที่จอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย"มีพระราชโองการจากองค์เหนือหัวถึงคุณหนูเซียวเย่วเย่ว" ทันทีเมื่อคำพูดถึงราชโองการจากผู้เป็นใหญ่เหนือแคว้นเยว่เยว่กับครอบครัวก็รีบคุกเข่ารอรับพระราชโองการทันที ชาวบ้านคนอื่นๆก็รีบยืนสำรวมรอฟัง "เซียวเย่วเย่วรับราชโองการคุณหนูเซียวเย่วเย่วทำความดีส่งเสบียงช่วยเหล่าทหารกล้าที่ไปรบที่ชายแดนกับท่านอ๋องซงตงหยางพระอนุชาของพร
สามพ่อแม่ลูกนั่งคุยกันได้สักพักเสียงร้องของเหยี่ยวที่ท่านอ๋องคอยส่งข่าวก็ร้องขึ้นบริเวณท้องฟ้าเหนือบ้านของนางเสียงดังก่อนที่เจ้าตัวจะบินร่อนลงมาที่หน้าระเบียงบ้านเย่วเย่วร้องตะโกนเสียงดังตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงมันร้องตอนยังไม่เห็นตัวลงมาหน้าบ้านด้วยความดีใจ"โอ๊ะเจ้าเหยี่ยวมาแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อท่านแม่" ทุกคนยิ้มด้วยความดีใจกับเสียงนกยักษ์ของท่านอ๋องที่มาส่งข่าวหลังจากหายไปนานมันลงมาถึงก็ยกขาให้เย่วเย่วดึงเอาจดหมายที่ผูกมาด้วยเป็นอย่างดีแล้วรับอาหารของตนกินเงียบๆที่ที่ประจำเย่วเย่วเอาจดหมายพี่ชายให้บิดามารดาของนางต่างหากท่านพ่อรีบรับไปอ่านให้ท่านแม่ฟังทันที่'ถึงท่านพ่อท่านแม่น้องเล็กขอโทษที่หายไปนานคงจะทำให้พวกท่านเป็นห่วงตอนนั้นกำลังสู้รบไม่ค่อยมีเวลาตอนนี้ชนะข้าศึกแล้วอีกไม่นานจะได้เดินทางกลับมาบ้านรักและถึงทุกคนขอรับ เซียวอี้เหอ'ท่านแม่ยิ้มแก้มปริพอได้ยินว่าลูกชายกำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า"ท่านพี่ข้าจะไปหาของกินอร่อยๆเอาไว้รอลูกของเราเจ้าค่ะพาข้าไปในห้องเสบียงหน่อยนะเจ้าคะ" นางรีบหันไปหาสามีเพื่อทำอาหารรอบุตรชายที่จากไปนับปี"น้องหญิงอาหารของเร
หลังจากที่จบศึกกับกับทางแคว้นฉีเป่ยแล้วท่านอ๋องก็ยกหน้าที่ให้รองแม่ทัพใหญ่คนสนิทประจำการที่ชายแดนแห่งนี้จัดการต่อ แล้วให้ทหารบางส่วนของพระองค์เอาไว้ให้ฝึกซ้อมยิงธนูและสอนทำธนูเพิ่มเอาไว้ใช้กองทัพทางชายแดนแห่งนี้ด้วย ให้เพียงพอต่อการศึกในครั้งต่อไปดีที่ได้มาหลายพันอันสามารถยิงคู่ต่อสู้ตกตายไปมากมายแถมที่จุ่มน้ำมันจุดไฟพอตกไปที่ศัตรูจึงเกิดไฟกลายเป็นทะเลเพลิงเผ่าไหม้ทหารแคว้นฉีเป่ยตกตายไปในสนามรบที่ผ่านมาตอนนี้ท่านอ๋องกับคนสนิทนับสิบคนเดินทางกลับไปหมู่บ้านฉีซานเรื่องสู่ขอเซียวเย่วเย่วนั้นเขาได้ส่งจดหมายบอกพี่ชายที่วังหลวงเรียบร้อยให้เตรียมงานอภิเษกสมรสได้เลยพอเขารบเสร็จศึกกับมาจะสู่ขอสาวคนรัก และได้เล่าเรื่องเสบียงที่นางช่วยเหลือตอนหิมะตกหนักเสบียงหลวงไปถึงล่าช้าไม่พอแถมยังน้อย จากที่จะมีพอให้ทหารนับแสนกลับมีหนอนในการส่งเสบียง ให้พี่ชายจัดการคนที่มีส่วนร่วมฉ้งโกงเสบียงในครั้งนี้ดีที่เซียวเย่วเย่วส่งเสบียงส่วนตัวของนางไปถึงสี่ครั้งจึงทำให้ทหารมีกินจนเพียงพอฮ้องเต้พอได้รับจดหมายจากน้องชายก็สั่งสอบตรวจสอบขุนนางที่มีหน้าที่ส่งเสบียงไปชายแดนและสำเร็จโทษขุนนางไปหลายคนข้อหาหนัก เพราะต้องการใ
นี้ก็หนาวเข้าเดือนที่สามแล้วข่าวคราวจากชายแดนหายเงียบไปเลยทำให้นางเป็นห่วงพี่ใหญ่กับท่านอ๋องมากเหมือนกัน"ท่านพ่อท่านแม่นี้ถ้าหมดหน้าหนาวลูกจะเดินทางไปที่ชายแดนแคว้นฉีเป่ยเพื่อจะช่วยพี่ชายกับท่านอ๋องได้หรือไม่เจ้าคะ" ไม่รู้ว่าติดปัญหาอันไดอยู่จึงจัดการแม่ทัพฝั่งตรงข้ามไม่ได้สักที"เย่วเอ๋อร์ลูกพูดอะไรเช่นนั้นจะทำให้แม่ใจสลายหรือข่าวจากพี่ชายของเจ้ายังไม่มาถึงเราหลายเดือนแล้ว ยิ่งลูกเป็นผู้หญิงจะเดินทางไปชายแดนได้อย่างไร" มารดาหันมาถามบุตรสาวด้วยความตกใจ"ท่านแม่ข้าก็อยากไปดูที่ชายแดนเหมือนกันว่าตอนนี้พวกเขามีอาหารการกินเพียงพอหรือไม่ ข้าจะนำไปเติมให้ท่านอ๋องกับพี่ใหญ่รวมถึงทหารทุกคนด้วยเจ้าค่ะท่านแม่" นางบอกเหตุผลให้มารดาฟังเผื่อท่านแม่จะใจอ่อนให้นางเย่วเย่วคิดในใจ"ไม่ได้ยังไงแม่ก็ไม่ให้ลูกไปรอไปอีกสักเดือนเถอะนะเย่วเอ๋อร์ไม่ใช่ว่าแม่ไม่เป็นห่วงพี่ใหญ่ของลูก แต่เจ้าเป็นหญิงสาวจะเดินทางไปในที่อันตรายแบบนั้นแม่ย่อมไม่ยินยอม" มารดาตอบเสียงแข็งและหันไปหาสามีให้ช่วยพูดกับบุตรสาวอีกทาง"เย่วเอ๋อร์พ่อว่ารออีกสักเดือนก่อนเถอนะลูกรักทางนั้นคงจะลำบากเหมือนกันกับหน้าหนาว หิมะยังมาตกหนักอีกดีนะท
นับตั้งแต่ที่ได้รับจดหมายจากชายคนรักนี้ก็ผ่านมาหกเดือนแล้ว ตอนนี้ยังไม่ได้รับจดหมายส่งมาอีกเลยนางคิดว่าตอนนี้คงกำลังสู้รบกันแล้ว ตอนนี้บ้านของนางได้เก็บเกี่ยวข้าวที่ปลูกทั้งร้อยหมู่นางได้ส่งไปให้ที่ค่ายทหารของท่านอ๋องทั้งหมดด้วยคนของท่านอ๋องที่อยู่ในอำเภอ สั่งเอาไว้ว่าถ้านางต้องการของฝากของไปให้ คนของท่านอ๋องจึงจัดการทำให้นางส่งเสบียงไปที่ชายแดนแคว้นฉีเป่ยได้กองทัพของท่านอ๋องซงตงหยางอาหารแห้งจำพวกปลาแห้ง เนื้อหมูแห้ง หน่อไม้แห้ง เห็ดแห้งนางส่งไปหลายคันรถม้า รถม้าที่คนของท่านอ๋องส่งมาให้ขนเสบียงไปชายแดนก็มาจากกองขนเสบียงจากค่ายทหารโดยตรง ที่ท่านอ๋องได้จัดการเอาไว้กับคนสนิทเพื่อขนเสบียงไปส่งกองทัพทุกเดือนอยู่แล้ว และนางยังคงปลูกข้าวต่ออีกเพื่อจะส่งไปชายแดนเหมือนเดิมทั้งได้ขอซื้อมูลสัตว์มาใส่ที่นาจากคนในหมู่บ้านและมาช่วยว่านปุ๋ยมูลสัตว์ที่นาข้าวของนาง เย่วเย่วคิดว่าจะปลูกข้าวงวดนี้แล้วจะหวานถั่วเขียวต่อเพื่อบำรุงดินก่อนจะว่านข้าวต่อไปสลับกันจนกว่าจะจบศึกที่ชายแดนแคว้นฉีเป่ยหลังกินมื้อค่ำอิ่มสามพ่อแม่ลูกก็นั่งย่อยอาหารที่หน้าระเบียงบ้าน บางวันก็เดินกันในบริเวณหน้าบ้านหรือก็คือรอเจ้าเหยี