เซียนนารีวัยแรกแย้มอายุได้สี่พันปีเศษ กำลังเดินตามพี่สาวทั้งเจ็ดของนางอยู่ท้ายขบวนวันนี้ท่านพ่อและท่านแม่จะพาพวกนางไปคารวะองค์มหาเทพด้านบนเขาสวรรค์หน้าบันไดทางขึ้นมีเทพอสูรหน้าตาน่ากลัวท่าทางดุร้ายยืนเฝ้าอยู่สี่องค์ มี่ฮวาไม่กล้ามองด้วยซ้ำ รูปลักษณ์เช่นนี้ทำนางขาสั่นแทบก้าวไม่ออกกระทั่งรู้ตัวอีกทีพวกพี่สาวก็เหาะนำขึ้นไปไกลเสียแล้วนางกำลังจะตามขึ้นไปทว่าความประหม่าทำให้ไม่ทันได้ดูทาง ฝ่าเท้าสะดุดก้อนหินหน้าบันไดเสียก่อนตอนที่กำลังจะล้มลงกับพื้น มี่ฮวาหลับตาปี๋รอความเจ็บแต่มันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย คล้ายตัวนางลอยขึ้นบนอากาศอันว่างเปล่าเสียอย่างนั้นเมื่อลืมตามองพบว่าแขนขาถูกจับเอาไว้โดยมือใหญ่ทั้งหกข้างของเทพอสูรองค์หนึ่ง"เป็นอะไรหรือไม่"เขาเอ่ยถามสีหน้าดูเป็นห่วงยิ่งนัก นั่นทำให้มี่ฮวาปากสั่นราวทำเสียงตัวเองหล่นหายสุดท้ายนางส่ายหน้าเบาๆ เทพอสูรจึงวางร่างบางลงให้ยืนที่พื้นพร้อมกับเอ่ยเสียงเข้ม"เชิญท่านขึ้นด้านบนเถิด แล้วก็รักษาตัวให้ดีด้วยนะขอรับ"เขาพูดจบ มี่ฮวาก็รีบเหาะขึ้นไปอย่างรวดเร็วนึกอายที่ตัวเองทำเรื่องน่าขายหน้าต่อหน้าเทพอสูร..นี่คือครั้งแรกที่พวกเราพบกัน..มี่ฮวาตั้งใจ
มี่ฮวาอ้าปากค้างไม่อยากเชื่อกับภาพความทรงจำทั้งหมดที่นางได้รับมา ซีจงจวินเองก็เช่นกัน"จบลงเพียงเท่านี้"เสียงแหลมของเมิ่งโหรวเอ่ยขัด ควันที่ลอยฟุ้งรอบกายจางหายไป พร้อมกับสถานที่ตรงนี้กลับมาเป็นด้านในถ้ำเช่นเดิมแม่ค้าหน้าเลือดคลี่ยิ้มเย็น ประสานมือเคาะนิ้วเล่น รอคอยค่าตอบแทนจำนวนมหาศาล"ตามสัญญา เจ้าเอาปราณเซียนข้าไป""ตกลง"ซีจงจวินก้มหน้าลงยอมรับชะตากรรม ส่วนมี่ฮวานั้น เมื่อเตรียมจะแย้ม เมิ่งโหรวก็ใช้พลังดันนางให้เดินถอยหลังออกจากถ้ำไปเอง"เดี๋ยวสิ!! อย่าพึ่ง!!!"มี่ฮวาตะโกนสุดเสียง ภาพตรงหน้านั้นทำให้น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาไม่รู้ตัวกายใหญ่โตของซีจงจวินมีไอสีอ่อนลอยออกมา และร่างเขากลายสภาพกลับไปเป็นร่างก่อนที่จะได้รับปราณเซียน...กลายเป็นเพียงแมงป่องทะเลทรายตัวหนึ่งเท่านั้นเอง...มี่ฮวายื่นมือสั่นเทิ้มออกไปพยายามจะไขว่คว้า กระนั้นขานางไม่อาจหยุดเดินจนถึงปากทางเข้าถ้ำประตูหินเลื่อนปิดสนิท นางทรุดกายลงตรงนั้น ความรู้สึกหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนสับสน รู้ตัวอีกทีชิงเหลียงกับซวนเฟยที่ยืนรออยู่ด้านนอกก็เข้ามาพยุงให้ลุกขึ้นเสียแล้ว"กลับกันเถิดขอรับนายหญิง"นางส่ายหน้าไม่อยากฟังและไม่อย
ต้องพิสูจน์ตนก่อนอย่างนั้นหรือ...หมายความว่าต่อจากนี้ซีจงจวินยังต้องทนฝ่าด่านทุกข์ต่อไปอีกใช่หรือไม่สีหน้ามี่ฮวาดูหงอยลงทันตา แต่ผู้มองมานั้นไม่ได้มีความสงสารให้เหมือนเช่นที่สามีนางเป็น"จะเลี้ยงมันได้ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจ้า""ข้าขอถามพระองค์ได้หรือไม่ว่า ดอกไม้นี้คืออะไร""มันคือสิ่งที่เจ้าต้องนำไปแลกกับเมิ่งโหรวตามข้อตกลงแรกของพวกเจ้า"ข้อตกลงแรก..ความงามน่ะหรือ...มหาเทพล่วงรู้ถึงเรื่องนั้นด้วยอย่างนั้นหรือ.."เมิ่งโหรวเองก็ทำงานให้ยุทธภพนี้มานาน เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้หรือว่านางคิดอะไร""หม่อมฉันไม่กล้า""เช่นนั้นก็ไปเสีย เห็นแก่ความดีของสามีเจ้า ข้าจะปรานีสักครั้ง""ขอบพระทัยมหาเทพ"มี่ฮวาจำต้องลงจากเขามาทั้งอย่างนั้น รีบกลับบ้านไปทำตามคำชี้แนะของพระองค์นางเลี้ยงต้นอ่อนดอกไม้วิเศษในกล่องไม้ฉลุลายงดงาม กรีดเลือดจากนิ้วมือหล่อเลี้ยงชีวิตมันทุกวันดอกไม้นี้ช่างบอบบาง ขนาดมี่ฮวาเป็นเซียนบุปผาเอง เพียงเลือดหยดใส่มันแรงขึ้นนิดเดียวกลีบก็ช้ำชอกเสียแล้วทำให้หวนนึกถึงดอกไม้ดอกนั้นที่นางเป็นคนเสกมันขึ้นมาและซีจงจวินเป็นคนเก็บได้เขาเฝ้าถนอมมันไม่ห่าง วางไว้ข้างหมอนเพื่อชื่นชมก่อนนอนอย
ในห้วงความทรงจำสีหมอก..มี่ฮวามองไม่เห็นอะไรนอกจากผืนฟ้าและผืนทราย อันเป็นบ้านเกิดของซีจงจวินข้างกายมีแมงป่องนามว่าซีจงจวินยืนอยู่ มองดูสถานที่นี้ไปพร้อมกัน บางครั้งมี่ฮวาก็อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรเพราะในร่างนี้นางไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาเป็นอย่างไร..ภาพตรงหน้าเป็นเพียงทะเลทรายอันกว้างขวาง ทว่าอ้างว้างเงียบเหงา พื้นที่แสนเปล่าเปลี่ยวนี้มีแมงป่องที่ไต่ไปเรื่อยไร้จุดหมายปลายทางบางครั้งก็ต่อสู้ดิ้นรน บางครั้งก็ต้องหนีตายอลหม่าน อันตรายซ่อนตัวอยู่รอบด้าน เห็นแล้วรู้สึกว่ามันช่างเป็นชีวิตเล็กๆแสนทรหดกระทั่งวันหนึ่งที่มันสู้กับแมงป่องตัวอื่น มันเอาชนะได้แต่ก็บาดเจ็บใกล้ตาย จึงจำต้องหาที่พักซ่อนตัวณ ใจกลางทะเลทราย ด้านหน้าของมันคือดอกไม้ประหลาดเบ่งบานอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้ายเจ้าแมงป่องที่เดินทางอย่างโดดเดี่ยวไต่เข้าไปพิสมองความงามนั้นใกล้ๆมันเจอที่พักพิงแล้ว...มันตัดสินใจหยุดเดินทางตรงนี้ อดอาหารเป็นเดือนเพื่อเฝ้ามองเจ้าดอกไม้แสนสวยไม่ยอมไปไหนจากนี้ไป..แมงป่องไม่โดดเดี่ยว ดอกไม้ไม่เปลี่ยวเหงา...มันไม่ต้องการสิ่งใดอีก ขอเพียงได้อยู่ข้างๆดอกไม้ที่มันหลงรักตราบนานเท่านาน..กระทั่งถึงว
กลุ่มหมอกจางหาย เหลือเพียงร่างสองร่างอยู่บนพื้น คนหนึ่งร่ำไห้ไม่หยุด ส่วนอีกตัวไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร"ซีจงจวิน..ข้าขอโทษ"นางเอ่ยก่อนจะยื่นมือหมายจะให้เข้าไต่ขึ้นมา ทว่าร่างของแมงป่องทะเลทรายกลับกลายเป็นผงฝุ่นสลายไปกับสายลมในพริบตา"ไม่!!!!"มี่ฮวารีบคลานเข้ามาโกยเอาผงทรายอุ้มไว้ในมือ งอตัวก้มหน้าให้น้ำตาร่วงหล่นลงพื้นดินเบื้องล่าง"ซีจงจวิน!! ซีจงจวิน!!!!"หญิงสาวเรียกหาชื่อผู้เป็นสามีอยู่เช่นนั้น แต่มันสายไปแล้ว ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา ไม่มีแม้แต่ร่างของเขาอยู่ตรงนี้"น่ารำคาญจริง เจ้าจะร้องอีกนานหรือไม่"เสียงบ่นมาจากสตรีเจ้าของถ้ำ เมิ่งโหรวเข้ามายืนอยู่ด้านหลังมองด้วยความสมเพช"คนเราก็เป็นเช่นนี้ มักจะเห็นความสำคัญของอะไรสักอย่างก็ตอนที่สายไปแล้ว"คำที่นางตอกย้ำนั้นไม่ใช่คำโกหก กว่าจะรู้คุณค่าก็สายเกินไปจริงๆ...มี่ฮวาได้แต่นั่งเอากำปั้นทุบพื้นดินอยู่เช่นนั้นจนเลือดไหลออกมือ แต่มันก็ยังไม่พอ ไม่สาสมกับสิ่งที่นางทำกับเขาเลยตอนนี้นางรู้แล้ว ซีจงจวินทุกข์ทรมานมาเกือบทั้งชีวิตเพราะมอบรักให้ผู้หญิงเพียงคนเดียว.."เจ้าจำเป็นต้องทำให้ตัวเองเลือดไหลเพื่อชดเชยความผิดด้วยรึ"เมิ่งโหรวถามสีห
ทั้งที่คิดว่าจะไปยังเมืองหลวงแท้ๆ แต่นี่เดินมาตั้งไกลยังไม่เห็นแม้แต่เมืองเล็กๆสักเมือง จนสุดท้ายต้องนั่งพักกลางป่า ดื่มน้ำคลายร้อนสายลมพัดผ่าน มี่ฮวาได้ยินเสียงกลองศึกกระหึ่มเคล้ามากับเสียงตะโกนก้องของมหาบุรุษทั้งหลาย ดังไกลมาจากที่ราบหลังเขาคาดว่าตัวนางโผล่มาในช่วงสงครามใหญ่บนโลกมนุษย์ไม่ผิดแน่จังหวะร้องนั้นรัวเร็วทำให้นึกถึงภาพการโรมรันห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายของนักรบวีรบุรุษหัวใจเต้นระทึกไปกับสิ่งที่ลอยมาเข้าหู มี่ฮวาอยากหนีออกไปให้ไกลแต่มันช่างยากยิ่งเพราะตัวนางเริ่มสั่นกลัวกว่าจะทำใจให้สงบลงได้ ก็พบว่าตัวเองกำลังจะหนีไม่ทันเสียแล้วกองทัพข้าศึกบุกจากฝั่งไหนไม่อาจทราบ รู้เพียงว่าตอนนี้ตรงหน้ามีทัพทหารราวสิบหมื่นนายดาหน้าเข้ามา และด้านหลังเองก็มีเสียงกองทัพอีกฝั่งปิดล้อมอยู่เช่นกันแม้อยากหนีแต่นางถูกพบเข้าเสียแล้ว กลายเป็นว่าพาตัวเองมาอยู่กลางสนามรบเสียนี่"บุก!!!!"เสียงเฮลั่นจากกองทัพด้านหน้าพร้อมกับการเคลื่อนพลม้ารวดเร็วฝุ่นตลบ มี่ฮวานึกตำหนิตัวเองที่ขาสั่นจนก้าวไม่ออกเลยได้แต่ยืนรอความตายขยับสิ..ขยับเดี๋ยวนี้!!นางสั่งขาตัวเอง อยากร้องไห้นักแต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งสะอ
กลางดึกคืนนั้น มี่ฮวาเป่าผงยาสลบที่ทำขึ้นมาใส่รองแม่ทัพฮวนตรงหน้ากระโจม จากนั้นจึงแอบย่องออกมาและใช้วิธีเดียวกันกับทหารยามทั่วทั้งค่ายไม่มีใครตื่นขึ้นมาอีก ทุกคนหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาสลบของเซียนบุปผา รวมถึงแม่ทัพใหญ่ในกระโจม...เท้าเล็กย่องเข้ามาใกล้คนที่นอนอยู่ สีหน้าเขาดูคล้ายกำลังปวดแผล ทรมานจากการรักษาร่างกายแบบผิดๆ"บอกแล้วไม่เชื่อ"นางส่ายหน้าให้คนหัวดื้อ ก่อนจะหาผ้าสะอาดมาซับเหงื่อออกให้ชายผู้นี้ยิ่งมองก็ยิ่งดูคล้ายซีจงจวิน เพียงแต่ไม่ได้ดูเป็นคนวัยหนุ่ม อีกทั้งนิสัยยังต่างกันราวฟ้ากับเหวมี่ฮวาแอบใช้พลังเซียนช่วยรักษาร่างกายให้ เมื่อเสร็จแล้วมือเล็กก็ลูบคลำไปบนแผ่นอกกว้างแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อยามสัมผัสเขา ความรู้สึกก็ยิ่งใกล้เคียง...นางร่ายมนตร์ กระตุกมือดึงเอาดวงวิญญาณในตัวคนหลับสนิทออกมา สีของมันก็เป็นสีเดียวกับของซีจงจวินอย่างที่คิดไว้ไม่ผิดสวรรค์เมตตานางแล้ว โผล่มาโลกมนุษย์ไม่ถึงวันก็หาตัวเขาพบได้เร็วเช่นนี้ แม้เขาจะมีท่าทางเปลี่ยนไปแต่นั่นย่อมเป็นเพราะได้เกิดใหม่จึงไม่มีความทรงจำเดิมเหลืออยู่เรียวปากยกยิ้มกว้าง เพียงรู้ว่าเขาอยู่ใกล้นางก็อุ่นใจคนตัวเล็กผุดลุกขึ้น เดินออ
วันเวลาในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไป...อย่างไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่นัก''ท่านหมอ! ท่านหมอ! ข้าโดนน้ำร้อนลวกตอนต้มโจ๊กเมื่อเช้า ทำแผลให้ข้าที''''ท่านหมอรักษาแผลมีดบาดให้ข้าอยู่ไม่เห็นหรือ เจ้ารอไปก่อน''''แต่แผลข้าใหญ่กว่าเจ้า''''แต่ข้ามาก่อน''''พวกท่านทั้งสองอย่าทะเลาะกันเลยเจ้าค่ะ ข้ารักษาให้ทุกคนอยู่แล้ว''เป็นเสียงของหมอสาวเอ่ยห้ามทัพ ทหารทั้งสองนายจึงหยุดศึกชิงความสนใจจากหมอตามที่นางบอกนี่ก็ผ่านมาครึ่งเดือนได้แล้ว กำลังเสริมจากเมืองหลวงยังมาไม่ถึงก็จริง แต่ยามที่ศึกสงบเช่นนี้ พวกหน้าที่ใหญ่ๆที่จำเป็นต้องมีหมอไม่มีอีกแล้วช่างน่าแปลกที่หมู่นี้เหล่าทหารในค่ายต่างก็ชอบมีแผลมาให้นางช่วยรักษาทุกวี่วัน ไม่ว่าจะโดนน้ำร้อนลวก มีดบาด รอยฟกช้ำจากการซ้อมอาวุธ ข้อเท้าแพลงตอนวิ่ง ยันแผลแมลงเล็กๆกัดต่อยที่ทิ้งไว้ไม่นานก็หาย พวกเขาก็ยังวิ่งมาหาหมอกันจะมีก็แต่เขาคนนั้นที่มาหานางโดยไม่มีจุดประสงค์อื่นนอกจากไล่ให้ไปไกลๆ..''ยังอยู่อีกรึ''น้ำเสียงราบเรียบที่แดกดันกันชัดเจนดังมาจากหน้ากระโจม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นใครที่พึ่งเข้ามา''ก็ค่ายทหารขาดหมอไม่ได้นี่เจ้าคะท่านแม่ทัพ'' มี่ฮวาหันมายิ้มตอบอย่างส
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ
ราชวังมหาเทพ ณ ยอดเขาสวรรค์ เทพบรรพกาลได้ก่อร่างกายทิพย์ของเทพอสูรขึ้นมาใหม่ดวงแสงสีขาวน้อยๆลอยส่องประกายริบหรี่ ปราณเซียนของซีจงจวินถูกนำมาตรึงใส่ไว้ในลูกแก้วกลมสุกใสในมือมหาเทพ"ไปพานางมา"พระองค์สั่ง เทพส่งสารก็รีบร้อนออกไปทันที รอไม่ถึงครึ่งชั่วยามร่างเซียนบุปผาก็มาปรากฏอยู่บนเขาสวรรค์มี่ฮวากลับมาอยู่ในร่างเทพเซียนดังเดิม แม้จะดูดีขึ้นแต่ก็เรียกไม่ได้ว่างดงามเหมือนก่อน"ในลูกแก้วเก็บวิญญาณนี้มีจิตของซีจงจวินอยู่"มหาเทพเอ่ยพร้อมยื่นลูกแก้วที่มีไอแสงสีนวลอ่อนให้นางดู ดวงตากลมสีหยกคู่นั้นดูจะเป็นประกายขึ้นมาซีจงจวินผ่านด่านเคราะห์บนโลกมนุษย์แล้วใช่หรือไม่.."ข้าจะใส่มันลงไปในร่างใหม่ของสามีเจ้าให้ตามสัญญา""ขอบพระทัยมหาเทพที่เมตตา" มี่ฮวาคุกเข่าก้มหัวหน้าผากจรดพื้น ดีใจจนเนื้อเต้นเก็บสีหน้าไม่อยู่"แต่ข้ายังมีข้อข้องใจอยากจะถามความเห็นเจ้าสักหน่อย"คำนั้นทำให้นางรีบเงยหน้าขึ้นมาขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัย มหาเทพเอามือเท้าคางในท่าสบายๆเหมือนเคย ในมืออีกข้างกลิ้งดูลูกแก้วกลงกลึง"ข้ามีสองร่างให้พวกเจ้าเลือก ระหว่างร่างกายเดิมของซีจงจวินตอนยังเป็นเทพอสูร กับร่างกายใหม่ที่เป็นของจงซีจ้า
สิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพ ศรเกาทัณฑ์หลายหมื่นพุ่งตกเป็นห่าฝน แต่ทหารแคว้นหยวนใช่จะไร้ฝีมือ อาวุธเหล่านี้หาได้สร้างความหวาดหวั่นอีกทั้งจำนวนทหารที่มากกว่าหลายเท่าตัวทำให้ไม่สะทกสะท้านเลยหากคนจะหายไปสักหมื่นต่างฝ่ายต่างวิ่งเข้าโรมรัน เชลยศึกถูกปล่อยจากกรงให้วิ่งหนีตายกันไปคนละทิศละทาง นี่เป็นสิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะทำได้ในตอนนี้สู้ไปก็ถอยไป ทหารต้าหลี่เหนื่อยล้าจากการเดินทางและการสู้ศึกถึงสองรอบในเวลาใกล้เคียงกัน พวกเขาค่อยๆล้มตายตามกันไปทีละหลายคนมีเพียงแม่ทัพที่ยังยืนหยัดสู้อยู่ ในบรรดาทหารจงซีจ้านเป็นคนเดียวที่มีฝีมือมากพอจะต่อกรกับคนนับหลายสิบในคราวเดียวได้โดยไม่สร้างบาดแผลใดๆจากไม่ถึงสองหมื่น ตอนนี้ทหารต้าหลี่ในสังกัดแม่ทัพจงเหลือไม่ถึงพันแล้ว ส่วนฝั่งแคว้นหยวนยังมีอีกหลายหมื่นนายดาหน้าเข้ามาไม่รู้จักหมดมี่ฮวาวิ่งหนีเช่นกัน แต่ไปได้ไม่ไกลก็ถูกทหารฝั่งนั้นไล่ตามมาสองคน ในมือถือดาบใหญ่หมายเอาชีวิตนางแน่ฝีเท้าของผู้หญิงหรือจะสู้ทหารที่ถูกฝึกมาเป็นสิบปี ไม่กี่ก้าวมันก็ตามมาทันฉัวะ!!!!เสียงดาบเหล็กฟาดลงกระทบเนื้ออย่างแรงไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ขาดใจเสียแล้วทว่าคนขาดใจตายไม่ใช่แม่นางต
หลายวันต่อมา จงซีจ้านเจรียมตัวอย่างดี เมื่อเดินออกมาจากตัวเรือนคนรับใช้ก็จูงม้าศึกคู่ใจมาให้จากวันนี้ไปไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ถึงจะได้กลับมาเมืองหลวงอีกครั้ง.."ขอให้เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ"เป็นเสียงแม่บ้านชรายืนค้อมศรีษะให้ผู้เป็นนายตรงหน้าประตู คนใช้ทั้งจวนรู้ว่าเขากำลังจะไปไหนยกเว้นมี่ฮวาคนเดียวเขาคิดว่าหากนางไม่รู้ว่าเขาไปไหนและเมื่อไหร่จะกลับมา นางจะได้ตั้งหน้าตั้งตารอและระแวงว่าหากเดินออกนอกลู่นอกทางแล้วเขาจะรู้ ดังนั้นนางก็จะไม่อาจไปหาชายอื่นได้จงซีจ้านจะไม่ทำผิดซ้ำสอง จะไม่มอบรักทั้งหัวใจให้ใครง่ายๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจอีก..."เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ"เสียงนั้นทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก น่าแปลกที่วันนี้มี่ฮวาตื่นเช้ากว่าเดิม ทั้งที่ปกติจงซีจ้านไม่ได้ออกจากบ้านเวลานี้นางก็ยังอุตส่าห์รู้หญิงสาววิ่งตามมายื่นของบางสิ่งให้เขา มันคือถุงบุหงาหอมรัญจวนที่นางตั้งใจทำให้ แล้วยังปักลวดลายจันทราในกลีบเมฆ ถักพู่ห้อยสวยงาม..นางไม่รู้ว่าเขาจะไป เหตุใดถึงเอามาให้ คล้ายเป็นของที่ระลึก"เอามาให้ข้าทำไม""ข้าเห็นช่วงนี้ท่านแม่ทัพดูท่าทางไม่ค่อยสบายเจ้าค่ะ คิดว่าเรื่องงานคงยุ่งยากกวน