อวี้เฟิ่งรีบร้องว่า “ท่านพี่ ท่านพูดอะไรบ้างสิ รีบขอร้องให้นางปล่อยตัวท่านสิ”จางต้าเผยอปากแต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เปล่งออกมาผมของเขาจะถูกเจี่ยนอันอันกระชากจนร่วงหมดแล้วเวลานี้ใบหน้าของเขามีน้ำตาและน้ำมูกไหลมากองกันเขาเองก็อยากร้องขอความเมตตาเช่นกัน ติดก็แต่ทำไม่ได้!จังหวะนี้เอง ท่านปู่เฉินซึ่งได้รับแจ้งข่าวจากชาวบ้านเร่งร้อนเดินเข้ามา“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”บรรดาชาวบ้านเห็นท่านปู่เฉินมาถึงก็รีบเปิดทางให้เขาครั้นท่านปู่เฉินเดินมาถึงหน้ารถม้าก็เห็นเจี่ยนอันอันกระชากผมจางต้าไม่ยอมปล่อยขณะที่อวี้เฟิ่งกับบรรดาบ่าวรับใช้ของนางได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ตรงนั้นท่านปู่เฉินไม่รู้เรื่องที่ซ่างชิวถูกจับ เขาจึงเข้าใจไปว่าเจี่ยนอันอันมีเรื่องบาดหมางกับอวี้เฟิ่งและบ้านแม่สามีของนางอีกแล้วภายในใจเขากลัดกลุ้มขึ้นมาโดยพลันเขารู้ว่าอวี้เฟิ่งกับบ้านแม่สามีของนางต่างก็อวดดีและใช้อำนาจบาตรใหญ่กันมากแต่บรรดาชาวบ้านล้วนแต่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับพวกนางมาโดยตลอดเพราะถึงอย่างไรแล้วทุกคนก็ต้องพึ่งพาเสบียงอาหารจากบ้านแม่สามีอวี้เฟิ่งอยู่นับจากที่พวกเจี่ยนอันอันมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย ที่นี่ก็
หลังจากที่ท่านปู่เฉินได้ยินแล้ว ก็มองไปยังจางต้าด้วยใบหน้าประหลาดใจขึ้นมา“จางต้า เจ้านำคนไปจับตัวซ่างชิวทำไม ครอบครัวของเขาติดค้างเงินครอบครัวเจ้าอีกอย่างนั้นหรือ?”จางต้าอ้าปากออกด้วยความขมขื่น เขาอยากจะอธิบายออกมา แต่กลับพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวเจี่ยนอันอันปล่อยผมของจางต้า ก่อนจะหันไปจับผมของนายอำเภอนายอำเภอรู้สึกได้ถึงหนังศีรษะเกิดอาการเจ็บปวดเป็นระยะๆ เขาถูกจับจนต้องกรีดร้องออกมาเจี่ยนอันอันยิ้มเย้ยออกมา “เงินที่ซ่างชิงติดค้างครอบครัวของอวี้เฟิ่งข้าช่วยคืนไปจนหมดแล้ว” “แต่นายอำเภอหมูอ้วนนี้กลับฟังคำใส่ร้ายของจางต้านี่ จงใจให้จางต้าไปจับตัวซ่างชิวมา” “วันนี้ข้านำพวกเขามาทั้งหมดแล้ว” “ข้าเพียงแต่อยากจะดูว่า อวี้เฟิ่งจะถลกหนังนายอำเภอหมูอ้วนนี่อย่างไรกัน”ท่านปู่เฉินได้ยินว่าถลกหนังนายอำเภอ นี่ก็เท่ากับว่าต้องการชีวิตของคนกันเชียวเขารีบพูดออกมา “แม่นาง ข้าว่าในนี้จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ พวกเรามีอะไรก็ให้พูดคุยกันดีๆ เถิด”เจี่ยนอันอันตะคอกออกมา “คนประเภทนี้ ข้าไม่มีอะไรให้พูดกันดีๆ”ขณะที่นางพูดก็หันไปมองยังอวี้เฟิ่ง “ข้าได้ยินมาว่าที่ดินของครอบครัวซ่างชิว จนตอ
คำพูดของนายอำเภอ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็หันไปมองทางอวี้เฟิ่งอวี้เฟิ่งเมื่อเห็นว่าพี่ชายของตนเอง พูดความจริงออกมาแล้วนางก็แทบจะอดไม่ได้ที่จะถลกหนังของนายอำเภอออกมาเสียตอนนี้เมื่อมองไปยังจางต้าอีกครั้ง ก็พบว่าเขากำลังมองมายังนางด้วยใบหน้าเจ็บปวดนางจึงโมโหขึ้นมาอีกครั้งเรื่องนี้ถึงแม้ว่าจะเป็นความคิดของนาง ทว่าคนลงมือกลับเป็นจางต้าก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนพูดยาก มาตอนนี้แม้แต่จะผายลมก็ยังไม่ปล่อยออกมาอวี้เฟิ่งคำรามใส่จางต้าด้วยความโกรธ “จางต้า เจ้าพูดอะไรออกมาเสียสิ” “ทำไมกัน เจ้าเห็นว่าข้าถูกพวกเขารังแก แม้แต่จะผายลมออกมาก็ยังไม่กล้าปล่อยอย่างนั้นหรือ?”จางต้าชี้ไปยังลำคอของตัวเอง ก่อนจะโบกมืออย่างแรงความหมายของเขาชัดเจนมาก ตอนนี้เขาพูดอะไรไม่ออกเขาเองก็อยากจะช่วยอวี้เฟิ่งพูดออกมา ทว่าตอนนี้เขาทำไม่ได้!อวี้เฟิ่งไม่เข้าใจความหมายของจางต้า นางคิดว่าจางต้าในตอนนี้ไม่คิดอยากจะช่วยนาง“ได้ พวกเจ้าแต่ละคน ล้วนแต่คิดอยากจะทำร้ายฆ่าข้าให้ตาย ตอนนี้ข้าจะตายให้พวกเจ้าดู ใครก็อย่ามาห้ามข้า”อวี้เฟิ่งพูดออกมา ก็พุ่งชนเข้ากับรถม้าฉู่จวินสิงเมื่อเห็นเข้า ก็เตะไปที่ขาขอ
เหล่าชาวบ้านต่างก็หวาดกลัวอวี้เฟิ่งและบ้านสามีของนางมาโดยตลอดพวกเขามักจะคิดว่าทุกวิถีทาง เพื่อคืนเงินที่ยืมอวี้เฟิ่งมาซื้ออาหารหากว่าคืนไม่ได้แล้ว พวกเขาก็อาจจะพยายามช่วยบ้านแม่สามีของอวี้เฟิ่งทำงานตอนนี้ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยออกมา เหล่าชาวบ้านเองก็แทบอยากฉีกอวี้เฟิ่งและจางต้าออกเป็นชิ้นๆอวี้เฟิ่งเมื่อเห็นว่าเหล่าชาวบ้าน ทั้งหมดต่างก็พากันจ้องมองมายังนางด้วยความโกรธเกลียดส่วนพี่ใหญ่ของนางก็เหมือนกับว่าถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง ถึงพูดเรื่องนี้ออกมาจนหมดสิ้นอวี้เฟิ่งเองก็อดรนทนไม่ไหว นางลุกขึ้นเหวี่ยงฝ่ามือตบไปยังใบหน้าของนายอำเภออย่างแรงตามมาด้วยเสียงฝ่ามือ ‘เพียะ’ ดังขึ้น ทันใดนั้นใบหน้าของนายอำเภอปรากฏรอยฝ่ามือแดงขึ้นหลายรอย“พี่ใหญ่ที่สมควรตายนี่ ท่านจะฆ่าข้าให้ตายจริงๆ อย่างนั้นหรือ ข้าจะถลกหนังท่านเสียตอนนี้เลย!”อวี้เฟิ่งพูดออกมา ก็หันไปมองดาบที่วางอยู่บนรถม้านางหยิบดาบขึ้นมา แทงไปยังกายของนายอำเภอนายอำเภอยังคงจ้องมองไปยังเบื้องหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่ได้ตื่นตระหนกเพราะว่าการกระทำของอวี้เฟิ่งปลายดาบแทงเข้าไปยังไหล่ของนายอำเภอ เลือดไหลทะลักออกมาทันทีอ
จางต้ามองไปยังเจี่ยนอันอัน ก็พบว่านางกำลังยิ้มหรี่ตามองมายังเขาอย่างไรเสียฆ่าไปหนึ่งคนก็เท่ากับว่าฆ่าคนไปแล้ว ตอนนี้เขาสนใจอะไรมากไม่ได้แล้วจางต้าหยิบดาบขึ้นมา ก่อนจะแทงไปยังเจี่ยนอันอันขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะลงมือ ก็พบว่าฉู่จวินสิงมายังเบื้องหน้าของนางแล้วฉู่จวินสิงถีบดาบในมือของจางต้ากระเด็นลอยไป ก่อนจะเตะไปยังหน้าอกของจางต้าอีกครั้งจางต้าถูกกระเด็นลอยไป ก่อนจะตกลงไปใกล้กับฝ่าเท้าของเหล่าชาวบ้านชาวบ้านพากันรุมเหยียบจางต้าจมกับกับพื้นดินนายอำเภอมองเห็นน้องสาวแท้ของตัวเองตายในมือของจางต้า เขาก็รีบกระโดดลงมาจากรถม้า“งามหน้านักเจ้าจางต้า ข้ามีน้องสาวเพียงแค่คนเดียว เจ้ากลับกล้าฆ่านาง ข้าจะพาเจ้ารับโทษทันที!”นายอำเภอพูด พร้อมหยิบดาบบนพื้นขึ้นมาเขามายังเบื้องหน้าของจางต้า ก่อนจะแทงเข้าไปยังลำคอของจางต้าเลือดสดไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมากจากลำคอของจางต้าทันทีจางต้าเบิกตาทั้งคู่กว้างด้วยความตื่นตกใจไม่นานนัก เขาก็ล้มลงบนพื้น และไม่มีลมหายใจอีกต่อไป ชาวบ้านเหล่านั้นทั้งหมดพากันมองอย่างตะลึงมีคนตายติดต่อกันสองคน กลิ่นคาวคละคลุ้ง แผ่กระจายไปทั่วกลางอากาศไม่นานนักก
เมื่อนายอำเภอเห็นเข้า ก็เตะเข้าไปยังท้องของชายชราชายชราถูกเตะจนร้อง “โอ๊ย” ดังออกมา ก่อนจะซวนเซไปหลายก้าว แล้วล้มนั่งลงบนพื้น”กระดูกแก่ๆ ของเขารับการเตะนี้ไม่ไหว ชั่วขณะก็ถูกเตะเข้าเสียจนใบหน้าซีดขาว ผ่านไปนานก็ยังลุกไม่ขึ้นหญิงชราเมื่อเห็นเข้า ก็รีบวิ่งเข้ามาประคองชายชราขึ้นนางชี้นิ้วไปยังนายอำเภอและเจี่ยนอันอันด้วยมือสั่นเทา“พวกเจ้าสร้างหายนะฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา ข้าจะแจ้งไปทางท่านเจ้าเมือง ให้ท่านเจ้าเมืองช่วยตัดสินให้พวกเรา!”หญิงชราพูดออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับเด็กรับใช้ด้วยความโมโห “ยังจะนิ่งอึ้งกันทำอะไร ยกจางต้าไปสิ”เด็กรับใช้รีบก้าวมาข้างหน้า แล้วยกศพของจางต้าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าพวกเขาจะจากไป เหล่าชาวบ้านเองก็ไม่พอใจนักพวกเขาทั้งหมดล้อมรอบกันเข้ามา อย่างต้องการคำอธิบายจากหญิงชราและชายชรา“จางต้าของพวกเจ้าใส่น้ำยาคูหยาลงบนที่ดินของพวกเรา ทำให้ผลผลิตอาหารที่ปลูกจากที่ดินของพวกเรามีพิษ” “พวกเจ้าคิดจะจากไป ไม่มีทางเสียหรอก!”เรื่องที่จางต้าใส่น้ำยาคูหยาลงบนที่ดินของชาวบ้านนั้น ทั้งสองผู้เฒ่าต่างก็รู้พวกเขาเองก็เคยชื่นชมอวี้เฟิ่งที่เสนอความคิดได้ดีเมื่อชาวบ้านติดค
เจี่ยนอันอันเดินเข้ามา ก็มองเห็นท่านปู่เฉินหลับตาแน่น หายใจรัวเร็วขึ้นเจี่ยนอันอันรีบตรวจชีพจรให้ท่านปู่เฉิน นางเปิดเปลือกตาของท่านปู่เฉินไม่นานนางก็สรุปได้ว่า พิษในตัวท่านปู่เฉินเริ่มจู่โจมแล้ว และก็เป็นในตอนนี้ ที่มีชาวบ้านหลายคนพากันกุมท้อง ล้มลงบนพื้นด้วยใบหน้าเจ็บปวดร่างกายของพวกเขาพากันกระตุก มุมปากมีฟองขาวออกมาชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อเห็นเข้า ต่างก็พากันตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเพียงแค่ชั่วครู่ก็มีคนล้มลงไปหลายคน?เจี่ยนอันช่วยตรวจให้ชาวบ้านเหล่านั้นด้วย อาการของพวกเขาคล้ายคลึงกันกับท่านปู่เฉินเพียงแต่พิษในกายของพวกเขา ดูจะมีมากกว่าท่านปู่เฉินอยู่เล็กน้อยดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องกินอาหารที่มีน้ำยาคูหยาอยู่ ถึงได้เป็นเช่นนี้ตอนนี้วิธีการที่จะทำให้พวกเขาฟื้นขึ้นมานั้น ก็มีเพียงแค่ใช้พิษแก้พิษเจี่ยนอันอันหยิบเข็มเงินสลายพิษมาจากห้วงมิติฝังลงไปบนกายชาวบ้านเหล่านั้นชาวบ้านเหล่านั้นไม่นานก็หยุดชักกระตุกลง ผ่านไปชั่วครู่ พวกเขาต่างก็ทยอยกันได้สติขึ้นมาเจี่ยนอันอันดึงเข็มพิษออกมา ก่อนจะฝังให้ท่านปู่เฉินหลังจากที่ท่านปู
ท่านปู่เฉินขอบคุณติดต่อกัน ก่อนจะเหลือบมองชาวบ้านเหล่านั้นที่อยู่บนพื้นเขาพูดร้องของออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล “ได้โปรดขอแม่นางช่วยเหลือด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันส่งเสียงเย็นชาออกมา “เมื่อครู่นี้ข้าก็เพิ่งจะช่วยพวกเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีหน้าที่ไปสนใจพวกเขาอีก”ท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมช่วยเหลือชาวบ้านเหล่านั้น เขายังคิดจะพูดอะไรออกมา แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันยกมือห้ามเอาไว้“ท่านปู่เฉินไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความแล้ว ในตอนนั้นที่พวกเรามายังหมู่บ้านชิงสุ่ย พวกเขาคัดค้านไม่ให้พวกเราพักอยู่ที่นี้อย่างรุนแรง” “ตอนนี้มาร้องขอข้า สายไปเสียแล้ว”ท่านปู่เฉินถอนหายใจอย่างแรง ถึงแม้ว่าเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่เขาก็ไม่อาจบังคับให้เจี่ยนอันอันทำอะไรได้เขาเหลือบมองไปยังชาวบ้านเหล่านั้น ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วหันหลังจากไปชาวบ้านที่นอนอยู่บนพื้นเหล่านั้น หลังจากที่ได้ยินคำของเจี่ยนอันอันแล้ว ก็พากันรู้สึกเสียใจขึ้นมาตอนนั้นพวกเขาช่างตาบอดไปจริงๆ มองไม่ออกว่าเจี่ยนอันอันจะมีความสามารถเช่นนี้ตอนนี้พวกเขาพากันล่วงเกินเจี่ยนอันอัน อยากจะให้นางช่วยเหลือพวกเข
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”