บทที่ 9 ขุดด้วยปาก ถากด้วยตาเกือบปีแล้วที่เตโชมาอยู่กับคุณป๋า วันนี้เป็นวันแรกที่ตนจะได้ไปมหาลัย เตโชค่อนข้างตื่นเต้นแม้จะเป็นมหาลัยเอกชน แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เตโชไปมหาลัยตามความฝัน เตโชขับรถมาจอดที่ลานจอดรถก่อนจะกดโทรศัพท์โทรคุณป๋าด้วยความตื่นเต้น “คุณป๋า หนูถึงมหาลัยแล้วนะครับ”[โอเค] เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบนิ่งทำให้เตโชลดความตื่นเต้นลง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“หนูรบกวนคุณป๋าใช่ไหม แต่หนูตื่นเต้นหนูไม่รู้จะโทรหาใครนอกจากคุณป๋า” เตโชเอ่ยอ้อน ทำเอาภาคย์ที่กำลังนั่งประชุมต้องพักการประชุม 10 นาทีก่อนจะเดินออกมาคุยโทรศัพท์กับเด็กหนุ่มที่ด้านนอก[เอาไว้วันพรุ่งนี้ป๋าไปส่งหนูที่มหาลัยดีไหมคะ?] เตโชที่ได้ยินก็มีดวงตาวาววับ ก่อนจะกดหน้าตกลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“ครับผม เตจะรอน้า รักคุณป๋าที่สุด” แล้วเตโชก็กดตัดสายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเริ่มต้นใหม่ในมหาลัย เตโชก้าวลงจากรถก่อนจะเดินไปรายงานที่ตึกใหญ่ วันแรกของการเรียนเป็นเพียงการปฐมนิเทศและการต้อนรับน้องใหม่สั้นๆ คณะที่เตโชอยู่เป็นเพียงคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี เพราะฉะนั้นเมื่อเลิกเรียนเตโชก็กำลังกลับบ้าน แต่ระหว่
บทที่ 10 ศรศิลป์ไม่กินกันวันต่อมาที่เตโชมาเรียนแม้จะมีคนซุบซิบกันบ้างก็อยู่ในขอบเขตที่เตโชพอรับได้ เตโชเดินมาขึ้นตึกเรียนด้วยท่าทางโนสนโนแคร์ เพราะคนพวกนี้ไม่ได้มาข้าวให้ตัวเองกิน ไม่มีความสนใจที่ต้องไปใส่ใจ และเมื่อเข้ามาในห้องคนที่เด่นสะดุดตาที่สุดคงเป็นฟิวส์และมะนาว เจ้าตัวปรบมือให้เตโชที่เดินเข้ามาก่อนจะพูดด้วยเสียงชอบอกชอบใจว่า “มีคนหนุนหลังมันดีจริงๆ นะ” เตโชยกยิ้มมุมปากก่อนจะกอดอกแล้วเอ่ยว่า“ทำไมอิจฉาหรือ?” ฟิวส์หน้าตึงก่อนจะลดมือลงแล้วเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ว่า“คนแบบนายมีอะไรให้น่าอิจฉา? นอกจากความน่าสมเพช” เตโชกอดอกมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางเย็นชา ก่อนที่มะนาวจะเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า“ใช่ คิดว่าตัวเองสูงส่งมากนักหรืออย่างไรถึงเดินเชิดหน้ามาเรียนทั้งๆ ที่ควรรู้แก่ใจว่าตัวเองทำอะไรไว้!” เตโชยกยิ้มไม่ได้สะทกสะท้านอะไรคำแขวะนั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางสงบว่า“ก็ดีกว่าคนที่คิดว่าเองสูงส่งกว่าคนอื่น แต่การกระทำต่ำตม”“ไอ้เต!!” ฟิวส์ที่ได้ยินก็เลือดขึ้นหน้าจะเข้าไปตบอีกฝ่าย แต่อาจารย์เข้ามาก่อนจะเอ่ยเสียงดังว่า“ทำอะไรกัน เข้าเรียนได้แล้ว!!” ฟิวส์กับมะนาวมองเตโชด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะเดิน
บทที่ 11 ลางเนื้อชอบลางยาคุณป๋าแปลกไป เตโชไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากข่าวที่ปอหญิงสาวส่งมา ตอนนี้ตัวเองกลายเป็นเด็กในปกครองของคุณป๋าเพียงคนเดียวแล้วทำให้ตนกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจ แต่ที่ไม่น่าพอใจคือทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันคุณป๋าเหมือนมีเรื่องให้คิดมากตลอด แต่เพราะทำงานด้วยกันเตโชเลยรู้ว่าเรื่องงานไม่มีปัญหา แล้วมันมีปัญหาเรื่องอะไร? วันนี้เป็นวันหยุดคุณป๋ามาค้างที่เพนต์เฮาส์ตัวเอง เตโชที่ต้องการเอาใจคุณป๋าจึงได้ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าตั้งแต่เช้า ทำเอาภาคย์กอดหอมด้วยความพอใจไปยกใหญ่ ก่อนที่มื้ออาหารนั้นเตโชจะกลั้นใจเอ่ยถามออกไปว่า “ช่วงนี้รู้สึกคุณป๋าเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ เล่าให้หนูฟังได้นะคะ ถ้าคุณป๋าอึดอัด” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ชะงักช้อนที่กำลังทานข้าว ก่อนจะรวบช้อน แล้วเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่กำลังมองตัวเองด้วยแววตาของความเป็นห่วงหากจะบอกว่าภาคย์ไม่หวั่นไหวเป็นไปไม่ได้ เตโชเป็นเด็กเลี้ยงเพียงคนเดียวที่ตัวเองรู้สึกเต็มอิ่ม หรือมันถึงช่วงอิ่มตัวแล้วภาคย์ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นได้จากตอนนี้ที่เหลือเจ้าตัวเป็นเด็กในปกครองเพียงเดียวใครๆ ก็เดาได้ว่าภาคย์ต้องมีใจให้เตโชไม่มากก็น้อย “ป๋าแค่รู้สึกว่าค
บทที่ 12 ขุดบ่อล่อปลาตั้งแต่วันนั้นที่เตโชเริ่มกินยาคุม ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เตโชรู้ดีว่าการใช้เด็กจับคุณป๋าไม่มีประโยชน์ และตนไม่ต้องการทำเช่นนั้นด้วยเพราะเตโชมีแผนที่ดีกว่านั้น การทำให้คุณป๋าอยากมีลูกกับตัวเอง เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการใช้เด็กจับคุณป๋าให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันเปล่าๆ แถมยังเป็นวิธีสิ้นคิดอีก สู้เตโชทำให้คุณป๋าอยากมีลูกกับตัวเองก่อนไม่ดีกว่าหรือ? เพราะฉะนั้นสิ่งที่เตทำคือการทานยาตรงตามเวลาแบบไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่น้อย “ให้หนูกินยาก่อนค่ะ” เตโชเอ่ยพลางลุกขึ้นจากเตียงไปทานยาคุมฉุกเฉิน ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ต่างจากภาคย์ที่กำลังมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะตบที่นอนให้เจ้าตัวมานอนข้างตัวเองเตโชเดินมาทิ้งตัวนอนลงที่ด้านข้างคุณป๋าก่อนจะกลิ้งตัวเข้าไปในอ้อมอีกฝ่ายหลังทานยาเสร็จ ภาคย์เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หนูอยากไปเที่ยวที่ไหนไหมคะ?” เมื่อได้ยินเตโชก็มีนัยน์ตาวาววับ ก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า“หนูอยากไปทะเล! คุณป๋าพาหนูไปทะเลได้ไหม?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็มีนัยน์ตาอ่อนลง“ดีค่ะ สุดสัปดาห์นี้เราไปทะเลกัน” เมื่อได้ยินเตโชก็โถมตัวจูบอีกฝ่ายอย่างเอาใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอาร
บทที่ 13 ถอดเขี้ยว ถอดเล็บ“เห็นว่าโดนพวกเจ้าถิ่นไล่ตี นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลมาครึ่งปีแล้ว” สิ้นเสียงของปอ เตโชก็มีสีหน้าบิดเบี้ยว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า“พี่รู้ได้อย่างไร?” ปอมีสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“ฉันกลับไปที่บ้านเจอเจ๊หมวย แกจำเจ๊หมวยได้ใช่ไหม? นั่นแหละเขาเล่าให้ฟังว่าพี่แกไปตีกับเจ้าถิ่น เข้าไล่แทงจนเลือดอาบ เห็นว่าตกสะพานลอย ไม่ตายแต่นอนเป็นผักที่โรงพยาบาล แม่แกก็ติดเหล้าเหมือนไม่ได้สนใจอะไร ส่วนพ่อแกก็ไปๆ มาๆ ที่โรงพยาบาลกับบ้าน เฮ้อ เวรกรรมจริงๆ ” เตโชหน้าซีด ก่อนจะกลืนน้ำลาย ตนเคยคิดว่าจะไม่สนใจแล้วเรื่องครอบครัวเส็งเคร็งนั่น แต่พอได้ยินจริงๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ ก่อนที่ปอจะเห็นสีหน้าคนท้องรู้สึกไม่ดีจึงตบปากตัวเอง แล้วเอ่ยตำหนิตัวเองด้วยความรู้สึกผิดว่า “ฉันไม่น่าเอาเรื่องพวกนี้มาเล่าให้คนท้องฟังเลย ปากดีจริงๆ!”“ไม่เป็นไรหรอกพี่ถือว่าเล่าสู่กันฟัง” ปอไม่ได้เอ่ยอะไรเพราะรู้ดีว่าพื้นเพเตโชเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากกลับไปนับญาติกับครอบครัวแบบนั้นหรอก หลังจากพูดคุยไม่นานปอก็จากไป เหลือทิ้งเพียงเตโชที่นั่งเหม่อลอยตลอดทั้งบ่าย ไม่รู้เป็นเพราะอารมณ์คนท้อ
บทที่ 14 เลือดข้นกว่าน้ำในวันที่ 22 มิถุนายน เด็กชายอาโป อัครพิเสธ ก็ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้ เจ้าตัวเป็นเด็กชายที่ไม่ใช่เพศพิเศษ นี่ทำให้เตโชพอใจ ตอนนี้เจ้าตัวกำลังนอนในอ้อมแขนเตโช โดยมีคุณป๋านั่งมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาอ่อนโยน “น้องอาโปหน้าเหมือนคุณป๋าจนหนูอดน้อยใจไม่ได้ที่ลูกหน้าไม่เหมือนหนูเลย” เมื่อได้ยินภาคย์ก็หัวเราะ พลางยืดตัวหอมแก้มเจ้าตัว แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“แต่ตาลูกเหมือนหนูมากเลยนะ” เมื่อได้ยินเตโชก็จ้องมองดวงตาอีกฝ่ายที่กำลังกะพริบไม่ได้โฟกัสสิ่งใดด้วยสายตาอ่อนลง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“คุณป๋าอยากอุ้มน้องไหมครับ?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่ออุ้มลูกชายเข้ามาในอ้อมกอด พลางจับจ้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยน“พ่อขอให้หนูโตมาสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีความสุขมากๆ นะครับอาโป” เหมือนเด็กน้อยจะรู้ว่าพ่อกำลังอวยพรตัวเอง เจ้าเลยยกยิ้มจนเห็นเหงือกแดงๆ อย่างน่าเกลียดน่าชัง ทำเอาภาคย์ใจอ่อนใจเหลวไปหมด แล้วอีกไม่กี่วันเตโชก็ออกจากโรงพยาบาล กลับมาอยู่ที่บ้าน ที่บ้านมีพี่เนยแม่บ้านที่กลายเป็นพี่เลี้ยงน้องอาโป ตามที่ภาคย์จัดสรรมาเพราะเนยเคยมี
บทที่ 15 ชี้นกบนปลายไม้วันนี้เหมือนทุกวันภาคย์กำลังทำงานอยู่ที่บริษัท แต่จู่ๆ พัดก็เข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ท่านประธานครับ คุณอินติดต่อมาว่าอยากขอพบท่านครับ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็เงยขึ้นจากกองเอกสาร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสับสนว่า“อิน? ใคร?” อาจจะเพราะหลายปีแล้วที่ภาคย์ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายทำให้ความทรงจำเลือนรางไปบ้าง ก่อนที่พัดจะเอ่ยอธิบายว่า“หนึ่งในเด็กในปกครองท่านครับ แต่เลิกติดต่อกันไปหลายปีแล้ว” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ทางนั้นติดต่อมาทำไม?”“ไม่บอกเหตุผลไว้ แค่ต้องการติดต่อท่านครับ” ภาคย์เอนหลังพิงพนักพิง ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ข้อมูลทั้งหมดของอินหลังเจ้าตัวออกจากฉันไป และตอบตกลงอีกฝ่ายเป็นเย็นนี้ที่ร้านอาหาร x ขอข้อมูลของเจ้าตัวก่อนออกไปเย็นนี้”“ได้ครับ” ภาคย์ไม่รู้ว่าอินกลับมาหาตัวเองด้วยเรื่องอะไร แต่ที่ยอมไปพบเพราะเห็นแก่ที่มีอดีตร่วมกันมาสักพักแล้วตัวเองเป็นฝ่ายบอกลาอีกฝ่ายก่อน ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยภาคย์ก็ยังช่วยได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็อย่าหาว่าภาคย์ใจร้ายเลยเถอะและเมื่อตอนเย็นมาถึงภาคย์ที่เพิ่งอ่านเอกสารของอินจบก็มี
บทที่ 16 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง“ตอนเราหย่ากันฉันก็ท้องน้องน้ำตาลแล้ว แต่ฉันไม่คิดจะบอกคุณ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ดูเหมือนตอนนี้คุณจะมีลูกแล้ว ฉันแค่ไม่อยากให้น้องน้ำตาลไม่ได้รับในสิ่งที่ควรได้รับ เพราะฉะนั้นฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อบอกให้คุณรู้ว่าคุณยังมีลูกสาวอีกคนอยู่ด้วย”“!!!!!!!!!!!!!!” ภาคย์จ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “แล้วทำไมคุณถึงเพิ่งมาบอกผมตอนนี้น้ำฟ้า?” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์อะไร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“เพราะฉันไม่คิดว่าคุณจะเชิดชูลูกของเด็กเลี้ยงคนนั้นออกหน้าออกตาอย่างไรเล่า รู้แบบนี้ตอนนั้นฉันไม่หย่ากับคุณน่าจะดีกว่า” น้ำฟ้าเอ่ยพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะมองใบหน้าอดีตสามีด้วยสายตาราบเรียบเย็นชา เธอกับภาคย์แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ของคนรุ่นเก่า ทำตามคำสัญญาบ้าบอของคนแก่ที่ไม่คิดว่าจะทำ ชีวิตรักบนเตียงของภาคย์ก็ดีไม่แย่ แค่ตอนที่หย่าเธอดันมีลูกติดท้องมาด้วยเท่านั้น“ผมอยากตรวจ DNA ” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็เบ้ปากก่อนจะเอ่ยเสียงไม่ยี่หระว่า“แต่ฉันไม่อนุญาต” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้วจ้องมองเธอด้วยสายตาสงสัย ภ
บทสุดท้าย จับเสือมือเปล่าเส้นทางของเตโชเดินมาไกลมาจริงๆ จากเด็กสลัมที่ต้องดิ้นรนอยู่ในครอบครัวเฮงซวย สู่เด็กเลี้ยงที่ต้องแย่งชิงความรักจากคุณป๋า และมาสู่แม่ของลูกที่ไร้สถานะมาหลายปี ก่อนจะกลายเป็นคุณชายของอัครพิเสธถูกต้องตามกฎหมายในปัจจุบัน เพราะแบบนั้นเตโชจึงรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นจากแต่ก่อนที่คิดหวังเพื่อต้องการขึ้นเป็นคุณชายของอัครพิเสธเพียงเท่านั้น ตอนนี้เตโชสงบลงแล้ว มองโลกได้กว้างขึ้น และเลี้ยงลูกด้วยความรักความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม ตอนนี้อาโปอายุได้ 5 ขวบแล้ว เจ้าตัวเรียนอยู่อนุบาลสอง และนี่เป็นเพียงช่วงปิดเทอมเท่านั้น ภาคย์กับเตโชเลยตกลงกันว่าจะพาลูกชายไปเที่ยวทะเลเพื่อพักผ่อนหนีร้อนในเมืองคุณป๋าอาสาขับรถมาเองเพราะอยากออกไปเที่ยวกับครอบครัวแบบธรรมดา อาโปนั่งที่เบาะด้านหลังร้องเพลงเจื้อยแจ้วอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณแม่ น้องคืออะไร?ใจ๋ใจ๋บอกว่าตัวเองกำลังมีน้องล่ะ” เมื่อได้ยินสีหน้าของเตโชก็แดงก่ำเหลือมองคุณป๋าที่หัวเราะร่า ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“น้องคือเพื่อนเล่นอีกคนครับ ทำไมอาโปอยากมีน้องหรือ?” เมื่อได้ยินอาโปก็ย่นคิ
บทที่ 19 ดีดลูกคิดรางแก้วภายในสลัมโชคจ้องหนังสือพิมพ์ที่กำลังแปะพาดหัวข่าวการแต่งงานของยักษ์แห่งวงการยา แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้โชคสนใจไม่ใช่เรื่องราวความรักหวานชื่นแต่เป็นภาพของภรรยาคุณชายคนใหม่แห่งอัครพิเสธ อย่างเตโช อัครพิเสธต่างหากที่ทำให้โชคเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ไอ้เต มึงอยู่นี่นี้เอง” ใช่โชคกำลังมองหาลูกชายคนเล็กที่หายตัวไปราว 10 กว่าปีได้ มันทิ้งให้ตัวเองต้องเผชิญกับเรื่องบัดซบหนีเอาตัวรอดคนเดียวแบบนี้ โชคยิ่งแค้นใจนัก ตนจ้องมองชื่อและนามสกุลใหญ่ที่ว่า ก่อนจะยืมมือถือของลูกน้องคนหนึ่งมากดเสิร์ชหาที่อยู่ของบ้านอัครพิเสธในวันแรกโชคมาที่บริษัทยาที่ชื่อว่า เภตรา ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเป็นบริษัทที่ผัวไอ้เตมันทำงานอยู่ โชคมาด้อมๆ มองๆ อยู่บริษัทอยู่หลายวันถึงได้รู้ว่ารถคันไหนเป็นรถที่ผัวไอ้เตมันนั่ง หลังจากนั้นก็พยายามสะกดรอยตามไปถึงที่บ้าน ตอนแรกโชคหาทางไปบ้านไม่เจอเพราะคาดกันหลังจากนั้นผ่านไปไม่นานก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ โชคมองบ้านหลังใหญ่ด้วยความโลภในดวงตา ก่อนจะเผยริมฝีปากเมื่อเห็นจากไกลๆ ว่าเตโชมันออกมาพร้อมเด็กตัวเล็กอีกคนน่าจะเป็นลูกมันโชคคิดในใจ ก่อนจะเ
บทที่ 18 กิ่งทองใบหยกเตโชนั่งอ่านข่าวของน้ำฟ้าและวิจิตรกาลในโทรศัพท์มือถืออย่างใจเย็น รอยยิ้มมุมปากถูกยกขึ้นก่อนที่พี่เนยจะเอ่ยพร้อมกับเล่นกับน้องอาโปไปด้วยว่า “ดีแล้วค่ะที่คนเลวแบบนั้นโดนจับ” เตโชหุบยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเห็นใจว่า“สงสารก็แต่น้องน้ำตาลไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อได้ยินเนยก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงโมโหว่า“ไม่น่าเห็นใจเลยค่ะ เด็กอะไรไม่รู้ทำไมรังแกอื่นไปทั่วแบบนั้น” เตโชพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ตนคิดว่าน้ำฟ้าจะจัดการกับตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าน้ำตาลจะรังแกลูกชายตัวเองจริงๆ เห็นได้ชัดว่านี่น่าจะเป็นพฤติกรรมการส่งเสริมจากมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย คงไม่มีเด็กสิบขวบที่ไหนมารังแกคนอื่นถ้านิสัยไม่เสียจริงๆ เพราะแบบนั้นเตโชจึงพูดออกมาจากใจจริงๆ ที่เป็นห่วงน้ำตาล เพราะเด็กหญิงคงเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายแบบนี้เพราะการกระทำของมารดาทั้งนั้น และไม่นานคุณป๋าก็กลับมาถึงบ้าน เตโชพาลูกชายออกไปต้อนรับเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปนิดหน่อยเพราะคุณป๋าดูเหมือนมีอะไรในใจ เมื่อขึ้นมาบนห้องหลังจากเตไปส่งลูกชายเข้านอน ก็เห็นภาคย์นั่งลงที่ปลายเตียงกำลังรอ
บทที่ 17 พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ภาคย์นั่งอ่านรายงานที่พัดส่งมาให้ตัวเองด้วยสีหน้าจริงจัง จากการสอบสวนน้ำฟ้า เธอตั้งท้องจริงหลังจากหย่ากับภาคย์มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของภาคย์ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ชัดเมื่อในสูติบัตรของน้ำตาลในช่องพ่อถูกเว้นชื่อเอาไว้ ส่วนสาเหตุที่เธอกลับมาในช่วงสิบปีน่าจะเป็นผลมาจากครอบครัวของเธอเกิดปัญหา ตอนหย่ากันสินสมรสถูกแบ่งออกอย่างเท่าเทียมกัน และภาคย์ก็ยุติการร่วมมือระหว่างวิจิตรกาลและอัครพิเสธไปแล้วเพื่อความชัดเจน เพราะแบบนั้นตนจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องของวิจิตรกาลอีกต่อไป จนมาทราบตอนนี้ว่าทางวิจิตรกาลกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย เนื่องจากการหนีภาษีมาหลายปี “ท่านประธานอยากให้ผมสืบต่อไหมครับ?” ภาคย์วางเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า“ให้แม่บ้านเก็บเส้นผมของน้ำตาลมาให้อย่างลับๆ ในเมื่อน้ำฟ้าไม่ต้องการตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อเพื่อให้เรื่องนี้กระจ่างฉันคงต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น”“ครับท่านประธาน” ก่อนที่ภาคย์จะเอ่ยต่อว่า“อีกเรื่องติดต่อคนจากวิจิตรกาล ฉันต้องการพูดคุยด้วยหน่อย” พัดเอ่ยตอบรับก่อนจะออกไปเหลือเพียงภาคย์ที่นั่งมองเอกสารในห้องด้วยสายต
บทที่ 16 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง“ตอนเราหย่ากันฉันก็ท้องน้องน้ำตาลแล้ว แต่ฉันไม่คิดจะบอกคุณ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ดูเหมือนตอนนี้คุณจะมีลูกแล้ว ฉันแค่ไม่อยากให้น้องน้ำตาลไม่ได้รับในสิ่งที่ควรได้รับ เพราะฉะนั้นฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อบอกให้คุณรู้ว่าคุณยังมีลูกสาวอีกคนอยู่ด้วย”“!!!!!!!!!!!!!!” ภาคย์จ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “แล้วทำไมคุณถึงเพิ่งมาบอกผมตอนนี้น้ำฟ้า?” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์อะไร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“เพราะฉันไม่คิดว่าคุณจะเชิดชูลูกของเด็กเลี้ยงคนนั้นออกหน้าออกตาอย่างไรเล่า รู้แบบนี้ตอนนั้นฉันไม่หย่ากับคุณน่าจะดีกว่า” น้ำฟ้าเอ่ยพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะมองใบหน้าอดีตสามีด้วยสายตาราบเรียบเย็นชา เธอกับภาคย์แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ของคนรุ่นเก่า ทำตามคำสัญญาบ้าบอของคนแก่ที่ไม่คิดว่าจะทำ ชีวิตรักบนเตียงของภาคย์ก็ดีไม่แย่ แค่ตอนที่หย่าเธอดันมีลูกติดท้องมาด้วยเท่านั้น“ผมอยากตรวจ DNA ” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็เบ้ปากก่อนจะเอ่ยเสียงไม่ยี่หระว่า“แต่ฉันไม่อนุญาต” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้วจ้องมองเธอด้วยสายตาสงสัย ภ
บทที่ 15 ชี้นกบนปลายไม้วันนี้เหมือนทุกวันภาคย์กำลังทำงานอยู่ที่บริษัท แต่จู่ๆ พัดก็เข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ท่านประธานครับ คุณอินติดต่อมาว่าอยากขอพบท่านครับ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็เงยขึ้นจากกองเอกสาร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสับสนว่า“อิน? ใคร?” อาจจะเพราะหลายปีแล้วที่ภาคย์ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายทำให้ความทรงจำเลือนรางไปบ้าง ก่อนที่พัดจะเอ่ยอธิบายว่า“หนึ่งในเด็กในปกครองท่านครับ แต่เลิกติดต่อกันไปหลายปีแล้ว” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ทางนั้นติดต่อมาทำไม?”“ไม่บอกเหตุผลไว้ แค่ต้องการติดต่อท่านครับ” ภาคย์เอนหลังพิงพนักพิง ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ข้อมูลทั้งหมดของอินหลังเจ้าตัวออกจากฉันไป และตอบตกลงอีกฝ่ายเป็นเย็นนี้ที่ร้านอาหาร x ขอข้อมูลของเจ้าตัวก่อนออกไปเย็นนี้”“ได้ครับ” ภาคย์ไม่รู้ว่าอินกลับมาหาตัวเองด้วยเรื่องอะไร แต่ที่ยอมไปพบเพราะเห็นแก่ที่มีอดีตร่วมกันมาสักพักแล้วตัวเองเป็นฝ่ายบอกลาอีกฝ่ายก่อน ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยภาคย์ก็ยังช่วยได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็อย่าหาว่าภาคย์ใจร้ายเลยเถอะและเมื่อตอนเย็นมาถึงภาคย์ที่เพิ่งอ่านเอกสารของอินจบก็มี
บทที่ 14 เลือดข้นกว่าน้ำในวันที่ 22 มิถุนายน เด็กชายอาโป อัครพิเสธ ก็ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้ เจ้าตัวเป็นเด็กชายที่ไม่ใช่เพศพิเศษ นี่ทำให้เตโชพอใจ ตอนนี้เจ้าตัวกำลังนอนในอ้อมแขนเตโช โดยมีคุณป๋านั่งมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาอ่อนโยน “น้องอาโปหน้าเหมือนคุณป๋าจนหนูอดน้อยใจไม่ได้ที่ลูกหน้าไม่เหมือนหนูเลย” เมื่อได้ยินภาคย์ก็หัวเราะ พลางยืดตัวหอมแก้มเจ้าตัว แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“แต่ตาลูกเหมือนหนูมากเลยนะ” เมื่อได้ยินเตโชก็จ้องมองดวงตาอีกฝ่ายที่กำลังกะพริบไม่ได้โฟกัสสิ่งใดด้วยสายตาอ่อนลง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“คุณป๋าอยากอุ้มน้องไหมครับ?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่ออุ้มลูกชายเข้ามาในอ้อมกอด พลางจับจ้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยน“พ่อขอให้หนูโตมาสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีความสุขมากๆ นะครับอาโป” เหมือนเด็กน้อยจะรู้ว่าพ่อกำลังอวยพรตัวเอง เจ้าเลยยกยิ้มจนเห็นเหงือกแดงๆ อย่างน่าเกลียดน่าชัง ทำเอาภาคย์ใจอ่อนใจเหลวไปหมด แล้วอีกไม่กี่วันเตโชก็ออกจากโรงพยาบาล กลับมาอยู่ที่บ้าน ที่บ้านมีพี่เนยแม่บ้านที่กลายเป็นพี่เลี้ยงน้องอาโป ตามที่ภาคย์จัดสรรมาเพราะเนยเคยมี
บทที่ 13 ถอดเขี้ยว ถอดเล็บ“เห็นว่าโดนพวกเจ้าถิ่นไล่ตี นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลมาครึ่งปีแล้ว” สิ้นเสียงของปอ เตโชก็มีสีหน้าบิดเบี้ยว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า“พี่รู้ได้อย่างไร?” ปอมีสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“ฉันกลับไปที่บ้านเจอเจ๊หมวย แกจำเจ๊หมวยได้ใช่ไหม? นั่นแหละเขาเล่าให้ฟังว่าพี่แกไปตีกับเจ้าถิ่น เข้าไล่แทงจนเลือดอาบ เห็นว่าตกสะพานลอย ไม่ตายแต่นอนเป็นผักที่โรงพยาบาล แม่แกก็ติดเหล้าเหมือนไม่ได้สนใจอะไร ส่วนพ่อแกก็ไปๆ มาๆ ที่โรงพยาบาลกับบ้าน เฮ้อ เวรกรรมจริงๆ ” เตโชหน้าซีด ก่อนจะกลืนน้ำลาย ตนเคยคิดว่าจะไม่สนใจแล้วเรื่องครอบครัวเส็งเคร็งนั่น แต่พอได้ยินจริงๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ ก่อนที่ปอจะเห็นสีหน้าคนท้องรู้สึกไม่ดีจึงตบปากตัวเอง แล้วเอ่ยตำหนิตัวเองด้วยความรู้สึกผิดว่า “ฉันไม่น่าเอาเรื่องพวกนี้มาเล่าให้คนท้องฟังเลย ปากดีจริงๆ!”“ไม่เป็นไรหรอกพี่ถือว่าเล่าสู่กันฟัง” ปอไม่ได้เอ่ยอะไรเพราะรู้ดีว่าพื้นเพเตโชเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากกลับไปนับญาติกับครอบครัวแบบนั้นหรอก หลังจากพูดคุยไม่นานปอก็จากไป เหลือทิ้งเพียงเตโชที่นั่งเหม่อลอยตลอดทั้งบ่าย ไม่รู้เป็นเพราะอารมณ์คนท้อ
บทที่ 12 ขุดบ่อล่อปลาตั้งแต่วันนั้นที่เตโชเริ่มกินยาคุม ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เตโชรู้ดีว่าการใช้เด็กจับคุณป๋าไม่มีประโยชน์ และตนไม่ต้องการทำเช่นนั้นด้วยเพราะเตโชมีแผนที่ดีกว่านั้น การทำให้คุณป๋าอยากมีลูกกับตัวเอง เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการใช้เด็กจับคุณป๋าให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันเปล่าๆ แถมยังเป็นวิธีสิ้นคิดอีก สู้เตโชทำให้คุณป๋าอยากมีลูกกับตัวเองก่อนไม่ดีกว่าหรือ? เพราะฉะนั้นสิ่งที่เตทำคือการทานยาตรงตามเวลาแบบไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่น้อย “ให้หนูกินยาก่อนค่ะ” เตโชเอ่ยพลางลุกขึ้นจากเตียงไปทานยาคุมฉุกเฉิน ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ต่างจากภาคย์ที่กำลังมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะตบที่นอนให้เจ้าตัวมานอนข้างตัวเองเตโชเดินมาทิ้งตัวนอนลงที่ด้านข้างคุณป๋าก่อนจะกลิ้งตัวเข้าไปในอ้อมอีกฝ่ายหลังทานยาเสร็จ ภาคย์เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หนูอยากไปเที่ยวที่ไหนไหมคะ?” เมื่อได้ยินเตโชก็มีนัยน์ตาวาววับ ก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า“หนูอยากไปทะเล! คุณป๋าพาหนูไปทะเลได้ไหม?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็มีนัยน์ตาอ่อนลง“ดีค่ะ สุดสัปดาห์นี้เราไปทะเลกัน” เมื่อได้ยินเตโชก็โถมตัวจูบอีกฝ่ายอย่างเอาใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอาร