ถึงแม้จะเหนื่อยจนหอบหายใจแฮก ๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ“วันนี้กินอิ่มมากเลย”จางม่านยื่นมือไปลูบไล้ฉู่เฉิน ใบหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยอย่างไม่หนำใจ“กินอิ่มแล้วจริง ๆ เหรอ?”ฉู่เฉินปลดสายจูงสุนัขออก แล้วจับมือเล็ก ๆ ของจางม่าน เอาสองมือของเธอไพล่หลัง จากนั้นก็ใช้สายจูงล่ามเอาไว้แน่น ๆ ก่อนจะยกจางม่านขึ้นมาจากบนเตียงฉู่เฉินไม่เคยผ่อนปรนเรื่องระบายท่อนลำมาโดยตลอดจางม่านดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเอางานเอาการของฉู่เฉิน เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพยายามยันฟูกไว้แล้วให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เสียงที่ดูเหมือนสะอื้นไห้และครวญครางดังต่อเนื่องอีกครั้งกว่าหนึ่งชั่วโมงถึงค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบดวงหน้าเล็กของจางม่านแดงก่ำ ทรุดตัวอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาสวยฉ่ำเยิ้มจ้องมองฉู่เฉิน เธอยังอยากทำศึกต่อจริง ๆแต่ก็ไม่มีทางเลือกความง่วงงุนอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามา ไม่นานเธอก็หลับสนิทไปเมื่อมองจางม่านที่เข้าสู่ห้วงฝันเหมือนกับชูครีมที่ถูกยัดไส้เต็มเปี่ยมบนเตียง ฉู่เฉินก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมบนตัวอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องพรสซิเดนเชียลสวีทจนกระทั่งเขม่าควันปืนในห้องข้าง ๆ จากหายไป ผ
ตามที่อยู่ที่ข่งเลี่ยงส่งมา ไม่นานฉู่เฉินก็มาถึงตีนเขากู่เฟิงฉู่เฉินจอดรถไว้ริมถนนหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดประตูกระโดดลงจากรถ มองไปยังส่วนลึกของภูเขาที่มืดมิดลึกล้ำแวบหนึ่งเขากู่เฟิงยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเหมือนกับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับว่าทุกก้าวที่เดินไปข้างหน้าล้วนเต็มไปด้วยวิกฤติอันตรายหลังจากพาไอ้หัวดื้อเดินขึ้นหน้าไปตลอดทางผ่านสันเขาหลายลูก ถึงค่อยมีเส้นทางเล็ก ๆ สามสายที่แยกออกไปคนละทางปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินวาดยันต์ทลายม่านอาคมกลางอากาศ ไม่นานเส้นทางเล็ก ๆ สามสายก็หายไปจากเบื้องหน้าสายตาของฉู่เฉิน สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งกลับเป็นเส้นทางเล็ก ๆ คดเคี้ยวทอดยาวไปยังที่ห่างไกล เป็นเหมือนที่คนตระกูลหยางพูดไว้จริง ๆ ด้วย หากไม่มีคนที่คอยประสานอยู่ภายใน อยากจะหาประตูสำนักอวี้ซือเป็นเรื่องที่ยากเหมือนขึ้นสวรรค์จริง ๆหลังจากผ่านวิชาบังตาเหมือนเมื่อกี้ติดต่อกันอีกหลายจุด ประตูไม้สูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินในที่สุดด้านบนหอประตูเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สีแดงฉานว่า “สำนักอวี้ซือ”เมื่อฉู่เฉินกับไอ้หัวดื้อเพิ่งเดินมาถึงประตูสำนัก ทันใดนั้นก็มีร่างเงาพุ่งออกมาจา
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักก็อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสามแล้ว ฉู่เฉินไม่ได้เป็นคนที่มีทักษะสูงส่งใจกล้า แต่ว่าแค่รนหาที่ตายล้วน ๆ เลย“ผมคนเดียวก็พอแล้ว”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง“โฮก!”เห็นได้ชัดว่าไอ้หัวดื้อที่อยู่ด้านหลังไม่พอใจคำตอบของฉู่เฉินอย่างมาก เขาไม่นับเป็นคนหรือไง? หืม? ข่งเลี่ยงหันหน้ามองไปทางชายร่างผอมบางที่ไม่สะดุดตาคนนั้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อสบตากัน ข่งเลี่ยงพลันตกใจจนขนลุกชันขึ้นมาทันทีผีดิบเลือดคลั่ง!นอกจากนี้ยังเป็นผีดิบเลือดคลั่งที่มีพลังน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย!ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของข่งเลี่ยงเต็มไปด้วยสีสันสุดขีดเขารู้ซึ้งดีถึงความร้ายกาจของผีดิบเลือดคลั่ง แม้แต่ตัวที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดก็เทียบเท่ากับผู้ที่อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแล้วฉู่เฉินปราบไอ้ตัวที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง?ปาฏิหาริย์!เป็นปาฏิหาริย์จริง ๆแต่ว่าแค่ผีดิบเลือดคลั่งตัวเดียวยังไม่เพียงพอ เดิมทีสำนักอวี้ซือก็มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านโบราณเหมียวเจียง มีวิธีจัดการผีดิบเลือดคลั่งนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือในสำนักอีกมากมายพลังรบของผีดิบเลือดคลั่งถูกจำกัดไว้มากมายในสำน
“แม่ จะมาอาบน้ำด้วยกันไหม? น้ำร้อนกำลังดีเลย”ในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หลิ่วหรูเยียนเปลือยเปล่านั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ กำลังพูดกับหลิ่วชิงเหอที่สวมชุดนอนลายลูกไม้อยู่หน้าประตู“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ลูกอาบก่อนเลย” หลิ่วชิงเหอรับโทรศัพท์ หันไปตอบลูกจากนั้นเดินออกจากห้องน้ำหลิ่วหรูเยียนหันไปมองฉู่เฉินในถังยาข้างๆ ที่โผล่ให้เห็นแค่ศีรษะ“มองอะไร! ถ้ายังมองอีก ฉันจะควักลูกตาแกออกมาให้หมากิน!” หลิ่วหรูเยียนลุกขึ้นจากอ่างน้ำ พูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโสเธอไม่ได้ปกปิดร่างกายขาวนวลราวหิมะและหน้าอกที่ใหญ่โตของตัวเองแม้แต่น้อย ยืนโชว์ให้ฉู่เฉินเห็นกับตา“เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนสะบัดฝ่ามือตบลงที่แผลเป็นบนใบหน้าของฉู่เฉิน “ยังกล้ามองอีก! ไอ้ขันที เดี๋ยวฉันจะควักตาสุนัขของแกออกมาเลยนี่!”ฉู่เฉินขบฟันแน่น จ้องมองหญิงสาวงดงามที่อยู่ตรงหน้า พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หลิ่วหรูเยียน ต้องมีสักวันที่ฉันเหยียบพวกเธอสองแม่ลูกให้จมดิน! และชิงทุกอย่างที่เป็นของตระกูลฉู่ฉันคืนมา!”“แกกำลังฝันอะไรอยู่? แกก็เป็นแค่สมุนไพรมนุษย์ให้ฉันกับแม่ แขนขาก็ถูกตีหักไปหมดแล้ว ยังจะเอาอะไรมาชิงกลับไปอีก?”หลิ่วหรูเยียนหัวเราะด้วยคว
ฉู่เฉินสลบไปนานมาก เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเหมือนฝันประหลาดเป็นเวลายาวนานในความฝัน เขากลายร่างเป็นราชันมังกรแห่งแดนเหนือ ทำสงครามทั้งเก้าสวรรค์สิบพิภพ ล้มสำนักนิกายใหญ่ต่างๆ ภายในวันเดียว รวมทั้งสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ด้วย...“โอ๊ย ปวดหัวจัง...” ฉู่เฉินร้องอย่างเจ็บปวด เขาลืมตาขึ้นถึงพบว่าตัวเองยังอยู่ในหลุม บาดแผลและความเจ็บปวดตรงแขนขาและบนร่างทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว “เจ้าหนู ข้าได้มอบวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ วิชานี้ครอบคลุมทุกแขนง ทั้งวิชาแพทย์แห่งต้าหลัว ตำราลับวรยุทธ์โบราณ วิชาหยินหยางห้าธาตุ วิชาลึกลับฮวงจุ้ย วิชาหลอมโอสถและสร้างอาวุธวิชาเหล่านี้ข้ามอบให้เจ้าหมดแล้ว...” “เจ้าหนู จำเอาไว้! รอเจ้าฝึกฝนถึงระดับเก้าชั้นฟ้า เจ้าต้องไปนอนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือที่หยิ่งยโสคนนั้นแทนข้าให้ได้!”ข้างหูของเขายังมีเสียงสะท้อนของมังกรฟ้าที่เรียกตัวเองว่าเป็นราชามังกรแห่งแดนเหนือที่เขาเห็นในฝันก่อนหน้านี้ วิชาเก้าผันกลืนสวรรค์หรือ?ฉู่เฉินย้อนกลับมาครุ่นคิดเล็กน้อย ทันใดนั้นข้อมูลมหาศาลก็พรั่งพรูเข้ามาในสมองของเขาวิชาลับบำเพ็ญคู่ เพิ่มคว
หลิ่วชิงเหอในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฉู่เฉินแอบมองอยู่ตรงระเบียง เธอเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างเปิดเผย ต่อหน้าสายตาของฉู่เฉิน เช็ดผมที่เปียกชุ่ม รูปร่างที่สมบูรณ์แล้วราวกับเป็นประติมากรรม เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าสมบูรณ์แบบอยู่บนโซฟา ปลดปล่อยเสน่หาที่มีเฉพาะหญิงสาวผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ชายรู้สึกเลือดร้อนหลิ่วชิงเหออายุสามสิบห้าสามสิบหกปีแล้ว แต่ยังคงสวยงาม รูปร่างและผิวพรรณล้วนบำรุงดูแลอย่างดี ผิวขาวนวลราวกับสาวน้อยอายุยี่สิบปีเท่านั้นตรงระเบียงห้อง ฉู่เฉินมองภาพนี้จนปากแห้ง ท้องน้อยร้อนผ่าวถึงแม้เขาจะอายุยี่สิบสองปีแล้ว แต่ยังไม่เคยแตะต้องผู้หญิงมาก่อนโดยเฉพาะสามปีมานี้ถูกหลิ่วหรูเยียนทรมาน ทำลายศักดิ์ศรีของผู้ชาย ตอนนี้เมื่อเขาเห็นภาพที่งดงามนี้ ความแค้นที่สั่งสมมาสามปีก็ระเบิดออกมาทันที!อึกเสียงหนึ่งฉู่เฉินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ว่ากันว่าสาวน้อยน่าเย้ายวน แต่มีเพียงผู้ชายที่โตแล้วถึงรู้ว่า ผู้หญิงแบบหลิ่วชิงเหอถึงจะเย้ายวนมากที่สุดรู้มาก เป็นเยอะ ยังเอาใจฉู่เฉินยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวหลิ่วชิงเหอนะหลิ่วชิงเหอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงปกติจริงๆเธอที่อยู่ในสายตาคนนอกสูงส่งไม่อาจเอื
แสงแดดส่องร่างกายที่ขาวนวลของหลิ่วชิงเหอ ผิวพรรณของเธอภายใต้แสงอาทิตย์ขาวใสราวกับหิมะ“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ปล่อยฉันนะ! เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก อื้อ ๆ ๆ...” หลิ่วชิงเหอตะโกนขัดขืน ใช้ทั้งมือทั้งเท้าต่อยแตะฉู่เฉินไม่หยุดแต่วินาทีต่อมาปากสีชมพูของเธอก็ถูกอุดเอาไว้ ทำได้แค่ร้องเสียงอู้อี้หลิ่วชิงเหอสัมผัสได้ถึงความเผด็จการและความรุนแรงของอีกฝ่าย พยายามอ้าปากตัวเอง ใบหน้าของเธอมีแต่ลมหายใจร้อนรุ่มของฉู่เฉินยิ่งขัดขืนฉู่เฉินก็ยิ่งรุนแรงหลิ่วชิงเหอที่ไม่เคยถูกผู้ชายจูบอย่างรุนแรง ร่างกายของเธอจึงอ่อนแรงทันทีเหมือนกับพื้นดินที่แห้งแล้งมานานถูกคนรดน้ำให้“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ฉันจะฆ่าแกแน่ อื้อ ๆ ๆ...” หลิ่วชิงเหอทำได้เพียงร้องอู้อี้“แม่หนูกลับมาแล้ว” ทันใดนั้นด้านล่างก็มีเสียงของหลิ่วหรูเยียนจากนั้นก็มีเสียงหลิ่วหรูเยียนขึ้นบันไดมา เสียงเดินเท้าสวบสาบเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆหลิ่วชิงเหอลนลานแล้ว เธอออกแรงแตะฉู่เฉินออกไป จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธแค้นก่นด่าออกมา “ไอ้สารเลว! ฉันเป็นแม่บุญธรรมของแก แกทำแบบนี้ฟ้าผ่าแกตายแน่!”ฉู่เฉินเลียริมฝีปาก หัวเราะอย่างชั่วร้าย “แม่บุญธรรมเหรอ? หลิ่วช
หลิ่วชิงเหอร้องคร่ำครวญ จากนั้นคุกเข่าลงที่พื้น ถอนหายใจเสียงดังเธอมองฉู่เฉินด้วยสายตาเคียดแค้นพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกมันสัตว์เดรัจฉาน! ฉันต้องฆ่าแกให้ได้!”“เพียะ!”ฉู่เฉินสะบัดมือออกไป ตบใบหน้าของหลิ่วชิงเหออย่างแรง เขาเสยคางเธอขึ้น พูดว่า “ฆ่าฉันงั้นเหรอ? เธอไม่อยากได้ชีวิตลูกสาวแล้วเหรอ?”“แก!”หลิ่วชิงเหอโมโหมาก เมื่อถูกคนจับจุดอ่อนได้แบบนี้ รู้สึกคับข้องใจนักเธอเป็นถึงราชินีแห่งวงการการค้า ผู้บริหารฉู่ซื่อกรุ๊ป เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าใครเห็นล้วนต้องยำเกรงแต่คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่สูงส่งอย่างเธอ วันนี้กลับต้องมาคุกเข่าต่อหน้าไอ้บ้าคนนี้!น่าอับอาย!น่าอับอายที่สุด!ความเกลียดชังและจิตสังหารในใจของหลิ่วชิงเหอพุ่งถึงขีดสุด“หลิ่วชิงเหอ ความแค้นระหว่างเธอกับฉัน ฉันจะค่อยๆ คิดบัญชีกับเธอช้าๆ ฉู่ซื่อกรุ๊ป ฉันก็จะชิงมันกลับมา!” ฉู่เฉินสวมกางเกง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลิ่วชิงเหอจ้องเขาด้วยสายตาคมกริบ ถ้าสายตาฆ่าคนได้ ป่านนี้เธอคงจ้องทะลุหัวใจฉู่เฉินไปแล้ว“พอใจหรือยัง? ตอนนี้รีบช่วยลูกฉันซะ! ถ้าแกกล้าโกหกฉัน ต่อให้ต้องไล่ฆ่าแกไปสุดขอบโลก ฉันก็จะฆ่าแกให้ได้!”
ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสำนักก็อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสามแล้ว ฉู่เฉินไม่ได้เป็นคนที่มีทักษะสูงส่งใจกล้า แต่ว่าแค่รนหาที่ตายล้วน ๆ เลย“ผมคนเดียวก็พอแล้ว”ฉู่เฉินเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง“โฮก!”เห็นได้ชัดว่าไอ้หัวดื้อที่อยู่ด้านหลังไม่พอใจคำตอบของฉู่เฉินอย่างมาก เขาไม่นับเป็นคนหรือไง? หืม? ข่งเลี่ยงหันหน้ามองไปทางชายร่างผอมบางที่ไม่สะดุดตาคนนั้นด้วยความประหลาดใจ เมื่อสบตากัน ข่งเลี่ยงพลันตกใจจนขนลุกชันขึ้นมาทันทีผีดิบเลือดคลั่ง!นอกจากนี้ยังเป็นผีดิบเลือดคลั่งที่มีพลังน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย!ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของข่งเลี่ยงเต็มไปด้วยสีสันสุดขีดเขารู้ซึ้งดีถึงความร้ายกาจของผีดิบเลือดคลั่ง แม้แต่ตัวที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดก็เทียบเท่ากับผู้ที่อยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแล้วฉู่เฉินปราบไอ้ตัวที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง?ปาฏิหาริย์!เป็นปาฏิหาริย์จริง ๆแต่ว่าแค่ผีดิบเลือดคลั่งตัวเดียวยังไม่เพียงพอ เดิมทีสำนักอวี้ซือก็มีต้นกำเนิดจากหมู่บ้านโบราณเหมียวเจียง มีวิธีจัดการผีดิบเลือดคลั่งนับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมียอดฝีมือในสำนักอีกมากมายพลังรบของผีดิบเลือดคลั่งถูกจำกัดไว้มากมายในสำน
ตามที่อยู่ที่ข่งเลี่ยงส่งมา ไม่นานฉู่เฉินก็มาถึงตีนเขากู่เฟิงฉู่เฉินจอดรถไว้ริมถนนหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดประตูกระโดดลงจากรถ มองไปยังส่วนลึกของภูเขาที่มืดมิดลึกล้ำแวบหนึ่งเขากู่เฟิงยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเหมือนกับเหวลึกไร้ก้นบึ้ง ราวกับว่าทุกก้าวที่เดินไปข้างหน้าล้วนเต็มไปด้วยวิกฤติอันตรายหลังจากพาไอ้หัวดื้อเดินขึ้นหน้าไปตลอดทางผ่านสันเขาหลายลูก ถึงค่อยมีเส้นทางเล็ก ๆ สามสายที่แยกออกไปคนละทางปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินฉู่เฉินวาดยันต์ทลายม่านอาคมกลางอากาศ ไม่นานเส้นทางเล็ก ๆ สามสายก็หายไปจากเบื้องหน้าสายตาของฉู่เฉิน สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งกลับเป็นเส้นทางเล็ก ๆ คดเคี้ยวทอดยาวไปยังที่ห่างไกล เป็นเหมือนที่คนตระกูลหยางพูดไว้จริง ๆ ด้วย หากไม่มีคนที่คอยประสานอยู่ภายใน อยากจะหาประตูสำนักอวี้ซือเป็นเรื่องที่ยากเหมือนขึ้นสวรรค์จริง ๆหลังจากผ่านวิชาบังตาเหมือนเมื่อกี้ติดต่อกันอีกหลายจุด ประตูไม้สูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินในที่สุดด้านบนหอประตูเขียนตัวอักษรขนาดใหญ่สีแดงฉานว่า “สำนักอวี้ซือ”เมื่อฉู่เฉินกับไอ้หัวดื้อเพิ่งเดินมาถึงประตูสำนัก ทันใดนั้นก็มีร่างเงาพุ่งออกมาจา
ถึงแม้จะเหนื่อยจนหอบหายใจแฮก ๆ แต่มุมปากกลับยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ“วันนี้กินอิ่มมากเลย”จางม่านยื่นมือไปลูบไล้ฉู่เฉิน ใบหน้าแดงระเรื่อ เอ่ยอย่างไม่หนำใจ“กินอิ่มแล้วจริง ๆ เหรอ?”ฉู่เฉินปลดสายจูงสุนัขออก แล้วจับมือเล็ก ๆ ของจางม่าน เอาสองมือของเธอไพล่หลัง จากนั้นก็ใช้สายจูงล่ามเอาไว้แน่น ๆ ก่อนจะยกจางม่านขึ้นมาจากบนเตียงฉู่เฉินไม่เคยผ่อนปรนเรื่องระบายท่อนลำมาโดยตลอดจางม่านดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความเอางานเอาการของฉู่เฉิน เท้าเล็ก ๆ ทั้งสองข้างพยายามยันฟูกไว้แล้วให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เสียงที่ดูเหมือนสะอื้นไห้และครวญครางดังต่อเนื่องอีกครั้งกว่าหนึ่งชั่วโมงถึงค่อย ๆ กลับคืนสู่ความสงบดวงหน้าเล็กของจางม่านแดงก่ำ ทรุดตัวอยู่บนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาสวยฉ่ำเยิ้มจ้องมองฉู่เฉิน เธอยังอยากทำศึกต่อจริง ๆแต่ก็ไม่มีทางเลือกความง่วงงุนอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามา ไม่นานเธอก็หลับสนิทไปเมื่อมองจางม่านที่เข้าสู่ห้วงฝันเหมือนกับชูครีมที่ถูกยัดไส้เต็มเปี่ยมบนเตียง ฉู่เฉินก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมบนตัวอีกครั้ง แล้วเดินออกจากห้องพรสซิเดนเชียลสวีทจนกระทั่งเขม่าควันปืนในห้องข้าง ๆ จากหายไป ผ
ยัยนี่มีประสบการณ์กร้านโลกจริง ๆ ตรงไปตรงมามากเลยฉู่เฉินฉวยโอกาสอุ้มจางม่านเข้ามาในอ้อมแขนแล้วเดินเข้าไปในห้องจางม่านกัดริมฝีปากแดงระเรื่อเบา ๆ มองฉู่เฉินด้วยดวงตาที่ส่องประกายระยิบระยับแล้วพูดว่า “คุณฉู่... ฉะ...ฉันอยาก...”จางม่านพูดพลางยื่นมือน้อย ๆ ไปที่เอวของฉู่เฉินหญิงงามดั่งหยก กระบี่ดั่งสายรุ้งต้องยอมรับเลยว่าจางม่านสมกับเป็นคนจากวงการบันเทิง รู้วิธีการสร้างความบันเทิงได้ดีมากทักษะดีเยี่ยมจริง ๆภายในไม่กี่นาทีสั้น ๆ ฉู่เฉินก็รู้สึกเหมือนตัวเองใกล้จะระเบิดโลกแล้วในเมื่อบรรยากาศเป็นใจถึงขั้นนี้แล้ว ฉู่เฉินก็ไม่อาจปล่อยให้จางม่านผิดหวังได้ไม่ใช่หรือไง?ฉู่เฉินเอื้อมมือไปกระชากผ้าเช็ดตัวเพียงหนึ่งเดียวบนร่างของจางม่านลงมา ก่อนจะเหมือนกับเสือที่ตะครุบเหยื่อ กดจางม่านไว้ใต้ร่างทันที“คุณฉู่...เดี๋ยวก่อนค่ะ”ภายใต้สายตาประหลาดใจของฉู่เฉิน จางม่านลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวิ่งตัวเปลือยไปที่ตู้เสื้อผ้าทางด้านข้าง แล้วค้นหาของอยู่พักใหญ่สุดท้าย เธอก็หยิบ...ปลอกคอสุนัขออกมาจากด้านใน“คุณฉู่ ชอบเล่นแบบนี้ไหมคะ?”จางม่านพูดพลางส่งสายตาหวานเยิ้ม กัดริมฝีปากแดง ก่อนจะข
ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ
“งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้
เซียวเฟิงถูกฉู่เฉินซักถามจนหน้าตาแดงก่ำ เขาอยากจะด่ากลับไปจริง ๆ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคน เขาด่าออกไปไม่ได้จริง ๆ “ผู้นำเซียว เขาพูดอะไรน่ะ กลางวันอะไร ชาวบ้านทำนาอะไร?” หานหลิงผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเสวี่ยอิ๋งถามขึ้นอย่างสงสัย“หุบปาก!”ดวงตางามของเซียวเสวี่ยอิ๋งพลันเย็นชา แล้วถลึงตาใส่หานหลิงหนัก ๆไม่ได้เรียนหนังสือหรือไงแม้แต่ชาวบ้านทำนาในตอนกลางวันก็ยังไม่รู้อีก“ฉู่เฉิน! คุณเลิกพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้แล้วนะ การประลองในวันนี้ถือว่าเสมอกันไป”เซียวเสวี่ยอิ๋งกัดฟันแน่นและจ้องฉู่เฉินอย่างแน่วแน่ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงสักวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้คุณยอมผมทั้งกายทั้งใจ และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในโลกของผมด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ”พูดจบฉู่เฉินก็โยนยาสร้างกล้ามเนื้อไปให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง“ฉัน...ฉันไม่ต้องการ”ถึงแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงเก็บยาสร้างกล้ามเนื้อไว้ในแขนเสื้อตามจิตใต้สำนึกของดีขนาดนี้เธอแค่ไม่อยากใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นเองอีกอย่าง บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทนอีกสองวันก็หายแล้ว ที่เธอเก็บยาของฉู่เฉินเอ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท