แชร์

คนแปลกหน้าสองเรา(2)

“คุณดูเป็นผู้ใหญ่มากไม่น่าเชื่อว่าจะมีเรื่องให้คิดทุกข์ใจถึงกับต้องมานั่งที่นี่กลางดึกคนเดียวแบบนี้ ข้าง ๆ สวนสาธารณะมีร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิด 24 ชั่วโมงเราไปหาอะไรกินกันเถอะ”

ชายหญิงสองคนเดินพูดคุยกันเรื่องทั่ว ๆ ไประหว่างเดินทางข้ามถนนเพื่อไปยังร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อยู่ใกล้ที่สุด ในสายตาของคนอื่นคงคิดว่าทั้งคู่เป็นคนรู้จักกันทั้งที่ความจริงแล้วทั้งสองเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่มีโอกาสคุยกันได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

“ปกติแล้วคุณชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบนี้ไหม”

ชายหนุ่มหันมาถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกินบะหมี่แบบกระป๋องจนถึงขั้นยกน้ำซดจนหมดถ้วยด้วยหน้าตาที่ดูจะมีความสุขขึ้น

“ชอบกินมากเลยล่ะค่ะแต่ปกติแล้วจะชอบแบบต้มในถ้วยใส่ไข่ใส่ผักโดยเฉพาะเวลาไปนอนกางเต็นท์กับเพื่อน ๆ เมนูนี้จะเป็นเมนูยอดฮิตในตอนเช้าโดยเฉพาะเวลาที่อากาศหนาว

“คุณเป็นคนชอบเที่ยวเชิงธรรมชาติเหมือนกับผมเลยแต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเพราะเพื่อนผมก็ไม่ใช่สายนี้ คุณแม่ผมเองท่านก็ป่วยอยู่ไปเที่ยวด้วยไม่ได้เวลาจะไปไหนทีก็ได้แต่ไปคนเดียว            นอนกางเต็นท์คนเดียวบางครั้งก็ได้แต่อิจฉาเต้นท์ข้าง ๆ ที่เขาพาครอบครัวหรือไม่ก็เพื่อนมานั่งคุยกันสนุก”

ขนมผิงส่งยิ้มหวานเมื่อรู้สึกว่าชายแปลกหน้าที่เธอกำลัง            คุยด้วยมีรสนิยมความชอบคล้าย ๆ เธอ ตั้งแต่สมัยเรียนเธอกับ แฟนหนุ่มมักจะชวนกันไปกางเต็นท์พร้อมเพื่อน ๆ ตามจังหวัดที่อยู่บนภูเขาสูง แต่ตอนเรียนจบคนรักของเธอได้ตำแหน่งเป็นถึง         รองประธานบริษัทเขาก็มักจะให้เธอไปกับเพื่อนส่วนเขาเองไม่มีเวลาแม้แต่จะเที่ยวใกล้ ๆ ด้วยซ้ำ

“ก่อนมาอยู่ที่เชียงใหม่ฉันเรียนจบมาจากกรุงเทพฯที่นั่น          ทุกคนก็รู้ว่าเป้นเมืองที่วุ่นวาย ฉันตั้งใจมาหางานทำที่นี่ด้วยเหตุผลแรกเพราะแฟนมีบริษัทอยู่ที่นี่กลับอีกเหตุผลคือบรรยากาศที่เชียงใหม่เต็มไปด้วยธรรมชาติแต่ตอนนี้ฉันคงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้วเพราะครอบครัวของแฟนฉันยื่นคำขาดถ้าฉันยังอยู่ที่เชียงใหม่เขาจะเอาฉันให้ตาย”

ขนมผิงรู้ว่าสิ่งที่ครอบครัวของคนรักเธอพูดไม่ใช่แค่คำขู่แต่พวกเขาเอาจริงไม่ใช่พูดแค่สร้างความกลัว เธอพยายามอธิบายว่าถึงแม้เธอจะอยู่ที่นี่แต่เธอก็ไม่มีทางที่จะกลับไปแย่งคนที่มีเจ้าของแล้วแต่ทางนั้นก็ยังยืนยันว่าเธอจะกลับมาที่เชียงใหม่ได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อตัวเองแต่งงานมีลูกมีครอบครัวแล้วเท่านั้น

“คุณจะอยู่ที่ไหนคนพวกนั้นไม่น่ามีสิทธิ์มาก้าวก่าย ผมไม่เชื่อว่าเขาจะทำอะไรคุณได้ บ้านเมืองเรามีกฎหมายถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่ไปทำงานกับผมที่บริษัทนะผมช่วยคุณได้”

ภาคินคิดอย่างที่พูดตัวเขาเองก็มีบริษัทเป็นของตัวเองแถมเป็นท่านประธานของบริษัทไม่ใช่เป็นเพียงแค่รองประธานเหมือนคนรักเก่าของหญิงสาวการพาคนเข้าทำงานในบริษัทไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาและยิ่งเมื่อรู้ว่าหญิงสาวข้าง ๆ ต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายมาแบบนี้เขายิ่งอยากจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

“อีกชั่วโมงเดียวก็จะเช้าแล้ว คุณไปพักผ่อนที่คอนโดผมก่อนไหมรับรองว่าผมไม่ทำอะไรคุณแน่นอนเพราะเราทั้งคู่ต่างก็เป็น             คนแปลกหน้าสำหรับกันและกันแต่ถ้าคุณไม่ไว้ใจให้ผมไปส่งคุณที่ห้องนะเพราะผมไม่มีทางทิ้งคุณให้นั่งอยู่ที่นี่คนเดียวแบบนี้เพราะถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”

ท่าทางที่ดูอิดโรยใต้ดวงตาคล้ำเป็นสีน้ำตาลบ่งบอกว่า             ขนมผิงร้องไห้มาเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงจึงทำให้ภาคินรู้สึก             เป็นห่วงและอยากจะให้หญิงสาวตรงหน้าได้ไปพักผ่อน

“คุณจะว่าฉันเป็นผู้หญิงไวไฟก็ได้แต่ฉันอยากไปเที่ยวคุณพาฉันไปเที่ยวต่างจังหวัดได้ไหมเราไปกางเต็นท์นอนกัน คุยกันมา           ตั้งนาน....ขนมผิงค่ะ”

คนถามหยุดพูดหันมาสบตาคนฟังเหมือนต้องการหยั่งเชิงว่าสิ่งที่เธอกำลังร้องขออีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรเธอควรจะพูดต่อไปไหมหรือควรจะจบด้วยคำว่าล้อเล่นแต่เพียงเท่านี้

“ ผมภาคิน ก็ดีเหมือนกันผมเองก็จะได้ลืมเรื่องราว            ความทุกข์ในช่วงนี้เอาร่างกายและหัวใจไปพักผ่อนบ้าง บางครั้งการที่เราสองคนเป็นคนแปลกหน้าต่อกันมันก็ทำให้เราไม่ต้องสวมหน้ากากแห่งความเป็นคนดีตามที่เราเคยใส่ในสังคมของเรา                คุณรู้ไหมผมกล้าเป็นตัวตนต่อหน้าคุณมากกว่าต่อหน้าเพื่อน           ที่รู้จักกันมาเป็นสิบปีอีก”

ขนมผิงพยักหน้าเล็กน้อยยิ้มมุมปากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเองก็ไม่ต่างจากเขาแต่ก่อนเวลาที่เธออยู่ที่บริษัทของคนรัก เธอมักจะทำตัวเป็นคนเรียบร้อยไม่กล้าพูดและคอยหลบตาผู้อื่นอยู่เสมอเหมือนกับคนที่มีความผิดที่ต้องปกปิดซ่อนเร้นตลอดเวลาแต่เวลานี้เธอกลายเป็นคนพูดเก่งและกล้าพอที่จะชวนอีกฝ่ายให้ไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเธอได้

ภาคินขอที่อยู่และแลกไลน์กับหญิงสาวเพื่อตกลงนัดแนะกันว่าทั้งคู่จะเดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดน่านในเช้าของวันถัดมาโดยที่ชายหนุ่มจะไปรับขนมผิงที่คอนโดของเธอ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status