นางยังบอกอีกว่าจะหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งและยกตำแหน่งเสิ่นฮูหยินให้เจี่ยนอันอันไม่สมควรเลยจริงๆ!“อันอัน ข้าขอเรียกเจ้าแบบนี้ได้หรือไม่?” เจียงหว่านเอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันอย่างเขินอายเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์รับฟังคำพูดของตัวเองก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมากนางฉีกยิ้มว่า “พี่สะใภ้อยากเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”“อันอัน เมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ผิดต่อเจ้า”“ไม่นึกเลยว่าข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้า เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ?”เจียงหว่านเอ๋อร์หวังจากใจจริงว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ถือโทษโกรธนางเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบาและยิ้มอย่างจริงใจ“พูดอะไรกันเจ้าคะ ข้าต้องไม่โกรธท่านอยู่แล้ว”“ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เป็นคำพูดที่เกิดมาจากอารมณ์ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเจ้าค่ะ”เจียงหว่านเอ๋อร์มีรอยยิ้มในที่สุดนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม แต่ยังจิตใจดีมากด้วยต่อแต่นี้นางห้ามอิจฉาริษยาอีกเด็ดขาด หลังจากปลอบใจเจียงหว่านเอ๋อร์เรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็กลับไปยังห้องด้านข้างตอนนี้ยาในขวดยาใกล้จะหมดลงแล้ว เจี่ยนอันอันนำเข็มออกแล้วเก็บขวดยาเข้าสู่ห้วงมิติเสิ่นจือเจิ้งรู้สึ
จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตัวเองมัวแต่ซื้อท่อนซุง แต่ไม่ได้ซื้อตะปูมาด้วยลำพังแค่ท่อนซุงอย่างเดียวจะสร้างบ้านได้อย่างไร?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดแบบนี้ นางก็เห็นจ้าวอู่กับจ้าวลิ่ววางเครื่องมือในมือลงทั้งสองคนนำไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยจากข้างกายมาต่อเข้าด้วยกันภาพนี้ทำให้เจี่ยนอันอันได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาทำการเลื่อยช่องสี่เหลี่ยมไว้ที่ปลายแต่ละด้านของไม้เพียงแค่ประกบไม้เข้าด้วยกันและยึดให้มั่นทั้งสองด้าน เท่านี้ก็จะได้เป็นโครงบ้านแล้วเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ ทางที่ดีนางควรจัดหาตะปูมาเสริมความแข็งแรงให้โครงไม้ด้วยเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ทำการซื้อตะปูยาวจำนวนมากจากร้านค้ามาวางไว้ข้างทั้งสอง“ข้ามีตะปูอยู่ เมื่อครู่นี้ลืมหยิบออกมา”“พวกเจ้าสองคนทำงานได้ไม่เลว เอาไว้สร้างบ้านเสร็จแล้วข้าจะจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้”จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วได้ยินว่ามีค่าแรงให้ด้วยก็ยิ่งตั้งใจทำงานมากขึ้นเจี่ยนอันอันพูดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ทุกคนต่างขานรับอย่างมีความสุขทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งพวกเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางให้ค
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ
เจี่ยนอันอันยังคงงัวเงีย รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับมือของนางและบังคับให้นางกดนิ้วลงบนบางสิ่งบางอย่างนางตอบสนองทันทีด้วยการฟาดฝ่ามือกลับไปเต็มแรงทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคน“นังเด็กอกตัญญู กล้าดียังไงมาทำร้ายบิดาของเจ้า! ข้าจะส่งเจ้าไปหามารดาที่ตายไปแล้วของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางพลันเย็นเยียบทันทีคนบ้าอะไรกล้าด่าแม่ของนางเช่นนี้ รนหาที่ตาย!เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นทันที เห็นชายแปลกหน้าในชุดโบราณกำลังเงื้อมมือขึ้นหมายจะฟาดหน้านางเจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรงชายคนนั้นถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดลงได้ในฐานะที่เป็นกั๋วกงแห่งแคว้นไท่ยวน ถูกบุตรีแท้ ๆ ทำร้าย ซ้ำยังถูกทำร้ายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีกใบหน้าของเจี่ยนกั๋วกงเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยดวงตาแดงก่ำเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้ตายทันใดนั้น ฮูหยินรองก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้นะเจ้าคะ”“หากนางตาย ใครจะไปแต่งกับเยียน
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง รีบหยิบเชือกออกมาเพื่อจะมัดตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันกลับคว้าเชือกไว้ได้ ก่อนจะก้าวอาด ๆ มาตรงหน้าเจี่ยนกั๋วกงนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเจี่ยนกั๋วกงไม่ทันตั้งตัว และเชือกก็ถูกคล้องเข้าที่ลำคอของเขาแล้วเจี่ยนอันอันดึงเชือกจนแน่น ทำให้เจี่ยนกั๋วกงหายใจไม่ออกทันทีนางตวาดเสียงเย็นชา “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ! หนังสือตัดขาดนั่นเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหายเสียเล่า”“จำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี วันหน้าเมื่อข้าโบยบินขึ้นสูง เจ้าก็อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายขอคืนดีกับข้าแล้วกัน!”สิ้นประโยค เจี่ยนอันอันก็เตะเจี่ยนกั๋วกงจนล้มลงกับพื้นฮูหยินรองรีบวิ่งมาพยุงเจี่ยนกั๋วกง ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน“เจี่ยนอันอัน นังลูกทรพี! เจ้ากล้าตบตีบิดาแท้ ๆ ของเจ้าได้อย่างไร”“พวกข้าดูแลเจ้าให้เติบโตมาแท้ ๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักบุญคุณ แถมยังคิดฆ่าบิดาของเจ้าอีก!”“จวนกั๋วกงของเรา ไยจึงเลี้ยงดูเด็กเนรคุณเช่นเจ้าออกมาได้”ในขณะเดียวกัน เจี่ยนหลิงเยว่บุตรสาวของฮูหยินรองก็เดินเข้ามานางด่าเจี่ยนอันอันอย่างโกรธจัด “เจี่ยนอันอัน ทางที่ดีเจ้าไปตายอยู่ข้างนอกเสีย แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”
ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
เพื่อที่จะไล่พ่อครัวหลวงเหล่านี้ออกไป เจี่ยนอันอันจึงหยิบผงยาถ่ายออกจากมิติแล้วโปรยใส่หน้าพวกเขาหลังจากพ่อครัวหลวงหลายคนสูดผงยาระบายเข้าไปได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มบ่นปวดท้อง แล้วรีบกุมท้องวิ่งออกจากห้องเครื่องกันไปหมดเจี่ยนอันอันฮัมเพลงไปพลาง กินขนมไปพลาง พร้อมกับโยนขนมและอาหารจากห้องครัวหลวงทั้งหมดเข้าไปในมิติของนางนางเหลือบมองผักและธัญพืชที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมถึงเนื้อที่ถูกหั่นไว้แล้วเจี่ยนอันอันคิดว่าต้องนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปด้วยถึงจะดีเมื่อถูกเนรเทศ นางจะได้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำอาหารอร่อย ๆ ได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี่ยนอันอันก็รีบขนวัตถุดิบทั้งหมดลงในมิติทันทีหลังจากเจี่ยนอันอันออกจากห้องเครื่องหลวง นางก็คิดว่าควรจะลองไปดูเยียนอ๋องผู้นั้นสักหน่อยวินาทีต่อมา นางก็ปรากฏตัวในคุกโดยพลันในขณะนั้น ฉู่จวินสิงซึ่งก็คือเยียนอ๋องกำลังถูกทรมานอย่างหนักร่างกายของเขาถูกทุบตีจนหนังเปิดเนื้อแตก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกย้อมไปด้วยโลหิตจนแดงฉานแม้จะเป็นเช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็ไม่ส่งเสียงครวญครางแม้แต่น้อยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เขานางรู้สึกชื่นชมเขาจากใจจริงว่
ผู้คุมหลายคนได้กลิ่นเหม็นรุนแรงจากการผายลม แต่พวกเขาไม่กล้าอุดจมูกหรือหลบเลี่ยงทำได้เพียงกลั้นใจและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกขันทีใหญ่ก็วิ่งตามออกมาด้วย ขณะเดินตามหลังฮ่องเต้ก็มีสีหน้ากังวลเขากลัวจริง ๆ ว่าฮ่องเต้อาจพลาดปล่อยลมออกมา แล้วเผลอทำเลอะในกางเกงเจี่ยนอันอันที่ล่องหนอยู่ มองเห็นท่าทางน่าสมเพชของฮ่องเต้สุนัขที่ดูเหมือนจะถ่ายไม่หยุด นางก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ยาระบายที่นางใช้ไม่มีทางแก้ได้ พอจะทำให้ฮ่องเต้สุนัขนี้ถ่ายไม่หยุดถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเมื่อเห็นว่าเวลาได้ที่แล้ว เจี่ยนอันอันก็ออกจากวังหลวงแล้วกลับมาที่เกี้ยวแต่งงานในทันทีในเวลานี้ เกี้ยวแต่งงานได้หยุดอยู่หน้าจวนเยียนอ๋องแล้วไร้เงาของชายฉกรรจ์สี่คนที่หามเกี้ยวมาเจี่ยนอันอันดึงผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ก่อนจะเปิดม่านเกี้ยวแล้วก้าวออกมาอย่างมั่นใจนางเห็นว่าหน้าจวนเยียนอ๋องได้ถูกล้อมโดยทหารรักษาพระองค์แล้วเสียงร้องไห้และเสียงด่าทอดังมาจากภายในจวนเยียนอ๋องเจี่ยนอันอันไม่สนใจทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น นางก้าวเดินเข้าไปในจวนเยียนอ๋องอย่างไม่ลังเลทันทีที่นางเดินเข้าไปก็เห็นว่าภายในจวนเยียนอ
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ
จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตัวเองมัวแต่ซื้อท่อนซุง แต่ไม่ได้ซื้อตะปูมาด้วยลำพังแค่ท่อนซุงอย่างเดียวจะสร้างบ้านได้อย่างไร?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดแบบนี้ นางก็เห็นจ้าวอู่กับจ้าวลิ่ววางเครื่องมือในมือลงทั้งสองคนนำไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยจากข้างกายมาต่อเข้าด้วยกันภาพนี้ทำให้เจี่ยนอันอันได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาทำการเลื่อยช่องสี่เหลี่ยมไว้ที่ปลายแต่ละด้านของไม้เพียงแค่ประกบไม้เข้าด้วยกันและยึดให้มั่นทั้งสองด้าน เท่านี้ก็จะได้เป็นโครงบ้านแล้วเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ ทางที่ดีนางควรจัดหาตะปูมาเสริมความแข็งแรงให้โครงไม้ด้วยเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ทำการซื้อตะปูยาวจำนวนมากจากร้านค้ามาวางไว้ข้างทั้งสอง“ข้ามีตะปูอยู่ เมื่อครู่นี้ลืมหยิบออกมา”“พวกเจ้าสองคนทำงานได้ไม่เลว เอาไว้สร้างบ้านเสร็จแล้วข้าจะจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้”จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วได้ยินว่ามีค่าแรงให้ด้วยก็ยิ่งตั้งใจทำงานมากขึ้นเจี่ยนอันอันพูดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ทุกคนต่างขานรับอย่างมีความสุขทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งพวกเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางให้ค
นางยังบอกอีกว่าจะหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งและยกตำแหน่งเสิ่นฮูหยินให้เจี่ยนอันอันไม่สมควรเลยจริงๆ!“อันอัน ข้าขอเรียกเจ้าแบบนี้ได้หรือไม่?” เจียงหว่านเอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันอย่างเขินอายเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์รับฟังคำพูดของตัวเองก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมากนางฉีกยิ้มว่า “พี่สะใภ้อยากเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”“อันอัน เมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ผิดต่อเจ้า”“ไม่นึกเลยว่าข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้า เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ?”เจียงหว่านเอ๋อร์หวังจากใจจริงว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ถือโทษโกรธนางเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบาและยิ้มอย่างจริงใจ“พูดอะไรกันเจ้าคะ ข้าต้องไม่โกรธท่านอยู่แล้ว”“ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เป็นคำพูดที่เกิดมาจากอารมณ์ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเจ้าค่ะ”เจียงหว่านเอ๋อร์มีรอยยิ้มในที่สุดนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม แต่ยังจิตใจดีมากด้วยต่อแต่นี้นางห้ามอิจฉาริษยาอีกเด็ดขาด หลังจากปลอบใจเจียงหว่านเอ๋อร์เรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็กลับไปยังห้องด้านข้างตอนนี้ยาในขวดยาใกล้จะหมดลงแล้ว เจี่ยนอันอันนำเข็มออกแล้วเก็บขวดยาเข้าสู่ห้วงมิติเสิ่นจือเจิ้งรู้สึ
“ข้าสัมผัสได้ว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่ดี”“ท่านทุ่มเทเพื่อพี่ใหญ่มากถึงขนาดนั้น เขาไม่มีทางเย็นชาแบบนี้ตลอดไป”เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกอัดอั้นในใจเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันชมว่านางเป็นผู้หญิงที่ดี นางก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆระบายความอัดอั้นในใจออกไปให้หมด“แต่เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว จือเจิ้งไม่ได้คิดแบบนี้”เจียงหว่านเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าการทุ่มเทของตัวเองเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาเสิ่นจือเจิ้งเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์เบาๆ พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน“พี่สะใภ้ต้องให้เวลาพี่ใหญ่สักหน่อย ตอนนี้เขาจำผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้น ย่อมวางตัวเย็นชาเป็นธรรมดา”“เมื่อวานนี้ข้าเองก็ต้องพูดอยู่นานมาก เขาถึงได้เข้าใจว่าข้าไม่ใช่น้องหญิงที่ตายไปแล้วของเขา”“แต่ข้ามองออกว่าพี่ใหญ่คิดถึงน้องหญิงคนนั้นมาโดยตลอด”“ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงนับอีกฝ่ายเป็นพี่น้อง”เจียงหว่านเอ๋อร์ฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน ส่วนสายตาจับจ้องที่มือของอีกฝ่ายมือคู่นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทั้งขาวกระจ่าง ทั้งนิ่มละเอียดเพียงมองก็รู้ว่าเป็นบุตรสาวจากตระกูลใหญ่ ถึงได้มีมือที่งดงามเช่นนี้ผิดกับมือของนางที่หยาบกร้านเพราะทำงานบ้านมาเป็นเ
มองดูร่างกายผอมบางของเจียงหว่านเอ๋อร์สั่นเทิ้มเบาๆ เพราะร้องไห้เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปนั่งด้านข้างนางยกมือตบหลังเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา“พี่สะใภ้อย่าร้องไห้อีกเลย ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจข้าผิดเป็นแน่”ทว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ฟังคำว่าพี่สะใภ้แล้วกลับรู้สึกว่าไม่รื่นหูเอาเสียเลยนางนึกถึงคำพูดที่เสิ่นจือเจิ้งบอกนางเมื่อวาน บอกว่าเจี่ยนอันอันเป็นน้องหญิงของเขา บอกให้นางดีต่อเจี่ยนอันอันบัดนี้เจี่ยนอันอันยังจะมาเรียกนางว่าพี่สะใภ้อีกหรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะแน่นแฟ้นใกล้ชิดมากกว่าเดิม!เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ตัวนางไม่ได้มีรูปโฉมงดงามอย่างเจี่ยนอันอันไม่ได้มีความสามารถแบบเจี่ยนอันอันที่สามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ของเฉียนซื่อได้แต่ถึงอย่างไรนางก็ให้กำเนิดทายาทเพื่อเสิ่นจือเจิ้ง ซ้ำยังล้มป่วยเพราะเหตุนี้หรือว่าการทุ่มเททั้งหมดของนางจะไม่มากพอ?ในทางกลับกัน เจี่ยนอันอันแค่ช่วยถอนวิชาไสยศาสตร์ให้เสิ่นจือเจิ้งด้วยซ้ำไปหลังจากที่เสิ่นจือเจิ้งคืนสติก็รักและทะนุถนอมเจี่ยนอันอันมากจะไม่ให้นางน้อยใจและว้าวุ่นใจได้อย่างไรเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของนา
เจี่ยนอันอันรีบหยิบยาแก้อักเสบกระปุกหนึ่งออกมาจากในมิติเพื่อทำลายความอึดอัดนี้“พี่ใหญ่ วันนี้ข้ายังต้องให้ยาแก้อักเสบท่านอีก แบบนี้ร่างกายท่านจะได้ดีขึ้นเร็วหน่อย”เสิ่นจือเจิ้งไม่ได้พูดอะไร สายตายังคงจ้องมองฉู่จวินสิงอย่างเย็นชาเขายื่นมือข้างหนึ่งออกมารอให้เจี่ยนอันอันให้ยาแก้อักเสบเจี่ยนอันอันแทงเข็มให้ยาแก้อักเสบให้เสิ่นจือเจิ้งอย่างคล่องแคล่วเสียงเคาะประตูดังขึ้นเวลานั้นเองเสียงเจียงหว่านเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก“ท่านพี่ ข้าได้ยินคังเอ๋อร์บอกว่าแม่นางเจี่ยนมาหา”“ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันมองไปทางเสิ่นจือเจิ้ง เห็นเขาขมวดคิ้ว สีหน้าเผยความรำคาญใจออกมา“ห้ามเข้ามา ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นเจ้า” เสิ่นจือเจิ้งกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี“ท่านพี่ ข้า...”“ไปให้พ้น!”เจียงหว่านเอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินคำพูดนี้ดังมาจากในห้องแล้วก็รู้สึกน้อยใจเหตุใดพอเจี่ยนอันอันมาแล้ว เสิ่นจือเจิ้งจึงมีท่าทีหงุดหงิดรำคาญนางเช่นนี้นางทำผิดอะไรกันแน่ ตอนนี้แค่อยากเห็นเสิ่นจือเจิ้งก็ยังกลายเป็นความเพ้อฝัน?เจียงหว่านเอ๋อร์หมุนตัวจากไปทั้งดวงตาแดงก่ำนางอัดอั้นตันใจเหลือจะกล่าวจึงวิ่ง
เจี่ยนอันอันโอดครวญอยู่บนเตียงอุ่นสักพักก็ลุกขึ้นนั่งวันนี้นางมีเรื่องต้องไปจัดการ เรือนของเสิ่นจือเจิ้งต้องสร้างไว้แต่เนิ่นๆ ถึงจะดีหลังคนทั้งสองอาบน้ำออกมาจากห้องก็เห็นชาวบ้านหลายคนมายืนอยู่ในลานเรือนแล้วพวกเขากำลังพูดอะไรบางเกี่ยวกับท่อนไม้เหล่านั้นฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่ายืนฟังชาวบ้านพูดอะไรอยู่หน้าท่อนไม้ซ่างชิวกล่าว “ท่อนไม้พวกนี้สามารถสร้างเรือนหลังใหญ่ได้เลยทีเดียว อย่างน้อยก็สร้างได้ห้าห้องเชียวละ”อวี๋ว่านพยักหน้าเอ่ยว่า “ท่อนไม้พวกนี้พอใช้งานจริงๆ เกรงแต่ว่าซื้อท่อนไม้มามากมายขนาดนี้ คงใช้เงินไปไม่น้อยเลยกระมัง”ยามนั้นเหล่าสาวใช้ทำอาหารเสร็จยกมาตั้งโต๊ะเรียบร้อย คนตระกูลฉู่มานั่งลงแล้วเริ่มรับประทานอาหารเจี่ยนอันอันมองคนในหมู่บ้านเหล่านั้นแล้วถามพวกเขาว่าจะกินข้าวด้วยกันหรือไม่?พวกชาวบ้านรีบโบกไม้โบกมือ บอกว่าพวกตนกินมื้อเช้ามาแล้วจ้าวลิ่วเห็นอาหารเต็มโต๊ะเหล่านั้นแล้วก็น้ำลายไหลอย่างอดไม่อยู่ใบหน้าของเขาแสดงความอิจฉาออกมาถ้าที่บ้านเขาสามารถกินอาหารอร่อยแบบนี้ได้ก็ดีน่ะสิหลังกินอาหารอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงก็พาพวกชาวบ้านไปยังที่พักของกวน
เห็นฉู่จวินสิงไม่พอใจจริงๆ เจี่ยนอันอันก็ดึงมือเขามาพลางแสดงท่าทางบอกให้เขานั่งลงข้างตนเอง“เอาละ ที่ข้าพูดไปเมื่อครู่ ความจริงก็แค่หลอกท่านเล่น”“ข้าจะบอกความจริงให้ท่านฟังก็แล้วกัน เสิ่นจือเจิ้งเป็นพี่ใหญ่ของข้า”พี่ใหญ่อะไรกัน เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่องั้นรึ?ฉู่จวินสิงมุ่นคิ้ว สายตาจ้องดวงตาเจี่ยนอันอันเขม็งหมายจะค้นหาพิรุธจากแววตาของนางเจี่ยนอันอันเห็นว่าเป้าหมายของตนเองบรรลุแล้วก็ไม่อยากแกล้งเขาอีกแต่เห็นท่าทางหึงหวงของเขาแล้วก็ชักรู้สึกกลัวขึ้นมาเจี่ยนอันอันแลบลิ้น เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ข้าจะพูดเรื่องจริงจังแล้ว ท่านฟังแล้วก็อย่าตกใจเกินไปนะ”ฉู่จวินสิงไม่ส่งเสียง เขาอยากฟังเหมือนกันว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรออกมาเจี่ยนอันอันเก็บรอยยิ้มกลับไป กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เสิ่นจือเจิ้งคือพี่ใหญ่ของข้าจริงๆ”“ที่อยู่ในร่างกายเขาตอนนี้ ไม่ใช่เสิ่นจือเจิ้งคนเดิม แต่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้า”เห็นฉู่จวินสิงมีท่าทางเหมือนฟังไม่เข้าใจ เจี่ยนอันอันก็เล่าเรื่องของคนทั้งสองออกมาจนหมดฉู่จวินสิงยืนยันว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้โกหกเขาแล้ว ในที่สุดสีหน้าเย็นชาของเขาก็อ่อนโยนลงมากไอเย็นบนร่า
“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่?” ฉู่จวินสิงค่อนข้างสนใจห้องอาบน้ำนั่นมากทีเดียวเจี่ยนอันอันส่ายหน้าเบาๆ “ห้องอาบน้ำนี้มีแค่ข้าที่สามารถเข้าไปได้ คนนอกเข้าไปไม่ได้”ฉู่จวินสิงร้องอ้อคำหนึ่งแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเห็นฉู่จวินสิงมีท่าทางผิดหวังเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ได้แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา“จวินสิง ข้ามีเรื่องอยากบอกท่าน ท่านฟังแล้วอย่าตกใจเกินไปนะ”ฉู่จวินสิงเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เจี่ยนอันอันเป็นคนที่ทะลุมิติมาเขายังรับได้ตอนนี้ยังมีเรื่องไหนที่ทำให้เขาตกใจได้อีกหรือเจี่ยนอันอันนึกสนุกขึ้นมากะทันหัน ทันใดนั้นก็อยากแกล้งฉู่จวินสิงขึ้นมานางดึงมือฉู่จวินสิงมาอยู่ตรงหน้าตนเองแล้วก้มหน้าเล่นมือเขาไปมา“ท่านก็รู้เรื่องที่เสิ่นจือเจิ้งต้องคุณไสย หลังจากข้าแก้คุณไสยที่เฉียนซื่อทำใส่เขา เขาก็ได้สติคืนมา”“เขาจำคนในตระกูลเสิ่นไม่ได้ แต่เขากลับจำข้าได้”เจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ก็เงยหน้ามองฉู่จวินสิง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าเขาฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่น สีหน้าที่แต่เดิมอ่อนโยนก็ค่อยๆ บึ้งตึงขึ้นมาอดีตฮ่องเต้มีประสงค์จะประทานสมรสให้ทั้งสองครอบครัว เขาพอรู้มาบ้างไม่มากก็น้อยแต่ยามนั้นเจี