เซียวเฟิงจูงเซียวเสวี่ยอิ๋งแล้วรีบไล่ตามฉู่เฉินและถานเฟยตูม ตูม ตูม!ในเวลานั้นเอง รอบข้างเกิดระเบิดจนกลายเป็นกลุ่มก้อนหมอกดำ เสียงระเบิดดังกึกก้องมาจากทั่วทุกสารทิศ “ทุกคนเตรียมพร้อมการต่อสู้”เซียวเฟิงและถานเฟยพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงและมองรอบข้างอย่างระแวดระวังหลังจากหมอกดำสลายไป ก็มีเงาร่างนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นอย่างหนาแน่นรอบกายจากนั้นไฟสว่างขึ้น มีชายคนหนึ่งซึ่งสวมชุดเสื้อคลุมยาวสีดำผิวคล้ำค่อย ๆ เดินมือไพล่หลังออกมาจากกลุ่มนั้น“เขานี่เอง!”หูม่านตาถานเฟยหดลงเล็กน้อย รีบเดินไปใกล้และกระซิบกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ เขาก็คือหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสของสำนักว่านเซี๋ย ชื่อว่าเฉินไห่เสวียน”“เท่าที่ผมทราบ กองกำลังหลายกลุ่มที่พวกเราส่งไปยังภูเขาเฮยเฟิงล้วนตายภายใต้น้ำมือของคนคนนี้”พูดถึงตรงนี้แล้วภายในดวงตาของถานเฟยก็มีความแค้นเคืองเผยขึ้นมาชั่วครู่ฉู่เฉินหรี่ตามองสำรวจเฉินไห่เสวียน แล้วพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวขึ้นว่า “คนของพวกคุณตายอย่างสมศักดิ์ศรี”“อะไรนะครับ?”ถานเฟยมองฉู่เฉินด้วยความแปลกใจ“ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นห้าฆ่าระดับสร้างรากฐานขั้นสองและขั้นสามไม่กี่คนก็ง่า
ฉู่เฉินไม่รีบร้อนและไม่ลนลาน ใช้วิชาเจ็ดก้าวดารา แวบไปแวบมาท่ามกลางเงาทวนมากมายบนท้องฟ้านั้นเพียงเวลาชั่วพริบตาสั้น ๆ เท่านั้น ฉู่เฉินก็หลบการบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่งนับร้อยกระบวนท่าของเฉินไห่เสวียนได้ทั้งหมด“มิน่า แกอายุยังน้อยอย่างถึงได้กล้าโอหังแบบนี้”เฉินไห่เสวียนหรี่ตาลงและเริ่มมองฉู่เฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อทวนทรราชของเขาถือเป็นกระบวนท่าที่ทำให้เขามีชื่อเสียงขึ้นมา อีกทั้งกระบวนท่านั้นเมื่อสักครู่เขาออกแรงทั้งหมดที่มีโดยที่ไม่มีเจตนาดูถูกฝีมือฉู่เฉินแม้แต่น้อย คือใส่ไม่ยั้งเต็มแรงแต่ผลลัพธ์คือฉู่เฉินสามารถรับมือกับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ของเขาได้อย่างง่ายดายเหมือนไม่ได้ออกแรงจนน่าแปลกใจทั้ง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นห้าเหมือนกัน แต่ผู้ชมเหตุการณ์รอบข้างมองดูแล้วเห็นว่าฉู่เฉินเหมือนคนแก่ที่กำลังหยอกเด็กเล่นอย่างไรอย่างนั้น“โอหัง?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ และกล่าว “นี่เรียกว่ามั่นใจเถอะ?”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ยกมือขึ้น กระบี่เล็กที่ยาวหนึ่งนิ้วก็ปรากฏอยู่กลางฝ่ามือแต่วินาทีต่อมากระบี่เล็กเล่มนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ ภายในชั่วพริบตาก็ได้เปลี่ยนแปลงเ
โดยเฉพาะค่ายกลทหารโบราณนั้นแลดูสมจริงสมจังมากทว่าในช่วงที่ทหารฝ่าหมอกสีขาวออกมาจะไปฆ่าฉู่เฉินอยู่นั้น ค่ายกลทหารทั้งหมดได้กลายเป็นเงาเสมือนจริงแต่ขนาดเซียวเสวี่ยอิ๋งซึ่งยืนอยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตรก็ยังสัมผัสได้ถึงผลกระทบอย่างชัดเจน“น่าสนใจดีนี่ ยังชำนาญวิชากองพลปัญจทิศด้วย”ฉู่เฉินยิ้มอย่างไม่ยี่หระขณะต้านการโจมตีจากทุกสารทิศที่จริงแล้วนี่ก็คือวิชาดั้งเดิม ซึ่งอยู่คนละระดับกับวิชาหุ่นฟางของสำนักอวี้ซือก่อนหน้านี้กล่าวได้ว่ากองพลปัญจทิศแทบจะเป็นตัวตนที่ระดับบดขยี้เลยทีเดียวแต่สำหรับฉู่เฉินแล้วนั้น วิชากระจอกเหล่านี้ มีบันทึกไว้ในมรดกตกทอดจากมังกรเฒ่าทั้งนั้น แถมฉู่เฉินยังมีวิชาสำหรับแก้เกมโดยเฉพาะ ซึ่งฉู่เฉินคั้นเคยเป็นอย่างดี“สลายทัพ!”เมื่อพวกเฉินไห่เสวียนมีสีหน้าลำพองใจที่สามารถขังฉู่เฉินไว้ในค่ายกลทหารได้นั้น ก็เห็นว่าฉู่เฉิน ขยับมือข้างซ้ายร่ายคาถา และมือขวากวัดแกว่งกระบี่พร้อมกับคำรามเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตูม!ค่ายกลทหารที่มุ่งเป้ามายังฉู่เฉินเหล่านั้นก็แตกสลายไปในชั่วพริบตา อีกทั้งเงาเสมือนของค่ายกลทหารนับไม่ถ้วนก็หันกลับไปทางพวกจ้าวเถี่ยซานทันทีแม่งเอ๊ย
แม้ว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่จะไม่รู้ว่าหมอกที่ปกคลุมฉู่เฉินไว้นั้นคืออะไรกันแน่ แต่ถ้ามองแค่สีหน้าลำพองใจของพวกเฉินไห่เสวียน ก็จะรู้ได้ว่าพลังทำลายล้างคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีวิชาเต๋าของจริงเช่นนี้ ต่อให้พวกถานเฟยกับเซียวเสวี่ยอิ๋งอยากช่วยฉู่เฉินอีกแรงก็ไม่มีช่องทางจะช่วยได้ต่อให้เป็นนายพลในกองทัพก็ไม่มีความรู้อะไรเลยเกี่ยวกับวิชาเต๋าแต่ในขณะนั้นเอง ซ่งหนิงซวงที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้จากสถานที่ห่างไกลเผยแววยิ้มเยาะบนใบหน้าสวยขึ้นหากต้องการทำลายยันต์ทลายโลก สำหรับซ่งหนิงซวงนับว่าไม่ถือเป็นอะไรแต่เธอจะรอจนกว่าฉู่เฉินจะตกสู่สถานการณ์จนมุมแล้วเท่านั้นถึงจะออกหน้าช่วยเธออยากจะรอดูว่า ถึงตอนนั้นแล้วฉู่เฉินยังจะกล้าโอหังอวดดีแบบนั้นต่อหน้าเธออีกหรือไม่“ท่านขุนพล นั่นมันอะไรน่ะ ดำๆ ล้อมคนแซ่ฉู่นั่นเสียมิดเลย”เฉินเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยความสงสัยซ่งหนิงซวงหัวเราะเบา ๆ และกล่าวตอบ “ก็แค่ไอพิฆาตเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องวิชาเต๋า นั่นก็เท่ากับสิ่งที่อันตรายถึงแก่ชีวิต ไม่เกินหนึ่งนาทีจะทำให้ฉู่เฉินสลายกลายเป็นน้ำเลือดแน่”ซี้ด
“ชิ่ง!”การออกท่ากระบี่นี้ของตู้เทียนหัวได้ฟาดฟันลงไปยังร่างกายของฉู่เฉินอย่างรุนแรง แต่วินาทีถัดมากลับทำให้ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดตรงหน้าเห็นว่าภายใต้การฟาดฟันกระบี่ครั้งนี้ของตู้เทียนหัวสร้างบาดแผลให้ฉู่เฉินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แถมยังเกิดเสียงคล้ายโลหะทองคำกระทบกันดังขึ้นมา“หืม?!”ไม่เพียงตู้เทียนหัวที่มึนงงไปแล้ว แม้แต่เฉินไห่เสวียนและจ้าวเถี่ยซานก็ตกใจอ้าปากค้างเช่นกันการโจมตีของพวกเขาสี่คนถูกฉู่เฉินต้านกลับ ไม่สามารถสร้างบาดแผลใด ๆ ที่มีผลร้ายแก่ฉู่เฉินแม้แต่นิดเดียว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?แม้แต่ซ่งหนิงซวงที่ไม่ได้คาดหวังอะไร เมื่อเห็นฉากครั้งนี้ ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความสงสัยและประหลาดใจต่อให้เป็นเธอก็ตาม การเผชิญหน้ากับการรุมโจมตีด้วยพลังของคนสี่คนแบบนี้ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้หนทางรอดเหมือนกันยิ่งไปกว่านั้นคือ ฉู่เฉินในขณะนี้ที่ถูกขังไว้อย่างสิ้นเชิง หนีก็หนีไม่ได้ ทั้งยังไม่มีทางสู้กลับได้อีก เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่เป็นอะไรเลย“เป็นไปไม่ได้!”ตู้เทียนหัวกัดฟันแล้วแกว่งกระบี่ขึ้นทุ่มพลังทั้งหมดฟันลงไปบนหัวไหล่ของฉู่เฉินอีกครั้งชิ้ง!เสียงดังของโลหะทอง
พวกตู้เทียนหัวมองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าหมองคล้ำ พวกเขาไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าเมื่อครู่ฉู่เฉินทะลวงเลื่อนขั้นพลังอย่างต่อเนื่องได้โดยเฉพาะจ้าวเถี่ยซานที่ไม่กล้าเชื่อสายตาของตัวเองมากยิ่งกว่าเพราะยังไงแล้วหมอกสีดำที่กักขังฉู่เฉินไว้ก็เป็นไอพิฆาตทำลายล้างโลกที่เขาแสดงวิชาออกมาอย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้เป็นเหล็กไหลก็จะหลอมละลายอย่างแน่นอน แต่ฉู่เฉินกลับใช้ไอพิฆาตทลายโลกของเขาทะลวงขั้นจนสำเร็จ?นี่แม่งเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกัน?!สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ ทำไมฉู่เฉินถึงเลื่อนอย่างสบายใจเฉิบภายใต้การรุมโจมตีของพวกเขาสี่คนได้?หรือว่าเขาไม่กลัวตายจริง ๆ?ที่จริงไม่เพียงแค่พวกตู้เทียนหัวเท่านั้นที่แปลกใจ แม้แต่ตัวฉู่เฉินก็ยังเกิดสับสนขึ้นมาบ้างเล็กน้อยในตอนแรกทั้ง ๆ ที่เขาโดนกักขังอย่างแน่นหนาจนไม่สามารถสลัดหลุดได้แล้ว แต่ในช่วงเวลานั้น ไอพิฆาตที่กักขังเขาไว้ก็หลั่งไหลเข้าสู่ภายในร่างกายไม่หยุด แล้วเปลี่ยนไปเป็นพลังวิญญาณในทันทีตอนนั้นร่างกายฉู่เฉินได้กลายเป็นหินไปในพริบตาหรือว่าพวกเฉินไห่เสวียนทำการกุศล?เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งหลังจากนั้นมาฉู่เฉินถึงได้ค้นพบว่า เป
ฉู่เฉินยกเท้าเตะเฉินไห่เสวียนจนลอยกระเด็นไปใกล้แถวพวกถานเฟยทันทีโดยไม่รอให้เขาเปล่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดขึ้นครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ฉู่เฉินสั่ง ถานเฟยก็รีบโบกมือส่งสัญญาณให้สมาชิกแก๊งมังกรที่อยู่ด้านหลังทันที เฉินไห่เสวียนก็ถูกมัดเป็นข้าวต้มมัดเหมือนกันในเวลาไม่นาน และถูกนำตัวไปหลังขบวนเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวก็ตัดแขนขาของยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นห้าสองคนได้แล้ว ทั้งยังจับทั้งเป็นอีก นี่ช่างน่าขนลุกเกินไปแล้วจริง ๆเห็นจ้าวเถี่ยซานและเจียงเยว่ตงถอยหลังหลายก้าวด้วยความตื่นตระหนกจนร่างกายด้านชาท้ายที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงในชั่วพริบตาเดียวและไม่ถึงวินาทีด้วยซ้ำ ฉู่เฉินก็จับตัวสองคนได้ติดต่อกันอย่างมีชัยเหนือ จ้าวเถี่ยซานกับเจียงเยว่ตงจะยังกล้ามีความคิดที่จะต่อต้านขัดขืนแม้แต่น้อยได้ยังไง?“รีบหนี!”เจียงเยว่ตงกล่าวจบแล้วก็หันกายจะหนีไปฉู่เฉินกวาดสายตามองทิศทางที่เจียงเยว่ตงจะหนีเอาตัวรอดก็หัวเราะเยาะกล่าวขึ้นว่า “คิดหนี? ในเมื่อมาแล้วก็อยู่ที่นี่ต่อเถอะ”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ออกกระบี่ฟันไปหนึ่งที“กรร!”เสียงมังกรคำรามดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา คมกระบี่แวววาวก็ฟันฉับตัดหัวเข
กวาดล้างสำนัก?!พวกตู้เทียนหัวได้ยินแล้วก็ตกใจแม้ว่าพูดได้ว่าฉู่เฉินทะลวงขั้นได้ในระหว่างการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ แต่หลังจากประสบกับศึกครั้งใหญ่เช่นนี้แล้ว ฉู่เฉินจะไม่เหนื่อยล้าสิ้นเปลืองพลังไปเลยหรือ?ฉู่เฉินในตอนนี้ แม้ว่ายังไม่ถึงขั้นหมดพลังไป แต่โจวว่านหลี่ก็เป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นหกสูงสุดเช่นกัน แถมยังค่ายกลสี่สังหารช่วยส่งเสริมแม้ว่าฉู่เฉินจะมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นเจ็ดก็ยังมีข้อได้เปรียบเพียงเล็กน้อยในด้านระดับพลัง แต่ฉู่เฉินเพิ่งจะเลื่อนขั้นเอง เขาเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงได้กล้าลั่นวาจาว่าจะกวาดล้างสำนัก?ไม่ใช่แค่พวกตู้เทียนหัวที่แปลกใจ แม้แต่ซ่งหนิงซวงก็ถึงกับขมวดคิ้วฉู่เฉินคนนี้มั่นใจเกินไปแล้ว แต่บางครั้งที่มั่นใจจนเกินเหตุ นั่นจะเรียกว่าหลงตัวเองโดยเฉพาะในเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับสูงสุด คนแบบฉู่เฉินที่ชอบเลือกเดินบนเส้นด้ายเมื่อจนตรอกแล้วนั้นถือเป็นการทำลายตัวเองให้ตายลงไปอย่างไม่ต้องสงสัยหลังจากที่เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่แสนอันตรายมาหมาด ๆ ต่อให้เป็นซ่งหนิงซวงก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะไปสู้ตาต่อตาฟันต่อฟันกับโจวว่านหลี่อีกเด็ดขาดที่จริงแล้
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก
อะไรนะ?!ดวงตาคู่สวยของหลิงเสวี่ยจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินฉู่เฉินเข้าไปทั้งเป็นเหล่าศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็พากันจ้องฉู่เฉินเขม็งด้วยสายตาอาฆาตหลิงเสวี่ยคือหนึ่งในสามหญิงงามแห่งวังเทียนเจี้ยน โดยปกติแล้ว ถือเป็นคู่ครองในอุดมคติของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลิงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงก็ยังโดนศิษย์น้องหลิงเสวี่ยปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้กลับขอให้ศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันมานวดขาให้เขาเนี่ยนะ?“ปรมาจารย์ คนคนนี้จองหองเกินไป ผม...”“ถอยไป!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนถลึงตาจ้องถานเฟิงอย่างดุดัน การฆ่าฉู่เฉินยังไม่ง่าย?แต่ถ้าฆ่าฉู่เฉินแล้ว แล้วเหล่ายอดฝีมือที่เขาเอาชนะมาได้จะทำยังไง?จะให้วังเทียนเจี้ยนถูกทำลายงั้นเหรอ?เมื่อถานเฟิงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของปรมาจารย์ว่านเจี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปและรีบถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง“หลิงเสวี่ย ไม่ได้ยินที่คุณฉู่สั่งเหรอ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนสีหน้ามืดมน กัดฟันเอ่ยถาม“อะไรนะ? ปรมาจารย์ ฉัน...”หลิ
เมื่อปรมาจารย์ว่านเจี้ยนได้ยินรายงานจากศิษย์ในสำนัก ก็รีบร้อนสั่งว่า “ใครก็ได้ รีบปิดประตูเขาเร็วเข้า ห้ามผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะฉู่เฉิน ห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้วังเทียนเจี้ยนจะมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ศึกใหญ่นี้ ถ้าปะทุขึ้นในวังเทียนเจี้ยน ทั้งวังเทียนเจี้ยนก็อาจจะพินาศย่อยยับ ถึงจะชนะแล้วยังไงล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายล้วนเป็นสำนักระดับสูงสุดในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้อำนาจเบื้องหลังวังเทียนเจี้ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แต่ในเวลานี้ เพียงเห็นเงาร่างผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาทางประตูเขาวังเทียนเจี้ยนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก“ปรมาจารย์ ท่านดู...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองตามปลายนิ้วของศิษย์ในสำนักไป เพียงเห็นฉู่เฉินสภาพเปื้อนฝุ่น กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางวังเทียนเจี้ยนด้วยรอยยิ้มจางบนใบหน้าแม่ง!รูม่านตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหดแคบลงทันที กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆดาวหายนะฉู่เฉิน ดันมาแล้วจริงๆ !“เร็ว… รีบปิดประตูเขาเดี๋ยวนี้!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนตกใจจนพูดจาตะกุกตะกักเขาไม่ได้กลัวฉู่เฉิน แต่กลัวกลุ่มคนที่ตามหลังฉู่เฉินมาไกลๆ ต่างหาก!เปรี้ยง!พร้อมด้วยเสียงดังส
“ถอยไป!”ทันทีที่เทพสังหารชูขวานยักษ์ขึ้น ว่านโซ่วเซียนเวิงก็เอ่ยปากห้ามอย่างกะทันหัน“ท่านอาจารย์ เขา...”“หืม?!”ดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงเย็นเยียบลง ทำให้เทพสังหารตกใจรีบถอยไปหลายก้าว ก้มศีรษะลงต่ำ“สหายน้อย เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ? มอบยาสร้างกล้ามเนื้อ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย พลางแบมือออกกล่าวว่า “ทุกท่าน หากไม่เชื่อก็สามารถตรวจดูด้วยตัวเองได้ ถ้าเป็นของปลอมแม้แต่น้อย เอาผิดกับผมได้!”เมื่อกล่าวจบ ว่านโซ่วเซียนเวิงกับผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็ก้าวออกมาเกือบจะในเวลาเดียวกัน รวดเร็วราวสายฟ้า แย่งชิงยาสร้างกล้ามเนื้อจากมือของฉู่เฉินไปคนละเม็ดผู้มีอิทธิพลระดับทารกวิญญาณคนอื่นๆ ก็ทยอยกันมาหยิบยาสร้างกล้ามเนื้อไปคนละเม็ดเช่นกัน แล้วตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่นาน“เป็นยาสร้างกล้ามเนื้อจริงๆ!”ในดวงตาของว่านโซ่วเซียนเวิงมีประกายแสงวาบผ่าน ก่อนจะเหลือบตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาแล้วเอ่ยถามว่า “ยาลูกกลอนนี้ แกไปได้มาจากที่ไหน?”แม้ยาสร้างกล้ามเนื้อจะไม่ได้ระดับสูงนัก แต่คนที่สามารถหลอมได้กลับมีน้อยอย่างยิ่งอย่าว่าแต่ในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้แต่ในเก้าสวรรค์ชั้นฟ้าสิบทศภูมิ ล้วนเป็นยาวิเศษล้ำค
ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นทำหน้าร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนติดต่อกันเมื่อเห็นว่าพวกเทพสังหารลับมีดเตรียมลงมือต่อสู้อีกครั้ง ประตูใหญ่สำนักชิงอวิ๋นของเขายังจะเหลืออยู่อีกเหรอ“เห็นแก่ที่คุณมีความจริงใจเต็มเปี่ยม ผมปล่อยคุณไปสักครั้งก็ได้ แต่ว่าผมเดินทางมาไกลมาก คุณคงไม่ให้ผมจากไปมือเปล่าหรอกใช่ไหม?”ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น เอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง ก้มมองท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า“ขอให้คุณฉู่ระบุให้ชัดเจนด้วย”คราวนี้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นร้องไห้แล้วจริง ๆ นับตั้งแต่รับตำแหน่งเจ้าสำนักมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนเหยียบย่ำศักดิ์ศรีจนย่อยยับ ที่สำคัญคือเขายังไม่กล้าโต้แย้งสักคำด้วยอัดอั้นตันใจจนกระอักเลือดแล้วจริง ๆ “พูดไปแล้วก็ง่ายนิดเดียว คุณดูสมุนไพรในรายการนี้ แล้วเตรียมมาคนละชุด”ฉู่เฉินกล่าวพลางล้วงใบรายการออกมาจากในอกแล้วยื่นให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพอได้เห็น ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็ร้อนใจแล้วบนนั้นเป็นสมุนไพรหายากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเสวียนเทียน ดอกร้อยสีสัน รากวิญญาณปฐพี...ถึงขนาดที่มีสมุนไพรบางตัวที่แม้แต่เขาก็ไม่เคยเห
“ฉู่เฉิน คุณคิดจะเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของผมถึงตายเลยหรือไง!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกัดฟันกรอด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง!ทุกอย่างล้วนเป็นปัญหาที่ฉู่เฉินก่อขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะฉู่เฉินฆ่าลูกศิษย์ของเขา เขาจะเล่นงานฉู่เฉินหนักขนาดนี้ได้อย่างไร?และตอนนี้ฉู่เฉินชักนำหายนะร้ายแรงมา แต่อยากให้เขาคุกเข่าอ้อนวอนเหรอ?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นก็เป็นเจ้าสำนัก อย่าว่าแต่ใต้เข่าของลูกผู้ชายมีทองคำเลย แค่เขาคุกเข่าต่อหน้าลูกศิษย์หลายร้อยคนของสำนักชิงอวิ๋น อนาคตเขายังมีหน้าไปปกครองสำนักชิงอวิ๋นได้อย่างไร? “คุณก็เป็นเจ้าสำนักผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมพูดจาเหมือนเด็กที่ยังฟันไม่ขึ้นล่ะ? เห็นชัด ๆ ว่าคุณเป็นคนเชิญผมมา คุณอยากจะฆ่าผมให้ตาย คุณคิดว่าผมยังใส่ใจเรื่องเป็นศัตรูกับสำนักชิงอวิ๋นของพวกคุณอีกเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ เอ่ยด้วยใบหน้าดูแคลนถึงอย่างไรข้าวของที่ถูกทำลายตอนนี้ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินของฉู่เฉิน ต่อให้สำนักชิงอวิ๋นถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?ครั้งนี้ ฉู่เฉินอยากให้ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นเข้าใจหลักการที่ว่าเชิญเทพง่าย แต่ส
วินาทีต่อมา เทพสังหารตวัดขวานศึกในมือผ่านอากาศ พุ่งตรงลงมาบนศีรษะของท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นขวานนี้คล้ายกับมีพลังที่สามารถผ่าภูผาได้เมื่อเห็นว่ากระบวนท่าสังหารมาถึงแล้ว ปราณแท้รอบกายท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพลันพุ่งพล่าน กระบี่ยาวในมือปล่อยรัศมีแสงงดงามหมื่นสาย ตวัดกระบี่ออกไปเต็มแรงรับขวานศึกของเทพสังหารขวานศึกฟาดฟัน กระบี่ยาวผ่าอากาศ! เคร้ง!แม้ว่าท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นออกแรงอย่างสุดกำลัง แต่เขายังคงโดนขวานของเทพสังหารกระแทกจนกระเด็นออกไปแล้วพรวด!ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นกระอักเลือดออกมา เขากระเด็นออกไปสิบเมตร ก่อนจะร่วงกระแทกลงมาบนบันไดหินอย่างหนักหน่วง บันไดหินเหล็กโดนกระแทกจนเป็นหลุมลึก พลังแตกต่างกันมากเกินไป เทพสังหารไม่ใช่คนที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นสามารถต่อกรได้เลยหากไม่ใช่เพราะยังมีลมปราณน่าสะพรึงกลัวหลายสายในฝูงชนพุ่งเป้ามาที่ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ขวานนี้เพียงพอที่จะส่งเขาไปสู่ปรโลกแล้ว“หยกโลหิตกิเลนไม่มีความเกี่ยวข้องกับสำนักว่านเซียนของพวกคุณเลย พวกคุณปล้นกันชัด ๆ! ตะ...ต่อให้ผมตายก็ไม่ยอม!”ท่านธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋นพยายา