พวกตู้เทียนหัวมองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าหมองคล้ำ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเมื่อครู่ฉู่เฉินทะลวงเลื่อนขั้นพลังอย่างต่อเนื่องได้โดยเฉพาะจ้าวเถี่ยซานที่ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเองมากยิ่งกว่าเพราะยังไงแล้วหมอกสีดำที่กักขังฉู่เฉินไว้ก็เป็นไอพิฆาตทำลายล้างโลกที่เขาแสดงวิชาออกมาอย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้เป็นเหล็กไหลก็จะหลอมละลายอย่างแน่นอน แต่ฉู่เฉินกลับใช้ไอพิฆาตทลายโลกของเขาทะลวงขั้นจนสำเร็จ?นี่แม่งเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกัน?!สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ ทำไมฉู่เฉินถึงเลื่อนอย่างสบายใจเฉิบภายใต้การรุมโจมตีของพวกเขาสี่คนได้?หรือว่าเขาไม่กลัวตายจริง ๆ?ที่จริงไม่เพียงแค่พวกตู้เทียนหัวเท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่ตัวฉู่เฉินก็ยังเกิดสับสนขึ้นมาบ้างเล็กน้อยในตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาโดนกักขังอย่างแน่นหนาจนไม่สามารถสลัดหลุดได้แล้ว แต่ในช่วงเวลานั้น ไอพิฆาตที่กักขังเขาไว้ก็หลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างกายไม่หยุด แล้วเปลี่ยนไปเป็นพลังวิญญาณในทันทีตอนนั้นร่างกายฉู่เฉินได้กลายเป็นหินไปในพริบตาหรือว่าพวกเฉินไห่เสวียนทำการกุศล?เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งหลังจากนั้นมาฉู่เฉินถึงได้ค้นพบว่า เป
ฉู่เฉินยกเท้าเตะเฉินไห่เสวียนจนลอยกระเด็นไปใกล้แถวพวกถานเฟยทันทีโดยไม่รอให้เขาเปล่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดขึ้นครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ฉู่เฉินสั่ง ถานเฟยก็รีบโบกมือส่งสัญญาณให้สมาชิกแก๊งมังกรที่อยู่ด้านหลังทันที เฉินไห่เสวียนก็ถูกมัดเป็นข้าวต้มมัดเหมือนกันในเวลาไม่นาน และถูกนำตัวไปหลังขบวนเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็ตัดแขนขาของยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นห้าสองคนได้แล้ว ทั้งยังจับทั้งเป็นอีก นี่ช่างน่าขนลุกเกินไปแล้วจริง ๆเห็นจ้าวเถี่ยซานและเจียงเยว่ตงถอยหลังหลายก้าวด้วยความตื่นตระหนกจนร่างกายด้านชาท้ายที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงในชั่วพริบตาเดียวและไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ ฉู่เฉินก็จับตัวสองคนได้ติดต่อกันอย่างมีชัยเหนือ จ้าวเถี่ยซานกับเจียงเยว่ตงจะยังกล้ามีความคิดที่จะต่อต้านขัดขืนแม้แต่น้อยได้ยังไง?“รีบหนี!”เจียงเยว่ตงกล่าวจบแล้วก็หันกายจะหนีไปฉู่เฉินกวาดสายตามองทิศทางที่เจียงเยว่ตงจะหนีเอาตัวรอดก็หัวเราะเยาะกล่าวขึ้นว่า “คิดหนี? ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ที่นี่ต่อเถอะ”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ออกกระบี่ฟันไปหนึ่งที“กรร!”เสียงมังกรคำรามดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา คมกระบี่แวววาวก็ฟันฉับตัดหัวเข
กวาดล้างสำนัก?!พวกตู้เทียนหัวได้ยินแล้วก็ตกใจแม้ว่าพูดได้ว่าฉู่เฉินทะลวงขั้นได้ในระหว่างการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ แต่หลังจากประสบกับศึกครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว ฉู่เฉินจะไม่เหนื่อยล้าสิ้นเปลืองพลังไปเลยหรือ?ฉู่เฉินในตอนนี้ แม้ว่ายังไม่ถึงขั้นหมดพลังไป แต่โจวว่านหลี่ก็เป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นหกสูงสุดเช่นกัน แถมยังค่ายกลสี่สังหารช่วยส่งเสริมแม้ว่าฉู่เฉินจะมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นเจ็ดก็ยังมีข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อยในด้านระดับพลัง แต่ฉู่เฉินเพิ่งจะเลื่อนขั้นเอง เขาเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงได้กล้าลั่นวาจาว่าจะกวาดล้างสำนัก?ไม่ใช่แค่พวกตู้เทียนหัวที่แปลกใจ แม้แต่ซ่งหนิงซวงก็ถึงกับขมวดคิ้วฉู่เฉินคนนี้มั่นใจเกินไปแล้ว แต่บางครั้งที่มั่นใจจนเกินเหตุ นั่นจะเรียกว่าหลงตัวเองโดยเฉพาะในเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงสุด คนแบบฉู่เฉินที่ชอบเลือกเดินบนเส้นด้ายเมื่อจนตรอกแล้วนั้นถือเป็นการทำลายตัวเองให้ตายลงไปอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากที่เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่แสนอันตรายมาหมาด ๆ ต่อให้เป็นซ่งหนิงซวงก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะไปสู้ตาต่อตาฟันต่อฟันกับโจวว่านหลี่อีกเด็ดขาดที่จริงแล้
“จัดสรรกำลังพลส่วนหนึ่งไปปิดล้อมตำหนักหลังใหญ่นั้นและอย่าปล่อยให้ใครหนีไปได้แม้แต่คนเดียว”สิ้นเสียง ทหารนายนั้นก็ก้าวมาข้างหน้าและกล่าว “ผมไปเองครับ!”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้ววาดยันต์สลายผนึกกลางอากาศแล้วใช้นิ้วชี้ไปที่สันเขาที่อยู่ไกลออกไป “คุณแค่นำคนไปซุ่มโจมตีอยู่บนสันเขานั้นก็พอ ตราบใดที่มีคนหนีจากในนี้ออกมาก็ยิงให้ตายทันทีทีละคน”“ครับ!”หลังจากขานรับแล้วทหารก็โบกมือนำกองทหารรักษาการณ์จำนวนหนึ่งปีนขึ้นไปยังสันเขาอย่างเงียบ ๆ ตามทิศทางที่ฉู่เฉินชี้“คนที่เหลือให้ไปเจอหน้าคร่าตาเจ้าสำนักสำนักว่านเซี๋ยด้วยกันกับผม แต่พวกคุณทุกคนแค่ดูสถานการณ์ก็พอ ห้ามเข้าร่วมเด็ดขาด”ฉู่เฉินกล่าวกำชับพร้อมเดินหน้าการต่อสู้ระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกถานเฟยจะสามารถเข้าร่วมได้เลยเหตุผลที่พาพวกเขามาด้วยกันก็เพราะไม่ปล่อยคนชั่วที่เหลือของสำนักว่านเซี๋ยไปแม้แต่คนเดียว“ได้ครับ พวกเราจะดูสถานการณ์ให้คุณฉู่ และก็ซุ่มยิงพวกกากเดนของสำนักว่านเซี๋ยที่คิดหนี”ถานเฟยกล่าวด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้เซียวเสวี่ยอิ๋งคิดจะพูดอะไรสักอย่างอีกครั้ง แต่เซียวเฟิงส่ายหน้าให้เธอ สื่อเป็นนัยกับเธอว่าอย่าพูดมากเด
“ทะเลมายาบัวสีชาด!”ซ่งหนิงซวงซึ่งกำลังเฝ้าดูการต่อสู้จากระยะไกล อดตะลึงอย่างหนักไม่ได้กล่าวได้ว่ากระบวนท่านี้ของโจวว่านหลี่ ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตแห่งเต๋าแล้ว ขณะที่การกระทำสุดเท่ของตู้เทียนหัวและคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ อย่างมากก็เป็นแค่วิชาเต๋าเท่านั้นในด้านนี้มีความแตกต่างกันอย่างมากดอกบัวโลหิตนับไม่ถ้วนหยั่งรากลงบนพื้นดิน กล่าวได้ว่าภายในรัศมีหนึ่งลี้รอบโถงใหญ่แห่งนี้ ล้วนถูกโจวว่านหลี่จัดการแล้ว ไม่รู้ว่าต้องมีการเสริมพลังจากค่ายกลมากน้อยแค่ไหน เขาถึงได้สามารถแสดงพลังได้อย่างอิสระสามารถกล่าวได้ว่าขณะนี้ฉู่เฉินกำลังเผชิญ ไม่ใช่แค่โจวว่านหลี่คนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นค่ายกลจำนวนนับไม่ถ้วน หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นผืนแผ่นดินใต้เท้าของเขาเองในชั่วขณะนี้เอง เซียวเสวี่ยอิ๋งพี่ชายน้องสาวสองคน รวมถึงถานเฟยและเหล่าสมาชิกแก๊งมังกร ในที่สุดก็เข้าใจถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขากับผู้บำเพ็ญพรตถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขา แค่เสี้ยววินาทีที่พวกเขาเผลอไผลไป ร่างกายก็คงถูกแยกออกจากกันไปแล้วนี่ไม่ใช่แค่การประลองกำลัง แต่เป็นการปะทะกันระหว่างอาคมเต๋าขณะนี้ฉู่เฉินมีแสงสีขาวเรืองรองออกมาทั่วร่าง ห่อหุ
“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินเผยรอยยิ้มจนเห็นฟันขาว ก่อนจะก้าวเท้าต่อเนื่องอีกหกก้าวจนกระทั่งก้าวที่เจ็ดเหยียบลง ดอกบัวแดงที่ปกคลุมทั่วพื้นพลันเหี่ยวเฉาลงลงอย่างฉับพลัน จากนั้น แม้แต่ลมกระบี่ที่มองไม่เห็นก็พลันสลายหายไป“ก้าวเทียนกัง?”โจวว่านหลี่เลิกคิ้วขึ้น ประเมินฉู่เฉินอย่างไม่อยากเชื่อเจ็ดก้าวที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่แท้จริงแล้วกลับแฝงไปด้วยดาวเหนือเทียนกัง! ฉู่เฉินถึงกับอาศัยอำนาจแห่งเทียนกังทำลายอาคมเต๋าของเขางั้นเหรอ?!ซี้ดๆ!แม้แต่โจวว่านหลี่เอง ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง!ฉู่เฉินอายุเท่าไรกัน ทำไมถึงมีความเข้าใจในอาคมเต๋าลึกซึ้งถึงเพียงนี้“แค่ลูกไม้หลอกเด็ก อย่าเอาออกมาให้ขายขี้หน้าเลย”เมื่อคำพูดของฉู่เฉินจบลง มังกรคำรามในมือก็ส่งเสียงคำรามดังขึ้นทันทีแสงกระบี่สายหนึ่งรวดเร็วดุจสายฟ้า ฟาดฟันลงมายังศีรษะของโจวว่านหลี่ตอนแรกโจวว่านหลี่รู้สึกตกตะลึง แต่ชั่วพริบตาต่อมากลับหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้งและกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม แกคิดว่าทำลายทะเลมายาดอกบัวสีชาดของฉันแล้วจะมีโอกาสชนะงั้นเหรอ?”“กระบี่เล่มนี้ของฉัน สามารถผ่าฟ้าดิน และสามารถทำลายล้างสรรพสิ่งได้!”เมื่อคำพูดจบลง โจวว่านห
วิชาที่โจวว่านหลี่ใช้ดูดซับเลือดหยินและไอพิฆาตเพื่อฟื้นฟูพลัง เหมือนกับวิชาบำเพ็ญคู่ที่ฉู่เฉินใช้ฟื้นฟูพลังทุกประการเพียงแต่วิชาของโจวว่านหลี่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมโดยรอบสูงมากหากไม่มีไอพิฆาต เขาก็ไม่สามารถใช้ได้กระนั้นวิชานี้ของเขาก็เรียกได้ว่าไร้เทียมทานในใต้หล้าเมื่อไอโลหิตพิฆาตที่ซ่อนลึกอยู่ใต้พื้นดินถูกโจวว่านหลี่กระตุ้น หมอกโลหิตนับไม่ถ้วนก็พวยพุ่งขึ้นมา ในชั่วพริบตาก็พุ่งไปหาฉู่เฉินอย่ามองว่าเป็นไอโลหิตพิฆาตเหมือนกัน แต่สำหรับโจวว่านหลี่ก็คือการฟื้นฟูประเภทหนึ่ง สำหรับฉู่เฉินก็เป็นไอพิษที่สามารถฆ่าคนได้ฉู่เฉินยิ้มจาง ก่อนจะล้วงกระจกหยินหยางออกมาจากอกเสื้อ แล้วถ่ายพลังวิญญาณเข้าไปในนั้นวินาทีต่อมา หมอกโลหิตสีแดงฉานก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ หลั่งไหลเข้าสู่ร่างของฉู่เฉินอย่างไม่ขาดสาย“แค่เปลี่ยนลูกเล่นเท่านั้น ผมก็ทำได้”ฉู่เฉินพูดจบก็ฟาดกระบี่ออกไปหมอกโลหิตที่ลอยตลบอบอวลรอบตัว ถูกฟันออกเป็นสองส่วนในทันทีในขณะที่กระบี่แหวกหมอกโลหิต ฉู่เฉินก็ใช้ทักษะกายาราวสายฟ้า ชั่วพริบตาก็ปรากฏตรงหน้าของโจวว่านหลี่ผัวะ!หมัดเดียวที่ไร้ลูกเล่นซัดเข้าที่อกข
“แต่นั่นก็ล้วนไม่สำคัญแล้ว ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ในชาติหน้าก็หัดฉลาดกว่านี้หน่อย”กล่าวถึงตรงนี้ โจวว่านหลี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังเหล่าสมาชิกของสำนักว่านเซี๋ยที่อยู่รอบๆ เห็นสถานการณ์ ต่างก็เริ่มส่งเสียงเฮกันดังลั่นในช่วงเวลานี้ โจวว่านหลี่รู้สึกเหมือนได้ความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง อีกทั้งยังคงเผชิญหน้าต่อหน้าเหล่าศิษย์สำนักว่านเซี๋ย ท้าทายอำนาจโดยการฆ่าฉู่เฉินผู้มีระดับสร้างรากฐานขั้นที่เจ็ดต่อหน้าทุกคนแม้ว่าตู้เทียนหัวและคนอื่นๆ ต่างหมดสภาพไปแล้ว แต่แล้วยังไงล่ะ?ขอแค่ฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ในอดีตของสำนักว่านเซี๋ยขึ้นมาได้ ผู้อาวุโสแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เดี๋ยวจะมีคนมาร่วมมือกับเขาทุกเมื่อสิ่งที่สำคัญที่สุดคือด้วยระดับของฉู่เฉิน เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกกัดกินจนหมดในเวลาอันสั้น อย่างน้อยเขาก็สามารถยืดเวลาไปได้สิบวันถึงครึ่งเดือนแต่ในช่วงเวลานี้ สำหรับฉู่เฉินแล้ว จะเป็นความทรมานถึงที่สุดโจวว่านหลี่มั่นใจ ด้วยการใช้ข้ออ้างว่าจะให้ฉู่เฉินหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานอย่างรวดเร็ว บังคับให้ฉู่เฉินเปิดเผยที่ซ่อนของหยกโลหิตกิเลนออกมาขอแค่ส่งหยกโลหิตกิเลนให้กับสำนัก ในอนาคตไม่ต้องพูดถึงแก
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก
อะไรนะ?!ดวงตาคู่สวยของหลิงเสวี่ยจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินฉู่เฉินเข้าไปทั้งเป็นเหล่าศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็พากันจ้องฉู่เฉินเขม็งด้วยสายตาอาฆาตหลิงเสวี่ยคือหนึ่งในสามหญิงงามแห่งวังเทียนเจี้ยน โดยปกติแล้ว ถือเป็นคู่ครองในอุดมคติของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลิงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงก็ยังโดนศิษย์น้องหลิงเสวี่ยปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้กลับขอให้ศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันมานวดขาให้เขาเนี่ยนะ?“ปรมาจารย์ คนคนนี้จองหองเกินไป ผม...”“ถอยไป!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนถลึงตาจ้องถานเฟิงอย่างดุดัน การฆ่าฉู่เฉินยังไม่ง่าย?แต่ถ้าฆ่าฉู่เฉินแล้ว แล้วเหล่ายอดฝีมือที่เขาเอาชนะมาได้จะทำยังไง?จะให้วังเทียนเจี้ยนถูกทำลายงั้นเหรอ?เมื่อถานเฟิงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของปรมาจารย์ว่านเจี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปและรีบถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง“หลิงเสวี่ย ไม่ได้ยินที่คุณฉู่สั่งเหรอ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนสีหน้ามืดมน กัดฟันเอ่ยถาม“อะไรนะ? ปรมาจารย์ ฉัน...”หลิ
เมื่อปรมาจารย์ว่านเจี้ยนได้ยินรายงานจากศิษย์ในสำนัก ก็รีบร้อนสั่งว่า “ใครก็ได้ รีบปิดประตูเขาเร็วเข้า ห้ามผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะฉู่เฉิน ห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้วังเทียนเจี้ยนจะมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ศึกใหญ่นี้ ถ้าปะทุขึ้นในวังเทียนเจี้ยน ทั้งวังเทียนเจี้ยนก็อาจจะพินาศย่อยยับ ถึงจะชนะแล้วยังไงล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายล้วนเป็นสำนักระดับสูงสุดในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้อำนาจเบื้องหลังวังเทียนเจี้ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แต่ในเวลานี้ เพียงเห็นเงาร่างผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาทางประตูเขาวังเทียนเจี้ยนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก“ปรมาจารย์ ท่านดู...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองตามปลายนิ้วของศิษย์ในสำนักไป เพียงเห็นฉู่เฉินสภาพเปื้อนฝุ่น กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางวังเทียนเจี้ยนด้วยรอยยิ้มจางบนใบหน้าแม่ง!รูม่านตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหดแคบลงทันที กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆดาวหายนะฉู่เฉิน ดันมาแล้วจริงๆ !“เร็ว… รีบปิดประตูเขาเดี๋ยวนี้!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนตกใจจนพูดจาตะกุกตะกักเขาไม่ได้กลัวฉู่เฉิน แต่กลัวกลุ่มคนที่ตามหลังฉู่เฉินมาไกลๆ ต่างหาก!เปรี้ยง!พร้อมด้วยเสียงดังส
“ถอยไป!”ทันทีที่เทพสังหารชูขวานยักษ์ขึ้น ว่านโซ่วเซียนเวิงก็เอ่ยปากห้ามอย่างกะทันหัน“ท่านอาจารย์ เขา...”“หืม?!”ดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงเย็นเยียบลง ทำให้เทพสังหารตกใจรีบถอยไปหลายก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ“สหายน้อย เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? มอบยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย พลางแบมือออกกล่าวว่า “ทุกท่าน หากไม่เชื่อก็สามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้ ถ้าเป็นของปลอมแม้แต่น้อย เอาผิดกับผมได้!”เมื่อกล่าวจบ ว่านโซ่วเซียนเวิงกับผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็ก้าวออกมาเกือบจะในเวลาเดียวกัน รวดเร็วราวสายฟ้า แย่งชิงยาสร้างกล้ามเนื้อจากมือของฉู่เฉินไปคนละเม็ดผู้มีอิทธิพลระดับทารกวิญญาณคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมาหยิบยาสร้างกล้ามเนื้อไปคนละเม็ดเช่นกัน แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่นาน“เป็นยาสร้างกล้ามเนื้อจริงๆ!”ในดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงมีประกายแสงวาบผ่าน ก่อนจะเหลือบตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามว่า “ยาลูกกลอนนี้ แกไปได้มาจากที่ไหน?”แม้ยาสร้างกล้ามเนื้อจะไม่ได้ระดับสูงนัก แต่คนที่สามารถหลอมได้กลับมีน้อยอย่างยิ่งอย่าว่าแต่ในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้แต่ในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิ ล้วนเป็นยาวิเศษล้ำค
ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นทำหน้าร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนติดต่อกันเมื่อเห็นว่าพวกเทพสังหารลับมีดเตรียมลงมือต่อสู้อีกครั้ง ประตูใหญ่สำนักชิงอวิ๋นของเขายังจะเหลืออยู่อีกเหรอ“เห็นแก่ที่คุณมีความจริงใจเต็มเปี่ยม ผมปล่อยคุณไปสักครั้งก็ได้ แต่ว่าผมเดินทางมาไกลมาก คุณคงไม่ให้ผมจากไปมือเปล่าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ก้มมองท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า“ขอให้คุณฉู่ระบุให้ชัดเจนด้วย”คราวนี้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นร้องไห้แล้วจริง ๆ นับตั้งแต่รับตำแหน่งเจ้าสำนักมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนย่อยยับ ที่สำคัญคือเขายังไม่กล้าโต้แย้งสักคำด้วยอัดอั้นตันใจจนกระอักเลือดแล้วจริง ๆ “พูดไปแล้วก็ง่ายนิดเดียว คุณดูสมุนไพรในรายการนี้ แล้วเตรียมมาคนละชุด”ฉู่เฉินกล่าวพลางล้วงใบรายการออกมาจากในอกแล้วยื่นให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพอได้เห็น ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ร้อนใจแล้วบนนั้นเป็นสมุนไพรหายากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเสวียนเทียน ดอกร้อยสีสัน รากวิญญาณปฐพี...ถึงขนาดที่มีสมุนไพรบางตัวที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห
“ฉู่เฉิน คุณคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของผมถึงตายเลยหรือไง!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกัดฟันกรอด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง!ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาที่ฉู่เฉินก่อขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะฉู่เฉินฆ่าลูกศิษย์ของเขา เขาจะเล่นงานฉู่เฉินหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?และตอนนี้ฉู่เฉินชักนำหายนะร้ายแรงมา แต่อยากให้เขาคุกเข่าอ้อนวอนเหรอ?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็เป็นเจ้าสำนัก อย่าว่าแต่ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำเลย แค่เขาคุกเข่าต่อหน้าลูกศิษย์หลายร้อยคนของสำนักชิงอวิ๋น อนาคตเขายังมีหน้าไปปกครองสำนักชิงอวิ๋นได้อย่างไร? “คุณก็เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมพูดจาเหมือนเด็กที่ยังฟันไม่ขึ้นล่ะ? เห็นชัด ๆ ว่าคุณเป็นคนเชิญผมมา คุณอยากจะฆ่าผมให้ตาย คุณคิดว่าผมยังใส่ใจเรื่องเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของพวกคุณอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ เอ่ยด้วยใบหน้าดูแคลนถึงอย่างไรข้าวของที่ถูกทำลายตอนนี้ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของฉู่เฉิน ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ครั้งนี้ ฉู่เฉินอยากให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเข้าใจหลักการที่ว่าเชิญเทพง่าย แต่ส
วินาทีต่อมา เทพสังหารตวัดขวานศึกในมือผ่านอากาศ พุ่งตรงลงมาบนศีรษะของท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นขวานนี้คล้ายกับมีพลังที่สามารถผ่าภูผาได้เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าสังหารมาถึงแล้ว ปราณแท้รอบกายท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพลันพุ่งพล่าน กระบี่ยาวในมือปล่อยรัศมีแสงงดงามหมื่นสาย ตวัดกระบี่ออกไปเต็มแรงรับขวานศึกของเทพสังหารขวานศึกฟาดฟัน กระบี่ยาวผ่าอากาศ! เคร้ง!แม้ว่าท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นออกแรงอย่างสุดกำลัง แต่เขายังคงโดนขวานของเทพสังหารกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วพรวด!ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา เขากระเด็นออกไปสิบเมตร ก่อนจะร่วงกระแทกลงมาบนบันไดหินอย่างหนักหน่วง บันไดหินเหล็กโดนกระแทกจนเป็นหลุมลึก พลังแตกต่างกันมากเกินไป เทพสังหารไม่ใช่คนที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นสามารถต่อกรได้เลยหากไม่ใช่เพราะยังมีลมปราณน่าสะพรึงกลัวหลายสายในฝูงชนพุ่งเป้ามาที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ขวานนี้เพียงพอที่จะส่งเขาไปสู่ปรโลกแล้ว“หยกโลหิตกิเลนไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักว่านเซียนของพวกคุณเลย พวกคุณปล้นกันชัด ๆ! ตะ...ต่อให้ผมตายก็ไม่ยอม!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพยายา