สวีจงฉือเห็นสภาพอ่อนแอของเจี่ยนอันอัน พร้อมใบหน้าซีดเซียวของนาง พลันรู้สึกปวดใจยิ่งหากว่าผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลนางตลอดก็คือเขา คงจะดีไม่น้อยยามนี้เขารู้สึกริษยาฉู่จวินสิงเป็นอย่างมาก แต่ภายนอกไม่กล้าแสดงสีหน้าผิดปกติออกมาให้ใครเห็นเจี่ยนอันอันเหลียวมองสวีจงฉือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงตามมาด้วยแต่ตอนนี้นางไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น เพียงต้องการพักผ่อนสักครู่รอให้ร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติดีแล้ว ค่อยไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลีใหม่เพราะตอนนี้นางรู้แล้วว่า ตราบใดที่กู้มั่วหลียังอยู่ บัญชีนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสะสางกับเขาให้ดีแน่เจี่ยนอันอันค่อยๆ ปิดตาลง นางบอกให้พวกฉู่จวินสิงสามคนอย่าได้รบกวนนางชายหนุ่มทั้งสามจึงได้แต่ยืนอยู่ในห้องเงียบๆผ่านไปครู่ใหญ่ เจี่ยนอันอันจึงค่อยลืมตาขึ้นมานางรู้สึกฟื้นฟูกำลังแล้ว จึงรีบลุกขึ้นนั่ง“ข้าจะเข้าเมืองไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลี!”บังอาจใช้ยาพิษร้ายแรงกับนาง นางจะไม่ยอมปล่อยเขาเด็ดขาดเจี่ยนอันอันพูดพลางกัดฟันกรอด พร้อมลงจากเตียงถังหมิงเซวียนเพิ่งสบโอกาสได้เอ่ยปากพูดบ้าง “แม่นางเจี่ยน ก่อนหน้านี้ข้าไปซื้อสมุนไพรในตัวเมือง เห็นผู้คนที่นั่นล้ว
เกิดทำให้พวกเขาติดเชื้อด้วย คงจะยิ่งไม่ดีหนำซ้ำยาป้องกันของนางก็มีไม่มากนัก ควรต้องใช้อย่างประหยัดหน่อยนางจึงหันไปมองฉู่จวินสิง พร้อมหารือกับเขา “ให้เหยียนเซ่ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยก่อน พวกเราเข้าเมืองกันเองก็พอ”ฉู่จวินสิงไม่คัดค้าน เพราะถ้าไปกันหลายคนก็วุ่นวายเช่นกันโดยเฉพาะยังมีพวกจ้าวอู่ ยิ่งไม่ควรติดตามไปด้วยเพราะหากพบเจอกู้มั่วหลีเข้า ไม่แน่พวกเขาอาจจะถูกปองร้ายอีกฉู่จวินสิงจึงกล่าวต่อเหยียนเซ่า “เจ้าขับรถม้าพาคนเหล่านี้กลับไปก่อน พวกข้าจะเข้าเมืองไปสักครั้ง”เหยียนเซ่าไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะไปทำอะไรในเมือง จึงคิดติดตามไปด้วย แต่กลับถูกฉู่จวินสิงยกมือขึ้นห้ามไว้“ทำตามคำสั่งข้า!” ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงเย็นชา เหยียนเซ่าจึงไม่กล้าพูดต่ออีกทุกคนพากันขึ้นรถม้า โดยมีเหยียนเซ่าเป็นคนขับ แล้วเดินทางจากไปเจี่ยนอันอันให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไปนำรถม้ามาอีกคัน และนางก็ให้เงินเถ้าแก่ไปก้อนหนึ่งเถ้าแก่โรงเตี๊ยมรับเงินไปด้วยความดีใจ เพียงไม่นานก็นำรถม้ามาคันหนึ่ง“ท่านต้องการสิ่งใดอีก เชิญสั่งข้ามาได้เลยขอรับ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถ้าเจี่ยนอันอันมีงานใช้ใ
และเมื่อพวกเขาไปถึงห้องลับที่เจี่ยนอันอันบอก กลับพบร่างผู้ตายสิบกว่าศพที่เริ่มเน่าเหม็นแล้วอีกทั้งในส่วนหน้าอกตรงหัวใจของทุกศพ ก็กลายเป็นรูโบ๋เต็มไปด้วยเลือดคั่งด้านบนยังมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยดูจากการแต่งกายของศพสิบกว่าศพนั้น ฉู่จวินสิงค่อนข้างมั่นใจว่าพวกนางคงเป็นคนในครอบครัวผู้ว่าการแห่งจงโจวเป็นแน่โชคดีที่พวกเขากลับมาอำเภอไถหยางก็เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก่อนแล้วเพียงแต่ไม่นึกว่า สุดท้ายยังเกิดเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นนั่นคือเจี่ยนอันอันหลงกลกู้มั่วหลีเข้า จนเกือบถูกเขาวางยาพิษจนเสียชีวิตเจี่ยนอันอันตั้งใจฟังคำบอกเล่าของฉู่จวินสิงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่นางก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีร่างกายที่สั่นระริก นั่นเพราะเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้นางประสบเคราะห์ร้ายฉู่จวินสิงกุบมือเจี่ยนอันอันไว้แน่น ด้วยเกรงว่าหากปล่อยมือ นางจะอันตรธานหายไปจากเขาอีกเจี่ยนอันอันเอาศีรษะซบที่ไหล่ฉู่จวินสิง มืออีกข้างหนึ่งยังโอบตัวเขาไว้ด้วยภาพที่ทั้งคู่อิงแอบแนบชิด ทำเอาถังหมิงเซวียนนึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาว่าแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น ไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ อีกรถม้าวิ่งไปในระยะท
บางคนปิดจมูกเดินออกมา พลางคิดในใจ ผู้หญิงที่ไหนหนอช่างมีเสียงดังถึงเพียงนี้ขนาดพวกเขาอยู่ในบ้านแท้ๆ ยังได้ยินชัดเจนและแม่นางผู้นั้นยังกล่าวอะไรอีก บอกว่าหากไม่รีบรักษา อีกสามวันจะต้องเสียชีวิตแน่นอนทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญแขวนจนต้องรีบวิ่งออกจากบ้านมา จึงได้เห็นในมือเจี่ยนอันอันถือสิ่งของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตและเสียงก้องกังวานก็มาจากสิ่งนี้นี่เองทุกคนที่ออกมานั้นต่างมีอาการไอเกิดขึ้นบางคนไอจนหน้าดำหน้าแดง คล้ายเจียนสำลักตายอยู่รอมร่อ“ท่านแม่ เราจะตายจริงหรือ?” มีเด็กชายผู้หนึ่งเดินออกมา แต่เพิ่งกล่าวจบก็ไอหนักเช่นกันใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้เป็นมารดารีบก้มตัวลง พร้อมตบหลังของเด็กชายแต่อาการนางก็ใช่ว่าจะดีกว่า ตบได้ไม่กี่ที ตนเองก็ไอตามลูกบ้างเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล เริ่มมีคนทยอยออกจากบ้านมาเรื่อยๆและต่างก็รุมล้อมเข้ามา เพื่อจะดูว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันปิดเสียงลำโพงก่อน จึงได้ตะโกนต่อหน้าทุกคน “ข้ากับคุณชายท่านนี้ล้วนเป็นหมอ มาเพื่อช่วยรักษาโรคของพวกท่าน”หลายคนต่างไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไอมาหลายวันแล้ว อีกทั้งเข้าเมือง
ขณะที่ถังหมิงเซวียนได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยชื่อสมุนไพรหลายชนิดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสมุนไพรเหล่านี้จะนำมาปรุงเป็นยาเม็ดได้หรืออาจกล่าวได้ว่าสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะปรุงเป็นยาชนิดใดได้ต่อให้นำมาผสมรวมกัน ก็ไม่เกิดสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆแต่เมื่อเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของเจี่ยนอันอัน ถังหมิงเซวียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างน้อยเขาก็เห็นกับตา ยาที่เมื่อครู่เจี่ยนอันอันมอบให้ชาวบ้านกินนั้น ล้วนเห็นผลอย่างชัดเจนทุกคนหลังจากกินยาแล้ว ต่างก็ไม่มีอาการไออีกเขาจึงถือโอกาสที่สวีจงฉือกลับไปเอาสมุนไพร ตรวจชีพจรให้ชาวบ้านไปพลางนั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ ที่อาการของวัณโรคเริ่มดีขึ้นตามลำดับทั้งคู่จึงนั่งยองๆ ที่ข้างทาง คอยคุมไฟเอาไว้ เพื่อปรุงยาให้ชาวบ้านผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านข้าง ต่างก็จ้องมองหม้อต้มยาสองใบตาไม่กะพริบเช่นกันมีคนแอบพูดเสียงเบา “ทีนี้ยิ่งดีใหญ่ มีหมอเทวดาสองคนมาช่วยเรา โรคของพวกเรามีหวังหายแล้ว”เจี่ยนอันอันต้มยาไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองสวีจงฉือ“รบกวนคุณชายสวีไปเรียกคนมาเพิ่มอีก”เจี่ยนอันอันกล่าวพร้อมยื่นลำโพงขยายเสียงให้แก่
เจี่ยนอันอันยังคงงัวเงีย รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับมือของนางและบังคับให้นางกดนิ้วลงบนบางสิ่งบางอย่างนางตอบสนองทันทีด้วยการฟาดฝ่ามือกลับไปเต็มแรงทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคน“นังเด็กอกตัญญู กล้าดียังไงมาทำร้ายบิดาของเจ้า! ข้าจะส่งเจ้าไปหามารดาที่ตายไปแล้วของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางพลันเย็นเยียบทันทีคนบ้าอะไรกล้าด่าแม่ของนางเช่นนี้ รนหาที่ตาย!เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นทันที เห็นชายแปลกหน้าในชุดโบราณกำลังเงื้อมมือขึ้นหมายจะฟาดหน้านางเจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรงชายคนนั้นถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดลงได้ในฐานะที่เป็นกั๋วกงแห่งแคว้นไท่ยวน ถูกบุตรีแท้ ๆ ทำร้าย ซ้ำยังถูกทำร้ายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีกใบหน้าของเจี่ยนกั๋วกงเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยดวงตาแดงก่ำเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้ตายทันใดนั้น ฮูหยินรองก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้นะเจ้าคะ”“หากนางตาย ใครจะไปแต่งกับเยียน
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง รีบหยิบเชือกออกมาเพื่อจะมัดตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันกลับคว้าเชือกไว้ได้ ก่อนจะก้าวอาด ๆ มาตรงหน้าเจี่ยนกั๋วกงนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเจี่ยนกั๋วกงไม่ทันตั้งตัว และเชือกก็ถูกคล้องเข้าที่ลำคอของเขาแล้วเจี่ยนอันอันดึงเชือกจนแน่น ทำให้เจี่ยนกั๋วกงหายใจไม่ออกทันทีนางตวาดเสียงเย็นชา “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ! หนังสือตัดขาดนั่นเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหายเสียเล่า”“จำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี วันหน้าเมื่อข้าโบยบินขึ้นสูง เจ้าก็อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายขอคืนดีกับข้าแล้วกัน!”สิ้นประโยค เจี่ยนอันอันก็เตะเจี่ยนกั๋วกงจนล้มลงกับพื้นฮูหยินรองรีบวิ่งมาพยุงเจี่ยนกั๋วกง ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน“เจี่ยนอันอัน นังลูกทรพี! เจ้ากล้าตบตีบิดาแท้ ๆ ของเจ้าได้อย่างไร”“พวกข้าดูแลเจ้าให้เติบโตมาแท้ ๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักบุญคุณ แถมยังคิดฆ่าบิดาของเจ้าอีก!”“จวนกั๋วกงของเรา ไยจึงเลี้ยงดูเด็กเนรคุณเช่นเจ้าออกมาได้”ในขณะเดียวกัน เจี่ยนหลิงเยว่บุตรสาวของฮูหยินรองก็เดินเข้ามานางด่าเจี่ยนอันอันอย่างโกรธจัด “เจี่ยนอันอัน ทางที่ดีเจ้าไปตายอยู่ข้างนอกเสีย แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”
ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
ขณะที่ถังหมิงเซวียนได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยชื่อสมุนไพรหลายชนิดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสมุนไพรเหล่านี้จะนำมาปรุงเป็นยาเม็ดได้หรืออาจกล่าวได้ว่าสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะปรุงเป็นยาชนิดใดได้ต่อให้นำมาผสมรวมกัน ก็ไม่เกิดสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆแต่เมื่อเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของเจี่ยนอันอัน ถังหมิงเซวียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างน้อยเขาก็เห็นกับตา ยาที่เมื่อครู่เจี่ยนอันอันมอบให้ชาวบ้านกินนั้น ล้วนเห็นผลอย่างชัดเจนทุกคนหลังจากกินยาแล้ว ต่างก็ไม่มีอาการไออีกเขาจึงถือโอกาสที่สวีจงฉือกลับไปเอาสมุนไพร ตรวจชีพจรให้ชาวบ้านไปพลางนั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ ที่อาการของวัณโรคเริ่มดีขึ้นตามลำดับทั้งคู่จึงนั่งยองๆ ที่ข้างทาง คอยคุมไฟเอาไว้ เพื่อปรุงยาให้ชาวบ้านผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านข้าง ต่างก็จ้องมองหม้อต้มยาสองใบตาไม่กะพริบเช่นกันมีคนแอบพูดเสียงเบา “ทีนี้ยิ่งดีใหญ่ มีหมอเทวดาสองคนมาช่วยเรา โรคของพวกเรามีหวังหายแล้ว”เจี่ยนอันอันต้มยาไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองสวีจงฉือ“รบกวนคุณชายสวีไปเรียกคนมาเพิ่มอีก”เจี่ยนอันอันกล่าวพร้อมยื่นลำโพงขยายเสียงให้แก่
บางคนปิดจมูกเดินออกมา พลางคิดในใจ ผู้หญิงที่ไหนหนอช่างมีเสียงดังถึงเพียงนี้ขนาดพวกเขาอยู่ในบ้านแท้ๆ ยังได้ยินชัดเจนและแม่นางผู้นั้นยังกล่าวอะไรอีก บอกว่าหากไม่รีบรักษา อีกสามวันจะต้องเสียชีวิตแน่นอนทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญแขวนจนต้องรีบวิ่งออกจากบ้านมา จึงได้เห็นในมือเจี่ยนอันอันถือสิ่งของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตและเสียงก้องกังวานก็มาจากสิ่งนี้นี่เองทุกคนที่ออกมานั้นต่างมีอาการไอเกิดขึ้นบางคนไอจนหน้าดำหน้าแดง คล้ายเจียนสำลักตายอยู่รอมร่อ“ท่านแม่ เราจะตายจริงหรือ?” มีเด็กชายผู้หนึ่งเดินออกมา แต่เพิ่งกล่าวจบก็ไอหนักเช่นกันใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้เป็นมารดารีบก้มตัวลง พร้อมตบหลังของเด็กชายแต่อาการนางก็ใช่ว่าจะดีกว่า ตบได้ไม่กี่ที ตนเองก็ไอตามลูกบ้างเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล เริ่มมีคนทยอยออกจากบ้านมาเรื่อยๆและต่างก็รุมล้อมเข้ามา เพื่อจะดูว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันปิดเสียงลำโพงก่อน จึงได้ตะโกนต่อหน้าทุกคน “ข้ากับคุณชายท่านนี้ล้วนเป็นหมอ มาเพื่อช่วยรักษาโรคของพวกท่าน”หลายคนต่างไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไอมาหลายวันแล้ว อีกทั้งเข้าเมือง
และเมื่อพวกเขาไปถึงห้องลับที่เจี่ยนอันอันบอก กลับพบร่างผู้ตายสิบกว่าศพที่เริ่มเน่าเหม็นแล้วอีกทั้งในส่วนหน้าอกตรงหัวใจของทุกศพ ก็กลายเป็นรูโบ๋เต็มไปด้วยเลือดคั่งด้านบนยังมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยดูจากการแต่งกายของศพสิบกว่าศพนั้น ฉู่จวินสิงค่อนข้างมั่นใจว่าพวกนางคงเป็นคนในครอบครัวผู้ว่าการแห่งจงโจวเป็นแน่โชคดีที่พวกเขากลับมาอำเภอไถหยางก็เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก่อนแล้วเพียงแต่ไม่นึกว่า สุดท้ายยังเกิดเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นนั่นคือเจี่ยนอันอันหลงกลกู้มั่วหลีเข้า จนเกือบถูกเขาวางยาพิษจนเสียชีวิตเจี่ยนอันอันตั้งใจฟังคำบอกเล่าของฉู่จวินสิงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่นางก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีร่างกายที่สั่นระริก นั่นเพราะเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้นางประสบเคราะห์ร้ายฉู่จวินสิงกุบมือเจี่ยนอันอันไว้แน่น ด้วยเกรงว่าหากปล่อยมือ นางจะอันตรธานหายไปจากเขาอีกเจี่ยนอันอันเอาศีรษะซบที่ไหล่ฉู่จวินสิง มืออีกข้างหนึ่งยังโอบตัวเขาไว้ด้วยภาพที่ทั้งคู่อิงแอบแนบชิด ทำเอาถังหมิงเซวียนนึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาว่าแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น ไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ อีกรถม้าวิ่งไปในระยะท
เกิดทำให้พวกเขาติดเชื้อด้วย คงจะยิ่งไม่ดีหนำซ้ำยาป้องกันของนางก็มีไม่มากนัก ควรต้องใช้อย่างประหยัดหน่อยนางจึงหันไปมองฉู่จวินสิง พร้อมหารือกับเขา “ให้เหยียนเซ่ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยก่อน พวกเราเข้าเมืองกันเองก็พอ”ฉู่จวินสิงไม่คัดค้าน เพราะถ้าไปกันหลายคนก็วุ่นวายเช่นกันโดยเฉพาะยังมีพวกจ้าวอู่ ยิ่งไม่ควรติดตามไปด้วยเพราะหากพบเจอกู้มั่วหลีเข้า ไม่แน่พวกเขาอาจจะถูกปองร้ายอีกฉู่จวินสิงจึงกล่าวต่อเหยียนเซ่า “เจ้าขับรถม้าพาคนเหล่านี้กลับไปก่อน พวกข้าจะเข้าเมืองไปสักครั้ง”เหยียนเซ่าไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะไปทำอะไรในเมือง จึงคิดติดตามไปด้วย แต่กลับถูกฉู่จวินสิงยกมือขึ้นห้ามไว้“ทำตามคำสั่งข้า!” ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงเย็นชา เหยียนเซ่าจึงไม่กล้าพูดต่ออีกทุกคนพากันขึ้นรถม้า โดยมีเหยียนเซ่าเป็นคนขับ แล้วเดินทางจากไปเจี่ยนอันอันให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไปนำรถม้ามาอีกคัน และนางก็ให้เงินเถ้าแก่ไปก้อนหนึ่งเถ้าแก่โรงเตี๊ยมรับเงินไปด้วยความดีใจ เพียงไม่นานก็นำรถม้ามาคันหนึ่ง“ท่านต้องการสิ่งใดอีก เชิญสั่งข้ามาได้เลยขอรับ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถ้าเจี่ยนอันอันมีงานใช้ใ
สวีจงฉือเห็นสภาพอ่อนแอของเจี่ยนอันอัน พร้อมใบหน้าซีดเซียวของนาง พลันรู้สึกปวดใจยิ่งหากว่าผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลนางตลอดก็คือเขา คงจะดีไม่น้อยยามนี้เขารู้สึกริษยาฉู่จวินสิงเป็นอย่างมาก แต่ภายนอกไม่กล้าแสดงสีหน้าผิดปกติออกมาให้ใครเห็นเจี่ยนอันอันเหลียวมองสวีจงฉือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงตามมาด้วยแต่ตอนนี้นางไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น เพียงต้องการพักผ่อนสักครู่รอให้ร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติดีแล้ว ค่อยไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลีใหม่เพราะตอนนี้นางรู้แล้วว่า ตราบใดที่กู้มั่วหลียังอยู่ บัญชีนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสะสางกับเขาให้ดีแน่เจี่ยนอันอันค่อยๆ ปิดตาลง นางบอกให้พวกฉู่จวินสิงสามคนอย่าได้รบกวนนางชายหนุ่มทั้งสามจึงได้แต่ยืนอยู่ในห้องเงียบๆผ่านไปครู่ใหญ่ เจี่ยนอันอันจึงค่อยลืมตาขึ้นมานางรู้สึกฟื้นฟูกำลังแล้ว จึงรีบลุกขึ้นนั่ง“ข้าจะเข้าเมืองไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลี!”บังอาจใช้ยาพิษร้ายแรงกับนาง นางจะไม่ยอมปล่อยเขาเด็ดขาดเจี่ยนอันอันพูดพลางกัดฟันกรอด พร้อมลงจากเตียงถังหมิงเซวียนเพิ่งสบโอกาสได้เอ่ยปากพูดบ้าง “แม่นางเจี่ยน ก่อนหน้านี้ข้าไปซื้อสมุนไพรในตัวเมือง เห็นผู้คนที่นั่นล้ว
เจี่ยนหลิงเยว่ตกใจจนหน้าซีดเผือด ใบหน้าซึ่งเดิมก็ถูกเกาจนผิวแตกเป็นริ้วๆ บัดนี้ยิ่งดูน่าเกลียดเข้าไปใหญ่เจี่ยนอันอันมิได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เพราะคนบ้าคลั่งเช่นกู้มั่วหลี เป็นไปไม่ได้ที่จะดีต่อเจี่ยนหลิงเยว่อยู่แล้วและตอนนี้นางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดกู้มั่วหลีจึงพาเจี่ยนหลิงเยว่มาที่นี่สาเหตุเพราะเจี่ยนหลิงเยว่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับนาง จึงถูกกู้มั่วหลีหมายปองเข้าเมื่อเจี่ยนอันอันมองไปยังกู้มั่วหลี ก็สังเกตเห็นว่าดูเหมือนเขาจะถอนพิษในตัวได้แล้วซึ่งข้อนี้ทำให้นางไม่สบายใจเป็นอย่างมากนั่นแสดงว่ายาพิษที่นางปรุงออกมา สำหรับกู้มั่วหลีแล้ว ฤทธิ์ยายังเบาเกินไปและทันใดนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็ได้เสียงฉู่จวินสิงเรียกนางอยู่“อันอัน รีบตื่นขึ้นมาเถิด อย่านอนอีกเลย”เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงเรียกของฉู่จวินสิง พลันร่างกายคล้ายถูกผลักดันด้วยพลังบางอย่างนางยังคิดจะอยู่ดูเรื่องสนุกต่ออีก แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งเสียแล้วนางจึงรีบออกจากห้องนั้นมา ฉับพลันเบื้องหน้าก็เห็นแสงสว่างจ้าเจี่ยนอันอันต้องรีบหลับตาลง จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จึงพบว่าได้กลับมาสู่ร่างกายของตนอีกครั้ง
เจี่ยนอันอันไม่ได้กรีดร้อง นางหยิบตะบันไฟออกมาเพื่อส่องแสงสว่างอย่างสงบนิ่งนางเห็นว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนสะพานแห่งหนึ่ง ใต้สะพานมีสายน้ำไหลเอื่อย พร้อมเสียงน้ำที่กระทบดังซ่า ๆในหัวของเจี่ยนอันอันปรากฏคำว่า ‘สะพานไน่เหอ[1]’ ขึ้นมาในทันทีแต่นางก็รีบปัดความคิดนั้นออกไปเจี่ยนอันอันเดินลงจากสะพาน มุ่งหน้าไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วไม่นาน นางก็เห็นแสงสว่างส่องอยู่ไกล ๆนางรีบเดินไปยังทิศทางของแสงนั้น เมื่อไปถึงจุดสว่าง ก็เห็นประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่แสงสว่างทั้งหมดส่องลอดออกมาจากด้านในของประตูเจี่ยนอันอันดีใจ นางคิดว่าหากเปิดประตูบานนี้ได้ อาจจะสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้เจี่ยนอันอันรวบรวมแรงทั้งหมดผลักประตู เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออกภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือลานเรือนกว้างใหญ่เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าลานเรือนแห่งนี้ดูคุ้นตา ราวกับว่านางเคยมาเยือนที่นี่ไม่นานนางก็ได้ยินเสียงของเจี่ยนหลิงเยว่ดังขึ้น“คุณชายกู้ ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ท่านได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันเดินตามเสียงนั้นไป นางพบว่าตัวเองสามารถเดินทะลุกำแพงได้ไม่นานนางก็เข้าไปในห้องแห่งหนึ่
ถังหมิงเซวียนมาถึงเรือนหลัง เขานำหม้อต้มยาออกมาวางลงบนพื้นจากนั้นหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อออกมา ใส่ลงในหม้อต้มยา แล้วจุดไฟใต้เตาเพื่อเริ่มการต้มยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นถังหมิงเซวียนต้มยาที่เรือนหลัง จึงเอ่ยว่า “เจ้าต้มยาก็ระวัง ๆ หน่อยนะ อย่าให้โรงเตี๊ยมของข้าติดไฟ”ถังหมิงเซวียนเหลือบตามองเจ้าของโรงเตี๊ยมโดยไม่พูดอะไรกระบวนการต้มยานั้นยุ่งยากและซับซ้อน เขาต้องแบ่งสมุนไพรใส่ทีละส่วนความร้อนก็ต้องควบคุมให้พอเหมาะ หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว ยาจะไหม้ได้อากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อรวมกับไอร้อนจากกองไฟ ผ่านไปไม่นานหน้าผากของถังหมิงเซวียนมีเหงื่อไหลซึมออกมาเขาใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อไม่ละสายตาจากหม้อต้มยาแม้แต่น้อยหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดยาถอนพิษก็ปรุงสำเร็จถังหมิงเซวียนขอถ้วยใบหนึ่งจากเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วเทยาถอนพิษลงในถ้วยเขาจัดเก็บหม้อต้มยา ใช้น้ำดับไฟให้สนิท แล้วเตะกองไฟที่ดับแล้วไปที่มุมหนึ่งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ถือถ้วยยาขึ้นไปยังชั้นสองสวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนกลับมาแล้ว ในมือของเขาถือถ้วยยาสีดำสนิทสวีจงฉือช่วยเคาะประตูเรียกเมื่อฉู่จวินสิงเปิดประตูออก
สวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนไม่พูดอะไร เพียงแต่มองไปที่สมุนไพรเขาจึงคิดไปเองว่าถังหมิงเซวียนอาจกังวลว่าสมุนไพรแพงเกินไป ไม่มีเงินพอที่จะซื้อสมุนไพรมากขนาดนั้นเขารีบพูดขึ้นว่า “คุณชายไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายา ร้านยาจี้เฉ่าถังแห่งนี้เป็นของเจี่ยนอันอัน ท่านเพียงบอกชื่อสมุนไพรมาข้าจะจัดให้”ถังหมิงเซวียนไม่คาดคิดเลยว่าร้านขายยาจี้เฉ่าถังที่ใหญ่ขนาดนี้จะเป็นของเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสวีจงฉือกำลังจะหยิบสมุนไพรเพิ่ม เขาจึงรีบกล่าวว่า “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มากไปจะเป็นการสิ้นเปลือง”ถังหมิงเซวียนร้อนใจอยากจะนำสมุนไพรกลับไป จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกับสวีจงฉือเพิ่มเติมเขาหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อแล้วหันหลังเตรียมจะออกไป“คุณชายโปรดรอก่อน” สวีจงฉือรีบรุดออกมาจากด้านหลังโต๊ะคิดเงินเขาเรียกถังหมิงเซวียนไว้ กล่าวอย่างไม่แน่ใจนักว่า “คุณชายช่วยพาข้าไปยังอำเภอไถหยางด้วยได้หรือไม่ ข้าอยากไปดูว่าเถ้าแก่ของข้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”ถังหมิงเซวียนคิดในใจว่าร้านจี้เฉ่าถังเป็นของเจี่ยนอันอัน แถมสมุนไพรทั้งหมดนี้เขายังไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะเดียวเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย“ได้สิ ถ้าเช่นนั้