"ม๊ะม๊า..น้องอายไปโรงเรียนก่อนนะคะ"เสียงเจื้อยแจ้วของลูกสาวตัวน้อย..ที่ตอนนี้กำลังขึ้นป.6 ดังจากหน้าบ้าน..ใบหน้าสวยหวานที่ยังมีเบบี้เฟซ..ส่งยิ้มกว้างมาให้
ก่อนที่คนจะเป็นแม่ ซึ่งกลับมาจากตากผ้าหลังบ้านจะได้พูดอะไรเพิ่ม..ร่างบอบบางในชุดนักเรียนประถมก็วิ่งขึ้นรถสองแถวโรงเรียน..พร้อมโบกมือหย็อยหย็อยมาให้
อันธิยาตั้งใจมาจัดการถ้วยชามใช้แล้วบนโต๊ะอาหาร..ปรากฏว่าลูกสาวตัวน้อยช่วยล้างจัดเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว..เธอส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู
นาฬิกาบนผนังชี้บอกเวลา 6.30 น. เธอเปิด app ไลน์ กับเปิดไลน์กรุปหมู่บ้าน..เพื่อลงขายอาหารเช้าทันที
"อัญ..น้องอายไปโรงเรียนแล้วเหรอลูก"
"จ๊ะแม่"คนเป็นลูกหันไปตอบ..คุณนายนกแม่ของเธอจัดการขนตะกร้าที่ซักแล้วไปตากต่อ
บ้านของเราเป็นบ้านหลังเล็กๆ มี2ชั้น ชั้นล่างทำร้านซักอบรีด ส่วนชั้นบนมีห้องนอนสองห้อง ข้างๆมีพื้นที่ราวๆ 100ตารางวาที่ยังปล่อยทิ้งร้างอยู่..มันคือ 'บ้าน' ที่เธอเติบโตมา
รอได้ไม่นานเสียงไลน์ก็ดังขึ้น..เธอจัดการรับออร์เดอร์ทันที..โชคยังดีแถบที่เธออยู่..เป็นเขตที่กำลังเติบโต..มีหมู่บ้านจัดสรร..กับคอนโดเกิดใหม่ขึ้นเพียบ..ส่วนนึงเพราะจังหวัดที่เธออยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก..คนนิยมซื้อเป็นพักตากอากาศ..บ้างก็ย้ายมาอยู่ถาวร
อาหารเช้าที่เปิดรับส่วนใหญ่ เป็นโจ๊กหม้อโตที่ไม่ต้องเสียเวลาทำนาน..ไลน์แมนสองสามคนเริ่มมารอรับเมนู หญิงสาวตัวเล็กบอบบางจัดการให้ทันที..ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มชื้นเหงื่อ..กว่างานช่วงเช้าเสร็จก็เกือบ9โมง
พอเห็นโจ๊กที่ยังเหลืออยู่..คนตัวเล็กแต่ใจใหญ่จัดแจงตักใส่ถุง..พร้อมกับตะโกนบอกคนเป็นแม่
"แม่จ๊ะ..เดี๋ยวหนูขอเอาโจ๊กไปให้ลุงป๋อง..กับยายคำ..แป๊บนะจ๊ะ"
ลุงป๋อง..คืออดีตตำรวจชายแดนภาคใต้..ที่ตอนนี้เกษียณแล้ว..ส่วนยายคำเป็นยายแถวบ้านที่เธอเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย ทั้งสองไม่มีลูกหลานคอยดูแล..ทุกๆ เช้าเธอมักเอาโจ๊กไปแขวนหน้าบ้านให้
ก่อนจะกลับมาอาบน้ำแต่ตัวจัดการอาหารเช้า..แล้วเปิดหน้าจอดูไลฟ์สดสภาพตลาดการลงทุนเพื่อดูข่าว..และเหตุการณ์สำคัญประจำวัน..ช่วงราวๆ 10 โมงเธอเปิดหน้าจอเทรดหุ้นไปด้วย
ใบหน้าสวยหวานครุ่นคิด..พร้อมหาลู่ทางหาเงินเพิ่มเติม..เมื่อหลายปีที่ผ่านมาเธอมีรายได้จากการไลฟ์สดไม่ใช่น้อย แต่พอเวลาผ่านไป การแข่งขันเยอะขึ้น..รายได้น้อยลง..จนเธอคิดว่าไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปจึงเลิกทำไป
เงินก้อนนั้นเธอแบ่งเงินเป็นสามก้อน..ก้อนใหญ่สุดไว้สำหรับลงทุน ส่วนที่สองไว้สำหรับค่าใช้จ่ายฉุกเฉินในบ้าน ส่วนที่สามไว้สำหรับการศึกษาลูกในอนาคต
ส่วนค่าใช้จ่ายรายวัน..ได้มาจากการทำอาหารขาย ยังดีบ้านไม่ต้องเช่า..จึงประหยัดเงินไปได้เยอะ ส่วนรายได้ของคุณนายนก..เธอให้แม่เก็บทุกบาททุกสตางค์..มีบังคับซื้อประกันสุขภาพคุ้มครองระยะยาว
โชคดียุคสมัยนี้เป็นยุคออนไลน์..ข้อมูลความรู้..ขอเพียงขวนขวายถ้าตั้งใจจริง..ชีวิตไม่มีทางอับจน..เพียงแต่ตอนนี้เธอเริ่มเจอทางตัน..จะทำยังไงดีนะให้คนในบ้านอยู่ดีกินดีขึ้น?
หญิงสาวถอนหายใจอย่างหงุดหงิด..เวลานี้เธออยากมีใครสักคน..ที่คอยให้คำปรึกษา หรืออย่างน้อย..คอย'รับฟัง'ก็ยังดี..ยิ่งเมื่อคืนเธอฝันถึงพี่ชายข้างบ้าน..ความคะนึงหายิ่งจับใจ
ร่างเล็กบางหันไปดูหน้าจอเทรด แต่..วันนี้ตลาดค่อนข้างนิ่ง..ชวนให้คนตัวเล็กหงุดหงิด แม้เงินส่วนใหญ่จะซื้อหุ้นพื้นฐานดี..ตอนที่ราคาลงมาเยอะๆ แล้วถือยาวเพื่อกินปันผลก็ตาม..แต่เธอก็มีเงินก้อนเล็กๆ สำหรับไว้เทรดดิ้งสั้นๆ เช่นกัน..วันนี้ไม่ใช่วันของเธอ
เวลาชี้ไปที่ 11.45 น. หญิงสาวเปิดappไลน์แมน กับไลน์หมู่บ้าน..ที่รวมผู้คนในหมู่บ้านละแวกนี้ มีลูกค้าประจำเริ่มสั่งอาหารตามสั่ง
คุณนายนกรีดผ้าเรียบร้อย..ร่างอวบขาวเดินเข้ามาในครัว..ดวงตาคู่โตเต็มไปด้วยความรักความห่วงใย..ยิ่งเห็นลูกสาวตัวเล็กทำงานทั้งวันไม่ได้หยุด..ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อ..เม็ดเหงื่อเล็กๆผุดขึ้นเต็มหน้า..เพราะยืนผัดข้าวหน้าเตาไม่ได้หยุด
"เดี๋ยวแม่ทำเอง..อัณเอาอาหารไปส่งเถอะลูก"น้ำเสียงใจดี
ลูกสาววัยย่าง30หันมายิ้มให้..มือเรียวสวยเทกะเพราหมูสับราดข้าวในกล่องโฟมที่เตรียมไว้แล้ว
"ได้จ๊ะแม่..ฝากอีกสามออเดอร์นะจ๊ะ ..เดี๋ยวชุดนี้อัญเอาไปให้พี่ไลน์แมนนะคะ"
"ได้ๆ เออ..เย็นนี้แม่ฝากเอาผ้าไปส่งในหมู่บ้าน xxหน่อยนะ"
"ได้จ๊ะแม่"หญิงสาวรับคำ
กว่าจะปิดรับออเดอร์ก็เกือบบ่าย2แล้ว ช่วงบ่ายเธอเปิดหน้าจอเทรดอีกรอบ เพื่อดูตลาดบ่าย..จริงๆเธออยากหาข้อมูลเทรดต่างประเทศ..แต่คนที่ร่ำเรียนมาน้อย..ภาษาอังกฤษก็ไม่เก่ง..เธอไม่อยากเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากไปเสี่ยง
ที่สำคัญเธอไม่อยากลงทุนใน 'สิ่งที่ไม่รู้'
ตอนบ่ายตลาดก็ยังนิ่งไม่ไปไหน..จนสี่โมงสี่สิบหมดเวลาเทรด เธอจึงปิดหน้าจอ..และเป็นเวลาที่ลูกสาวสุดที่รักกลับจากโรงเรียนพอดี..เด็กหญิงดารินในชุดนักเรียนประถมเรียบร้อย ผมสั้นเลยติ่งหู..ผมหน้าถูกตัดเป็นหน้าม้า..น่าเอ็นดูไม่น้อย
เด็กน้อยตัวยืด..สูงจนถึงหน้าอกเธอแล้ว ใบหน้าสวยหวานราวกับถอดแบบกับคนเป็นพ่อ..ส่งยิ้มมาให้ก่อน..พร้อมไหว้สวัสดีเรียบร้อย
"หิวมั้ยลูก ม๊ะม๊าซื้อขนมครกเจ้าโปรดของน้องอายมาให้อยู่ในห้องครัวนะลูก"
"ขอบคุณค่ะม๊ะม๊า"
เด็กหญิงเข้าครัวล้างมือ..หยิบขนมมากินที่โต๊ะ ทั้งยังเอาการบ้านที่ต้องส่งครูมานั่งทำด้วย แผงขนตาหนาบังดวงตาคู่สวยไปกว่าครึ่ง..มนุษย์แม่ที่หลงผัว..แล้วยังตามมาหลงลูก..จ้องลูกสาวตาเคลิ้ม
'ลูกสาวสะสวย..น่ารักเหลือเกิน'
ลูกเป็นเหตุผล..ที่เธอไม่คิดจะรับใครเข้ามาเป็นส่วนนึงในครอบครัว..ข่าวพ่อเลี้ยงทุบตีลูกเลี้ยง..หรือล่วงละเมิดทางเพศมีให้เห็นทุกวัน..เธอไม่พร้อมรับความเสี่ยง
เหมือนดารินจะเริ่มรู้ตัว..เจ้าแก้มยุ้ยในวัยเด็ก..เงยหน้าขึ้นมาคุยด้วย
"หน้าน้องอายมีอะไรติดเหรอคะ"เสียงหวานใส ถามพร้อมลูบหน้าตัวเองไปด้วย
บุคลิกของเด็กสาวนั่งตัวตรง..สง่างามมีความเป็นผู้ใหญ่เกินอายุ..ผิดพ่อผิดแม่โดยแท้
"ปะ..เปล่า..ลูก..ม๊ะม๊าแค่จะถามลูกว่า..การบ้านเยอะมั้ย..ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างคะ..มีเพื่อนมารังแกหรือเปล่า"น้ำเสียงคนพูดห่วงใย
เด็กสาวส่งยิ้มละไม ร่างบางในชุดนักเรียนยังคงจดงานไปด้วย..ม๊ะม๊าถามเธอด้วยคำถามเดิมมาหลายปี
"การบ้านส่วนใหญ่อายทำจากที่โรงเรียนมาแล้วค่ะ..ว่างๆก็นั่งทำ"
"จ๊ะ อยากให้ม๊ะม๊าช่วยอะไรก็บอกนะคะ..เรื่องเรียนหนูไม่ต้องเครียดนะลูก..ได้ที่สุดท้ายแม่ยังไม่ว่าเลย"น้ำเสียงคนพูดอารมณ์ดี
ทั้งเธอ..ทั้งพี่ข้างบ้าน..เรียนปานกลางค่อนข้างแย่..ยังโตกันมาได้..บางทีเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจลูกสาวทำไมต้องขยันเรียนขนาดนั้น..ภาพที่เห็นจนเจนตา..คือลูกสาวตื่นตีห้าขึ้นมาทบทวนหนังสือทุกเช้า..และใช่นี้ คือ เด็กอายุ12!
คำพูดของคนเป็นแม่..ทำให้เด็กสาวขมวดคิ้วยุ่ง..ดวงตาคู่สวยมองกลับมาอย่างระอาใจ
"ม๊ะม๊าคะ..ม๊ะม๊ากำลังพูดถึงเด็กที่สอบได้ที่1ของสายชั้นอยู่นะคะ!"
"จ๊ะลูก..เอาน้องอายว่า..ม๊ะม๊าแค่..อยากให้หนูได้ใช้ชีวิต..อีกอย่างหนูยังอายุน้อยอยู่..ม๊ะม๊าว่า.."น้ำเสียงคนอายุมากกว่าพยายามอธิบาย..แต่ลูกสาวกลับเพียงส่งยิ้มละไมมาให้
"อายก็กำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ไงค่ะ หนูมีความสุขกับการเรียนค่ะ..ม๊ะม๊าไม่ต้องเป็นห่วงน้า"
"อื่ม..โอเคค่ะ งั้นเดี๋ยวม๊ะม๊าไปส่งผ้าให้ยาย..เดี๋ยวตอนเย็นเราไปวิ่งออกกำลังกายกันนะคะ..หรือหนูมีนัดกับสายไหมมั้ย?..จะไปเล่นกับเพื่อนก็ได้นะ"น้ำเสียงท้ายแฝงความลังเล..สายไหมคือเพื่อนข้างบ้าน..เป็นเพื่อนไม่กี่คนที่ดารินพาเข้าบ้าน..แต่เด็กสาวที่เตรียมเข้าสู่วัยรุ่นปฏิเสธทันที
"ไม่อะค่ะ อายขี้เกียจ..อายอยากไปวิ่งกลับม๊ะม๊ามากกว่า"
"จ๊ะลูก"
ตอนที่อันธิยาขับรถเก๋งคันน้อยกลับบ้าน..เสียงโทรศัพท์จากยายของลูกก็โทรมา..เธอรับสายอย่างอารมณ์ดี
"อัณ..ลูก..รีบมาโรงพยาบาลด่วนเลย!! ยัยหนูถูกรถชน!!"น้ำเสียงคนพูดตระหนก..คนเป็นแม่หน้าซีดเผือดทันที..มือเรียวสวยสั่น..ชีวิตนี้..นอกจากเขาแล้ว..เธอยังไม่พร้อมจะสูญเสีย..แก้วตาดวงใจ..เพียงหนึ่งเดียว..ถ้าลูกเป็นอะไรไป..เธอคงอยู่ไม่ได้
ณ โรงพยาบาลประจำอำเภอร่างบอบบางผิวขาวผ่องเดินแกมวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาล..ใบหน้าจิ้มลิ้มซีดเซียว..โดยเฉพาะดวงตากลมโตยิ่งบวมแดง..ผมสีน้ำตาลถูกถักเปียเดี่ยว ในชุดเสื้อยืดหลวมโคร่ง..กางเกงยีนพอดีตัว อันธิยาจึงดูเหมือน..หญิงสาวอายุ25 มากกว่าที่จะอายุย่าง30ตามอายุจริง"แก้ว..น้องอายอยู่ห้องไหน"เสียงคนตัวเล็กสั่นกั้นสะอื้น..นางพยาบาลสาวสวยในชุดขาวที่ชื่อ..'แก้ว' เป็นลูกค้าประจำร้านเธอ"น้องอายอยู่ห้อง 201 ตึกผู้ป่วยเด็ก..พี่อัญ..มะ.."ก่อนที่คนอายุน้อยจะพูดจบ..ร่างของพี่แม่ค้าสุดแสนน่ารักก็วิ่งอ้าวไปแล้วเนื่องจากโรงพยาบาลสังกัด..อำเภอ เธอจึงหาห้องไม่ยาก..เปิดประตูเข้าไป เจอลูกสาวสุดน่ารักนั่งพิงหมอน..ในมือมีหนังสือเตรียมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมอยู่ด้วย..คนเป็นแม่หายใจโล่งอกพอเด็กน้อยเห็นเธอก็ส่งรอยยิ้มละไมมาให้ อันธิยารีบเดินเข้าไปจับเนื้อตัว..ราวกับว่าจะมีสิ่งใดแตกหักคามือ..ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอ..ก่อนจะอาละวาดเสียงดัง..ใบหน้าเล็กๆเต็มไปด้วยความโกรธ..ทำเธอได้..แต่ทำลูกเธอ..มึงตาย!!"ใคร! ใครหน้าไหนมันชนลูกหนู!..แม่จะด่าให้ไม่ได้ผุดได้เกิด"คำสบถที่แทบไม่เคยใช้ตามมาเป็นพรวนเด็กสาวในวัย12ปีห
"ถ้ามีชีวิตอยู่ทำไมหายตัวไปเป็น10ปีห๊ะ!!"น้ำเสียงคนพูดเต็มไปด้วยความโกรธ..และโล่งใจ..เธอร้องไห้ไปด้วย..ด่าไปด้วย..ทุบตีไปด้วย..ยิ้มไปด้วยเหมือนคนบ้า..ชายหนุ่มยืนมองพร้อมมือกุมหัว"ทำไมไม่รีบกลับบ้าน!!""..."ถถแกกกกแำฃฃ 'เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!'พอเขาเผลอ..ไอ้แสบก็บิดหูเขาไปที..จนชายหนุ่มตัวบิดงอ..คุณแก้วพยาบาลประจำตึกรีบเข้ามาห้ามทัพ..ก่อนที่เขาจะน่วมไปมากกว่านี้เธอรีบเข้าไปดึงแม่ค้าข้าวคนสวย..และจับยัยตัวกระเปี๊ยกแรงเยอะได้ทัน"นี้พี่อัญจะทำอะไรเนี่ย"เสียงเจ้าหน้าที่แกมดุ ยิ่งเห็นสุดหล่อที่เธอหมายตาแก้มเต็มเป็นด้วยรอยมือ..ใจดวงน้อยเจ็บจี๊ดๆ"ทำไมพี่จะทำไม่ได้..ก็ไอ้เนี่ยผัวพี่!!!""..."เกศแก้วพยาบาลคนสวยขมวดคิ้วยุ่ง..มือซ้ายลากผู้ป่วยสุดหล่อ มือขวาลากหญิงสาวที่เคลมว่าตัวเองเป็น 'เมีย' ไปหาอาจารย์หมอ..พอมาถึงหน้าห้องถึงยอมปล่อยมือจากมือเธอเดินไปกระซิบกระซาบกับพี่พยาบาลร่างอวบอีกคน..คนมีอายุหันมามองไอ้ต้าวตัวเล็ดลอดแว่น..อันธิยาไม่ชอบสายตาแบบนี้เลย..มันเหมือนสายตาของครูแก่ๆ สมัยเธอยังเด็ก"รอแป๊บละกัน..เดี๋ยวอาจารย์หมอก็ตรวจคนไข้เสร็จแล้ว"เสียงแกมดุของนางพยาบาลรัฐคนตัวเล็กหันไปมองสา
"เห้ยย...มะ..มิลจริงๆ เหรอลูก..นี้คนหรือผี"ดวงตากลมโตของแม่ยายเบิกกว้าง..ใบหน้าซีดเผือด..อันธิยาหลุดหัวเราะคิกทันที..ก่อนจะลากไอ้ต้าวตัวใหญ่เข้าห้อง"คนดิแม่...พี่มิลจริงๆ"เสียงใสเจื้อยแจ้ว ใบหน้ายู่ยี่ที่เลอะไปด้วยคราบน้ำตาตอนนี้สว่างวาบเต็มไปด้วยความสุข..และเธอก็เริ่มเล่าเท้าความตั้งแต่ที่เดินไปซื้อไอติมชายหนุ่มดึงมือออกจากคนที่อ้างว่าเป็น 'เมีย'สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด คนตัวเล็กเพียงหันมาส่งยิ้มสดใสให้ ทั้งยังเดินไปเม้าท์กลับแม่ด้วยเรื่องราวที่เธอเองก็แทบไม่เชื่อสีหน้าหล่อเหลาเข้าขั้นหดหู่...ทำไมเขาใน 'อดีต' ถึงไม่มีเทสเรื่องผู้หญิงเลยนะ เขาน่าจะชอบผู้หญิงนมโตๆ หุ่นแซ่บๆ ดิ..แล้วหน้าตาต้องสวยหวาน..ไม่ใช่มาโทนน่ารัก..น่าเอ็นดูแบบนี้..คาแรกเตอร์หญิงสาวเหมาะกับเป็นน้องสาว 'ข้างบ้าน' โดยแท้..ไม่น่าใช่สเปคเขาเลยหรือ..จะมีความเข้าใจผิดอะไรบางอย่างนะ..คิ้วเข้มของไอ้คนไม่ยอมรับความจริงขมวดแน่น..ในระหว่างที่คุณสามีสุดหล่อกำลังนั่งมึน..คนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวกลับมองสำรวจ..ทั้งยังสังเกตเห็นพฤติกรรม..โดยเฉพาะสีหน้าเดี๋ยวหดหู่..เดี๋ยวเซ็ง..ดูแล้วไม่มีความสุข'ถ้าไม่เต็มใจจะกลับมา..จะ
ตอนที่คนป่วยตื่นก็เกือบ 9โมงเข้าไปแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เปลือยท่องบนจนเห็นอกแกร่งที่เต็มไปด้วยซิกแพค..ผมดำสลวยยุ่งเหยิง เขางัวเงียเดินบันไดลงมาชั้นล่าง ที่โต๊ะสารพัดประโยชน์กลางบ้าน..เจอเด็กผู้หญิงผมสั้นนั่งทำการบ้านอยู่..พอเธอเห็นเขา..ลูกสาวเบ้หน้าให้ทันที'กี่โมงกี่ยามแล้วทำไมพึ่งตื่น'ส่วนแม่ยายยืนเยื้องออกไป ร่างอวบอ้วนกำลังแขวงผ้าที่รีดเรียบร้อยแล้วไว้กับราวตาก.. บนนั้นมีเสื้อผ้าที่เตรียมส่งลูกค้าอยู่หลายตัว"อ้าว..ตามิลตื่นแล้วหรือลูก..เมื่อเช้ายัยอัญขับรถไปซื้อเสื้อมาให้..อยู่บนโต๊ะนะลูก"น้ำเสียงคนพูดใจดีเขาเดินไปดูถุงที่โต๊ะทันที..จะให้แก้ผ้าเดินไปเดินมา..ในที่..ที่ไม่คุ้นเคยก็กะไรอยู่ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายแต่มันก็อดจะเขินไม่ได้ในถุงนั้นมีเสื้อยืดสีสดใสอยู่สามสี่ตัว ส่วนใหญ่เป็นสีหวานๆแบบสีชมพู..สีฟ้าอ่อน ถ้าแค่สียังไม่เท่าไร แต่ดันมีลายพิมพ์โง่ๆ อย่าง 'รักเมีย','รักเมียที่สุดในโลก' ติดอยู่ด้วยรามิลหน้าเหยลงทันที..จำใจเลือกเสื้อสีฟ้ามาใส่แบบไม่เต็มใจนัก ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งพอเจ้าของบ้านเห็นสามีใส่เสื้อที่พึ่งซื้อมาให้..ก็เอาแต่มองตาเคลิ้ม..ผู้ชายผิวขาวใส่เสื้อสีอ่อน..ยิ่ง
ตอนที่รถมอเตอร์สีดำเทาจอดหน้าบ้าน..ชายหนุ่มรีบถอดหมวกกันน็อคแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าร้านทันที..ข้างหลังมีหญิงสาวในเสื้อยืดสแกนลาย 'คนหลงผัว' ตัวใหญ่ กางเกงยีนสีซีดขาสั้น..เดินยิ้มกริ่มอารมณ์ดีตามมา..ผมสีน้ำตาลธรรมชาติที่ถูกถักเปียยุ่งเล็กน้อยพอเปิดประตูเข้ามา คนป่วยถึงกับชะงัก..เพราะในร้านแน่นขนัด..เต็มไปด้วยผู้คนในหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ หรือไม่ก็เด็กเล็กไปเลย..ใบหน้าหล่อเหลายุ่งขึ้นทันที..ดวงตาคมคู่สวยหันไปขอความช่วยเหลือจากยัยตัวแสบข้างๆเธอหันมายิ้มเป็นกำลังใจให้..มือเล็กจับกุมมือใหญ่เพื่อสร้างความมั่นใจ"คนในหมู่บ้านคงได้ข่าวแหละพี่..ก็เลยมาเยี่ยมกัน"เสียงหวานกระซิบแผ่วเบา..ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ลุงๆป้าๆ"เห้ย..ใช่เจ้ามิลจริงๆด้วย"เสียงคุณลุงชัยคนหาปลาทักพร้อมกับเข้ามาจับเนื้อจับตัว..ตามมาด้วยผู้เฒ่าผู้แก่หลายคน..เขาสะบัดตัวออก..เปลี่ยนมาหลบหลังหญิสาวทันทีเสียงคุยเซ็งแซ่ดังอื้ออึงในร้านเล็กๆแห่งนี้"คืองี้ค่ะ...พี่มิลกำลังป่วย..เป็นโรคสูญเสียความจำ..ตอนนี้จำอะไรไม่ได้เลยค่ะ"เสียงหวานใสพยายามอธิบาย..ได้รับความเห็นใจจากคนรอบข้างทันที"เมื่อกี้ยัยนกก็บอกป้าแล้วเหมือนกัน..
"พี่มิลตื่นได้แล้วพี่..ถึงบ้านแล้ว"น้ำเสียงใสของน้องสาวข้างบ้าน..ปลุกคนตัวโตเสียงแจ๋วแต่ด้วยอาการป่วย..ชายหนุ่มจึงหลับลึกเหลือเกิน..ดวงตากลมโตสีน้ำตาลครุ่นคิด..ก่อนจะใช้วิธีในอดีตที่ 'เขา' กับ 'เธอ' เคยใช้ปลุกกันและกันอันธิยาปลดเซพตี้ฝั่งตัวเอง ก่อนจะโน้มตัวไปที่ตัวเขา...ริมฝีปากสีแดงรูปกระจับเริ่มไล้จูบแผ่วเบาตั้งแต่คิ้วหนาเข้ม..จมูกโด่งสันได้รูป..ก่อนที่จะแตะเบาๆที่ริมฝีปากสุดแสนเซ็กซี่..สัมผัสแผ่วเบาราวกับผีเสื้อหยอกเย้า ส่งผลให้ชายหนุ่มปัดมือออกไปอย่างรำคาญปนจั๊กกะจี้..แต่ยัยตัวแสบยังไม่ยอมหยุดยังคงทำซ้ำรามิลลืมตาตื่น..ด้วยทนไม่ไหว..กลิ่นสบู่อ่อนๆบนตัวเธอเกือบชิดจมูก ที่สำคัญร่างบอบบางของน้องสาวข้างบ้านเกือบจะแนบชิดกับตัวเขาพอรู้ตัวว่า 'โดนลวนลาม' ร่างสูงใหญ่กระเด้งตัว แล้วดันยัยตัวแสบออกทันที..ตรงที่โดนไล้จูบร้อนผะผ่าว..หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ..ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสี"เธอจะทำอะไรนะ!!""เก๊าะ..ปลุกพี่ไง"น้ำเสียงคนพูดสบายๆ แต่คนฟังไม่สบายด้วย..เขาเผลอยัยหื่นนี้ก็แอบลวนลามเขาแล้ว..รู้งี้อยู่บ้านกับยัยลูกสาวเจ้าระเบียบขี้บ่นดีกว่า"ทำไมไม่ปลุกดีๆละ มาลวนลามฉันทำไม""เอ้า..สมัยก่อนเว
เช้าวันนี้..เป็นเช้าวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน"ตื่นๆ"เด็กหญิงดารินใช้หมอนเขี่ยๆ คนตัวโตที่ยังนอนคุดคู้ไม่ต่างจากเด็กน้อย..แต่ผู้ชายที่เธอรับรู้ว่าเป็นพ่อก็ยังไม่ตื่น..คิ้วได้รูปสวยขมวดยุ่ง..ริมฝีปากรูปกระจับเหมือนคนเป็นแม่เม้มแน่นดวงตาดำขลับกลอกกลิ้งคิดหาวิธี 'แกล้ง'..ปลุกดีๆ ไม่ตื่น..งั้นลองวิธีนี้ละกัน..ร่างเล็กกระโดดลงจากเตียง..ก่อนเดินบนปลายเท้าไม่ให้เกิดเสียงลงไปเอา'บางอย่าง'ที่ชั้นล่างพอถึงห้องนอน..เด็กน้อยกลับมานั่งข้างฟูก..คนเป็นพ่อก็ยังไม่ตื่น..ใบหน้าสวยหวานยังคงอมยิ้มเจ้าเล่ห์มือเรียวเล็กจัดการฉีดฟ็อกกี้ใส่น้ำเย็น..ใส่ใบหน้าหล่อเหลาของคนเป็นพ่อ..ฉีดครั้งแรก..ผู้ชายตัวโตก็ยังไม่ตื่น..ฉีดครั้งที่สอง..ขนตาหนาเริ่มกะพริบ..จนฉีดครั้งที่สามคนเป็นพ่อจึงกระเด้งตัวตื่นพอเห็นว่าใครเป็นคนทำก็ถึงกับสบถ..รามิลลูบหน้าที่เต็มไปด้วยละอองน้ำ ซึ่งตอนนี้ชุ่มฉ่ำไปทั่วหน้า..เขาอยากจะร้องไห้'บ้านหลังนี้มันอะไรวะเนี่ย..เมียก็ปลุกแบบหื่นๆ ส่วนลูกสาวก็ปลุกแบบรุนแรง'"เธอกำลังทำอะไร!!""ปลุกคุณไง""แล้วทำไมไม่ปลุกดีๆ""ฉันเรียกคุณหลายรอบแล้ว..คุณไม่ยอมตื่นเอง"เสียงหวานพูดพร้อมพยายามดึงแขนเขาขึ้น
big cleaning day..ของเด็กน้อยก็สมเป็นวันทำความสะอาดของบ้านจริงๆ สมาชิกแต่เดิมมีแค่สามคน..เพิ่มเขาอีกคนเป็นสี่..มีเป้าหมายทำความสะอาดบ้านทั้งหลังให้เสร็จก่อนบ่ายสามโมงเพียงแต่ว่าวันนี้ลูกสาวตัวแสบยังเดินกะเผลก..เถียงให้ตายยังไงคนเป็นแม่ กับยายก็ไม่ยอมให้เธอช่วย เด็กหญิงดารินหน้ามู่ทู่..แต่ร่างเล็กยังมีแรงเรียกคนเป็นพ่อให้ตามเธอไปหลังบ้าน..ขนไม้กวาด..ไม้ถูพื้น..ถังน้ำ..และเขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้..ส่วนคนเป็นเมียกับแม่ยายก็แยกย้ายกันไปทำความสะอาดห้องน้ำชั้นสอง..กับห้องนอนทั้งหมดรามิลได้แต่ถอนหายใจ..ร่างสูงใหญ่จำใจต้องเดินตามลูกสาว ถือข้าวของพะรุงพะรัง..มาห้องด้านหลังที่เหมือนจะเป็นห้องเก็บของ..ใบหน้าที่ถอดแบบมาจากเขาเป๊ะสั่งการเสียงเย็นชา"วันนี้คุณต้องทำความสะอาดห้องนี้..แล้วถ้าเกิดว่ามีอะไรก็ไปหาหนูที่ห้องครัวนะ หนูจะเตรียมของสำหรับทำมื้อกลางวันไว้ให้ยายยายก่อน""...""อ้อ..ต้องทำให้สะอาดด้วยนะ..เดี๋ยวหนูทำอะไรเสร็จหนูจะมาดู"พูดจบร่างเล็กของคนเป็นลูกก็ทิ้งเขาให้ยืนมึน..กับบรรดาสารพัดอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านแล้ว..ต้องทำอะไรก่อนละ?ร่างสูงใหญ่ทรุดนั่งทันที..พยายามรื้อค้นความทรงจำ..คิดยังไง
ณ ศาลาทรงจีน หลังตึกเป่ยวันนั้นเป็นเสาร์เช้าเด็กหญิงดารินนั่งมองดูบ่อบัวที่กำลังบานสะพรั่ง มีผีเสื้อตัวน้อยบินวนรอบ...ในมือมีจดหมายที่คนเป็นทวดเขียนให้..ตั้งแต่วันที่ได้รับมันมา..เธอเองกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าจะเปิดมันขึ้นมาอ่าน..ส่วนหนึ่งเธอไม่อยากจะยอมรับว่า หนึ่งในบุคคลที่เธอเคารพรักมากที่สุดในชีวิต..ท่านได้เสียไปแล้วมือน้อยขาวผ่องสั่นเล็กน้อย..เธอสูดหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า ก่อนจะตัดสินใจแกะซองจดหมายออกมาอ่าน‘ถึง จินเยว่..จินจินน้อยของเหล่ากงวันที่จินจินน้อยได้รับจดหมายฉบับนี้ เหล่ากงคงไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว..เหล่ากงรู้ว่าจินจินเองก็คงจะเสียใจไม่น้อย แต่เหล่ากงอยากจะบอกจินจินว่าการลาจากอาจเป็นเรื่องที่ยาก แต่ทุกคนล้วนหนีมันไม่พ้น เหมือนที่จินจินเองสูญเสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อยแต่เหล่ากงก็ยังเชื่ออย่างหนึ่งว่า..เหลนของเหล่ากงเป็นเด็กที่เข้มแข็ง จินจินจะต้องผ่านมันไปได้อย่างแน่นอนถ้าจะมีเรื่องไหนที่เหล่ากงเสียดายมากที่สุด ก็คงเป็นเพราะเราได้ใช้เวลาด้วยกันน้อยเกินไป มันมีหลายสิ่งที่เหล่ากงอยากเล่าให้หนูฟัง อยากดูการเติบโตของหนู อยากอยู่ถึงวันที่หนูมีคู่ชีวิต มีลูก แต่ไม้ใกล้ฝ
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน..กลางทะเลระหว่างหมู่เกาะกับผืนแผ่นดินใหญ่ร่างผอมสูงค่อยๆ จมลงไปในน้ำทะเล มันทั้งมืดลึก และหนาวเหน็บ เสียงพายุพัดรุนแรงค่อยๆ เลือนหายไปจากโสตประสาท จิตใต้สำนึกพยายามบอกตัวเองให้ว่ายขึ้นไปเหนือน้ำให้ได้ ‘เมียกับลูกน้อย’ยังรอเขาอยู่..แต่..ถึงแม้จะว่ายน้ำเก่งตามประสาลูกทะเลมากแค่ไหนก็ตาม.. ณ เวลานี้...ตอนนี้ เรี่ยวแรงกับค่อยๆ หายไป..และพรากลมหายใจของการดิ้นรนครั้งสุดท้ายไปพร้อมกันด้วยรามิลมารู้สึกตัวอีกที ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว...ท้องฟ้าดำมืดเมื่อคืนเปลี่ยนเป็นสว่างจ้าฉายแสงสดใส ชายหนุ่มถอนหายใจโล่งอก...โชคดีเขารอดมาได้‘ให้มาตายตอนอายุแค่ยี่สิบสองมันจะใจร้ายไปหน่อยมั้ย!!’ไอ้ต้าวอดีตเดือนเกษตรคิดอย่างอารมณ์ดี แต่พอคิดได้ว่า..เมื่อวานวันเกิดยัยตัวเล็ก..เขากลับบ้านไม่ทัน..แม่เสือตัวจ้อยคงโกรธเขาเป็นแน่ แถมลูกสาวตัวน้อยถ้าไม่ใช่เขากล่อมนอน..ไม่รู้ว่ายัยหนูน้อยจะยอมนอนมั้ยนะคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน พร้อมสะบัดทรายที่อยู่ตามขากางเกงออกดวงตาคมคู่สวยหันซ้ายแลขวา..สำรวจรอบๆ ไม่รู้ว่าน้ำทะเลพัดเขามาถึงไหน..หมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้าเองก็ไม่คุ้นเคยเอาเ
ปิดเทอมฤดูร้อนวนมาอีกครั้ง รอบนี้ครอบครัวเล็กๆ ของอันธิยานัดกันไปเที่ยวทะเลทางใต้ โดยภากรเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดหาที่พัก เรือยอชต์สุดหรู นอกจากนี้ยังมีสมาชิกคนใหม่อยู่ในพุงยัยแบนสะท้านโลก..ตอนชายหนุ่มเห็นผลตรวจครั้งแรก...ความรู้สึกอิ่มเอมฟองฟูขึ้นเต็มหัวใจ..ดวงตาคมมองหน้าท้องแบนราบของไอ้ต้าวตัวเล็ก..เขานึกประหลาดใจเหลือเกินว่าข้างในพุงเล็กๆ นั้นจะมีเด็กน้อยอาศัยอยู่ ขณะเดียวกันเด็กหญิงดารินยิ้มแก้มบานแทบทั้งวัน เธอลากป๊ะป๋ากับม๊ะม๊า ไปหาซื้อเสื้อผ้า..ข้าวของเครื่องใช้..ของเล่นให้น้องน้อยตั้งแต่ยังไม่รู้เพศ ทั้งยังลงมือจัดห้องนอนเล็กให้น้องเอง เพราะห้องเดิมที่คนเป็นแม่ตั้งใจแต่งให้ลูกคนที่สอง กลับยกให้เด็กชายคีรีตัวแสบไปนานแล้ว เด็กหญิงเลือกโทนสีเขียว ซึ่งเป็นสีกลาง ทั้งยังขอห้องด้านล่างที่แต่เดิมเป็นห้องว่างไว้ทำ kid room เพิ่มอีกต่างหากแต่พอทำไปทำมา ก็พึ่งนึกได้...ถ้ามีน้องตอนนี้ เธอกับเด็กน้อยอายุจะห่างเกินหนึ่งรอบ...น้องสุดที่รักของเธอจะเหงา เหมือนที่เธอเคยเหงาในสมัยวัยเยาว์มั้ยนะ? เมื่อสมองของคนเป็นพี่สาวคนโตคิดได้..ใบหน้าสวยหวานแฝงแววเจ้าเล่ห์..วิธีที่เธอนึกออกคงต้องกดดันให้ป๊ะ
พอผ่านเรื่องราวทั้งหมดผ่านพ้นไป ชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ก็กลับกลายมามีความสุขเหมือนดั่งเก่า เพิ่มเติมคงจะเป็นการหวงแหนช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันมากยิ่งขึ้น..สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องคราวนี้ คือภากรไม่ต้องทำงานหนัก..เขามีความสุขกับการมีเวลาให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น..ส่วนใหญ่ชายหนุ่มเลือกจะทำงานที่บ้าน เด็กชายคีรียังคงตามติดเด็กหญิงดารินไม่เปลี่ยน ส่วนเด็กหญิงดารินกลับชอบหนีไปเล่นกับแก๊งพี่ไค พี่ปาลมากกว่า ไม่ว่าจะพูด หรือแกล้งทำตัวใจร้ายไอ้ต้าวเพื่อนชายก็ยังคงติดหนึบราวกับว่ากลัวเธอจะหายไป เล่นเอาจินจินน้อยของเหล่ากงแทบกุมขมับทุกวันในขณะที่คนเป็นแม่กำลังวางแผนกับลูกชายกำมะลอสุดที่รัก ว่าจะไปเรียกร้องพ่อแม่ฝ่ายชายให้มารับผิดชอบ 'หมั้นหมาย' กันไว้ก่อนดีมั้ย? ผู้ชายดีๆ ถ้าไม่รีบจับจองตั้งแต่ต้นๆ เด็กผู้หญิงคนอื่นก็จ้องจะคาบไปกินนะซิ ซึ่งเด็กชายคีรีย่อมเห็นด้วย แววตาสองชั้นดีใจจนปิดไม่มิด แต่คนหนึ่งผู้ใหญ่ คนหนึ่งเด็ก...ยังคิดแผนไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรดี ในส่วนของฝั่งครอบครัวคีรีนั้นไม่ติดปัญหาอะไร เพราะคุณหมอกินรี มักจะตามใจลูกๆ อยู่แล้ว ขณะพี่ไคเปลี่ยนแฟนเป็นว่าเล่นทุกเดือน แม่ของเขายังไม่ว่าอ
ทนายประจำบ้านยังคงอ่านพินัยกรรมไปเรื่อยๆ สรุปได้ว่า บ้านรองเองก็ได้บริษัทประกันภัย...ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าใหญ่อันดับสองของตระกูล และถ้าเป็นธุรกิจที่บริหารให้ดีสามารถต่อยอดได้หลายอย่าง ลูกชายคนที่สองมองหน้าคนในครอบครัวด้วยความตกใจไม่แพ้กันส่วนลูกสาวคนสุดท้องได้เงินสดมูลค่าหลายพันล้าน...ชวนให้บรรดาญาติห่างๆ อิจฉาไม่น้อยคฤหาสน์หลังใหญ่มอบให้กับอดิศัยลูกชายคนโต โดยมีหน้าที่ต้องดูแลมารดาจนสิ้นอายุขัย...ส่วนอื่นๆ ในคฤหาสน์ย่อยนั้นถูกเซ็นมอบที่ดินเป็นของลูกๆ หลานๆ นานแล้ว ในขณะที่หลานชายคนโต ที่แต่เดิมคาดว่าจะได้ทรัพย์สมบัติมากที่สุด กับได้เพียงจำนวนหุ้นหลักสิบ ถึงสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในธุรกิจต่างๆ กันไป หลายคนส่งรอยยิ้มแสดงความเห็นใจมาให้ แต่ใครจะรู้ว่าภากรดีใจมากแค่...อะไรจะดีเท่ากับการไม่ต้องทำอะไรเลย แต่ได้ส่วนแบ่งกันเล่า!!!ถ้าจะมีคนรู้ทัน ก็คงมีแต่ลูกสาวคนสวยที่เธอหันมายิ้มมุมปาก พร้อมทั้งยั่กคิ้วให้หนึ่งที แน่ละ...ป๊ะป๋าต้องขอบคุณเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในคนที่เกลี้ยกล่อมเหล่ากง....ในเครือบริษัทมหาชนนั้น เดิมมีการวางรากฐานที่ดีอยู่แล้ว ถ้าไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ หรือผู้บริหารโง่เง่า อีโ
คุณวันชายหัวหน้าทนายประจำตระกูลอยู่ในชุดสูทสีเทา บุคลิกเคร่งขรึม..เขาอายุราวๆ ห้าสิบกว่า แต่เดิมเขาคือ เด็กในอุปการะของท่านเจ้าสัวธงชัยนั้นเอง ชายวัยเกษียณขยับแว่นตากลมสีใสเล็กน้อย ก่อนจะเดินมายืนด้านหน้า ในมือมีเอกสารพินัยกรรม..ทุกคนในห้องเงียบพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย"ฮะแฮ่ม...ทุกท่านในตระกูลมากันคบทุกคนแล้วใช่มั้ยครับ?"ทนายพูดพร้อมกวาดตา เช็กจำนวนคน ที่มีสิทธิ์ในพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้จัดทำไว้ พอเห็นว่าผู้มีสิทธิ์คบตามจำนวน จึงพยักหน้าก่อนจะอ่านเอกสารในมือต่อ"เอาละครับ วันนี้ผมจะมาประกาศพินัยกรรมที่ท่านเจ้าสัวได้ทำไว้ อย่างแรกผมอยากทำความเข้าใจกับทุกคนว่า..นี้คือวัตถุประสงค์ของผู้ตาย และเป็นความตั้งใจแน่วแน่ ผมก็หวังว่าทุกคนจะเคารพในการตัดสินใจของท่านเจ้าสัว""...""ถ้าพร้อมแล้ว...ผมขอเริ่มเลยนะครับ""...""ข้าพเจ้า นายธงชัย กิตติวรชัยกุล ในขณะทำพินัยกรรมข้าพเจ้าขอยืนยันว่ามีสติสัมปชัญญะปกติดี โดยเมื่อข้าพเจ้าถึงแก่กรรมให้แบ่งทรัพย์สินต่างๆ ของข้าพเจ้าให้บุคคลดังต่อไปนี้ในส่วนของบริษัท..ข้าพเจ้าขอแบ่งแยกบริษัทออกเป็นดังนี้ ธุรกิจในเครือร้านสะดวกซื้อ..หุ้น 60%ที่ข้าพเจ้าถืออย
ช่วงเย็นในระหว่างครอบครัวเล็กๆ กำลังนั่งกระเซ้าเย้าแหย่..ทั้งยังตกลงกันว่าปิดเทอมรอบหน้าจะไปเที่ยวต่างประเทศกันดีมั้ย? รวมถึงเล่าเรื่องระหว่างช่วงเวลาที่ลูกสาวสุดที่รักนอนหลับเป็นตายเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทุกอย่างเหมือนจะดี..บรรยากาศอบอุ่นหวนคืนกลับมา..มาวันนี้..สิ่งเล็กๆ เหล่านี้..มันเป็นสิ่งที่คนในบ้านหวงแหนนักหนาแน่ละ..การที่เด็กหญิงฟื้นจากอาการบาดเจ็บ นั้นสมควรเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่แล้วเสียงโทรศัพท์จากมือถือของหัวหน้าครอบครัวกลับพรากบรรยากาศดีๆ ให้จางหายไป 'ท่านเจ้าสัวอาการโคม่า!!!'หน้าห้อง icu ตอนที่ภากรเข็นรถลูกสาวมาถึง..ครอบครัวกิตติวรชัยกุลต่างมายืนออหน้าห้อง..แต่ละคนหน้าตาไม่ดีนัก..คุณอดิศัยนั่งซึม ข้างๆ มีคุณหญิงชญานินนั่งซับน้ำตาพร้อมกุมมืออยู่ด้านข้าง ดาริกาเองพอเห็นพี่สะใภ้ก็รีบวิ่งมาหา..เธอเองก็จวนเจียนจะร้องไห้ส่วนครอบครัวบ้านรอง..ชาญวิทย์เองเดินไปเดินมาด้วยความเคร่งเครียด ไหนจะเครียดเรื่องเงินที่ต้องใช้หมุนในบริษัท มาอาการป่วยของคนเป็นพ่อ ลูกชายลูกสาวทั้งสองก็ยังมีฐานะไม่มั่นคง และถ้าวันนี้ไม่มีท่านเจ้าสัว ครอบครัวเขาคงลำบากกว่าเดิมแน่ ระหว่างที่รออ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้..ใครจะคิดว่าตระกูลที่มั่งคั่ง..หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของประเทศถึงกับเกิดเรื่องราวตามมามากมาย..ถึงขณะที่คนในตระกูลกิตติวรชัยกุลก็คาดไม่ถึงช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ภากรเหนื่อยล้าทั้งกายใจ..ไหนจะลูกสาวที่ออกจากห้องไอซียู มาพักฟื้นของ vvip แต่เวลาผ่านไปเกือบเดือน จวนใกล้เปิดเทอมใหม่ เด็กหญิงก็ยังไม่ฟื้น ส่วนอากงที่ทุกคนในบ้านต่างก็มองว่าท่านมีสุขภาพแข็งแรง..แต่หลังจากที่ท่านได้รับความกระทบกระเทือนทางใจ โรคหัวใจที่มีแต่เดิมกำเริบ...ทุกวันนี้ท่านเจ้าสัว ผู้เป็นร่มเงาให้กับคนในตระกูลกลับกลายเป็นต้องมาอยู่ในห้องไอซียูแทนภาพร่างผอมเกร็งของชายสูงอายุ เครื่องช่วยหายใจระโยงระยาง ชายที่เคยโอบอุ้มเลี้ยงดูอุ้มชูเขามาตั้งแต่จำความได้..มาวันนี้ราวกับจะผุพังพร้อมจะจากไปทุกเมื่อถึงอากงจะเข้มงวดมากเพียงใด แต่ความรักที่ชายหนุ่มได้รับ จนเติบใหญ่มาจนทุกวันนี้ก็มาจากคนเป็นปู่แทบทั้งนั้นนอกจากที่ต้องเทียวมาโรงพยาบาล ยังต้องระงับเหตุการณ์ทะเลาะกันของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เพราะพอข่าวสารของท่านเจ้าสัวป่วยหลุดออกมา...ขั้วอำนาจการบริหารทั้งฝั่งคุณอดิศัยกับลูกชาย คุณชาญวิทย์ และผู้ถือหุ้นนอกตระกูลก
"เห้ย พี่อัญเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไม"น้องสามีละมือจากผักที่กำลังหั่น ร่างเพรียวระหงรีบวิ่งเข้าไปหาทันที..ยิ่งเมื่อเห็นพี่สะใภ้ที่แสนจะเข้มแข็ง..เต็มไปด้วยพลังชีวิต..แต่เวลานี้ร่างเล็กบอบบางกับตัวสั่นเทาทั้งยังพยายามกั้นสะอื้น"น้องอาย..เกิดอุบัติเหตุ"น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดปนช็อก หญิงสาวเข้าไปกอดปลอบเหมือนที่ครั้งหนึ่งพี่สะใภ้เคยทำตอนที่เธอเองทุกข์ใจ "เดี๋ยวก่อนนะคะ ใจเย็นๆ นะพี่ แล้วตอนนี้หลานอยู่ที่ไหนคะ คิดในแง่ดีบางทีหลานอาจจะไม่เป็นอะไรมากก็ได้" คำพูดของหญิงสาวเรียกสติได้ไม่น้อยบางทีลูกอาจไม่เป็นอะไร เหมือนที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวแล้วเด็กหญิงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย มือเล็กตบหน้าตัวเองพยายามเรียกสติ..ไม่...ลูกสาวจะต้องไม่เป็นอะไร เธอลากน้องสามีไปโรงพยาบาลทันทีทางด้านภากร...ชายหนุ่มยังคงวุ่นวายกับคู่ค้าที่ยังตกลงข้อสัญญากันไม่ได้ แต่ถึงคนตรงหน้าจะสำคัญแค่ไหน..เสียงโทรศัพท์ที่เป็นเสียงเรียกเข้าเฉพาะของคนเป็นเมีย ย่อมสำคัญกว่า..ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ไม่มีครั้งไหนที่ไอ้ต้าวตัวโตไม่เคยไม่รับโทรศัพท์ แต่ยัยแบนตัวแสบก็ไม่ใข่ผู้หญิงที่ชอบโทรจิกสามี เว้นแต่มีเรื่องสำคัญจ