Share

บทที่ 614

Author: มู่โร่ว
“อาณาเขตกองทัพตระกูลจ้านของข้า จะให้มันมาก่อกรรมทำชั่วได้อย่างไรกัน ตอนแรกที่ให้พวกมันเข้ามาในด่านเจิ้นกวน มิใช่ให้พวกมันเข้ามาเรียกรับเงินใต้โต๊ะราษฎร!”

“ในเมื่อไม่เชื่อฟังก็ฆ่าทิ้งเสีย แล้วให้ผู้ที่เชื่อฟังขึ้นสู่ตำแหน่ง!”

เถียนฉินและสวี่หมิงไม่ได้อยากไปจากกองทัพตระกูลจ้านเลย~

พวกเขาติดตามท่านแม่ทัพมานานหลายปี หากต้องแยกจากกัน ไม่รู้ว่าเมื่อใดถึงจะได้พบกันอีก

มั่วฝานเอ่ยออกมาว่า “การสังหารคนจำเป็นต้องใช้หน่วยกล้าตาย ข้าจะหาคนมาให้สองคน!”

สายตาของเขากวาดมองไปยังหน่วยกล้าตายที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็สั่งให้สองพี่น้องกลับไปที่ด่านเจิ้นกวน

คนทั้งสองไร้นาม มีเพียงแค่ฉายานามเท่านั้น

คนหนึ่งมีฉายานามว่าฉือซาน อีกคนมีฉายานามว่าฉือลิ่ว เป็นผู้ที่ติดตามมั่วฝานมานานแล้ว

“วางใจเถอะ ฉือซานกับฉือลิ่วเชื่อใจได้!”

“พวกเขาทั้งสองคนขับรถเป็น สองคนผลัดกันขับ เดินทางทั้งวันทั้งคืน จะต้องไปถึงอย่างทันท่วงทีแน่นอน!”

จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าเชื่อใจ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาไปที่ด่านเจิ้นกวนเถิด”

“จำเอาไว้ว่า ความหมายในการดำรงอยู่ของหน่วยเก่าสวีหวยนั้น ก็คือการปกป้องชายแดน ปกป้องความสงบสุขของด่
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 615

    เฉินอู่กล่าวกับจ้านเฉิงอิ้นว่า “ท่านแม่ทัพ หนึ่งแสนคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่นะขอรับ”“แต่ว่าต้องจัดการผู้นำหน่วยเก่าของสวีหวยไปเสียให้หมด ในเมื่อไร้ประโยชน์ เลี้ยงไปก็สิ้นเปลืองเสบียง”ซ่งตั๋วพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ในกองทัพตระกูลจ้านของข้า ยังไม่เคยพบเจอการปฏิเสธการขอความช่วยเหลือมาก่อน!”มั่วฝานกลับกล่าวว่า “วางใจเถิด ฉือซานกับฉือลิ่วจะต้องจัดการได้แน่ พวกเขาเป็นหน่วยกล้าตายที่ตระกูลทุ่มเทบ่มเพาะมา รู้ดีว่าควรทำเช่นไร!”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้า พลางถามซ่งตั๋วอีกว่า “หลี่หยวนจงยังไม่ส่งจดหมายมางั้นหรือ?”“ไม่มีขอรับ!”หากนับตามเวลา เสบียงที่ส่งไปให้เขาควรจะถึงแล้วไยถึงยังไม่มีข่าวคราวเลยเล่าเขาบุกเข้าไปในเมืองหลวงของแคว้นฉู่ แต่กลับไม่ได้ยึดครองเป็นของตนเอง ทว่ากลับคิดหาทางลอบโจมตีฮ่องเต้แห่งแคว้นฉู่แทนช่างฝ่าฝืนข้อห้ามนัก!หากว่าจ้านเฉิงอิ้นบุกเมืองหลวงของแคว้นฉู่ เขาจะยึดครองประตูทั้งสี่ในทันที แล้วปักธงของกองทัพตระกูลจ้านจากนั้นก็บุกวังหลวง ผู้ที่กล้าขวางทาง...สังหาร!แล้วก็จัดการองครักษ์ของวังหลวงและคนอื่น ๆ ให้สิ้นจากนั้นก็ขุนนางและองครักษ์ประจำจวนต่าง ๆ !จัดการให้เ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 616

    นายทหารทุกคนต่างก็เห็นด้วยถึงแม้พวกเขาจะพักผ่อนในช่วงกลางวันที่ร้อนอบอ้าวที่สุด และเดินทางขับรถในตอนกลางคืนก็จะต้องมาถึงก่อนกองทัพธงเหลืองอย่างแน่นอนถึงอย่างไรม้าก็วิ่งสู้รถไม่ได้!หยางชิงเหอมองดูจ้านเฉิงอิ้น ท่านแม่ทัพหนุ่มที่มีอายุยี่สิบปีผู้นี้ ยิ่งมองก็ยิ่งพึงพอใจฟังคำแนะนำ ไม่เชื่อมั่นในตนเองมากเกินไปจนไม่ฟังคำของผู้อื่นทั้งยังใช้คนโดยไม่สงสัยเขามีความเป็นผู้นำมากกว่ามู่ฉีซิวหากนางรู้จักกับจ้านเฉิงอิ้นก่อนหน้านี้ บางทีอาจจะสนับสนุนจ้านเฉิงอิ้น ไม่ปล่อยให้จ้านเฉิงอิ้นเหมือนกับในเกร็ดพงศาวดาร ที่ตายไปตั้งแต่อายุยังน้อยตอนที่หยางชิงเหอกำลังจะขอตัวกลับก่อน จ้านเฉิงอิ้นก็หยิบเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว ออกมาจากที่ว่างภายในแจกัน…เมื่อหยางชิงเหอมองเห็นกล่อง ก็ตกใจในฉับพลัน“เอสเต ลอเดอร์ SK-II แล้วก็มีลาแมร์ด้วย โอ้ สวรรค์…มีเครื่องสำอางครบทุกยี่ห้อเลย!”“นี่มัน มีของพวกนี้โผล่มาในสมัยโบราณ น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยแล้ว!”เหล่านายทหารหลายคนไม่เข้าใจเรื่องครีมบำรุงผิวทว่าเมื่อเห็นหยางชิงเหอหยิบชุดลาแมร์ขึ้นมาอย่างชอบใจจนวางไม่ลงเฉินขุยที่เห็นนางดีใจถึงเพียงนี้ ก็

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 617

    เย่มู่มู่เริ่มชั้นเรียนอย่างเป็นทางการ…เนื่องจากเธอลาหยุดไปกว่าหนึ่งเดือน เพื่อไม่ให้สอบตก จึงต้องรีบก้าวหน้าอย่างบ้าคลั่งมีข่าวซุบซิบของเธอภายในบริเวณวิทยาลัยอยู่บ้าง ทว่าเธอไม่สนใจถึงแม้ว่าจะมีสายตาแปลกประหลาดอยู่ทั่วทุกที่ มีผู้หญิงที่พูดเกี่ยวกับเธอ หรือผู้ชายที่แอบถ่ายรูปเธอ…ทว่าหลังจากที่ผ่านความเป็นความตายมา เธอก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยเนื่องจากสวี่หมิงทำบัตรเข้าออกแล้ว เวลาที่เธอเข้าเรียน สวี่หมิงจึงเดินป้วนเปี้ยนอยู่ข้างนอกห้องเรียนตอนที่เธอไปโรงอาหารเพื่อกินข้าว สวี่หมิงก็จะไปกินพร้อมกับเธอตอนที่เธอกลับบ้าน ต่อให้มีถนนเพียงเส้นเดียวกั้น บอดี้การ์ดก็ล้วนแต่มารับเธอทั้งสิ้นดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่ผู้อื่นจะมาก่อความวุ่นวายต่อหน้าเธอเธอไม่ได้ใส่ใจว่าคนอื่นจะพูดอย่างไรเช่นกัน เพราะเธอยุ่งเกินไป!เสบียงยี่สิบตู้คอนเทนเนอร์ได้มาถึงที่ท่าเรือเรียบร้อยแล้ว เมื่อผ่านศุลกากรก็จะสามารถส่งไปที่โกดังในแถบชานเมืองของทงโจวได้เนื้อแช่แข็งสิบกว่าตู้คอนเทนเนอร์ ศุลกากรใช้เวลาตรวจสอบค่อนข้างนานไปบ้าง ทว่าภายในหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถขนส่งเข้ามาได้แล้วและทุกครั้งท

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 618

    “สืบมาได้บางส่วนครับ แต่ยังไม่ค่อยชัดเจน…”“จริงจังหน่อย!”“เอ่อ หลูซีกับหลูหมิงไม่ได้เป็นญาติห่าง ๆ อะไรกับเธอเลย ที่น่าแปลกก็คือ ทะเบียนบ้านของพวกเขาอยู่ในบ้านที่เป็นชื่อของคุณหนูเย่”“พวกเขาไม่ได้เกี่ยวพันกันทางเครือญาติ เหมือนจะเป็นลูกน้องเสียมากกว่า”ฮ่าวอี้หันไปมองเขา “แค่เนี้ย?”“เอ่อ ก็แค่นี้ พี่ยังอยากรู้อะไรอีกงั้นเหรอ?”ฮ่าวอี้ถูกความโง่เง่าของเขาทำให้โมโหจนอยากจะหัวเราะออกมา“ช่างเถอะ ฉันจะไปรายงานต่อเบื้องบน และให้เบื้องบนไปสืบ!”หวังเสี่ยงเฉิงมองเขาอย่างแปลกใจ “ไม่ใช่ พี่ปลดประจำการไปแล้วและยังมีภารกิจอยู่ ยังจะต้องสืบคุณหนูเย่อีกเหรอครับ?”“สาวน้อยที่สวยขนาดนั้นเพียงคนเดียว พ่อแม่ก็ตายไปแล้วทั้งคู่ ร่ำรวยอย่างมาก ทั้งยังถูกญาติจ้องจะฮุบสมบัติ…”“เธอน่าสงสารมากพอแล้ว พี่ยังจะสืบเธออีกเหรอ ยังมีสำนึกอยู่บ้างไหมครับ!”ฮ่าวอี้ไม่ได้ใส่ใจเขา และมองเขาราวกับมองคนปัญญาอ่อนหลังจากเย่มู่มู่ซื้อของในเขตชานเมืองเสร็จสิ้นแล้ว ก็ขับรถกลับไปที่คฤหาสน์เสบียงที่เธอขนมามีอยู่เต็มคันรถ จึงให้บอดี้การด์และแม่บ้านช่วยกันขนฮ่าวอี้ไม่ขยับ พิงอยู่ที่หน้ารถพลางนับจำนวน!“สามสิ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 619

    เธออยู่มวิทยาลัยในเมืองไม่สะดวกอย่างมาก อยากจะซื้อรถบรรทุกก็ไร้หนทาง!ถึงอย่างไรหากจัดซื้อในปริมาณมาก ก็จะถูกจับตามองเอาได้ดังนั้นเธอจึงไปหาผู้จัดการฝ่ายขายที่รู้จักมาก่อนหน้านี้ บอกว่าทางเหนือต้องการรถจำนวนหนึ่ง ให้โยกย้ายรถในสต็อกสองร้อยคันมาจอดไว้ในโกดังเก็บของชานเมืองที่เธอเช่าไว้ผู้จัดการฝ่ายขายดีใจอย่างมาก คุณหนูเย่ผู้นี้เป็นหนึ่งในลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ในมือของเขา ปริมาณในการซื้อเทียบเท่ากับตัวแทนจำหน่ายในระดับจังหวัด…ถึงขนาดที่ว่าตรงไปตรงมายิ่งกว่าตัวแทนจำหน่ายในระดับจังหวัดเสียอีก อย่างน้อยเธอก็ไม่กดราคา ของถึงเมื่อไรก็ได้เงินเมื่อนั้น ครั้งนี้ เย่มู่มู่ยังไม่ได้ชำระเงินล่วงหน้า ผู้จัดการก็ถามว่า “คุณหนูเย่ พรุ่งนี้ต้องการหรือไม่ครับ?”“บริษัทของพวกเรามีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหลวง แถบชานเมืองมีโกดังขนาดใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง เก็บไว้ได้สองพันยูนิต และสามารถจัดส่งสินค้าได้ตลอดเวลา!”“ต้องการค่ะ แต่ว่าคุณสามารถเอาไปไว้ในโกดังล่วงหน้าได้ หากคุณภาพของรถไม่มีปัญหา จำนวนไม่ผิด ฉันจะจ่ายเงินให้ทันที!”ผู้จัดการก็เป็นผู้ที่ตรงไปตรงมาเช่นกัน และเชื่อใจเย่มู่มู่อย่างมาก“ผมจะให้โกด

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 620

    เมื่อเข้าไปในเมือง เฉินขุย เฉิงอู่ ซ่งตั๋วและฮูหยินของพวกเขา ไปเดินซื้อเสบียงด้วยกันส่วนจ้านเฉิงอิ้นกับมั่วฝานสองคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน ก็ไปเดินเล่นที่ถนนหน่วยกล้าตายและองครักษ์ปลอมตัวปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนหยางชิงเหอเดินมาอยู่ข้างกายของมั่วฝานและจ้านเฉิงอิ้น แล้วกล่าวว่า “มู่ฉีซิวมีถนนที่เป็นทรัพย์สินอยู่เส้นหนึ่งภายในเมืองนี้”“ถนนที่มีความยาวสามร้อยเมตร ร้านค้ากว่าร้อยร้านทั้งซ้ายและขวา เป็นของเขาทั้งหมด!”มั่วฝานตกตะลึง “สามารถซื้อถนนทั้งเส้นได้ หากคนผู้นี้ไม่ได้ก่อกบฏ จะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถทางธุรกิจที่หาได้ยากเป็นแน่!”หยางชิงเหอไม่ปฏิเสธ มู่ฉีซิวมีความสามารถในการทำธุรกิจจริง ๆ เขาเอาวิธีการดำเนินธุรกิจของเมื่อสองพันปีก่อนมาที่ต้าฉี่ ซึ่งเป็นการนำสิ่งใหม่มาสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันยกตัวอย่างเช่นร้านหม้อไฟที่เขาเปิด เมื่อใดก็ตามที่แนะนำให้คนมากิน ก็จะสามารถประหยัดค่าอาหารได้หนึ่งในห้า เมื่อแนะนำให้คนสองคนมากิน ก็จะสามารถลดได้ถึงหนึ่งในสามหากต้องการไม่เสียเงินสักบาท อย่างน้อยต้องดึงคนมาหลายสิบคนคล้ายกับการกลยุทธ์ของพินซีซีที่ท้ายที่สุดก็ไม่วันจบสิ้นเขายั

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 621

    ลูกธนูบนไหล่ของมู่ฉีซิวถูกถอนออกแล้ว!ผมของเขายุ่งเหยิง ใบหน้าบึ้งตึงขณะนั่งอยู่บนหัวเตียง หมอประจำจวนที่ชุยลั่วซินเชิญมาพันแผลให้เขา! เดิมทีเขามั่นใจมากว่าจะฆ่าจ้านเฉิงอิ้นได้แต่เขากลับล้มเหลว!เป็นเพราะความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป และดูถูกศัตรู จึงนำไปสู่ความพ่ายแพ้!เขาคิดว่าไม่ว่าจ้านเฉิงอิ้นจะเป็นอย่างไร แม้ว่าจะเป็นคนข้ามภพมาเหมือนกับเขา สมองของจ้านเฉิงอิ้นก็เทียบกับเขาไม่ได้อย่างแน่นอนแต่เขามองข้ามความสำคัญของหยางชิงเหอไปแม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถยอมรับได้ว่าแฟนสาวที่เคยภักดีต่อเขา จะไปเข้าข้างจ้านเฉิงอิ้นนางวางแผนให้จ้านเฉิงอิ้น ช่วยเขาสร้างปืนใหญ่ เพื่อจัดการกับเขา!เขาเกลียด~เขาโกรธ!ถ้าไม่มีจ้านเฉิงอิ้น ต้าฉี่คงตกอยู่ในมือของเขาแล้วแต่ตอนนี้ กองทัพธงเหลืองของเขาสูญเสียไป หนึ่งแสนสามหมื่นนาย และยังมีอีกสองหมื่น นายซ่อนตัวอยู่ในเมืองป๋อหลิงรอให้เขาหายดี พวกเขาจะบุกเข้าเมืองหลวง ฆ่าฮ่องเต้น้อย เปลี่ยนราชวงศ์ถ้าเป็นไปด้วยดี เขาจะต้องขึ้นครองราชย์และเปลี่ยนแปลงต้าฉี่หกแคว้นทั่วแผ่นดินจะเป็นของเขาแต่กลับมีจ้านเฉิงอิ้นโผล่มา!น่าตายยิ่งนัก!น่าตา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 622

    มู่ฉีซิวรีบคว้าตัวหยวนอันไว้ พลันสงบลงอย่างกะทันหัน ริมฝีปากบางซีดของเขาแสยะยิ้มเย็นชาออกมาในทันที“ดี ดีมาก วันนี้ข้าได้เห็นธาตุแท้ของตระกูลชุยแล้ว”“เพียงแค่พ่ายแพ้ครั้งเดียว ตระกูลชุยก็ไม่เห็นหัวมู่ฉีซิวอย่างข้า!”“ความอัปยศในวันนี้ ข้าจะจดจำไว้!”“หากข้ารอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ สิ่งแรกที่ข้าจะทำเมื่อกลับมา คือใช้เลือดของตระกูลชุยสังเวยสวรรค์!”ริมฝีปากของเขายิ้มเย็นชา ดวงตาหม่นหมองก่อตัวเป็นพายุ~เขาพ่ายแพ้ให้กับจ้านเฉิงอิ้น แต่ก็ไม่เคยโกรธเท่านี้มาก่อน! การกระทำของตระกูลชุยทำให้เขารู้สึกอัปยศถึงจะยกเลิกการแต่งงาน ตระกูลชุยไม่อยากให้ชุยลั่วซินแต่งงานกับเขาแล้ว ก็ควรพูดคุยกับเขาดี ๆ เขาอาจจะปล่อยมือก็ได้หลังจากนี้การแต่งงานเป็นอิสระ ไม่เกี่ยวข้องกันอีกแต่ตระกูลชุยกลับหลบหน้าเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุดก็พอทนแล้วยังยกเลิกการแต่งงานอย่างอัปยศเช่นนี้อีกส่งบ่าวคนหนึ่งมาที่หน้าประตู ทำท่าข่มขู่โอ้อวดอำนาจ!ไล่เขาเหมือนหมาจนตรอก! ในขณะนี้ เป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดที่สุดในชีวิตของเขา ทั้งสองชาติภพตลอดยี่สิบกว่าปีที่มีมา!ความอัปยศ

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 652

    บัดนี้ พวกเขาทุกคนกลายเป็นเชลยศึกพวกเขาทำได้เพียงอ้อนวอน ขอให้กองทัพตระกูลจ้านเมตตาปล่อยผ่าน ขอเพียงได้มื้ออาหารให้มีชีวิตรอดก็เพียงพอ!ซ่งตั๋วสั่งให้เชลยรวบรวมศพทั้งหมดมากองรวมกัน นำไปวางบนไม้แห้ง ราดน้ำมัน แล้วจุดไฟเผาขณะที่เหล่าทหารผ่านศึกต่างเหนื่อยล้า นั่งพักกระจัดกระจายเต็มพื้นสนามรบจ้านเฉิงอิ้นหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมา สอบถามขบวนรถ “พวกเผ่าหมานส่งกำลังมาสนับสนุนกองทัพธงเหลืองหรือไม่?”“ท่านแม่ทัพ ไม่มีขอรับ...พวกเราไม่กล้าดับเครื่องรถเลย กลัวพวกมันจะควบม้าบุกมาเล่นงานเรา แต่แปลกมาก ทั้งที่พวกมันรู้ดีว่ากองทัพธงเหลืองกำลังรบกับพวกเรา”“เสียงระเบิดดังไปไกลขนาดนั้น แต่พวกมันยังนิ่งเฉย ปล่อยให้พวกนั้นตายไปต่อหน้าต่อตา!”จ้านเฉิงอิ้นกล่าว “ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าจับตาดูต่อไป หากพวกมันบุกเข้ามา ให้ใช้ระเบิดไล่ต้อน”“รับทราบ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นปิดวิทยุสื่อสารก่อนหน้านี้ เขาคิดว่ากองทัพธงเหลืองกับเผ่าหมานม่อเป่ยมีพันธมิตรอันแน่นแฟ้นเมื่อชนเผ่าป่าเถื่อนจับผู้คนมากินเป็นอาหาร และสังหารประชาชนแคว้นต้าฉี่ แต่กองทัพธงเหลืองกลับทำเป็นไม่เห็นเสียอย่างนั้นแต่ดูจากสถานการณ์ตอน

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 651

    ครั้งนี้ ทันทีที่ได้ยินเสียงซ่งตั๋วประกาศคำสั่ง กองทัพธงเหลืองทั้งหมดต่างพากันทิ้งอาวุธและยอมจำนนทหารกว่าสิบหมื่นนาย นอกจากผู้ที่เสียชีวิตในสนามรบแล้ว!ที่เหลือล้วนแต่ยอมจำนน!พวกเขาคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกัน ชูอาวุธขึ้นเหนือศีรษะ ก้มหน้าลงต่ำด้วยความพ่ายแพ้ ตามธรรมเนียมของสงครามที่ผ่านมา ผู้ที่ถูกจับเป็นเชลยจะมีเพียงสองทางเลือกถูกสังหารในที่นั้น หรือกลายเป็นทาส ใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยเหมือนตายทั้งเป็นแต่พวกเขาอยากเสี่ยงเดิมพัน!พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวบ้านผู้หิวโหยที่ไม่มีทางรอด จึงมาสมัครเป็นทหารของกองทัพธงเหลืองเพราะรู้ว่าที่นี่มีเสบียงให้กิน พวกเขาจึงเข้าร่วมหากยังพอมีอาหารให้ประทังชีวิต แม้ไม่ใช่ทาส แม้ต้องลงเหมืองทำงานหนัก พวกเขาก็ยอม!ขอเพียงได้รับค่าตอบแทนตามกำหนด ได้ส่งเงินกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวพวกเขายอมทำทุกอย่าง!ซ่งตั๋วสั่งให้ทหารผ่านศึกเข้ายึดอาวุธจากผู้ที่ยอมจำนนให้คนที่ยอมจำนนยืนเข้าแถวทีละคน เตรียมพร้อมสำหรับการตรวจนับจำนวนจ้านเฉิงอิ้นยืนอยู่กลางสมรภูมิที่เต็มไปด้วยบาดแผลแห่งสงคราม ซากศพเกลื่อนกลาดทั่วทุกหนแห่ง~ชนะแล้ว!พวกเขาชนะแล้ว!เดิมที คิดว่า

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 650

    ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของเขาดูเหมือนจะสลายไปหมดแล้ว เขาคุกเข่าลงกับพื้นอย่างสิ้นหวังไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเดินมาถึงจุดนี้!ไม่ยินยอมยิ่งนัก!ต่อให้เป็นเช่นนี้ เขาก็ยังคงไม่ยอมจำนน คำรามอย่างไม่ยอมแพ้ “ข้าไม่...”ด้านหลังของเขา ซ่งตั๋วรังเกียจที่เขาส่งเสียงดัง จึงใช้ดาบในมือฟาดเขาจนสลบ“ยุ่งยากเสียจริง!”หลีชิงกับสวีจู้กล่าวว่า “ชื่อเสียงของคนผู้นี้ไม่ได้แย่นัก เพียงแต่ไม่รู้ว่า ไยมู่ฉีซิวถึงได้มอบหมายตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ให้กับเขา!”ซ่งตั๋วกล่าวว่า “ด้วยความภักดีของเขา สามารถรับตำแหน่งที่สำคัญของมู่ฉีซิวได้ ก็ไม่น่าประหลาดใจอันใด!”ในตอนนี้ ซ่งตั๋วขึ้นไปบนรถคันเล็กของมั่วฝาน นำลำโพงที่อยู่ตรงเบาะหลังของเขา ย้ายไปไว้ที่กระโปรงท้ายรถทั้งหมดหลังจากนั้นก็ขับรถไล่ตามไปยังทิศทางที่ทหารของกองทัพธงเหลืองหลบหนีไปไล่ตามไปด้วย ตะโกนใส่ลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่ไปด้วย“ผู้ที่ยอมจำนน และมอบอาวุธจะไม่ถูกสังหาร!”“ผู้ที่หันมาพึ่งพิงกองทัพตระกูลจ้านและสร้างผลงาน ไม่มีตำแหน่งขุนนางชั้นสูง ไม่มีที่ศักดินาหนึ่งพันครัวเรือน ที่ดินอันอุดมสมบูรณ์หนึ่งพันหมู่ให้!”“ทหารกองทัพตระกูลจ้านมีอาหารวันละส

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 649

    เมื่อจ้านเฉิงอิ้นโบกมือ อากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กจำนวนสิบลำก็ปรากฏขึ้น ด้านบนผูกดินระเบิดเอาไว้เรียบร้อยแล้วมั่วฝานควบคุมอากาศยานไร้คนขับลำหนึ่ง ลอยขึ้นไปอย่างช้า ๆ ไล่ตามไปทางที่พวกมู่ฉีซิวหลบหนีไปยิ่งไปกว่านั้นเฉินอู่ได้พาทหารผ่านศึกกลุ่มใหญ่ บุกเข้าไปในกลุ่มของกองทัพธงเหลืองเขาตะโกน “เหล่าสหาย สังหาร รถคันใหญ่ของพวกเราหนีไปแล้ว!”“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้เป็นอันขาด!”“หากเอารถคันใหญ่มาไม่ได้ ก็ต้องเอารถยนต์คันเล็กมาให้ได้สักคัน บุก...”กองทัพธงเหลืองที่เดิมทีต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่แนวหน้า อยู่ ๆ ก็ละทิ้งชุดเกราะกันเป็นจำนวนมากอย่างไม่มีเหตุผล ทั้งหมดวิ่งหนีไปที่ด้านหลังพวกเขายังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นจนกระทั่งมีคนตะโกนขึ้นมา “ท่านผู้นำให้ถอยทัพ เร็วเข้า รีบถอยทัพ!”คนพวกนั้นถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเวลานี้กองทัพตระกูลจ้านประสมธนู หน้าไม้ราชวงศ์ฉิน และดินระเบิด...เข้าด้วยกันขวัญกำลังใจของพวกเขาเต็มเปี่ยม ทั้งหมดบุกสังหารด้วยท่าทางดุดันทหารกองทัพธงเหลืองวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตท่านผู้นำยังหนีไปแล้ว ขวัญกำลังใจจึงลดลงไปอย่างมาก เหลือแค่เ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 648

    จ้านเฉิงอิ้นขึ้นขี่ม้า สวมหมวกกันน็อก มือถือดาบม่อเตา แล้วขี่ออกมาเพื่อเผชิญหน้าเฉินอู่กับซ่งตั๋วตามติดอยู่ด้านหลังครั้งนี้ เหลือหน่วยกล้าตายส่วนหนึ่งไว้เพื่อปกป้องมั่วฝานมั่วฝานกล่าวว่า “พวกเจ้าไปสังหารศัตรูกันให้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงข้า!”เขาขึ้นนั่งบนรถ และขับพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงชนของกองทัพธงเหลืองการศึกในครั้งนี้ต่อสู้กันอย่างดุเดือดฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนคนมากเกินไป พวกเขามาถึงใกล้กับเมืองหลวงแล้ว ไม่ยอมละทิ้งความมั่งคั่งที่ได้มาอย่างง่ายดายต้องการสังหารกองทัพตระกูลจ้านกองทัพตระกูลจ้านมีประสบการณ์ในการรบมากกว่ากองทัพธงเหลือง อาวุธและอุปกรณ์สวมใส่ดียิ่งกว่ากองทัพธงเหลืองอย่างไรก็ดีฝ่ายตรงข้ามมีคนจำนวนมากพวกเขาต่อสู้อย่างยากลำบาก!หน่วยปืนล่าสัตว์ถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง แม้แต่หน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉินยังทิ้งคันธนูและศร หยิบดาบม่อเตามาต่อสู้กับศัตรู...ในเวลานี้ หวังเซิ่งคิดว่าหากต่อสู้ต่อไป กองทัพตระกูลจ้านจะร่อยหรอสองแสนคนเมื่อเทียบกับสามหมื่นคน มากมายเกินไปจริง ๆ อีกทั้ง พวกเขายังถูกโอบล้อม หากอยากฝ่าวงล้อม มีแต่ต้องสังหารกองทัพธงเหลืองให้สิ้นเท่านั้นเขามอ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 647

    เย่มู่มู่กำลังต่อรองราคากับเจ้าของร้าน อยากจะซื้อปืนล่าสัตว์จำนวนมากเจ้าของร้านจนใจยืนยันคำเดิมอย่างหนักแน่นว่าเขาขายเพียงกระบอกเดียวเท่านั้นเย่มู่มู่เตรียมจะใช้เงินติดสิบน เพื่องัดปากเจ้าของร้านทันใดนั้นเอง ภายในสมองของนางก็ได้ยินเสียงของจ้านเฉิงอิ้นที่แฝงไปด้วยความตื้นตันอย่างชัดเจนว่า “ท่านเทพ บุญคุณในวันนี้ เฉิงอิ้นจะจดจำเอาไว้”“เฉิงอิ้นไม่มีอันใดจะตอบแทน ข้าจะสังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ พิชิตกองทัพธงเหลืองให้ได้ และทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ!”เมื่อเย่มู่มู่ได้ยิน ก็กอดแจกันพลางรีบวิ่งเข้าไปในรถเมื่อเจ้าของร้านเห็นดังนั้น ก็ตะโกนไล่หลังนาง “นี่ คุณยังเอาอยู่ไหม นำเข้าจากเยอรมัน นำเข้าจากรัสเซียมีหมด อานุภาพสูง จะล่าหมีก็ไม่มีปัญหา!”“รอเดี๋ยวค่ะ ฉันจะกลับมาซื้อ!”เย่มู่มู่รีบเข้าไปนั่งในรถ กอดแจกันไว้ พลางถามจ้านเฉิงอิ้นด้วยความตื่นเต้น“จ้านเฉิงอิ้น เจ้าเห็นปืนสองพันกระบอกแล้วหรือไม่?”“ขอโทษด้วย ข้าสามารถซื้อมาได้เพียงเท่านี้ เจ้าของร้านเกรงว่าจะถูกตรวจสอบ ไม่ว่าอย่างไรก็ขายให้ข้าได้เพียงเท่านี้!”ภายในแจกัน เสียงแหบและทุ้มต่ำจากสองพันปีก่อนดังออกมา“ท่านเทพ บุญคุณใหญ่หลว

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 646

    ชนทหารกองทัพธงเหลืองที่อยู่ระหว่างทางตายไปไม่น้อยกองทัพธงเหลืองที่เดิมทีถูกปลุกปั่น และกำลังเตรียมพร้อมทำศึกสงครามครั้งใหญ่ จู่ ๆ ก็มีรถกระบะเข้ามาก่อกวนแผนการของพวกเขารถคันนี้ทั้งพุ่งทั้งชนอุตลุด แล้วขับไปอยู่ที่เบื้องหน้าของกองทัพตระกูลจ้าน จนเศษฝุ่นลอยขึ้นมาเดิมทีกองทัพตระกูลจ้านต่างก็ดึงสายหน้าไม้ราชวงศ์ฉินเพื่อเตรียมพร้อม เมื่อเห็นว่ารถกระบะขับเข้ามา ทั้งหมดก็หยุดการเคลื่อนไหวการเผชิญหน้ากันของกองทัพทั้งสองถูกทำลายลงโดยรถยนต์คันหนึ่งมั่วฝานขับรถมาอยู่ตรงหน้ากองทัพตระกูลจ้าน และเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วจากนั้น เขาก็เปิดประตูรถ ใช้เสื้อคลุมยาวห่อแจกันเอาไว้ แล้วมาอยู่ตรงหน้าของจ้านเฉิงอิ้น“ปืน ท่านเทพส่งปืนล่าสัตว์มาสองพันกระบอก กระสุนปืนห้าร้อยกล่อง...”เฉินอู่ ซ่งตั๋ว แม้กระทั่งหวังเซิ่งและคนอื่น ๆ ต่างก็ได้ยินคำพูดของมั่วฝาน!“ปะ ปืนล่าสัตว์สองพันกว่ากระบอกงั้นหรือ?”“กระสุนปืนห้าร้อยกล่อง?”“ปืนล่าสัตว์นี้มีอานุภาพในการสังหารรุนแรงมาก ท่านเทพนำมาให้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”มั่วฝานกล่าวว่า “นางรู้ว่ากองทัพตระกูลจ้านกำลังเผชิญหน้ากับเผ่าหมานสองแสนคน และกองทัพธง

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 645

    “ว้าว...”“รถบรรทุกขนาดใหญ่ นี่มันรถบรรทุกขนาดใหญ่เชียวนะ!”กองทัพตระกูลจ้านระเบิดเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจทุกคนกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขทหารผ่านศึกจำนวนไม่น้อยดีใจถึงขนาดกระโดดโลดเต้น!พวกเขานั่งรถบรรทุก โคลงเคลงตลอดทางมาถึงที่นี่หลายคนคิดว่าหากตนเองมีรถบรรทุกเช่นนี้สักหนึ่งคันจะดีสักเพียงใดรถบรรทุกมีโครงใหญ่ ล้อใหญ่ วิ่งได้หนึ่งพันลี้ต่อวัน!อีกทั้งรถคันนี้มีคุณภาพสมน้ำสมเนื้อ จอดห่างออกไปไม่กี่ลี้ไม่เหมือนกับคำมั่นลม ๆ แล้ง ๆ ของมู่ฉีซิว ขุนนางชั้นสูงอันใดกัน?นั่นก็ต้องก่อการกบฏให้สำเร็จ สังหารฮ่องเต้ กำจัดขุนนาง ยึดเอาแผ่นดินต้าฉี่มาให้ได้!รางวัลที่ท่านแม่ทัพใหญ่ให้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ไม่ผิดสัญญาแม้แต่ครั้งเดียวและ มู่ฉีซิวแห่งกองทัพธงเหลือง ตลอดมาก็อาศัยคำมั่นที่ให้กับทหาร วาดฝันให้กับทุกคน ถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้หากพวกเขาสนับสนุนให้มู่ฉีซิวขึ้นสู่บัลลังก์ แล้วคำมั่นที่เขาให้ไม่มีทางเป็นจริงได้เขาก็จะยิ่งประสบกับการแว้งกัดที่รุนแรงยิ่งขึ้น!ตอนนี้ทุกหนทุกแห่งกำลังประสบทุพภิกขภัย ต่อให้ท่านแม่ทัพให้ที่นาเป็นรางวัล ก็จะให้ที่นาที่มีน้ำ มีคนและที่นาเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 644

    กองทัพธงเหลืองจำนวนไม่น้อยหวาดกลัว พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่กล้าพุ่งมาข้างหน้าเท่านั้น ซ้ำยังล่าถอยกันอย่างต่อเนื่องด้วยเมื่อมู่ฉีซิวเห็นฉากดังกล่าว ก็ยกโล่ขึ้นมาอย่างโกรธแค้น พลางตะโกนอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ว่า “ฆ่าให้หมด สังหารกองทัพตระกูลจ้านให้สิ้น!” “พวกมันมีเพียงแค่สามหมื่นคน พวกเรามีสองแสนคน ต่อให้พวกมันมีปืน แล้วอย่างไรเล่า? พวกมันต้องใช้เวลาในการบรรจุลูกกระสุนปืน ตราบใดที่เร็วพอ โจมตีในระยะประชิดพวกมันก็จะไม่มีเวลาบรรจุลูกกระสุนและยิงปืน”ทว่าเหล่าทหารไม่เข้าใจหลักการของปืนถึงแม้ไม่ได้ล่าถอยต่อไป แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าบุกไปยังเบื้องหน้าของกองทัพตระกูลจ้านเพราะพวกเขารู้ว่าผู้ใดที่ยื่นหน้าออกมา จะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอนในมุมมองของพวกเขา ยังไม่ทันได้สัมผัสเสื้อผ้าของฝ่ายตรงข้าม ก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ววิธีการตายเช่นนี้น่าคับข้องใจยิ่งนัก!เนื่องจากทหารกลัวตาย มู่ฉีซิวจึงตะโกนออกไปอย่างมีโทสะว่า “ผู้ใดสังหารกองทัพตระกูลจ้านได้หนึ่งคน ตกรางวัลข้าวโพดหนึ่งกระสอบ สังหารสองคน บุกเข้าไปในวังหลวง ตกรางวัลเป็นทาสสองคน!” “ผู้ที่สังหารกองทัพตระกูลจ้านได้ห้าคนขึ้นไป จะได้เป็นนายกอง และ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status