บทที่ 3 เงยหน้าอ้าปาก / ลืมตาอ้าปาก
เกือบเดือนแล้วที่เตโชได้มาอยู่ที่นี่ เพนต์เฮาส์หรูใจกลางเมืองแบบนี้ ทุกวันจะมีอาจารย์เข้ามาสอนความรู้ของชั้นมัธยมปลายให้ตัวเองเป็นประจำ พร้อมกับป้าแม่บ้านที่คอยเข้ามาสอนตัวเองทำอาหารในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เรียกได้ว่าชีวิตของเตโชกำลังไปได้สวย ไม่มีอีกแล้วเตโชที่เป็นที่รองมือรองตีนของคนในบ้าน ตอนนี้มีแต่ ‘คุณเต’ เท่านั้น และใช่ เมื่อเริ่มมีกินมีใช้เตก็เริ่มเก็บเงิน และใช้จ่ายซื้อเสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาดูแลตัวเองให้ดีขึ้นกว่า สังเกตได้จากใบหน้าที่ดูดีกว่าเดิมเพราะได้รับการบำรุงอย่างต่อเนื่อง และวันนี้เตโชก็มีแขกมาหาตนเอง ตอนแรกเตโชคิดว่าเป็นคนจากนิติฯ ที่เอาพัสดุขึ้นมาส่งให้ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าคนที่มาคือพี่ปอ หญิงสาวที่พาเตโชเข้ามาในวงการนี้
“พี่ปอ?” เมื่อหญิงสาวเห็นท่าทางของเตโชก็พยักหน้ารับ ไม่เสียแรงที่เธอฝึกอบรมอีกฝ่ายอยู่หลายวัน
“ฉันเห็นแกส่งที่อยู่มาให้เลยมาดูเสียหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ดูดีนี่” เมื่อได้ยินเตโชก็เชิญอีกฝ่ายเข้ามาในบ้าน ก่อนจะไปหยิบเอาน้ำและขนมมาต้อนรับอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง
“ถ้าไม่ได้พี่เตคงไม่ได้ลืมตาอ้าปากได้แบบนี้หรอก” เมื่อได้ยินหญิงสาวก็ยกยิ้มก่อนจะหยิบเอาน้ำส้มขึ้นดื่ม แล้วมองไปรอบๆ เพนต์เฮาส์มีแววตาของความพอใจและอิจฉาอยู่บ้าง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“แกวาสนาดี แค่ครั้งเดียวก็ได้คนเลี้ยงอย่างคุณเขา” เมื่อได้ยินเตโชก็พยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยอย่างถ่อมตัวว่า
“ต้องขอบคุณพี่และคุณกิตที่ให้โอกาสเต” แน่นอนว่าเตโชรู้ดีว่าตัวเองต้องวางตัวอย่างไร การเผาสะพานทิ้งหลังข้ามเสร็จไม่ใช่นิสัยของตัวเองสักเท่าไร เพราะฉะนั้นการหามิตรดีกว่าการเพิ่มศัตรูให้ขุ่นเคืองกันเปล่าๆ
“อืม” หญิงสาวมีแววตาของความพอใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่เบาลงว่า “คุณเขาที่เลี้ยงดูแกนะ ไม่ได้มีแกแค่คนเดียวหรอกนะ เพราะฉะนั้นแกต้องวางตัวให้ดี อย่าทำให้เขาเบื่อจนเขี่ยทิ้งได้ง่ายๆ ” เมื่อได้ยินนัยน์ตาของเตโชก็หดลง เพราะแบบนี้อย่างไรเล่าเตโชถึงต้องผูกมิตรกับหญิงสาวไว้เสมอ เพราะข้อมูลวงในของเธอมีค่ามากต่อตนเองแบบนี้
“เขามีเยอะเลยหรือพี่ปอ?” เมื่อได้ยินหญิงสาวก็กลอกตาก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า
“ฉันได้ยินจากคุณกิตติมาว่าแกเป็นคนที่ 7 ที่เขารับเลี้ยงล่าสุด” เมื่อได้ยินนัยน์ตาของเตโชก็หดลงอย่างน่ากลัว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงตื่นตกใจว่า
“7 คน? แล้วอย่างนี้เตทำอย่างไรดีพี่ปอ ถ้าเขาเบื่อเตเตไม่แย่เลยหรือ?” เมื่อได้ยินหญิงสาวก็ยิ้มเยาะ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า
“เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงบอกให้แกรีบโกยเข้าถ้ามีโอกาส พอเขาเบื่อแกจะได้มีเงินตั้งตัว” เมื่อได้ยินเตโชก็หรี่ตาลงก่อนจะพยักหน้ารับ และคุยอีกไม่กี่ครั้งหญิงสาวก็ขอตัวกลับ ก่อนกลับเพื่อเป็นของตอบแทนที่หญิงสาวเอาข่าววงในมาบอกเตโชก็หยิบเอากระเป๋าแบรนด์เนมให้หญิงสาวไปฟรีๆ หนึ่งใบเพื่อตอบแทนทำเอาปอยกยิ้มกว้าง แล้วบอกว่าถ้ามีเรื่องอะไรใหม่จะเอามาเล่าสู่กันฟังอย่างแน่นอน
...........................
ตั้งแต่วันที่หญิงสาวมาเตโชไม่ได้ทำอะไรที่แตกต่างไปจากปกติ เพราะรู้ดีว่าต่อให้ฟูมฟายไปก็ไร้ผล เพราะฉะนั้นเอาเงินที่ได้มามาปรนเปรอตัวเองเพื่อมัดใจคุณป๋าน่าจะดีที่สุด เพราะฉะนั้นเมื่อคุณป๋ามาในวันนี้ เตโชที่แต่งตัวเอาใจคุณป๋าในชุดเมดหูแมวจึงยิ้มกว้าง แล้วเอ่ยต้อนรับอีกฝ่ายอย่างเอาใจว่า “ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณป๋า” ภาคย์นิ่งไปเมื่อเห็นเด็กหนุ่มแต่ตัวแปลกตา ก่อนจะหลุดหัวเราะแล้วเข้าไปกอดอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น
“วันนี้หนูแต่งตัวน่ารักจังค่ะ” เมื่อได้ยินเตโชก็ยกยิ้ม ก่อนจะส่ายหัวดุ๊กดิ๊กจนที่คาดผมหูแมวสั่นไปมา พร้อมกับหางแมวที่สั่นไหวไปตามการเคลื่อนไหวจนภาคย์ที่เห็นเต็มไปด้วยดวงตาวาววับ
“แล้วคุณป๋าชอบไหม?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะช้อนตัวเจ้าแมวน้อยขึ้นอกแล้วเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า
“ชอบค่ะ ป๋าอยากเห็นแมวน้อยขี้อ้อนแล้วค่ะ” เมื่อได้ยินเตโชก็ยกยิ้ม ก่อนจะโอบรอบคออีกฝ่าย แล้วยืดตัวเพื่อกระซิบที่ข้างหูว่า
“หนูก็อยากให้คุณป๋าเอ็นดูแล้วค่ะ เมี้ยว”
“ฮึ่ม” แล้วภาคย์ก็จับตัวเด็กหนุ่มไปวางบนโซฟา ก่อนจะเริ่มกิจกรรมดูเอ็นแมวน้อย อืม จริงๆ คือเอ็นดูแมวน้อย จนร่างกายของเตโชอ่อนปวกเปียกให้อ้อมแขนไปหมด
“เดี๋ยวป๋าทิ้งเงินให้หนูเพิ่มเอาไว้ซื้อชุดน่ารักๆ แบบนี้อีกดีไหมคะ?” ภาคย์เอ่ยในขณะที่กำลังนอนกอดเจ้าเด็กหูแมวที่ไม่ยอมถอดที่คาดผมออก ในร่างกายเปลือยเปล่าในห้องนอนบนชั้นสองของเพนต์เฮาส์ เตโชที่ได้ยินก็ยิ้มอ่อนก่อนจะเอ่ยอย่างเอาใจว่า
“เงินที่คุณป๋าทิ้งไว้ให้หนู หนูยังใช้ไม่หมดเลยครับ ไม่ต้องให้หนูเพิ่มแล้วนะ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็พยักหน้ารับอย่างพอใจกับความมักน้อยของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า
“เราขับรถเป็นไหม?” เมื่อได้ยินนัยน์ตาของเตโชก็เต็มไปด้วยระลอกคลื่น ก่อนจะจางหายไป แล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า
“ไม่ครับ หนูขับรถไม่เป็น” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยกยิ้มก่อนจะเอ่ยกระซิบที่ข้างหูเด็กหนุ่มว่า
“วันอาทิตย์นี้เดี๋ยวป๋าพาไปสอนขับรถดีไหมคะ?” เมื่อได้ยินเตโชก็นัยน์ตาวาววับ ก่อนจะหันไปหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างเอาใจ แล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า
“ขอบคุณครับคุณป๋า” เมื่อเห็นการกระทำเอาอกเอาใจของเตโชภาคย์ยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะจูบที่หน้าผากมนอย่างชื่นใจ
.........................
วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เตโชได้ออกมาข้างนอกเพนต์เฮาส์กับคุณป๋า วันนี้คุณป๋าอยู่ในชุดลำลองสบายๆ โทนสีเข้ม และเตโชที่อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีครีม กับกางขาสั้นสีขาว และรองเท้าผ้าใบแบรนด์หรู ตอนนี้เตโชหรี่ตาลงเมื่อแสงแดดที่สนามแข่งรถมันจ้าจนต้องยกมือขึ้นเพื่อบังแดด ก่อนที่ภาคย์จะกวักมือเรียกเด็กหนุ่มให้เข้ามาหาตัวเองที่รถที่เจ้าหน้าที่เพิ่งตรวจเช็กเสร็จ “มานี่สิเต” เมื่อได้ยินเตโชก็เดินไปหาคุณป๋าก่อนจะยืนยกยิ้มให้ ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของในที่สาธารณะเหมือนอยู่ในบ้าน ทำเอาภาคย์ยกยิ้มอย่างพอใจกับการกระทำเล็กๆ น้อยๆ และการวางตัวดีของเตโช
“คุณภาคย์เรียกเตทำไมครับ?” แน่นอนว่าแม้แต่การพูดจายังวางตัวดี ภาคย์แอบพยักหน้ารับเด็กฉลาดหัวไวอย่างเตโช ก่อนจะโอบไหล่เจ้าตัว แล้วเข้าไปนั่งในรถโดยให้อีกฝ่ายมานั่งตักตัวเอง “คุณภาคย์!!” เตโชแกล้งเอ่ยเสียงดัง พลางเลิ่กลั่กหันไปมองรอบๆ ก่อนที่ภาคย์จะกอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลงว่า
“ไม่ต้องกลัว ที่นี่มีแต่คนของป๋า หนูพูดตามสบายเถอะ” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายอนุญาตเตโชก็หน้าแดง ก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วเอ่ยเสียงเบาว่า
“โอเคครับ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ปิดประตูรถ แล้วเริ่มสอนเด็กหนุ่มขับรถอย่างใจเย็น ในระหว่างขับรถภาคย์ก็จับขาอ่อนอีกฝ่ายบ้าง จับหน้าอก แล้วจุ๊บปาก หอมแก้ม แม้แต่หยอกเย้าด้วยคำพูดจนเตโชเขินอายหน้าแดงไปหมด และเมื่อเจ้าตัวเริ่มขับได้คล่องขึ้น ภาคย์ก็พาเด็กหนุ่มออกมาทานข้าวที่ร้านอาหารหรูในห้องส่วนตัว ภาคย์จ้องมองเด็กหนุ่มที่วางตัวดีตรงหน้าด้วยความพอใจ เพราะเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นในปกครองแล้ว เตโชถือว่าวางตัวได้ดีที่สุด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า
“สัปดาห์หน้าป๋าจะพาหนูไปฝึกขับรถที่เดิมอีกครั้ง ถ้าคราวนี้หนูทำได้ดีป๋ามีรางวัลให้” เมื่อได้ยินเตโชก็มีนัยน์ตาวาววับ ก่อนจะยกยิ้มพลางเอ่ยอย่างเอาใจว่า
“ขอบคุณครับคุณป๋า” ภาคย์ยิ้มรับก่อนที่ทั้งคู่จะทานอาหาร แล้วภาคย์ก็พาเด็กหนุ่มไปขับรถเล่น ก่อนจะกลับเพนต์เฮาส์ เพื่อให้เด็กหนุ่มให้รางวัลคุณป๋าสำหรับค่าแรงการสอนขับรถวันนี้อยู่หลายรอบ
.......................
ภาคย์เลี้ยงเด็กอยู่ 7 คน คนล่าสุดคือเตโชที่เดี๋ยวนี้ภาคย์ไปหาอยู่บ่อยครั้ง อาจจะเพราะยังใหม่ภาคย์เลยรู้สึกว่าเด็กหนุ่มดูน่าสนใจ ก่อนที่เลขาฯ ที่ชื่อพัดจะเข้ามาพร้อมกับเอ่ยถามด้วยเสียงเบาว่า “คุณเนย์โทรมาสอบถามผมว่าสัปดาห์นี้ท่านจะไปพบเธอหรือไม่ครับ? เธอเน้นย้ำว่าท่านควรมาหาเธอบ้าง” เมื่อได้ยินคิ้วของภาคย์ก็ขมวดแน่น เนย์เป็นเด็กคนแรกที่ภาคย์รับเลี้ยง ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตนค่อนข้างเบื่อเด็กหนุ่มแล้ว แต่ที่ยังคงเลี้ยงดูอีกฝ่ายอยู่ เพราะเห็นว่าอยู่ด้วยกันมานาน แต่ช่วงนี้ดูเหมือนจะโทรหาพัดเพื่อสอบถามเรื่องตัวเองอยู่บ่อยครั้งจนเริ่มน่ารำคาญ
“ตั้งแต่ฉันรับเลี้ยงเตโชเขาโทรหานายบ้างไหม?” นอกจากพัดจะเป็นเลขาฯ แล้วยังมีหน้าที่ดูแลสิ่งที่เด็กในปกครองของตนต้องการอยู่เสมอด้วย เพราะฉะนั้นเด็กๆ ของตนจะได้รับเบอร์โทรของพัดเพื่อใช้ติดต่อเสมอ แต่ดูเหมือนคนที่อยากให้โทรหาจะไม่คิดจะโทรหากันจริงๆ เมื่อได้ยินสีหน้าของพัดไม่ได้เปลี่ยนไปแต่เอ่ยตอบอย่างจริงจังว่า
“ไม่ครับ คุณเตไม่ได้โทรหาผมเลย” เมื่อได้ยินภาคย์ก็เคาะนิ้วกับโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยกับพัดไปว่า
“บอกเนย์ว่าเย็นนี้ฉันจะเข้าไปหาที่บ้าน ให้เตรียมตัวไว้” เมื่อได้ยินพัดก็รับคำก่อนจะออกไปจัดการธุระที่ว่า และเมื่อถึงตอนเย็น ภาคย์ก็ลงจากรถก่อนจะบอกคนขับให้จอดรถรอตนสักพัก ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านสองชั้นในโครงการหลายล้าน และทันเห็นชายหนุ่มในวัย 20 ตอนปลายที่ยืนรอตัวเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณป๋า” เมื่อได้ยินภาคย์พยักหน้ารับ ก่อนจะคลายเนกไท แล้วเดินไปนั่งลงที่โซฟาโดยมีเนย์เดินเอาน้ำและขนมมาเสิร์ฟตัวเอง ก่อนจะนั่งลงที่พื้นแล้วบีบนวดขาตัวเองอย่างเอาใจ “เนย์ดีใจจังครับที่คุณป๋ามาหาเนย์วันนี้” เมื่อได้ยินภาคย์ก็จ้องมองไปที่เนย์ด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะลูบศีรษะอีกฝ่าย แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลงว่า
“อืม แต่วันนี้ฉันเหนื่อย คงอยู่ได้ไม่นาน” เมื่อได้ยินสีหน้าของเนย์ก็แข็งค้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเสียใจเล็กๆ ว่า
“ครับ เนย์เข้าใจแล้ว” ภาคย์พยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า
“เธออยู่กับฉันมากี่ปีแล้วนะ?” เมื่อได้ยินคำถามแบบนั้นสีหน้าของเนย์ก็บิดเบี้ยว ก่อนจะกัดฟันแน่น แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนลงว่า
“9 ปีครับ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็เชยคางอีกฝ่ายขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า
“อืม ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันพอใจมากกับการดูแลของเธอ แต่เธอเองก็ควรจะออกไปใช้ชีวิตได้แล้วหรือเปล่า?” เมื่อได้ยินสีหน้าของเนย์ก็บิดเบี้ยว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงออดอ้อนเสียใจว่า
“แต่เนย์ไม่อยากออกไปใช้ชีวิตข้างนอกนี่ครับ เนย์อยากรับใช้คุณป๋า” เมื่อได้ยินภาคย์ก็พยักหน้ารับอย่างใจเย็น ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“ทุกอย่างมีขีดจำกัด และเธอเองก็มาถึงขีดจำกัดที่ว่าแล้ว ออกไปใช้ชีวิตข้างนอกอย่างที่เธอต้องการในตอนที่ฉันยังใจดีดีกว่านะ” เมื่อได้ยินเนย์ก็ใบหน้าแข็งค้าง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงน้อยใจว่า
“ที่คุณป๋าไล่เนย์ออกไปแบบนี้เพราะเจอเด็กใหม่ที่ดีกว่าเนย์หรือครับ?!” แววตาของภาคย์นิ่งงัน ก่อนจะมีแววของความรำคาญแวบผ่านแล้วหายไป พลางจับมือของเนย์ที่จับขาตัวเองออก แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้มกดต่ำว่า
“ถ้ายังพูดไม่รู้ฟัง อย่าหาว่าฉันใจร้ายนะเนย์” เมื่อได้ยินเนย์มีสีหน้าตกใจ ก่อนจะก้มหน้านิ่ง อย่างสำนึกผิดใบหน้าซีดเผือด แล้วต้องตัวสั่นเพราะความหวาดกลัวเมื่อภาคย์เอ่ยต่อว่า “อย่าลืมว่าตัวเองเป็นใคร เธอมีสิทธิ์อะไรมาถามคำถามเหมือนเป็นเจ้าของฉันแบบนั้น?” เมื่อได้ยินเนย์ยิ่งตัวสั่นเทา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า
“เนย์ขอโทษครับคุณป๋า” ภาคย์จับจ้องอีกฝ่ายด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง พร้อมกับลุกขึ้นว่า
“ตั้งแต่นี้ต่อไป เธอเป็นอิสระ” เมื่อได้ยินเนย์ก็เงยหน้ามองแผ่นหลังของภาคย์ด้วยสายตาสั่นเทา ก่อนจะรีบคลานเข่าไปกอดขาอีกฝ่ายไว้แล้วเอ่ยด้วยเสียงละล่ำละลักว่า
“ไม่เอานะครับคุณป๋า อย่าเขี่ยเนย์ทิ้งเลย เนย์ขอโทษ เนย์จะไม่ทำให้คุณป๋าต้องโกรธอีกแล้ว” ไม่ว่าใครจะผิด ตอนนี้เนย์ต้องรั้งภาคย์เอาไว้ ไม่อย่างนั้นตัวเองคงถูกเขี่ยทิ้งอย่างแน่นอน
“ปล่อย” ภาคย์เอ่ยเสียงเย็น ก่อนจะก้มมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา เนย์ตัวสั่นก่อนจะร้องไห้เพื่อเรียกความสงสาร
“เห็นแก่ที่เนย์รับใช้คุณป๋ามานาน อย่าเขี่ยเนย์ทิ้งเลยนะครับ เนย์สัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณป๋าต้องโกรธอีก ขอแค่คุณป๋าบอกเนย์มาเนย์จะทำทุกอย่างที่คุณป๋าต้องการครับ” เมื่อได้ยินภาคย์มีแววตาของความรำคาญ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเย็นว่า
“เนย์ เธอก็อยู่กับฉันมานานทำไมไม่รู้ว่ายิ่งทำแบบนี้ฉันยิ่งจะรำคาญมากขึ้นเท่านั้น” เมื่อได้ยินเนย์ก็ตัวแข็งทื่อ ก่อนจะเม้มปากแล้วเอ่ยทั้งน้ำตาว่า
“ได้โปรดเถอะครับคุณป๋าอย่าทิ้งเนย์เลย” เมื่อได้ยินภาคย์ก็เริ่มรำคาญกับการเกาะติดมากเกินไปของอีกฝ่าย ก่อนจะยกขาขึ้นและแตะอีกฝ่ายออกไปอย่างไม่ไยดี จนเนย์ตัวงอลงกับพื้น แล้วนอนร้องไห้ด้วยความเสียใจ
“อะไรที่ฉันให้ไปฉันไม่เอาคืน ไม่ว่าจะบ้าน รถ หรือเงินในบัญชี แต่ตั้งแต่นี้ต่อไป เธอไม่ได้อยู่ในปกครองของฉันอีกต่อไป” ภาคย์เอ่ยพร้อมกับจ้องตาของเนย์อย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “และอย่าได้ติดต่อไปหาฉันอีก” เมื่อพูดจบภาคย์ก็เดินออกไปจากบ้านด้วยความหงุดหงิด สิ่งที่ภาคย์ไม่ชอบที่สุดคือการที่เด็กในปกครองตัวเองเริ่มเกาะติดอย่างน่ารำคาญ และเริ่มได้ใจว่าตัวเองดีกว่าเด็กคนอื่นๆ อย่างที่เนย์เริ่มทำ เพราะฉะนั้นทางออกเดียวมีเพียงแค่ปลดอีกฝ่ายออกจากการเลี้ยงดูของตัวเองเพียงเท่านั้น
“ไปที่เพนต์เฮาส์ X” เมื่อได้ยินคนขับรถก็รีบขับออกไปทันทีเมื่อสัมผัสได้ว่าเจ้านายของตนอารมณ์ไม่ดี และเมื่อไปถึงที่เพนต์เฮาส์เตโชก็เดินออกมาเปิดประตูด้วยสีหน้างุนงง
“คุณป๋า?” ภาคย์มองเห็นแววตาสับสน และแปลกใจของเตโช ก่อนจะเดินเข้าไปกอดเด็กหนุ่มแล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ไม่ดีว่า
“หนูคะ ตอนนี้ป๋าอารมณ์ไม่ดีมากๆ หนูช่วยทำให้ป๋าอารมณ์ดีหน่อยได้ไหมคะ?” เมื่อเตโชได้ยินก็มีสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะผละออก แล้วยกมือขึ้นประคองแก้มอีกฝ่าย พลางยกยิ้มทั้งปากและตา แล้วเอ่ยด้วยเสียงเอาใจว่า
“ไม่ว่าคุณป๋าจะอารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไรมาเตสัญญาว่าจะทำให้คุณป๋าอารมณ์ดีเองครับ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยิ้มอ่อน ก่อนจะพาเด็กหนุ่มไปทำให้อารมณ์ดีถึงบนเตียง
+++++
Lady Zombie
25/11/67
บทที่ 4 ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงามเตโชมองดูรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ใต้เพนต์เฮาส์ด้วยสายตาวาววับ ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดคุณป๋าที่กำลังยืนมองตัวเองอยู่ด้วยความดีใจว่า “ขอบคุณครับคุณป๋า!!” ภาคย์ย่อตัวรับตัวเด็กหนุ่มไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“คราวนี้หนูจะได้ขับรถพาป๋าไปเที่ยวได้แล้ว” เมื่อได้ยินเตโชก็มีนัยน์ตาวาววับ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเอาใจว่า“แน่นอนครับ คุณป๋าอยากไปที่ไหน เดี๋ยวหนูจะขับพาไปเอง” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยกยิ้มเอ็นดู ก่อนจะลูบหัวอีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้นคุณป๋าว่างไหมครับ เราออกไปขับรถเล่นกัน?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยกยิ้มอ่อน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงหยอกเย้าว่า “เรามีใบขับขี่แล้วหรือ?” เมื่อได้ยินเตโชก็เบิกตากว้างอย่างคนเพิ่งนึกได้ ก่อนจะยู่ปากแล้วพูดด้วยเสียงเล็กเสียงน้อยว่า“ถ้าอย่างนั้นเอาไว้เตไปทำใบขับขี่แล้ว ถ้าวันไหนคุณป๋าว่างเราออกไปขับรถเล่นกันนะครับ?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ยกยิ้มอ่อน เด็กหนุ่มไม่เร่งรัดตัวเองให้ทำอย่างที่ใจต้องการ แต่เลือกที่จะหาวันว่างของภาคย์เองทำเอาภาคย์พออกพอใจลึกๆ ไม่ได้ที่เด็กหนุ่มฉลาดคิดฉลาดพูดให้ตัวเองพอใจอยู่เสมอ“โอเคค่ะ” เมื่อได้ยินเตโชก็กอดแขนพาคุ
บทที่ 5 ซื่อเหมือนแมวนอนหวด‘ดิน’ เป็นเด็กบ้านนอก ตอนนี้เจ้าตัวเพิ่งเรียนจบได้ทำงานในบริษัทลูกในเครือของอัครพิเสธ แม้จะไม่มีใครรู้เรื่องที่ตัวเองเป็นเด็กเลี้ยงของท่านประธาน แต่เชื่อเถอะว่าคนระดับสูงบางคนก็ไว้หน้าดินอยู่หลายส่วน ดินที่เป็นเด็กต่างจังหวัดจึงได้เริ่มเหิมเกริม เพราะเมื่อเห็นว่าคุณภาคย์ไม่ได้ห้ามปรามอะไรตัวเองจริงจังจึงเริ่มได้ใจ ดินเม้มปากจ้องมองบานประตูในคอนโดฯ ด้วยสายตาสั่นไหว เมื่อชั่วโมงที่แล้วคุณท่านให้คุณพัดเลขาฯ ของตนโทรมาหาดินเพื่อบอกว่าคุณท่านจะพาตัวเองไปดินเนอร์ แต่ผ่านมาชั่วโมงกว่าแล้วคุณภาคย์ก็ยังไม่มาดินเลยเริ่มใจเสีย ก่อนจะตื่นตกใจเมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้น “คุณป๋า?” ดินลุกขึ้นยืนรีบเดินออกไปที่ประตูแต่คนที่เข้ามากลับไม่ใช่ภาคย์ แต่เป็นพัด เจ้าตัวพยักหน้าทักทายดินก่อนจะผายมือเพื่อเชิญออกไปข้างนอกว่า“ท่านประธานรออยู่ครับ” เมื่อได้ยินดินก็เดินกลับไปหยิบกระเป๋ามาแล้วเร่งฝีเท้าลงไปชั้นจอดรถ เมื่อเห็นรถคันหรูที่คุ้นตา ดินก็รีบเปิดประตูเข้าไป ทันได้เห็นว่าภาคย์กำลังนั่งปลดกระดุมข้อมืออยู่บนที่เบาะด้านหลัง“คุณป๋า” ดินเรียกอีกฝ่ายอย่างดดีใจ ก่อนจะเข้าไปนั่งด้านข้า
บทที่ 6 กำแพงมีหูประตูมีช่อง / กำแพงมีหูอี้นั่งกัดเล็บอยู่ภายในห้องนอนอย่างขบคิดเมื่อได้รับจดหมายเตือนจากท่าน แน่นอนว่าการกระทำที่เหมือนยุแยงของตนกับเจย์รู้ถึงหูท่านจริงๆ แม้จะโดนเพียงจดหมายเตือนแต่การอยู่เฉยๆ ย่อมไม่ใช่วิสัยของอี้ มีเด็กใหม่มากมายที่เข้ามาใหม่แล้วอยู่ได้ไม่ถึงเดือน อี้และเพียวก็มักใช้วิธีต่างๆ นานาเพื่อขับไล่อีกฝ่ายออกไป ท่านเองก็รู้แต่ไม่ได้ทำอะไรเพราะเด็กส่วนใหญ่ที่ออกไป ส่วนใหญ่มักเล่นใหญ่ออดอ้อนเกินพอดี แต่อี้ไม่รู้ว่าไอ้เด็กใหม่ที่ชื่อเตโชนั่นใช้วิธีอะไรท่านถึงได้ส่งคุณพัดมาเตือนตัวเองแบบนี้ เพราะฉะนั้นดูเหมือนคราวนี้วิธีธรรมดาจะไม่ได้ผล บางทีอี้อาจต้องไปเจอเด็กนั่นการตามหาเด็กนั่นไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ามีเส้นสายมากพอ ที่อยู่ของเตโชก็มาปรากฏหราให้เห็นในอีกไม่กี่วันต่อมา อี้เตรียมตัวเป็นอย่างดี วันนี้แม้สุดท้ายต้องโดนไล่ออก แต่เด็กที่ชื่อเตโชก็ต้องออกไปกับตัวเองด้วย เพราะอี้จะไม่ยอมให้เด็กที่มีแนวโน้มที่ท่านจะเอามันกลับไปกกที่บ้านใหญ่ปรากฏตัวอยู่ข้างท่านอย่างแน่นอน เมื่อช่วงสายอี้เดินขึ้นลิฟต์มาที่หน้าประตูห้องเพนต์เฮาส์ด้วยสายตาที่ปกปิดความอิจฉาไว้ไม่มิด ก่อนจะจาง
บทที่ 7 เอามือซุกหีบเกือบครึ่งปีที่เตโชมาอยู่กับคุณป๋า แน่นอนว่าอะไรๆ ที่เคยดูน่าตื่นเต้นก็ไม่น่าตื่นเต้นเหมือนเคย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเตโชชะล่าใจว่าเป็นคนโปรด แล้วคุณป๋าจะไม่ทิ้งตัวเอง เตโชพยายามหาลูกล่อลูกชนมาเล่นกับคุณป๋าเสมอ แต่อย่างว่าอะไรๆ ที่เคยกินมาก่อนแล้วมันก็ไม่น่าตื่นเต้นอีกต่อไป คุณป๋าไม่ได้มาหาเตโชนานแล้วประมาณหนึ่งสัปดาห์ได้ และเตโชที่มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามก็ส่งภาพของคุณป๋ากับเด็กหนุ่มคนใหม่วัยนักศึกษามาให้ตัวเองในระยะนี้ เตโชจะไม่ตามหาแต่กำลังรอโอกาส เตโชยังคงใช้ชีวิตต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่งข้อความไปมอนิ่ง และฝันดีคุณป๋าเสมอ เวลาออกไปข้างนอกก็รายงานทุกครึ่งชั่วโมง ทำแบบนี้ประจำจนวันนี้ที่เตโชไม่ได้ส่งข้อความไป เพราะมีคลิปหลุดของคุณป๋าในมุมแอบถ่ายกับเด็กใหม่ส่งมาหาตัวเองในตอนเช้ามืดเตโชหัวเราะลั่นกับสิ่งที่เห็นไม่ได้โกรธแต่รู้สึกยินดีมากกว่า เพราะนี่คือโอกาสที่ตนเองกำลังรอคอย ต่อให้เป็นเด็กใหม่แต่เตโชเชื่อว่าความทะเยอทะยานของตัวเองไม่แพ้เด็กใหม่นั่นอย่างแน่นอน เตโชไม่ได้ส่งข้อความไปมอนิ่งเหมือนอย่างเคย แต่เลือกที่จะส่งข้อความไปบอกคุณป๋าว่าตัวเองจะออกไปดื่มกับ
บทที่ 8 ขว้างงูไม่พ้นคอเตโชเพิ่งสอบเทียบมัธยมปลายเสร็จเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้กำลังรอให้มหาลัยเปิดรับสมัครในปีหน้า ส่วนเรื่องของคนที่โทรมาข่มขู่ตัวเองคุณป๋าบอกว่าจัดการแล้วเรียบร้อย เตโชไม่คิดจะใส่ใจอะไรอีกเพราะรู้ดีว่าถ้าคุณป๋าลงมือเองอย่างไรก็ต้องเรียบร้อย เพราะฉะนั้นชีวิตช่วงนี้จึงค่อนข้างสงบ แต่คุณป๋าก็คือคุณป๋าเมื่อเร็วๆ นี้คุณป๋าหายตัวไปอีกครั้ง และเตโชได้ยินข่าวมาจากพี่ปอว่าคุณป๋ารับเด็กใหม่มาเลี้ยงเพิ่มอีกแล้ว แต่เตโชไม่ได้เร่งร้อนเพราะกำลังรอโอกาส ตนจะไม่เคลื่อนไหวถ้าอีกฝ่ายไม่เคลื่อนไหว แม้พื้นผิวจะดูสงบ แต่เตโชรู้ดีว่าพวกเก่าๆ เริ่มทนไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะคนที่ความอดทนต่ำที่สุดในบรรดาเด็กเก่าอย่างเจย์ วันนี้เตโชได้รับข้อความจากเจย์ว่าจะมีนัดทานข้าวกระชับมิตรในบรรดาเด็กในปกครองอีกครั้งเพื่อต้อนรับคนใหม่เตโชตอบตกลงแต่คราวนี้ตนจะไม่เคลื่อนไหว เพราะรู้ดีว่าเจย์ต้องการใช้ตัวเองเป็นหนังหน้าไฟ กำจัดเด็กใหม่คนโปรดออกไป แต่สำหรับเตแล้วนั้นเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย การจะจับคุณป๋าให้อยู่สิ่งหนึ่งที่ต้องมีคือความอดทน เพราะฉะนั้นเมื่อถึงเวลานัดเตโชส่งข้อความไปหาคุณป๋าว่าจะออกไปทา
บทที่ 9 ขุดด้วยปาก ถากด้วยตาเกือบปีแล้วที่เตโชมาอยู่กับคุณป๋า วันนี้เป็นวันแรกที่ตนจะได้ไปมหาลัย เตโชค่อนข้างตื่นเต้นแม้จะเป็นมหาลัยเอกชน แต่นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เตโชไปมหาลัยตามความฝัน เตโชขับรถมาจอดที่ลานจอดรถก่อนจะกดโทรศัพท์โทรคุณป๋าด้วยความตื่นเต้น “คุณป๋า หนูถึงมหาลัยแล้วนะครับ”[โอเค] เสียงปลายสายตอบกลับมาเรียบนิ่งทำให้เตโชลดความตื่นเต้นลง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“หนูรบกวนคุณป๋าใช่ไหม แต่หนูตื่นเต้นหนูไม่รู้จะโทรหาใครนอกจากคุณป๋า” เตโชเอ่ยอ้อน ทำเอาภาคย์ที่กำลังนั่งประชุมต้องพักการประชุม 10 นาทีก่อนจะเดินออกมาคุยโทรศัพท์กับเด็กหนุ่มที่ด้านนอก[เอาไว้วันพรุ่งนี้ป๋าไปส่งหนูที่มหาลัยดีไหมคะ?] เตโชที่ได้ยินก็มีดวงตาวาววับ ก่อนจะกดหน้าตกลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“ครับผม เตจะรอน้า รักคุณป๋าที่สุด” แล้วเตโชก็กดตัดสายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเริ่มต้นใหม่ในมหาลัย เตโชก้าวลงจากรถก่อนจะเดินไปรายงานที่ตึกใหญ่ วันแรกของการเรียนเป็นเพียงการปฐมนิเทศและการต้อนรับน้องใหม่สั้นๆ คณะที่เตโชอยู่เป็นเพียงคณะบริหารธุรกิจ สาขาการบัญชี เพราะฉะนั้นเมื่อเลิกเรียนเตโชก็กำลังกลับบ้าน แต่ระหว่
บทที่ 10 ศรศิลป์ไม่กินกันวันต่อมาที่เตโชมาเรียนแม้จะมีคนซุบซิบกันบ้างก็อยู่ในขอบเขตที่เตโชพอรับได้ เตโชเดินมาขึ้นตึกเรียนด้วยท่าทางโนสนโนแคร์ เพราะคนพวกนี้ไม่ได้มาข้าวให้ตัวเองกิน ไม่มีความสนใจที่ต้องไปใส่ใจ และเมื่อเข้ามาในห้องคนที่เด่นสะดุดตาที่สุดคงเป็นฟิวส์และมะนาว เจ้าตัวปรบมือให้เตโชที่เดินเข้ามาก่อนจะพูดด้วยเสียงชอบอกชอบใจว่า “มีคนหนุนหลังมันดีจริงๆ นะ” เตโชยกยิ้มมุมปากก่อนจะกอดอกแล้วเอ่ยว่า“ทำไมอิจฉาหรือ?” ฟิวส์หน้าตึงก่อนจะลดมือลงแล้วเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ว่า“คนแบบนายมีอะไรให้น่าอิจฉา? นอกจากความน่าสมเพช” เตโชกอดอกมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางเย็นชา ก่อนที่มะนาวจะเอ่ยเสริมขึ้นมาว่า“ใช่ คิดว่าตัวเองสูงส่งมากนักหรืออย่างไรถึงเดินเชิดหน้ามาเรียนทั้งๆ ที่ควรรู้แก่ใจว่าตัวเองทำอะไรไว้!” เตโชยกยิ้มไม่ได้สะทกสะท้านอะไรคำแขวะนั้น ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางสงบว่า“ก็ดีกว่าคนที่คิดว่าเองสูงส่งกว่าคนอื่น แต่การกระทำต่ำตม”“ไอ้เต!!” ฟิวส์ที่ได้ยินก็เลือดขึ้นหน้าจะเข้าไปตบอีกฝ่าย แต่อาจารย์เข้ามาก่อนจะเอ่ยเสียงดังว่า“ทำอะไรกัน เข้าเรียนได้แล้ว!!” ฟิวส์กับมะนาวมองเตโชด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะเดิน
บทที่ 11 ลางเนื้อชอบลางยาคุณป๋าแปลกไป เตโชไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จากข่าวที่ปอหญิงสาวส่งมา ตอนนี้ตัวเองกลายเป็นเด็กในปกครองของคุณป๋าเพียงคนเดียวแล้วทำให้ตนกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างพอใจ แต่ที่ไม่น่าพอใจคือทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันคุณป๋าเหมือนมีเรื่องให้คิดมากตลอด แต่เพราะทำงานด้วยกันเตโชเลยรู้ว่าเรื่องงานไม่มีปัญหา แล้วมันมีปัญหาเรื่องอะไร? วันนี้เป็นวันหยุดคุณป๋ามาค้างที่เพนต์เฮาส์ตัวเอง เตโชที่ต้องการเอาใจคุณป๋าจึงได้ลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าตั้งแต่เช้า ทำเอาภาคย์กอดหอมด้วยความพอใจไปยกใหญ่ ก่อนที่มื้ออาหารนั้นเตโชจะกลั้นใจเอ่ยถามออกไปว่า “ช่วงนี้รู้สึกคุณป๋าเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ เล่าให้หนูฟังได้นะคะ ถ้าคุณป๋าอึดอัด” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ชะงักช้อนที่กำลังทานข้าว ก่อนจะรวบช้อน แล้วเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่กำลังมองตัวเองด้วยแววตาของความเป็นห่วงหากจะบอกว่าภาคย์ไม่หวั่นไหวเป็นไปไม่ได้ เตโชเป็นเด็กเลี้ยงเพียงคนเดียวที่ตัวเองรู้สึกเต็มอิ่ม หรือมันถึงช่วงอิ่มตัวแล้วภาคย์ก็ไม่แน่ใจ แต่เห็นได้จากตอนนี้ที่เหลือเจ้าตัวเป็นเด็กในปกครองเพียงเดียวใครๆ ก็เดาได้ว่าภาคย์ต้องมีใจให้เตโชไม่มากก็น้อย “ป๋าแค่รู้สึกว่าค
บทสุดท้าย จับเสือมือเปล่าเส้นทางของเตโชเดินมาไกลมาจริงๆ จากเด็กสลัมที่ต้องดิ้นรนอยู่ในครอบครัวเฮงซวย สู่เด็กเลี้ยงที่ต้องแย่งชิงความรักจากคุณป๋า และมาสู่แม่ของลูกที่ไร้สถานะมาหลายปี ก่อนจะกลายเป็นคุณชายของอัครพิเสธถูกต้องตามกฎหมายในปัจจุบัน เพราะแบบนั้นเตโชจึงรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นจากแต่ก่อนที่คิดหวังเพื่อต้องการขึ้นเป็นคุณชายของอัครพิเสธเพียงเท่านั้น ตอนนี้เตโชสงบลงแล้ว มองโลกได้กว้างขึ้น และเลี้ยงลูกด้วยความรักความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยม ตอนนี้อาโปอายุได้ 5 ขวบแล้ว เจ้าตัวเรียนอยู่อนุบาลสอง และนี่เป็นเพียงช่วงปิดเทอมเท่านั้น ภาคย์กับเตโชเลยตกลงกันว่าจะพาลูกชายไปเที่ยวทะเลเพื่อพักผ่อนหนีร้อนในเมืองคุณป๋าอาสาขับรถมาเองเพราะอยากออกไปเที่ยวกับครอบครัวแบบธรรมดา อาโปนั่งที่เบาะด้านหลังร้องเพลงเจื้อยแจ้วอย่างสนุกสนาน ก่อนที่เจ้าตัวจะเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณแม่ น้องคืออะไร?ใจ๋ใจ๋บอกว่าตัวเองกำลังมีน้องล่ะ” เมื่อได้ยินสีหน้าของเตโชก็แดงก่ำเหลือมองคุณป๋าที่หัวเราะร่า ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือตัวเอง แล้วเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“น้องคือเพื่อนเล่นอีกคนครับ ทำไมอาโปอยากมีน้องหรือ?” เมื่อได้ยินอาโปก็ย่นคิ
บทที่ 19 ดีดลูกคิดรางแก้วภายในสลัมโชคจ้องหนังสือพิมพ์ที่กำลังแปะพาดหัวข่าวการแต่งงานของยักษ์แห่งวงการยา แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้โชคสนใจไม่ใช่เรื่องราวความรักหวานชื่นแต่เป็นภาพของภรรยาคุณชายคนใหม่แห่งอัครพิเสธ อย่างเตโช อัครพิเสธต่างหากที่ทำให้โชคเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า “ไอ้เต มึงอยู่นี่นี้เอง” ใช่โชคกำลังมองหาลูกชายคนเล็กที่หายตัวไปราว 10 กว่าปีได้ มันทิ้งให้ตัวเองต้องเผชิญกับเรื่องบัดซบหนีเอาตัวรอดคนเดียวแบบนี้ โชคยิ่งแค้นใจนัก ตนจ้องมองชื่อและนามสกุลใหญ่ที่ว่า ก่อนจะยืมมือถือของลูกน้องคนหนึ่งมากดเสิร์ชหาที่อยู่ของบ้านอัครพิเสธในวันแรกโชคมาที่บริษัทยาที่ชื่อว่า เภตรา ฟาร์มาซูติคอล ซึ่งเป็นบริษัทที่ผัวไอ้เตมันทำงานอยู่ โชคมาด้อมๆ มองๆ อยู่บริษัทอยู่หลายวันถึงได้รู้ว่ารถคันไหนเป็นรถที่ผัวไอ้เตมันนั่ง หลังจากนั้นก็พยายามสะกดรอยตามไปถึงที่บ้าน ตอนแรกโชคหาทางไปบ้านไม่เจอเพราะคาดกันหลังจากนั้นผ่านไปไม่นานก็มาถึงบ้านหลังใหญ่ โชคมองบ้านหลังใหญ่ด้วยความโลภในดวงตา ก่อนจะเผยริมฝีปากเมื่อเห็นจากไกลๆ ว่าเตโชมันออกมาพร้อมเด็กตัวเล็กอีกคนน่าจะเป็นลูกมันโชคคิดในใจ ก่อนจะเ
บทที่ 18 กิ่งทองใบหยกเตโชนั่งอ่านข่าวของน้ำฟ้าและวิจิตรกาลในโทรศัพท์มือถืออย่างใจเย็น รอยยิ้มมุมปากถูกยกขึ้นก่อนที่พี่เนยจะเอ่ยพร้อมกับเล่นกับน้องอาโปไปด้วยว่า “ดีแล้วค่ะที่คนเลวแบบนั้นโดนจับ” เตโชหุบยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเห็นใจว่า“สงสารก็แต่น้องน้ำตาลไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เมื่อได้ยินเนยก็ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงโมโหว่า“ไม่น่าเห็นใจเลยค่ะ เด็กอะไรไม่รู้ทำไมรังแกอื่นไปทั่วแบบนั้น” เตโชพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยแต่ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ตนคิดว่าน้ำฟ้าจะจัดการกับตัวเอง แต่คิดไม่ถึงว่าน้ำตาลจะรังแกลูกชายตัวเองจริงๆ เห็นได้ชัดว่านี่น่าจะเป็นพฤติกรรมการส่งเสริมจากมารดาอย่างไม่ต้องสงสัย คงไม่มีเด็กสิบขวบที่ไหนมารังแกคนอื่นถ้านิสัยไม่เสียจริงๆ เพราะแบบนั้นเตโชจึงพูดออกมาจากใจจริงๆ ที่เป็นห่วงน้ำตาล เพราะเด็กหญิงคงเผชิญหน้ากับเรื่องเลวร้ายแบบนี้เพราะการกระทำของมารดาทั้งนั้น และไม่นานคุณป๋าก็กลับมาถึงบ้าน เตโชพาลูกชายออกไปต้อนรับเหมือนอย่างทุกวัน แต่วันนี้ต่างไปนิดหน่อยเพราะคุณป๋าดูเหมือนมีอะไรในใจ เมื่อขึ้นมาบนห้องหลังจากเตไปส่งลูกชายเข้านอน ก็เห็นภาคย์นั่งลงที่ปลายเตียงกำลังรอ
บทที่ 17 พออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ภาคย์นั่งอ่านรายงานที่พัดส่งมาให้ตัวเองด้วยสีหน้าจริงจัง จากการสอบสวนน้ำฟ้า เธอตั้งท้องจริงหลังจากหย่ากับภาคย์มีโอกาสเป็นไปได้มากว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของภาคย์ แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ชัดเมื่อในสูติบัตรของน้ำตาลในช่องพ่อถูกเว้นชื่อเอาไว้ ส่วนสาเหตุที่เธอกลับมาในช่วงสิบปีน่าจะเป็นผลมาจากครอบครัวของเธอเกิดปัญหา ตอนหย่ากันสินสมรสถูกแบ่งออกอย่างเท่าเทียมกัน และภาคย์ก็ยุติการร่วมมือระหว่างวิจิตรกาลและอัครพิเสธไปแล้วเพื่อความชัดเจน เพราะแบบนั้นตนจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องของวิจิตรกาลอีกต่อไป จนมาทราบตอนนี้ว่าทางวิจิตรกาลกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย เนื่องจากการหนีภาษีมาหลายปี “ท่านประธานอยากให้ผมสืบต่อไหมครับ?” ภาคย์วางเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงจริงจังว่า“ให้แม่บ้านเก็บเส้นผมของน้ำตาลมาให้อย่างลับๆ ในเมื่อน้ำฟ้าไม่ต้องการตรวจพิสูจน์ความเป็นพ่อเพื่อให้เรื่องนี้กระจ่างฉันคงต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น”“ครับท่านประธาน” ก่อนที่ภาคย์จะเอ่ยต่อว่า“อีกเรื่องติดต่อคนจากวิจิตรกาล ฉันต้องการพูดคุยด้วยหน่อย” พัดเอ่ยตอบรับก่อนจะออกไปเหลือเพียงภาคย์ที่นั่งมองเอกสารในห้องด้วยสายต
บทที่ 16 พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง“ตอนเราหย่ากันฉันก็ท้องน้องน้ำตาลแล้ว แต่ฉันไม่คิดจะบอกคุณ เพราะคิดว่าไม่จำเป็น แต่ดูเหมือนตอนนี้คุณจะมีลูกแล้ว ฉันแค่ไม่อยากให้น้องน้ำตาลไม่ได้รับในสิ่งที่ควรได้รับ เพราะฉะนั้นฉันมาที่นี่วันนี้เพื่อบอกให้คุณรู้ว่าคุณยังมีลูกสาวอีกคนอยู่ด้วย”“!!!!!!!!!!!!!!” ภาคย์จ้องหน้าหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งว่า “แล้วทำไมคุณถึงเพิ่งมาบอกผมตอนนี้น้ำฟ้า?” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์อะไร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“เพราะฉันไม่คิดว่าคุณจะเชิดชูลูกของเด็กเลี้ยงคนนั้นออกหน้าออกตาอย่างไรเล่า รู้แบบนี้ตอนนั้นฉันไม่หย่ากับคุณน่าจะดีกว่า” น้ำฟ้าเอ่ยพลางยกกาแฟขึ้นจิบ ก่อนจะมองใบหน้าอดีตสามีด้วยสายตาราบเรียบเย็นชา เธอกับภาคย์แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ของคนรุ่นเก่า ทำตามคำสัญญาบ้าบอของคนแก่ที่ไม่คิดว่าจะทำ ชีวิตรักบนเตียงของภาคย์ก็ดีไม่แย่ แค่ตอนที่หย่าเธอดันมีลูกติดท้องมาด้วยเท่านั้น“ผมอยากตรวจ DNA ” เมื่อได้ยินน้ำฟ้าก็เบ้ปากก่อนจะเอ่ยเสียงไม่ยี่หระว่า“แต่ฉันไม่อนุญาต” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้วจ้องมองเธอด้วยสายตาสงสัย ภ
บทที่ 15 ชี้นกบนปลายไม้วันนี้เหมือนทุกวันภาคย์กำลังทำงานอยู่ที่บริษัท แต่จู่ๆ พัดก็เข้ามาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ท่านประธานครับ คุณอินติดต่อมาว่าอยากขอพบท่านครับ” เมื่อได้ยินภาคย์ก็เงยขึ้นจากกองเอกสาร ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงสับสนว่า“อิน? ใคร?” อาจจะเพราะหลายปีแล้วที่ภาคย์ไม่ได้ติดต่อกับอีกฝ่ายทำให้ความทรงจำเลือนรางไปบ้าง ก่อนที่พัดจะเอ่ยอธิบายว่า“หนึ่งในเด็กในปกครองท่านครับ แต่เลิกติดต่อกันไปหลายปีแล้ว” เมื่อได้ยินภาคย์ก็ย่นคิ้ว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ทางนั้นติดต่อมาทำไม?”“ไม่บอกเหตุผลไว้ แค่ต้องการติดต่อท่านครับ” ภาคย์เอนหลังพิงพนักพิง ก่อนจะหรี่ตาลงแล้วเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบว่า“ข้อมูลทั้งหมดของอินหลังเจ้าตัวออกจากฉันไป และตอบตกลงอีกฝ่ายเป็นเย็นนี้ที่ร้านอาหาร x ขอข้อมูลของเจ้าตัวก่อนออกไปเย็นนี้”“ได้ครับ” ภาคย์ไม่รู้ว่าอินกลับมาหาตัวเองด้วยเรื่องอะไร แต่ที่ยอมไปพบเพราะเห็นแก่ที่มีอดีตร่วมกันมาสักพักแล้วตัวเองเป็นฝ่ายบอกลาอีกฝ่ายก่อน ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยภาคย์ก็ยังช่วยได้ แต่ถ้ามากกว่านั้นก็อย่าหาว่าภาคย์ใจร้ายเลยเถอะและเมื่อตอนเย็นมาถึงภาคย์ที่เพิ่งอ่านเอกสารของอินจบก็มี
บทที่ 14 เลือดข้นกว่าน้ำในวันที่ 22 มิถุนายน เด็กชายอาโป อัครพิเสธ ก็ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้ เจ้าตัวเป็นเด็กชายที่ไม่ใช่เพศพิเศษ นี่ทำให้เตโชพอใจ ตอนนี้เจ้าตัวกำลังนอนในอ้อมแขนเตโช โดยมีคุณป๋านั่งมองอยู่ด้านข้างด้วยสายตาอ่อนโยน “น้องอาโปหน้าเหมือนคุณป๋าจนหนูอดน้อยใจไม่ได้ที่ลูกหน้าไม่เหมือนหนูเลย” เมื่อได้ยินภาคย์ก็หัวเราะ พลางยืดตัวหอมแก้มเจ้าตัว แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“แต่ตาลูกเหมือนหนูมากเลยนะ” เมื่อได้ยินเตโชก็จ้องมองดวงตาอีกฝ่ายที่กำลังกะพริบไม่ได้โฟกัสสิ่งใดด้วยสายตาอ่อนลง ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอารมณ์ดีว่า“คุณป๋าอยากอุ้มน้องไหมครับ?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่ออุ้มลูกชายเข้ามาในอ้อมกอด พลางจับจ้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองด้วยสายตาอ่อนโยน“พ่อขอให้หนูโตมาสุขภาพร่างกายแข็งแรงมีความสุขมากๆ นะครับอาโป” เหมือนเด็กน้อยจะรู้ว่าพ่อกำลังอวยพรตัวเอง เจ้าเลยยกยิ้มจนเห็นเหงือกแดงๆ อย่างน่าเกลียดน่าชัง ทำเอาภาคย์ใจอ่อนใจเหลวไปหมด แล้วอีกไม่กี่วันเตโชก็ออกจากโรงพยาบาล กลับมาอยู่ที่บ้าน ที่บ้านมีพี่เนยแม่บ้านที่กลายเป็นพี่เลี้ยงน้องอาโป ตามที่ภาคย์จัดสรรมาเพราะเนยเคยมี
บทที่ 13 ถอดเขี้ยว ถอดเล็บ“เห็นว่าโดนพวกเจ้าถิ่นไล่ตี นอนเป็นผักอยู่ที่โรงพยาบาลมาครึ่งปีแล้ว” สิ้นเสียงของปอ เตโชก็มีสีหน้าบิดเบี้ยว ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าว่า“พี่รู้ได้อย่างไร?” ปอมีสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบาลงว่า“ฉันกลับไปที่บ้านเจอเจ๊หมวย แกจำเจ๊หมวยได้ใช่ไหม? นั่นแหละเขาเล่าให้ฟังว่าพี่แกไปตีกับเจ้าถิ่น เข้าไล่แทงจนเลือดอาบ เห็นว่าตกสะพานลอย ไม่ตายแต่นอนเป็นผักที่โรงพยาบาล แม่แกก็ติดเหล้าเหมือนไม่ได้สนใจอะไร ส่วนพ่อแกก็ไปๆ มาๆ ที่โรงพยาบาลกับบ้าน เฮ้อ เวรกรรมจริงๆ ” เตโชหน้าซีด ก่อนจะกลืนน้ำลาย ตนเคยคิดว่าจะไม่สนใจแล้วเรื่องครอบครัวเส็งเคร็งนั่น แต่พอได้ยินจริงๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ ก่อนที่ปอจะเห็นสีหน้าคนท้องรู้สึกไม่ดีจึงตบปากตัวเอง แล้วเอ่ยตำหนิตัวเองด้วยความรู้สึกผิดว่า “ฉันไม่น่าเอาเรื่องพวกนี้มาเล่าให้คนท้องฟังเลย ปากดีจริงๆ!”“ไม่เป็นไรหรอกพี่ถือว่าเล่าสู่กันฟัง” ปอไม่ได้เอ่ยอะไรเพราะรู้ดีว่าพื้นเพเตโชเป็นอย่างไร คงไม่มีใครอยากกลับไปนับญาติกับครอบครัวแบบนั้นหรอก หลังจากพูดคุยไม่นานปอก็จากไป เหลือทิ้งเพียงเตโชที่นั่งเหม่อลอยตลอดทั้งบ่าย ไม่รู้เป็นเพราะอารมณ์คนท้อ
บทที่ 12 ขุดบ่อล่อปลาตั้งแต่วันนั้นที่เตโชเริ่มกินยาคุม ก็ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เตโชรู้ดีว่าการใช้เด็กจับคุณป๋าไม่มีประโยชน์ และตนไม่ต้องการทำเช่นนั้นด้วยเพราะเตโชมีแผนที่ดีกว่านั้น การทำให้คุณป๋าอยากมีลูกกับตัวเอง เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการใช้เด็กจับคุณป๋าให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันเปล่าๆ แถมยังเป็นวิธีสิ้นคิดอีก สู้เตโชทำให้คุณป๋าอยากมีลูกกับตัวเองก่อนไม่ดีกว่าหรือ? เพราะฉะนั้นสิ่งที่เตทำคือการทานยาตรงตามเวลาแบบไม่ให้ผิดพลาดแม้แต่น้อย “ให้หนูกินยาก่อนค่ะ” เตโชเอ่ยพลางลุกขึ้นจากเตียงไปทานยาคุมฉุกเฉิน ด้วยร่างกายเปลือยเปล่า ต่างจากภาคย์ที่กำลังมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาอ่านยาก ก่อนจะตบที่นอนให้เจ้าตัวมานอนข้างตัวเองเตโชเดินมาทิ้งตัวนอนลงที่ด้านข้างคุณป๋าก่อนจะกลิ้งตัวเข้าไปในอ้อมอีกฝ่ายหลังทานยาเสร็จ ภาคย์เอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “หนูอยากไปเที่ยวที่ไหนไหมคะ?” เมื่อได้ยินเตโชก็มีนัยน์ตาวาววับ ก่อนจะเอ่ยอย่างอารมณ์ดีว่า“หนูอยากไปทะเล! คุณป๋าพาหนูไปทะเลได้ไหม?” เมื่อได้ยินภาคย์ก็มีนัยน์ตาอ่อนลง“ดีค่ะ สุดสัปดาห์นี้เราไปทะเลกัน” เมื่อได้ยินเตโชก็โถมตัวจูบอีกฝ่ายอย่างเอาใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอาร