เห็นฉู่จวินสิงไม่พอใจจริงๆ เจี่ยนอันอันก็ดึงมือเขามาพลางแสดงท่าทางบอกให้เขานั่งลงข้างตนเอง“เอาละ ที่ข้าพูดไปเมื่อครู่ ความจริงก็แค่หลอกท่านเล่น”“ข้าจะบอกความจริงให้ท่านฟังก็แล้วกัน เสิ่นจือเจิ้งเป็นพี่ใหญ่ของข้า”พี่ใหญ่อะไรกัน เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่องั้นรึ?ฉู่จวินสิงมุ่นคิ้ว สายตาจ้องดวงตาเจี่ยนอันอันเขม็งหมายจะค้นหาพิรุธจากแววตาของนางเจี่ยนอันอันเห็นว่าเป้าหมายของตนเองบรรลุแล้วก็ไม่อยากแกล้งเขาอีกแต่เห็นท่าทางหึงหวงของเขาแล้วก็ชักรู้สึกกลัวขึ้นมาเจี่ยนอันอันแลบลิ้น เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ข้าจะพูดเรื่องจริงจังแล้ว ท่านฟังแล้วก็อย่าตกใจเกินไปนะ”ฉู่จวินสิงไม่ส่งเสียง เขาอยากฟังเหมือนกันว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรออกมาเจี่ยนอันอันเก็บรอยยิ้มกลับไป กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เสิ่นจือเจิ้งคือพี่ใหญ่ของข้าจริงๆ”“ที่อยู่ในร่างกายเขาตอนนี้ ไม่ใช่เสิ่นจือเจิ้งคนเดิม แต่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้า”เห็นฉู่จวินสิงมีท่าทางเหมือนฟังไม่เข้าใจ เจี่ยนอันอันก็เล่าเรื่องของคนทั้งสองออกมาจนหมดฉู่จวินสิงยืนยันว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้โกหกเขาแล้ว ในที่สุดสีหน้าเย็นชาของเขาก็อ่อนโยนลงมากไอเย็นบนร่า
เจี่ยนอันอันโอดครวญอยู่บนเตียงอุ่นสักพักก็ลุกขึ้นนั่งวันนี้นางมีเรื่องต้องไปจัดการ เรือนของเสิ่นจือเจิ้งต้องสร้างไว้แต่เนิ่นๆ ถึงจะดีหลังคนทั้งสองอาบน้ำออกมาจากห้องก็เห็นชาวบ้านหลายคนมายืนอยู่ในลานเรือนแล้วพวกเขากำลังพูดอะไรบางเกี่ยวกับท่อนไม้เหล่านั้นฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่ายืนฟังชาวบ้านพูดอะไรอยู่หน้าท่อนไม้ซ่างชิวกล่าว “ท่อนไม้พวกนี้สามารถสร้างเรือนหลังใหญ่ได้เลยทีเดียว อย่างน้อยก็สร้างได้ห้าห้องเชียวละ”อวี๋ว่านพยักหน้าเอ่ยว่า “ท่อนไม้พวกนี้พอใช้งานจริงๆ เกรงแต่ว่าซื้อท่อนไม้มามากมายขนาดนี้ คงใช้เงินไปไม่น้อยเลยกระมัง”ยามนั้นเหล่าสาวใช้ทำอาหารเสร็จยกมาตั้งโต๊ะเรียบร้อย คนตระกูลฉู่มานั่งลงแล้วเริ่มรับประทานอาหารเจี่ยนอันอันมองคนในหมู่บ้านเหล่านั้นแล้วถามพวกเขาว่าจะกินข้าวด้วยกันหรือไม่?พวกชาวบ้านรีบโบกไม้โบกมือ บอกว่าพวกตนกินมื้อเช้ามาแล้วจ้าวลิ่วเห็นอาหารเต็มโต๊ะเหล่านั้นแล้วก็น้ำลายไหลอย่างอดไม่อยู่ใบหน้าของเขาแสดงความอิจฉาออกมาถ้าที่บ้านเขาสามารถกินอาหารอร่อยแบบนี้ได้ก็ดีน่ะสิหลังกินอาหารอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงก็พาพวกชาวบ้านไปยังที่พักของกวน
เจี่ยนอันอันรีบหยิบยาแก้อักเสบกระปุกหนึ่งออกมาจากในมิติเพื่อทำลายความอึดอัดนี้“พี่ใหญ่ วันนี้ข้ายังต้องให้ยาแก้อักเสบท่านอีก แบบนี้ร่างกายท่านจะได้ดีขึ้นเร็วหน่อย”เสิ่นจือเจิ้งไม่ได้พูดอะไร สายตายังคงจ้องมองฉู่จวินสิงอย่างเย็นชาเขายื่นมือข้างหนึ่งออกมารอให้เจี่ยนอันอันให้ยาแก้อักเสบเจี่ยนอันอันแทงเข็มให้ยาแก้อักเสบให้เสิ่นจือเจิ้งอย่างคล่องแคล่วเสียงเคาะประตูดังขึ้นเวลานั้นเองเสียงเจียงหว่านเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก“ท่านพี่ ข้าได้ยินคังเอ๋อร์บอกว่าแม่นางเจี่ยนมาหา”“ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันมองไปทางเสิ่นจือเจิ้ง เห็นเขาขมวดคิ้ว สีหน้าเผยความรำคาญใจออกมา“ห้ามเข้ามา ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นเจ้า” เสิ่นจือเจิ้งกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี“ท่านพี่ ข้า...”“ไปให้พ้น!”เจียงหว่านเอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินคำพูดนี้ดังมาจากในห้องแล้วก็รู้สึกน้อยใจเหตุใดพอเจี่ยนอันอันมาแล้ว เสิ่นจือเจิ้งจึงมีท่าทีหงุดหงิดรำคาญนางเช่นนี้นางทำผิดอะไรกันแน่ ตอนนี้แค่อยากเห็นเสิ่นจือเจิ้งก็ยังกลายเป็นความเพ้อฝัน?เจียงหว่านเอ๋อร์หมุนตัวจากไปทั้งดวงตาแดงก่ำนางอัดอั้นตันใจเหลือจะกล่าวจึงวิ่ง
มองดูร่างกายผอมบางของเจียงหว่านเอ๋อร์สั่นเทิ้มเบาๆ เพราะร้องไห้เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปนั่งด้านข้างนางยกมือตบหลังเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา“พี่สะใภ้อย่าร้องไห้อีกเลย ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจข้าผิดเป็นแน่”ทว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ฟังคำว่าพี่สะใภ้แล้วกลับรู้สึกว่าไม่รื่นหูเอาเสียเลยนางนึกถึงคำพูดที่เสิ่นจือเจิ้งบอกนางเมื่อวาน บอกว่าเจี่ยนอันอันเป็นน้องหญิงของเขา บอกให้นางดีต่อเจี่ยนอันอันบัดนี้เจี่ยนอันอันยังจะมาเรียกนางว่าพี่สะใภ้อีกหรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะแน่นแฟ้นใกล้ชิดมากกว่าเดิม!เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ตัวนางไม่ได้มีรูปโฉมงดงามอย่างเจี่ยนอันอันไม่ได้มีความสามารถแบบเจี่ยนอันอันที่สามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ของเฉียนซื่อได้แต่ถึงอย่างไรนางก็ให้กำเนิดทายาทเพื่อเสิ่นจือเจิ้ง ซ้ำยังล้มป่วยเพราะเหตุนี้หรือว่าการทุ่มเททั้งหมดของนางจะไม่มากพอ?ในทางกลับกัน เจี่ยนอันอันแค่ช่วยถอนวิชาไสยศาสตร์ให้เสิ่นจือเจิ้งด้วยซ้ำไปหลังจากที่เสิ่นจือเจิ้งคืนสติก็รักและทะนุถนอมเจี่ยนอันอันมากจะไม่ให้นางน้อยใจและว้าวุ่นใจได้อย่างไรเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของนา
“ข้าสัมผัสได้ว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่ดี”“ท่านทุ่มเทเพื่อพี่ใหญ่มากถึงขนาดนั้น เขาไม่มีทางเย็นชาแบบนี้ตลอดไป”เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกอัดอั้นในใจเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันชมว่านางเป็นผู้หญิงที่ดี นางก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆระบายความอัดอั้นในใจออกไปให้หมด“แต่เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว จือเจิ้งไม่ได้คิดแบบนี้”เจียงหว่านเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าการทุ่มเทของตัวเองเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาเสิ่นจือเจิ้งเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์เบาๆ พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน“พี่สะใภ้ต้องให้เวลาพี่ใหญ่สักหน่อย ตอนนี้เขาจำผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้น ย่อมวางตัวเย็นชาเป็นธรรมดา”“เมื่อวานนี้ข้าเองก็ต้องพูดอยู่นานมาก เขาถึงได้เข้าใจว่าข้าไม่ใช่น้องหญิงที่ตายไปแล้วของเขา”“แต่ข้ามองออกว่าพี่ใหญ่คิดถึงน้องหญิงคนนั้นมาโดยตลอด”“ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงนับอีกฝ่ายเป็นพี่น้อง”เจียงหว่านเอ๋อร์ฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน ส่วนสายตาจับจ้องที่มือของอีกฝ่ายมือคู่นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทั้งขาวกระจ่าง ทั้งนิ่มละเอียดเพียงมองก็รู้ว่าเป็นบุตรสาวจากตระกูลใหญ่ ถึงได้มีมือที่งดงามเช่นนี้ผิดกับมือของนางที่หยาบกร้านเพราะทำงานบ้านมาเป็นเ
นางยังบอกอีกว่าจะหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งและยกตำแหน่งเสิ่นฮูหยินให้เจี่ยนอันอันไม่สมควรเลยจริงๆ!“อันอัน ข้าขอเรียกเจ้าแบบนี้ได้หรือไม่?” เจียงหว่านเอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันอย่างเขินอายเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์รับฟังคำพูดของตัวเองก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมากนางฉีกยิ้มว่า “พี่สะใภ้อยากเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”“อันอัน เมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ผิดต่อเจ้า”“ไม่นึกเลยว่าข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้า เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ?”เจียงหว่านเอ๋อร์หวังจากใจจริงว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ถือโทษโกรธนางเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบาและยิ้มอย่างจริงใจ“พูดอะไรกันเจ้าคะ ข้าต้องไม่โกรธท่านอยู่แล้ว”“ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เป็นคำพูดที่เกิดมาจากอารมณ์ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเจ้าค่ะ”เจียงหว่านเอ๋อร์มีรอยยิ้มในที่สุดนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม แต่ยังจิตใจดีมากด้วยต่อแต่นี้นางห้ามอิจฉาริษยาอีกเด็ดขาด หลังจากปลอบใจเจียงหว่านเอ๋อร์เรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็กลับไปยังห้องด้านข้างตอนนี้ยาในขวดยาใกล้จะหมดลงแล้ว เจี่ยนอันอันนำเข็มออกแล้วเก็บขวดยาเข้าสู่ห้วงมิติเสิ่นจือเจิ้งรู้สึ
จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตัวเองมัวแต่ซื้อท่อนซุง แต่ไม่ได้ซื้อตะปูมาด้วยลำพังแค่ท่อนซุงอย่างเดียวจะสร้างบ้านได้อย่างไร?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดแบบนี้ นางก็เห็นจ้าวอู่กับจ้าวลิ่ววางเครื่องมือในมือลงทั้งสองคนนำไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยจากข้างกายมาต่อเข้าด้วยกันภาพนี้ทำให้เจี่ยนอันอันได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาทำการเลื่อยช่องสี่เหลี่ยมไว้ที่ปลายแต่ละด้านของไม้เพียงแค่ประกบไม้เข้าด้วยกันและยึดให้มั่นทั้งสองด้าน เท่านี้ก็จะได้เป็นโครงบ้านแล้วเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ ทางที่ดีนางควรจัดหาตะปูมาเสริมความแข็งแรงให้โครงไม้ด้วยเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ทำการซื้อตะปูยาวจำนวนมากจากร้านค้ามาวางไว้ข้างทั้งสอง“ข้ามีตะปูอยู่ เมื่อครู่นี้ลืมหยิบออกมา”“พวกเจ้าสองคนทำงานได้ไม่เลว เอาไว้สร้างบ้านเสร็จแล้วข้าจะจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้”จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วได้ยินว่ามีค่าแรงให้ด้วยก็ยิ่งตั้งใจทำงานมากขึ้นเจี่ยนอันอันพูดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ทุกคนต่างขานรับอย่างมีความสุขทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งพวกเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางให้ค
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ
พวกเขาไม่ยอมลงมาเสียที คงกลัวจะถูกคนของทางการพบเห็นว่ามาพักอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อยกอาหารออกมา แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเขาเคาะประตู ครู่หนึ่งจึงมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา พร้อมรับเอาถาดอาหารเข้าไปคนในห้องยังได้พูดจาบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อ เห็นเพียงเสี่ยวเอ้อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับเงินมาแล้วจึงเดินลงชั้นล่างไปเมื่อมั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในห้อง เพียงไม่ได้ปรากฏตัวเท่านั้นฉู่จวินสิงจึงค่อยๆ กินข้าวช้าลงด้วยรอจนกระทั่งทั้งคู่กินข้าวเสร็จ ผู้คนในโถงกินข้าวก็ได้ออกไปกว่าครึ่งแล้วเจี่ยนอันอันซับคราบน้ำมันที่มุมปาก พลางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “อาหารโรงเตี๊ยมนี้ช่างถูกปากข้านัก”ฉู่จวินสิงยิ้มๆ มิได้พูดจาทั้งคู่เดินขึ้นชั้นบนไป แต่มิได้กลับเข้าห้องของตน กลับเดินมาหยุดที่หน้าห้องหม่าลู่และเฉินเช่อแทนฉู่จวินสิงยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานในห้องก็มีเสียงคล้ายหวาดระแวงของเฉินเช่อ“ใคร?”ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงต่ำ “เฉินเช่อ เปิดประตู เป็นข้าเองฉู่จวินสิง”ขาดคำมิทันไร จึงได้ยินในห้องมีเสียงฝีเท้าคนเดินและไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกเป็นซอกเล็กเมื่อเฉินเช่อเห็นผู้ที่มายืนอยู่ด้านนอก มิใช
ฉู่จวินสิงกล่าวจบ จึงปล่อยมือเจี่ยนอันอันแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเจี่ยนอันอันเอนกายนอนลงบนเตียงเช่นเดิม มือกุมที่หน้าท้องแบนราบลูกคนนี้มาเร็วเกินไป จนนางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่มาหวนคิดอีกที เมื่อเด็กเลือกที่จะมาอยู่กับพวกเขา นางจึงมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอให้ลูกลืมตาดูโลกเมื่อใด นางจะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนตนเองเจี่ยนอันอันนำยาบำรุงจากห้วงมิติออกมาแล้วกินเข้าไป พลันอาการหน้ามืดวิงเวียนค่อยบรรเทาลงบ้างนางลงจากเตียง เดินมาถึงนอกประตู จึงเห็นฉู่จวินสิงยืนอยู่ด้านนอกผู้เดียว คล้ายรับลมเย็นอยู่เจี่ยนอันอันเดินมาข้างกาย พลางเรียกเบาๆ “ท่านพี่”ฉู่จวินสิงกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ แม้กระทั่งเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ยังไม่รู้ตัวเมื่อถูกนางเรียกเข้า จึงได้ตั้งสติกลับมาโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากให้ใครได้ยินเข้า ชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกหนุ่มอีกคนว่าท่านพี่ คงได้ตกใจจนตาถลนออกนอกเบ้าเป็นแน่แท้ ฉู่จวินสิงมองไปยังชั้นล่าง ยังไม่เห็นวี่แววลูกน้องสองคนจะมาถึงเขาจึงดึงตัวเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไป“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพักอี
เขาตื่นเต้นจนนั่งลงที่เตียง พร้อมจับมือเจี่ยนอันอันไว้ วางที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราสองคนก็จะมีทายาทแล้ว”“แสดงว่าสิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ นับว่าไม่เสียเปล่า”เจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าตื่นเต้นยินดีของฉู่จวินสิง นางกลับไม่ยินดียินร้ายและไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“เมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่ากระไร อะไรคือสิ่งที่ทำไม่เสียเปล่า?”หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่จวินสิงนำยาคุมกำเนิดของนาง ไปสับเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น?แต่ความคิดนี้ผุดขึ้น พลันถูกเจี่ยนอันอันลบทิ้งไปเขามิใช่คนในยุคปัจจุบันเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่ายังมียาชนิดอื่นทดแทนยาคุมกำเนิดได้แล้วฉับพลันเจี่ยนอันอันก็นึกขึนได้ว่า ครั้งแรกที่นางมีอะไรกับฉู่จวินสิง ตอนนั้นนางไม่ได้กินยาคำนวณเวลาดูแล้ว ห่างจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ก็ประมาณหนึ่งเดือนจริงๆเจี่ยนอันอันพลันนิ่งอึ้ง นางนึกเสียใจที่วันนั้นเหตุใดจึงไม่กินยาก่อน?แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็สายเกินแก้ นางไม่ต้องการมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วฉู่จวินสิงมองหน้าเจี่ยนอันอัน ประเดี๋ยวก็คิ้วขมวด ประเดี๋ยวก็ให้หมดอาลัยตายอยากเขารู้สึกห่อเหี่ยวลง
ยามนี้เจี่ยนอันอันรู้สึกคล้ายวิงเวียนศีรษะ เห็นทีต้องกลับไปพักเอาแรงเสียหน่อยแล้วระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม เจี่ยนอันอันถามฉู่จวินสิง “ท่านรู้สึกเวียนศีรษะบ้างหรือไม่?”ฉู่จวินสิงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าตนมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดแต่เขากลับรู้สึกว่า มือของเจี่ยนอันอันค่อนข้างเย็น“เจ้าเป็นอะไร ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าเบาๆ นางกำลังรู้สึกว่าเวลาเดินคล้ายตัวลอยอย่างไรชอบกลสองเท้าเหมือนดั่งย่ำอยู่บนปุยนุ่น มีความทรมานนักฉู่จวินสิงเห็นท่าไม่สู้ดี จึงก้มตัวลงต่อหน้านาง“ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”เจี่ยนอันอันมิได้โต้แย้ง เพราะนางรู้สึกไม่ใคร่สบายจริงๆ จึงไม่คิดขัดขืน พลางแนบลงแผ่นหลังฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกนางแล้วเดินต่อ ระหว่างทางยังถอยถามไถ่อาการเป็นระยะเจี่ยงอันอันเพียงคิดว่าอาจเพราะเมื่อครู่ฆ่าคนมากเกินไป และสูดกลิ่นคาวเลือดมากไปด้วยบวกกับยาเม็ดนั้น นางใช้เวลาอันสั้นในการปรุงออกมาสรรพคุณของยาคงไม่ดีเท่ายาที่ผลิตได้ในยุคปัจจุบันนางซบอยู่แผ่นหลังฉู่จวินสิง พร้อมนำความคิดตนพูดให้เขาฟังฉู่จวินสิงเริ่มใช้วิชาตัวเบา ทำให้การเดินเท้ารวดเร็วกว่าเมื่อคร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก