ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
“แม่ จะมาอาบน้ำด้วยกันไหม? น้ำร้อนกำลังดีเลย”ในคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว หลิ่วหรูเยียนเปลือยเปล่านั่งอยู่ในอ่างอาบน้ำ กำลังพูดกับหลิ่วชิงเหอที่สวมชุดนอนลายลูกไม้อยู่หน้าประตู“จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ลูกอาบก่อนเลย” หลิ่วชิงเหอรับโทรศัพท์ หันไปตอบลูกจากนั้นเดินออกจากห้องน้ำหลิ่วหรูเยียนหันไปมองฉู่เฉินในถังยาข้างๆ ที่โผล่ให้เห็นแค่ศีรษะ“มองอะไร! ถ้ายังมองอีก ฉันจะควักลูกตาแกออกมาให้หมากิน!” หลิ่วหรูเยียนลุกขึ้นจากอ่างน้ำ พูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโสเธอไม่ได้ปกปิดร่างกายขาวนวลราวหิมะและหน้าอกที่ใหญ่โตของตัวเองแม้แต่น้อย ยืนโชว์ให้ฉู่เฉินเห็นกับตา“เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนสะบัดฝ่ามือตบลงที่แผลเป็นบนใบหน้าของฉู่เฉิน “ยังกล้ามองอีก! ไอ้ขันที เดี๋ยวฉันจะควักตาสุนัขของแกออกมาเลยนี่!”ฉู่เฉินขบฟันแน่น จ้องมองหญิงสาวงดงามที่อยู่ตรงหน้า พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “หลิ่วหรูเยียน ต้องมีสักวันที่ฉันเหยียบพวกเธอสองแม่ลูกให้จมดิน! และชิงทุกอย่างที่เป็นของตระกูลฉู่ฉันคืนมา!”“แกกำลังฝันอะไรอยู่? แกก็เป็นแค่สมุนไพรมนุษย์ให้ฉันกับแม่ แขนขาก็ถูกตีหักไปหมดแล้ว ยังจะเอาอะไรมาชิงกลับไปอีก?”หลิ่วหรูเยียนหัวเราะด้วยคว
ฉู่เฉินสลบไปนานมาก เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเหมือนฝันประหลาดเป็นเวลายาวนานในความฝัน เขากลายร่างเป็นราชันมังกรแห่งแดนเหนือ ทำสงครามทั้งเก้าสวรรค์สิบพิภพ ล้มสำนักนิกายใหญ่ต่างๆ ภายในวันเดียว รวมทั้งสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ด้วย...“โอ๊ย ปวดหัวจัง...” ฉู่เฉินร้องอย่างเจ็บปวด เขาลืมตาขึ้นถึงพบว่าตัวเองยังอยู่ในหลุม บาดแผลและความเจ็บปวดตรงแขนขาและบนร่างทำให้เขารู้สึกว่าอยู่ห่างจากความตายไม่ไกลแล้ว “เจ้าหนู ข้าได้มอบวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ วิชานี้ครอบคลุมทุกแขนง ทั้งวิชาแพทย์แห่งต้าหลัว ตำราลับวรยุทธ์โบราณ วิชาหยินหยางห้าธาตุ วิชาลึกลับฮวงจุ้ย วิชาหลอมโอสถและสร้างอาวุธวิชาเหล่านี้ข้ามอบให้เจ้าหมดแล้ว...” “เจ้าหนู จำเอาไว้! รอเจ้าฝึกฝนถึงระดับเก้าชั้นฟ้า เจ้าต้องไปนอนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือที่หยิ่งยโสคนนั้นแทนข้าให้ได้!”ข้างหูของเขายังมีเสียงสะท้อนของมังกรฟ้าที่เรียกตัวเองว่าเป็นราชามังกรแห่งแดนเหนือที่เขาเห็นในฝันก่อนหน้านี้ วิชาเก้าผันกลืนสวรรค์หรือ?ฉู่เฉินย้อนกลับมาครุ่นคิดเล็กน้อย ทันใดนั้นข้อมูลมหาศาลก็พรั่งพรูเข้ามาในสมองของเขาวิชาลับบำเพ็ญคู่ เพิ่มคว
หลิ่วชิงเหอในตอนนี้ยังไม่รู้ว่าฉู่เฉินแอบมองอยู่ตรงระเบียง เธอเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างเปิดเผย ต่อหน้าสายตาของฉู่เฉิน เช็ดผมที่เปียกชุ่ม รูปร่างที่สมบูรณ์แล้วราวกับเป็นประติมากรรม เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าสมบูรณ์แบบอยู่บนโซฟา ปลดปล่อยเสน่หาที่มีเฉพาะหญิงสาวผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ชายรู้สึกเลือดร้อนหลิ่วชิงเหออายุสามสิบห้าสามสิบหกปีแล้ว แต่ยังคงสวยงาม รูปร่างและผิวพรรณล้วนบำรุงดูแลอย่างดี ผิวขาวนวลราวกับสาวน้อยอายุยี่สิบปีเท่านั้นตรงระเบียงห้อง ฉู่เฉินมองภาพนี้จนปากแห้ง ท้องน้อยร้อนผ่าวถึงแม้เขาจะอายุยี่สิบสองปีแล้ว แต่ยังไม่เคยแตะต้องผู้หญิงมาก่อนโดยเฉพาะสามปีมานี้ถูกหลิ่วหรูเยียนทรมาน ทำลายศักดิ์ศรีของผู้ชาย ตอนนี้เมื่อเขาเห็นภาพที่งดงามนี้ ความแค้นที่สั่งสมมาสามปีก็ระเบิดออกมาทันที!อึกเสียงหนึ่งฉู่เฉินกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ว่ากันว่าสาวน้อยน่าเย้ายวน แต่มีเพียงผู้ชายที่โตแล้วถึงรู้ว่า ผู้หญิงแบบหลิ่วชิงเหอถึงจะเย้ายวนมากที่สุดรู้มาก เป็นเยอะ ยังเอาใจฉู่เฉินยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวหลิ่วชิงเหอนะหลิ่วชิงเหอ เธอไม่ใช่ผู้หญิงปกติจริงๆเธอที่อยู่ในสายตาคนนอกสูงส่งไม่อาจเอื
แสงแดดส่องร่างกายที่ขาวนวลของหลิ่วชิงเหอ ผิวพรรณของเธอภายใต้แสงอาทิตย์ขาวใสราวกับหิมะ“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน! ปล่อยฉันนะ! เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่าแก อื้อ ๆ ๆ...” หลิ่วชิงเหอตะโกนขัดขืน ใช้ทั้งมือทั้งเท้าต่อยแตะฉู่เฉินไม่หยุดแต่วินาทีต่อมาปากสีชมพูของเธอก็ถูกอุดเอาไว้ ทำได้แค่ร้องเสียงอู้อี้หลิ่วชิงเหอสัมผัสได้ถึงความเผด็จการและความรุนแรงของอีกฝ่าย พยายามอ้าปากตัวเอง ใบหน้าของเธอมีแต่ลมหายใจร้อนรุ่มของฉู่เฉินยิ่งขัดขืนฉู่เฉินก็ยิ่งรุนแรงหลิ่วชิงเหอที่ไม่เคยถูกผู้ชายจูบอย่างรุนแรง ร่างกายของเธอจึงอ่อนแรงทันทีเหมือนกับพื้นดินที่แห้งแล้งมานานถูกคนรดน้ำให้“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน ฉันจะฆ่าแกแน่ อื้อ ๆ ๆ...” หลิ่วชิงเหอทำได้เพียงร้องอู้อี้“แม่หนูกลับมาแล้ว” ทันใดนั้นด้านล่างก็มีเสียงของหลิ่วหรูเยียนจากนั้นก็มีเสียงหลิ่วหรูเยียนขึ้นบันไดมา เสียงเดินเท้าสวบสาบเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆหลิ่วชิงเหอลนลานแล้ว เธอออกแรงแตะฉู่เฉินออกไป จ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธแค้นก่นด่าออกมา “ไอ้สารเลว! ฉันเป็นแม่บุญธรรมของแก แกทำแบบนี้ฟ้าผ่าแกตายแน่!”ฉู่เฉินเลียริมฝีปาก หัวเราะอย่างชั่วร้าย “แม่บุญธรรมเหรอ? หลิ่วช
หลิ่วชิงเหอร้องคร่ำครวญ จากนั้นคุกเข่าลงที่พื้น ถอนหายใจเสียงดังเธอมองฉู่เฉินด้วยสายตาเคียดแค้นพลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แกมันสัตว์เดรัจฉาน! ฉันต้องฆ่าแกให้ได้!”“เพียะ!”ฉู่เฉินสะบัดมือออกไป ตบใบหน้าของหลิ่วชิงเหออย่างแรง เขาเสยคางเธอขึ้น พูดว่า “ฆ่าฉันงั้นเหรอ? เธอไม่อยากได้ชีวิตลูกสาวแล้วเหรอ?”“แก!”หลิ่วชิงเหอโมโหมาก เมื่อถูกคนจับจุดอ่อนได้แบบนี้ รู้สึกคับข้องใจนักเธอเป็นถึงราชินีแห่งวงการการค้า ผู้บริหารฉู่ซื่อกรุ๊ป เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าใครเห็นล้วนต้องยำเกรงแต่คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่สูงส่งอย่างเธอ วันนี้กลับต้องมาคุกเข่าต่อหน้าไอ้บ้าคนนี้!น่าอับอาย!น่าอับอายที่สุด!ความเกลียดชังและจิตสังหารในใจของหลิ่วชิงเหอพุ่งถึงขีดสุด“หลิ่วชิงเหอ ความแค้นระหว่างเธอกับฉัน ฉันจะค่อยๆ คิดบัญชีกับเธอช้าๆ ฉู่ซื่อกรุ๊ป ฉันก็จะชิงมันกลับมา!” ฉู่เฉินสวมกางเกง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาหลิ่วชิงเหอจ้องเขาด้วยสายตาคมกริบ ถ้าสายตาฆ่าคนได้ ป่านนี้เธอคงจ้องทะลุหัวใจฉู่เฉินไปแล้ว“พอใจหรือยัง? ตอนนี้รีบช่วยลูกฉันซะ! ถ้าแกกล้าโกหกฉัน ต่อให้ต้องไล่ฆ่าแกไปสุดขอบโลก ฉันก็จะฆ่าแกให้ได้!”
“นี่แก!”หลิ่วชิงเหอไม่ใช่เด็กสาวไม่รู้ความ เธอเข้าใจสิ่งที่ฉู่เฉินต้องการสื่อในทันที!เขายังคิดจะอาทิตย์ครั้งเหรอ!“ไม่มีทาง! แกรีบไปให้พ้น! ฉันคิดหาวิธีเองได้!” หลิ่วชิงเหอกล่าวอย่างโกรธๆไอ้สัตว์เดรัจฉานสมควรตาย คิดจะข่มขู่เธองั้นเหรอ“ให้ฉันไปให้พ้น? เธอคิดดีแล้วเหรอ หลิ่วชิงเหอ บนโลกนี้คนที่สามารถช่วยลูกสาวของเธอได้ มีแค่ฉันฉู่เฉินคนนี้คนเดียว”ฉู่เฉินยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “ก่อนจะถึงวันศุกร์หน้า ทบทวนให้ดี ถ้าตัดสินใจได้แล้วก็ติดต่อมา ฉันจะฝังเข็มให้ลูกสาวของเธอ ถือโอกาสฝังให้เธอด้วยสักสองสามเข็ม”ฮ่าๆๆ!พูดจบ ฉู่เฉินหัวเราะเสียงดัง เขาเห็นสีหน้าดำทะมึนของหลิ่วชิงเหอแล้วรู้สึกสะใจสุด ๆหลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วสวยแน่น นิ้วเรียวชี้ไปทางประตู ก่อนตวาดเสียงเกรี้ยว “ไสหัวไป! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้! อย่าบังคับให้ฉันต้องเปลี่ยนใจ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก!”ฉู่เฉินหัวเราะในลำคอ เขากวาดมองกล่องยากล่องหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะพูดว่า “ถ้าเดาไม่ผิด นั่นคือยาน้ำที่พวกเธอได้จากการจับฉันแช่มาเป็นเวลาสามปี จากนั้นก็เอาไปตุ๋นเป็นยาลูกกลอนสินะ?”หลิ่วชิงเหอขมวดคิ้ว ไม่ตอบคำถามชั้นบน หลิ่วหรูเยียนเพิ่ง
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
“แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา
“กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ
นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี
เมื่อเห็นฉากนี้ โฮ่วเจี้ยนอิงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ ก่อนหันไปมองโจวอวี้หมิง “นี่น่ะเหรอ? ผู้บัญชาการกองทัพโจว คุณคงอยากจะแก้แค้นมากสินะ”“ถึงแม้ว่าจุดตันเถียนของเทียนห้าวจะถูกทำลายไป และมันก็น่าเสียดายจริง ๆ แต่ฝีมือของเสวี่ยอิ๋งก็เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็จะสามารถล้างแค้นแทนเทียนห้าวได้หรอกนะ”โจวอวี้หมิงเหลือบมองโฮ่วเจี้ยนอิง ก่อนจะยิ้มและไม่พูดอะไรเห็นได้ชัดว่าฉู่เฉินกำลังแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกศัตรูเวทีการประลองสูงแค่สองเมตรเท่านั้น ต่อให้โจวอวี้หมิงยังไม่ได้บรรลุช่วงระดับสร้างรากฐาน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มือจับขอบเวทีเพื่อกระโดดขึ้นไปหรอกใช่ไหม?ส่วนท่าทางของฉู่เฉินเมื่อครู่ ก็ยิ่งไม่ใช่การแสดงความอ่อนแออย่างแน่นอนมีคำกล่าวว่า ทหารที่ทะนงตนมักพ่ายแพ้ฉู่เฉินกำลังจงใจทำให้เซียวเสวี่ยอิ๋งประมาทและดูถูกเขา!และก็เป็นไปดั่งที่คิด เมื่อเซียวเสวี่ยอิ๋งเห็นท่าทางของฉู่เฉินแล้ว บนใบหน้าสวยก็ฉายแววดูแคลนขึ้นมาทันทีเธอบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก่อนจะเดินเข้าหาฉู่เฉินอย่างใจเย็น“ระวัง!”ทันใดนั้นเอง!เซียวเสวี่ยอิ๋งยกขาเรียวยาวขึ้น ก่
โจวอวี้หมิงรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย เขาหันไปสั่งให้ทหารคนสนิทนำเก้าอี้มาเพิ่มให้โฮ่วเจี้ยนอิงโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ได้ยินมาว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง กล้าท้าประลองทหารกับของผม ผมก็ต้องมาดูด้วยตัวเองสิครับ”ระหว่างที่เขาพูด รถจี๊ปและรถตำรวจก็แล่นเข้ามายังสนามฝึก โดยมีรถจี๊ปนำหน้า ส่วนรถตำรวจตามหลังมา“มาแล้ว!”เหล่าตำรวจที่อยู่ในสนามต่างจำรถตำรวจคันนั้นได้ในทันทีว่าเป็นรถประจำตำแหน่งของหลูติ้งไห่ พวกเขาจึงพากันลุกขึ้นยืน พร้อมจับจ้องไปยังทิศทางที่รถกำลังมุ่งหน้ามาจากนั้นไม่นาน ประตูรถจี๊ปก็เปิดออก ก่อนที่ปลายรองเท้าทหารสีดำขลับสะท้อนแสงจะโผล่ออกมาจากนั้นเซียวเสวี่ยอิ๋งในชุดรบลายหงส์เพลิง ท่าทางดูองอาจสง่างามก็เปิดประตูรถจี๊ปลงมาด้วยท่าทีมั่นใจฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ลงมาจากรถตำรวจตามลำดับ“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”ทหารจากกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่เซียวเสวี่ยอิ๋งด้วยแววตาเป็นประกายร้อนแรงเซียวเสวี่ยอิ๋งเชิดหน้าขึ้น เธอจ้องตรงไปยังฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายฉู่เฉินไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต
เมื่อข่าวการท้ารบกับเทพนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียงของฉู่เฉินแพร่สะพัดออกไป เจ้าหน้าที่ทั้งกรมตำรวจต่างทยอยกันยื่นใบลา ก่อนจะขับรถบัสของกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการมุ่งหน้าไปยังกองกำลังรักษาการณ์อย่างรวดเร็วไม่นานข่าวนี้ก็มาถึงหูของผู้บังคับบัญชาสูงสุดกองกำลังรักษาการณ์แห่งมณฑลเจียง“พวกนายได้ยินข่าวหรือยัง!? มีคนกล้าท้าประลองกับผู้นำเซียว!”“บ้าไปแล้ว ใครกันที่ไม่กลัวตายขนาดนี้? ครั้งก่อนที่โจวเทียนห้าวท้าประลอง ก็โดนซัดจนจุดตันเถียนแตกเลยนะ!”“ได้ยินมาว่าไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์ เหมือนจะแซ่ฉู่”ไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์?ในตอนนี้ กองกำลังรักษาการณ์กำลังปั่นป่วนเป็นอย่างมากและในตอนนั้นเอง ทหารคนสนิทของโจวอวี้หมิงก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเขา หอบหายใจหนักก่อนพูดขึ้น “ท่าน… ท่านผู้บัญชาการ! เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ครับ!”“ได้ยินมาว่ามีคนแซ่ฉู่ต้องการท้าประลองกับผู้นำเซียว!”โจวอวี้หมิงที่กำลังจิบชา ในตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก แต่ไม่นาน ภาพของใครคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืมตลอดชีวิตก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที…ฉู่เฉิน?!“คนแซ่ฉู่ที่นายพูดถึง ใช่ฉู่เฉินหรือเปล่า?” เขาถามด้วยสีหน้าจ
ถือดีอย่างไรมาคิดว่าฉู่เฉินจะชนะน้องสาวเขา?ฝันยังไม่กล้าฝันเกินจริงขนาดนี้เลย!“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะชนะไม่ได้? ผู้ชายยังไงก็ห้ามพูดว่าไม่ไหว”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลัง กล่าวพร้อมจ้องมองเซียวเสวี่ยอิ๋ง “ยังไง กลัวแล้วเหรอ?”เซียวเสวี่ยอิ๋งยิ้มเย้ยหยันกล่าว “เงื่อนไขประลองแกเลือกมาได้เลย ฉันตกลงทุกอย่าง”มั่นใจ!เซียวเสวี่ยอิ๋งมั่นใจมาก!คนที่ต่อสู้ผลออกมาเสมอทั้งหมดมีไม่ถึงห้าคนในกองทหารรักษาการณ์ทั่วทั้งมณฑลเจียงและมีไม่เกินสามคนที่สามารถเอาชนะเธอได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าส่วนฉู่เฉินที่ฝึกฝนด้วยตนเองในโลกคนทั่วไป ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอด้วยซ้ำรู้ไหมว่าเทคนิคหมัดมวยในกองทัพเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานร้อยตระกูลจนสำเร็จเชียวนะถ้าประลองกับยอดฝีมือที่มีระดับขั้นเหมือนกัน ยอดฝีมือในกองทัพก็จะชนะขาดภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าแค่อย่างเดียวนี้ก็เพียงพอที่จะเห็นความห่างชั้นแล้วและเซียวเสวี่ยอิ๋งก็สังเกตอย่างละเอียดในตอนที่ฉู่เฉินตั้งรับกระบวนท่าของหานหลิงเมื่อครู่ อย่างมากฉู่เฉินก็แค่ระดับสร้างรากฐานขั้นหนึ่งเท่านั้นกล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นการดวลกันระหว่างคนระดับขั