“นี่พอไหวอยู่”ดวงหน้าเล็กของอวี้ลู่ยิ้มแย้มด้วยความดีใจ ก่อนจะผลักแขนของฉู่เฉินที่ขวางอยู่ตรงหน้าอกออก แล้วหยิบกระดาษปากกาขึ้นมาเขียนสูตรยาก่อนยื่นให้กับฉู่เฉิน “นี่คือสูตรโอสถสุคนธ์ มีเฉพาะในเหยา...เอ่อสำนักศักดิ์สิทธิ์ของเรา”“ไม่เพียงสามารถขจัดกลิ่นคาวเลือดบนตัวเขา ยังสามารถเปิดสติปัญญาเปลี่ยนแปลงจิตวิญญาณ ถ้ากินไปนาน ๆ ก็ได้ผลดีอย่างน่าทึ่งด้วย”โอ้โห!อวี้ลู่ยังคงเป็นโฉมงามหนึ่งยิ้มล่มบ้านเมืองจริง ๆฉู่เฉินมองจนเคลิ้มไปเล็กน้อย แทบจะอดไม่ไหว อวี้ลู่ยิ้มอย่างงดงาม ทำให้ชูเฉินมองจนเคลิ้ม เกือบจะเผลอจับเธอให้โผเข้าใส่อ้อมอก “เจ้ามองอะไรน่ะ?”วินาทีต่อมา อวี้ลู่เองก็สังเกตเห็นสายตาที่ดูผิดปกติของฉู่เฉินแล้วเช่นกัน เธอจึงรีบใช้แขนบังหน้าอกขาวเนียนไว้แล้วมองฉู่เฉินอย่างระแวดระวัง “ไม่มีอะไรครับ ตอนเช้าอากาศเย็น ผมกลัวพี่จะเป็นหวัด”ฉู่เฉินยิ้มเจ้าเล่ห์พลางหอมแก้มของอวี้ลู่ทีหนึ่ง“เจ้าทำอะไร!”อวี้ลู่ลุกพรวดขึ้นมา ดวงตางามเปล่งประกายความเย็นชา!“พี่จะดุขนาดนี้ทำไม? นี่เป็นธรรมเนียมสากลไม่รู้เหรอ?”ฉู่เฉินพูดพลางค้นโทรศัพท์มือถือหาคลิปวิดีโอออกมาหลายอันแล้วพูดว่า “ไม่เ
“ฉันก็เลยรีบสิ่งออกมาโทรหาคุณ แต่ว่า...แต่ว่าโดนลูกน้องคนหนึ่งของเขาได้ยินเข้าก็เลยแย่งโทรศัพท์ของฉันไป ถะ...แถมยังคิดจะลวนลามฉันด้วย...”อะไรนะ?!ฉู่เฉินหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา “คนที่พยายามลวนลามพี่เมื่อกี้อยู่ที่ไหนครับ?”“แล้วคุณชายใหญ่อู่อะไรนั่นอยู่ที่ไหนครับ?” ต้าหลิงจื่อรีบพูดว่า “อยู่ในห้องประชุมชั้นสิบสาม คุณตามฉันค่ะ” ต้าหลิงจื่อพูดพลางรีบจับมือฉู่เฉินไว้ ก่อนจะวิ่งไปทางชั้นสิบสามเพิ่งจะเลี้ยวผ่านมุมบันไดก็มีเสียงทะเลาะวิวาทดังมาจากทางห้องประชุม “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว ผมแนะนำว่าทางที่ดีคุณควรรู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์หน่อยนะครับ เงินก้อนนี้ธนาคารของเราสามารถเร่งทวงได้ และก็ชะลอได้ แต่เท่าที่ผมรู้มา สถานการณ์ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในตอนนี้ เกรงว่าเวลานี้ของปีหน้าก็คงเอาเงินสองพันห้าร้อยล้านออกมาไม่ได้แล้วละมั้ง?”“อันที่จริงข้อเสนอของผมก็ไม่ได้เกินไปเลยสักนิด ขอเพียงคุณนอนกับผมแค่คืนเดียว แล้วให้ประธานหลิ่วอยู่เป็นเพื่อนพ่อของผมให้ดี เงินบริษัทพวกคุณแค่นี้จะถือเป็นอะไรได้ ให้พวกคุณก็ไม่เป็นไร”“หนึ่งเดือนได้สองพันห้าร้อยล้าน ร่างกายของคุณมีค่ามากเลยนะ” หลังจากเสียงพ
“ฉู่เฉิน แกพูดเหลวไหลอะไร!” หลิ่วหรูเยียนด่าอย่างเกรี้ยวกราดด้วยสีหน้าตื่นตระหนกหลิ่วชิงเหอรีบเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะผลักฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน ฉันขอร้องละ อย่าทำให้เรื่องยุ่งมากกว่านี้อีกได้หรือเปล่า?”ฉู่เฉินผลักมือของหลิ่วชิงเหอออกแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พูดอีกยังไง ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็เป็นธุรกิจที่พ่อแม่ของฉันทิ้งไว้ให้ ใครอนุญาตให้พวกเธอมาค้าประเวณีที่นี่?” “อีกอย่าง เมื่อกี้ใครมันต่ำช้าลวนลามพี่หลิงหลิง ลุกออกมาซะ!” เมื่อคำพูดนี้ออกมา ชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสีดำก็จัดคอเสื้อ มองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้ายิ้มหยันแล้วพูดว่า “ไอ้หนู ใครมันทำพลาดอะไรเข้า ถึงทำให้นายโผล่มาได้!” “รู้ไหมว่าคุณชายอย่างฉันคือใคร? กล้าร้องตะโกนเสียงดังต่อหน้าฉันเรอะ!”ดวงตาของฉู่เฉินหดลงเล็กน้อย มองชายหนุ่มอย่างพิจารณา ยังไม่ทันที่ฉู่เฉินจะก้าวไปข้างหน้า หลิวชิงเหอก็รีบดึงฉู่เฉินไว้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า “ฉู่เฉิน แกห้ามวู่วามเด็ดขาด!”“เขาคืออู่จวิ้นเจี๋ย คุณชายใหญ่จากตระกูลธนาคารอู่ พวกเราล่วงเกินตระกูลอู่ไม่ได้เด็ดขาดนะ!”ตระกูลอู่?ฉู่เฉินเลิกคิ้ว ในความทรงจำมีแซ่อู่แบบนี้ในเจียงจงจริง
ฉู่เฉินพูดพลางลากเก้าอี้มาหนึ่งตัวก่อนจะนั่งลงหน้าโต๊ะประชุมด้วยท่าทางสง่างามทรงอำนาจอู่จวิ้นเจี๋ยจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินอยู่นาน ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามฉู่เฉิน แล้วชี้ไปที่หลิ่วหรูเยียนพลางพูดว่า “ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่คุยเรื่องราคาของยัยนี่เท่านั้น”“ใครใช้ให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปของพวกเธอติดหนี้ธนาคารของเราตั้งสองพันห้าร้อยล้านล่ะ?”“ถ้าน้องชายสนใจด้วยเหมือนกัน พวกเราแบ่งกันได้นะ ฉันนอนสามวันแรก นายนอนสี่วันหลัง อย่าทำลายไมตรีต่อกันก็พอ”ถึงอย่างไรอู่จวิ้นเจี๋ยก็เป็นคนที่เคยผ่านโลกมาเหมือนกัน ระดับความโหดเหี้ยมอำมหิตในการลงมือของฉู่เฉินถึงขนาดที่เด็ดขาดยิ่งกว่านักสู้บางคนที่เขาเคยเจอเสียอีก นี่ก็หมายความว่าฉู่เฉินจะต้องมีภูมิหลังอยู่บ้างเหมือนกันแน่นอน อู่จวิ้นเจี๋ยยังไม่อยากแตกหักจนกว่าจะรู้ถึงเบื้องลึกของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน“อู่จวิ้นเจี๋ย คุณมันไร้ยางอาย!”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนตัวสั่น แม้แต่หน้าอกขาวนวลคู่นั้นก็แทบจะทะลักออกมาจากในชุดสูทตัวเล็ก หลิวชิงเหอรีบดึงหลิ่วหรูเยียนไว้ แล้วส่ายหน้าให้เธอติดต่อกัน สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเธอสองแม่ลูกจะ
เมื่อเห็นชายวัยกลางคน หลิ่วหรูเยียนกับหลิวชิงเหอแม่ลูกก็ตกใจยกใหญ่อู่เย่าปัง!ประธานธนาคารเทียนเจิ้ง ผู้นำตระกูลอู่!ในวงการธุรกิจของเจียงจง เป็นตัวตนที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง แม้แต่ตระกูลหยางที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองยังต้องเกรงใจอู่เย่าปังถึงสามส่วนจบสิ้นแล้ว!ครั้งนี้โดนฉู่เฉินทำร้ายจนตายแล้วจริง ๆ!หลิ่วหรูเยียนจ้องฉู่เฉินด้วยความเคียดแค้นแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน แกยังไม่รีบปล่อยคุณชายอู่อีก แกอยากทำร้ายพวกเราจนตายหรือไง?”หลิ่วชิงเหอกลับรีบดึงหลิ่วหรูเยียนไว้ถึงแม้เธอจะไม่รู้แน่ชัดว่าฉู่เฉินมีไพ่ตายอะไรกันแน่ แต่จากสีหน้าสงบเยือกเย็นของฉู่เฉิน หลิ่วชิงเหอรู้สึกได้ราง ๆ ว่าฉู่เฉินยังต้องมีทางหนีทีไล่อย่างแน่นอน ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่ชัด หากเวลานี้ตัดความสัมพันธ์กับฉู่เฉินละก็ พวกเธอแม่ลูกคงจะจบเห่แล้วจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครู่อู่จวิ้นเจี๋ยบอกเงื่อนไขเองกับปากว่าอยากให้หลิ่วชิงเหอแม่ลูกไปนอนกับพ่อลูกตระกูลอู่หนึ่งเดือน ยิ่งทำให้หลิวชิงเหอไม่อาจยอมรับได้“พ่อ...ช่วยผมด้วย! ผมโดนทำร้ายจนยับเยินแล้ว!”อู่จวิ้นเจียอ้าปากก็พ่นฟองเลือดออกมาคำใหญ่ เนื่องจากโดนตบจนฟันหน้ากระเ
ศพของปรมาจารย์จ้าวร่วงลงพื้นอย่างหนักหน่วง จนฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มพื้นเมื่อเห็นฉากนี้ ห้องประชุมก็เงียบกริบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก!อู่จวิ้นเจี๋ยที่เมื่อกี้ยังร้องโวยวาย เวลานี้ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด รู้สึกเหมือนดิ่งลงไปในหลุมลึกนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว สังหารปรมาจารย์จ้าวในชั่วพริบตา?ถ้ารู้แต่แรกว่าฉู่เฉินน่ากลัวขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาจะไม่วิ่งมาหาเรื่องซวยที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปหรอกส่วนพวกคนติดตามที่ยังอยากพุ่งไปช่วยเหลืออู่จวิ้นเจียก็ตกใจกลัวจนปัสสาวะราดกางเกงทันทีนั่นมันปรมาจารย์เชียวนะ ยังไม่ทันได้สัมผัสแม้แต่เสื้อผ้าของฉู่เฉินก็โดนฆ่าทิ้งในพริบตาด้วยกระบวนท่าเดียวโชคดีที่พวกเขาไม่ได้บุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้นตอนนี้หญ้าบนหลุมศพคงสูงสามนิ้วไปแล้วหลิ่วหรูเยียนก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือก จากมุมมองของเธอสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าฉู่เฉินแค่สะกิดนิ้วเบา ๆ ปรมาจารย์จ้าวคนนั้นก็กระเด็นลอยออกไปไอ้สวะไร้ค่าฉู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?แม้ว่าหลิ่วชิงเหอไม่ได้ตกใจเท่าหลิ่วหรูเยียน แต่เธอก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือดไม่ว่าจะพูดอีกอย่างไร นั่นก็เ
“เอ่อ...คะ...คุณฉู่?”เจียงเหวินป๋อฝืนกลืนคำพูดครึ่งท้ายประโยคกลับไป รีบยิ้มแย้มเต็มเปี่ยมบนใบหน้า วิ่งเหยาะ ๆ มาหาฉู่เฉิน ก่อนจะล้วงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนจากในกระเป๋าแล้วยื่นให้“คุณฉู่ บังเอิญจริง ๆ ครับ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? มาครับ สูบบุหรี่ก่อน ผมจะจุดไฟให้”ฉู่เฉินโบกมือ ปัดบุหรี่ที่เจียงเหวินป๋อยื่นมาให้ ก่อนจะชี้ไปที่ศพบนพื้นแล้วพูดว่า “หมอนี่พยายามใช้ความรุนแรงในห้องประชุมของฉู่ซื่อกรุ๊ปเรา โชคดีที่มีคนขัดขวางไว้ได้เลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”“แต่ดูเหมือนร่างกายเขาจะค่อยไม่แข็งแรง แค่เอานิ้วแตะเขาทีเดียว เขาก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว อธิบดีเจียงคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดีครับ?” เจียงเหวินป๋อมองไปตามนิ้วของฉู่เฉิน ก่อนจะเห็นว่ารูขนาดใหญ่ราวกับอ่างล้างหน้าตรงหน้าอกของปรมาจารย์จ้าวยังคงมีเลือดไหลทะลักออกมาด้านนอกนะ...นี่มันนิ้วแตะหรือว่าโดนปืนใหญ่ยิงใส่กัน?“นี่...”แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงเหวินป๋อก็แข็งค้างแล้ว “อธิบดีเจียง ขนาดตัวเขาเองก็ยอมรับแล้วว่าเป็นฆาตกรฆ่าคน คุณยังไม่จับเขาไปลงโทษอีก!”อู่เย่าปังทำหน้าเขียว ชี้ไปที่ฉู่เฉินแล้วตะโกนเสียงดังอย่างฉุนเฉียวเจีย
ความหมายในคำพูดของเธอก็คือให้ฉู่เฉินชำระหนี้ของฉู่ซื่อกรุ๊ป แต่ว่าสำหรับฉู่เฉินแล้ว เงินจำนวนน้อยแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกฉู่เฉินยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเอ่ยว่า “ก็แค่สองพันห้าร้อยล้านเอง”เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็โยนบัตรเอทีเอ็มออกมาหนึ่งใบทันทีแล้วพูดว่า “ในนี้มีอยู่ห้าพันล้าน เธอได้กำไรแล้ว”หลิ่วหรูเยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาแล้วพูดกับอู่เย่าปังว่า “ประธานอู่ เงินสองพันห้าร้อยล้านที่บริษัทเราติดหนี้ธนาคารของพวกคุณ สามารถโอนเงินได้ทุกเมื่อ” “ฉันหวังว่าจากนี้ไปคนของตระกูลอู่พวกคุณอย่าได้มาเสียมารยาทก่อกวนอีก”อะไรนะ?อู่เย่าปังหัวเราะหยัน เอามือสองข้างไพล่หลังแล้วพูดว่า “หลิ่วหรูเยียน คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คุณคิดหรือว่าจะรังแกตระกูลอู่ของผมได้? เงินที่พวกคุณติดหนี้ธนาคารของเรา เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยไม่ใช่สองพันห้าร้อยล้านมานานแล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมา หลิ่วชิงเหอก็อดหันหน้าไปมองอู่เย่าปังไม่ได้ก่อนจะเอ่ยว่า “ประธานอู่ ตอนที่เรากู้เงินในปีนั้น คุณเคยรับปากเองว่าจะยกเว้นดอกเบี้ยให้ทั้งหมด คุณจะมากลับคำได้ยังไง?”อู่เย่าปังมองฉู่เฉินแวบหนึ่ง ตอนนี้มีเจียง
ปัง!ในขณะนี้ ภายในร่างของฉู่เฉินได้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อกระดูกและเส้นลมปราณมีปราณจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกเย่หัวที่ฟื้นคืนพลังบางส่วน เบิกตากว้างมองด้วยความไม่เชื่อไอ้หนูคนนี้… กำลังทะลวงระดับ?!ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าหลังจากฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักจะสามารถทะลวงระดับได้นี่…นี่ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย?!แม้ว่าเขาจะอยากขัดขวางฉู่เฉิน แต่ปัญหาคืออาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ ทำให้ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลยในขณะนี้ จิตสำนึกของฉู่เฉินได้รวมรวมอยู่ที่จุดหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว บุกทะลวงขีดจำกัดของระดับพลังอย่างบ้าคลั่งหลิ่วหรูเยียนเองก็มีสีหน้าตกใจและจ้องไปที่ฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ทำได้แค่ถือกระบี่โดยสัญชาตญาณและยืนอยู่ข้างหน้าฉู่เฉิน“แก... แกอย่ามานะ ฉัน... ฉันก็กล้าฆ่าคนเหมือนกันนะ”ใบหน้าเล็กของหลิ่วหรูเยียนขาวซีด ตัวสั่นไปทั้งร่าง ถือกระบี่ยาวด้วยมือที่สั่นเทาชี้ไปที่เย่หัวและกล่าวออกมาเย่หัวยิ้มเย็น แม้กระทั่งคร้านที่จะมองหลิ่วหรูเยียนอีกผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าตอนนี้เธอใช้ดาบแทงเขา เกรงว่าเขาคงตายอย่างน่าอนาถอยู่ที่นี่แน่แต่โชคดีที่เธอไม่กล
“เย่หัวเอามือกุมหน้าอกอย่างไม่อยากเชื่อ แม้แต่ถอยหลังไปหลายก้าวและใช้กระบี่ชิงหลงค้ำพื้นเอาไว้ จึงฝืนไม่ล้มลงไปได้แค่ก! ในวินาทีต่อมา เย่หัวและฉู่เฉินก็กระอักเลือดออกแทบจะพร้อมกัน “นี่เป็นไปได้ยังไง?”เย่หัวเพียงรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เจ็บปวดจนกระทั่งเขาไม่มีแรงพอที่จะยกกระบี่ขึ้นได้ ผู้บำเพ็ญอิสระระดับสร้างรากฐานชั้นที่สี่ เหตุใดถึงสามารถทำร้ายเขาได้?!แค่ก!เย่หัวรู้สึกถึงเลือดลมแปรปรวน ก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่แต่ฉู่เฉินในขณะนี้ก็ไม่ได้ต่างกันนัก เมื่อกี้นี้เขารับกระบี่ของเย่ฮัวอย่างเต็มแรง แม้ภายนอกดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น แค่แรงสะท้อนก็ทำให้แขนทั้งสองข้างของฉู่เฉินชาไปหมดแล้ว และภายในจุดตันเถียนก็ยิ่งรู้สึกถึงเลือดลมพลุ่งพล่านถ้าไม่ใช่เพราะเงามังกรในร่างกายที่ช่วยต้านการโจมตีไว้มากกว่าครึ่ง เกรงว่าตอนนี้ฉู่เฉินคงจะศีรษะขาดจากร่างกายไปแล้ว “ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก วังเทียนเจี้ยนของพวกคุณก็แค่นี้แหละ มาอีกสิ!”ฉู่เฉินพยายามอดทนกับเลือดลมที่พลุ่งพล่านในร่างกายและยิ้มกว้างออกมา ความจริงแล
ดูเหมือนว่าฉู่เฉินที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ปัดป้องเจตจำนงกระบี่ที่พุ่งเข้ามาไปพลาง ขณะเดียวกันก็พูดเหน็บแนมว่า “ลูกเล่นนี่ใช้ได้เลยนี่ แต่เสียดายที่วิชาแมวสามขานี้ยังไม่เข้าตาผม”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เย่หัวยิ้มอย่างภูมิใจและเงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ไม่เข้าตาแก? มากสุดสามลมหายใจ ฉันจะทำให้เลือดของแกเลือดกระเซ็นไปห้าก้าว!”ทันทีที่พูดจบ เย่หัวก็เร่งความเร็วในการโจมตีมากขึ้นในเสี้ยววินาที แม้แต่อากาศโดยรอบล้วนปกคลุมไปด้วยลมกระบี่ที่หนาวเหน็บฉู่เฉินรับมืออย่างเยือกเย็นไปพลาง ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาจุดอ่อนในท่าทางของเย่หัวความจริงแล้ว ตาข่ายกระบี่ที่ดูเหมือนจะยุ่งยากนี้ไม่ได้ไร้ช่องโหว่ แต่คนทั่วไปยังไม่ทันจะสังเกตเห็นจุดอ่อนก็ถูกพลังอำนาจของเย่หัวทำให้ตกใจกลัวโชคดีที่ในมรดกของมังกรเฒ่ามีทักษะกายาที่เรียกว่าเจ็ดก้าวดารา แม้จะเป็นทักษะกายาที่ใช้หนีเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังเป็นวิชาระดับสวรรค์และถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบในขณะนี้ แต่ก็สามารถมองเห็นช่องโหว่ในกระบวนกระบี่ของเย่หัวและลอบคำนวณหาจังหวะทำลายการโจมตีในวินาทีต่อมา ฉู่เฉินเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน แทงกร
ในมุมมองของเย่หัว ฉู่เฉินที่เป็นแค่คนธรรมดาระดับสร้างรากฐานชั้นสี่ ไม่มีค่าพอที่เขาจะลงมือด้วยซ้ำเพราะเย่หัวเองมีพื้นเพมาจากหนึ่งในสิบสำนักใหญ่อย่างวังเทียนเจี้ยน!วิชาที่สืบทอด ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งกว่าฉู่เฉินที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระตัวเล็กๆ สักกี่เท่าแค่เรื่องระดับ ก็เหนือกว่าฉู่เฉินหนึ่งชั้นแล้วแม้จะเป็นการต่อสู้ในระดับเดียวกัน ผู้บำเพ็ญอิสระทั่วไปก็ไม่ใช่คู่มือของศิษย์จากสำนักใหญ่เลยและในมุมมองของเขา หลิงเสวี่ยให้ฉู่เฉินทำลายพลังของตัวเอง ถือเป็นความกรุณาแล้วถ้ายึดตามตามความต้องการของเขา คนโง่เง่าหัวแข็งที่กล้าท้าทายศิษย์พี่หลิงเสวี่ยแบบนี้ก็ควรถูกดาบฟันจนตายถึงจะถูก“ถ้าคุณตัดแขนขาทั้งสองข้างต่อหน้าผม ผมก็อาจจะพิจารณาไว้ชีวิตคุณก็ได้”ฉู่เฉินวางหลิ่วหรูเยียนในอ้อมแขนลง แล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น“แกพูดว่าอะไรนะ?”เย่หัวเบิกตาขึ้นทันที ดวงตาปล่อยแสงเย็นเยียบมองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกเป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระ ใครให้ความกล้าหาญแกมาพูดจาไร้สาระกับฉันที่เป็นศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนอย่างนี้!”เมื่อคำว่าวังเทียนเจี้ยนสามคำถูกพูดออกมา สีหน้าของเย่หัวยิ่งแสดงความภูมิใจมากข
หยางเทียนหลงและคนอื่นๆ ก็เดินตามหลังฉู่เฉินไป พร้อมเดินไปทางลิฟต์ด้วยกันหลิงเสวี่ยมองแผ่นหลังของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนด้วยสายตาที่เย็นชา ดวงตาส่องประกายแสงเยือกเย็นสองเส้น! “คุณหลิงเสวี่ยครับ ไอ้หนูคนนี้อวดดีเกินไปแล้ว ต้องสั่งสอนให้เขารู้สำนึกบ้างแล้ว” เหล่าคนที่นำโดยเฉียนฮ่าวตงมองตามแผ่นหลังของฉู่เฉินที่เดินห่างออกไป เกลียดจนกัดฟันกรอด“ศิษย์พี่ ต้องทำ...”หลิงเฟิงก็ก้าวเดินไปข้างหน้า จ้องไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินและคนอื่นๆ พลางทำท่าตัดคอแล้วกล่าวเสียงเย็นหลิงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึก ทันใดนั้นใบหน้าสวยมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น กล่าวว่า “ช่างเถอะ งานเลี้ยงยังต้องดำเนินต่อ อย่าให้คนที่ไม่รู้คุณค่ามาทำลายบรรยากาศสนุกของทุกคนเลย”พูดจบ หลิงเสวี่ยก็เดินกลับไปนั่งบนโซฟา โบกมือให้หลิงเฟิงและกล่าวว่า “อีกเดี๋ยว ให้คนไปสั่งสอนฉู่เฉินสักหน่อย”“และจำกัดเวลาให้ส่งมอบหยกโลหิตกิเลนภายในหนึ่งเดือน ไม่งั้นจะต้องรับผิดชอบผลที่ตามมาเอง!”หลิงเฟิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าหนักๆ แล้วกล่าวว่า “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ความหมายว่า…”“ทำลายพลังของเขาก่อนเถอะ”หลิงเสวี่ยพูดด้วยความมั่นใจอย่างมากแค่ระดับสร้างรา
เมื่อรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้าใส่อย่างฉับพลัน หลิ่วหรูเยียนก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ร่างกายแนบชิดกับฉู่เฉินแน่นตามสัญชาตญาณอย่าหลงกลรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิงเสวี่ย แต่รอบตัวกลับแผ่เจตนาฆ่าอย่างรุนแรงจนยากจะปกปิดฉู่เฉินยิ้มบางแล้วกล่าวว่า “ฆาตกร ย่อมถูกคนฆ่าตอบ”“ไม่ว่าเกาเซิ่งอี้จะเป็นสุนัขของใคร กล้ามาจ้องสมบัติล้ำค่าของตระกูลฉู่ของผม ก็สมควรได้รับโทษ ผมฆ่าเขาแล้วจะทำไมครับ”ซี้ดๆ!เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนรอบข้างต่างสูดลมหายใจเข้าลึกแม้ฉู่เฉินจะมีฝีมือ แต่หลิงเสวี่ยเป็นตัวแทนของหอการค้ากิเลนในมณฑลเจียงเขากล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหลิงเสวี่ยได้ยังไง?“ฉู่เฉิน ไม่ว่าจะพูดยังไงก็เป็นความผิดของคุณก่อน คุณหลิงเสวี่ยก็ไม่ได้ถือโทษ กลับยังเชื้อเชิญอย่างอบอุ่น การขอโทษคุณหลิงเสวี่ย ก็เป็นสิ่งที่ควรทำไม่ใช่เหรอครับ?”ในขณะนี้ ในฝูงชน มีชายวัยกลางคนผิวขาวสะอาดอายุราวสามสิบกว่าก้าวออกมา มองฉู่เฉินด้วยสีหน้ายิ้มเยาะแล้วกล่าวออกมาเมื่อคำพูดของเขาหยุดลง ผู้มีอิทธิพลจำนวนไม่น้อยที่อยู่ข้างหอการค้ากิเลนต่างพากันเปิดปากล่าวประณามฉู่เฉิน“พูดจาไร้สาระ!”ในขณะที่ท
อย่างไรเสียงานเลี้ยงนี้จัดโดยหอการค้ากิเลน ใครจะกล้าหักหน้า?“ทั้งสองท่าน กรุณาแสดงบัตรเชิญของพวกคุณด้วยครับ”เมื่อมาถึงประตู ชายหนุ่มสองคนสวมเสื้อแขนสั้นสีดำและตัดผมสั้นก็มาขวางทางของฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียน“นี่คือบัตรเชิญของเรา เชิญตรวจสอบได้เลยค่ะ”หลิ่วหรูเยียนกล่าว พลางหยิบบัตรเชิญสองใบออกจากกระเป๋าสะพายแล้วยื่นให้ไปหนึ่งในชายผมสั้นรับบัตรเชิญไปเปิดดู กวาดตามองชื่อบนนั้น ความเย็นเยือกในแววตาวาบผ่าน จากนั้นจึงกล่าวกับฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนว่า “ทั้งสองท่านเชิญด้านนี้ครับ”ขณะพูด ชายผมสั้นก็พาฉู่เฉินและหลิ่วหรูเยียนเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวที่อยู่ข้างๆ จากนั้นกดปุ่มชั้นสิบเอ็ด ก่อนจะส่งยิ้มให้และเดินจากไปแต่ในเสี้ยววินาทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและกล่าวกับอีกฝ่ายว่า “ศิษย์พี่หลิงเฟิง ฉู่เฉินมาถึงแล้วครับ”“อืม ฉันรู้แล้ว”หลิงเฟิงตอบรับเสียงเรียบก่อนจะวางวิทยุสื่อสารลง รีบก้าวไปหน้าโซฟากลางห้องโถงจัดเลี้ยง ก่อนจะโน้มตัวลงกระซิบข้างหูหลิงเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่งหลิงเสวี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ หันไปยังประตูทา
ไม่นานนัก ข่าวหอการค้ากิเลนที่เข้ามามีบทบาทในมณฑลเจียงได้แพร่กระจายไปทั่ววงการของมณฑลเจียงคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเข้าร่วมกับหอการค้าราชันมังกรก็ล้วนอยู่ในความหวาดระแวงเนื่องจากอิทธิพลของหอการค้ากิเลนไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจมั่งคั่งเหล่านี้จะสามารถต้านทานได้แม้แต่หอการค้าราชันมังกรเอง เมื่อเผชิญหน้ากับหอการค้ากิเลนก็ไม่อาจต้านทานได้เช่นกันดังนั้น หลังจากคนจำนวนไม่น้อยชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียแล้ว จึงเลือกที่จะถอนตัวออกจากหอการค้าราชันมังกรเพื่อปกป้องตัวเองในเวลาไม่นาน โลกธุรกิจของมณฑลเจียงล้วนมีท่าทีเหมือนพายุฝนกำลังจะมาเยือนภายในคฤหาสน์ตระกูลเซียว เซียวจี้เซียนถือบัตรเชิญของหลิงเสวี่ยไว้ พลางมองไปที่เซียวถิงฮั่นด้วยสีหน้าลำบากใจ“พ่อครับ ความหมายของหอการค้ากิเลนชัดเจนมากแล้ว กำลังบีบให้พวกเราเลือกข้าง”“พ่อว่าคุณฉู่จะสู้กับหอการค้ากิเลนได้ไหมครับ?”ตระกูลเซียวเพิ่งเข้าร่วมฉู่เฉินไปหมาดๆ หากในเวลานี้หักหลังฉู่เฉินและกันไปเข้าข้างหอการค้ากิเลนอีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คงไม่ต้องสงสัยถ้าฉู่เฉินพ่ายแพ้ก็แล้วไป แต่ถ้ากำจัดหอการค้ากิเลนเหมือนที่เคยกำจัดเกาเซิ่งอี้ งั้นผู้โชคร้ายค
ความจริงแล้ว สิ่งที่สวีปินพูดก็เป็นเรื่องจริง ในสถานการณ์ตอนนั้น ใครจะกล้าพูดคำว่า “ไม่” กันล่ะ? เขาเชื่อว่าฉู่เฉินจะลงมือโดยไม่ลังเลแน่นอนส่วนเรื่องการชำระบัญชีกับหอการค้ากิเลน นั่นเป็นเรื่องของอนาคตอีกอย่าง กฎหมายไม่อาจลงโทษฝูงชนได้!หอการค้าตะวันออกใหญ่ทั้งหมด แค่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมก็มีมากกว่าร้อยคนแล้ว หอการค้ากิเลนคงไม่สามารถฆ่าทุกคนได้หรอกใช่ไหม?“โอ้? หมายความว่าตอนที่เกาเซิ่งอี้ถูกฆ่า คุณก็อยู่ที่นั่นและเห็นทุกอย่างด้วยตาตัวเองงั้นเหรอ?”หลิงเสวี่ยขมวดคิ้ว ดวงตาค่อยๆ เย็นชาลง พร้อมตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงเย็น“ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่เห็น วันนั้นทุกคนที่ไปร่วมงานฉลองครบรอบต่างก็เห็นกันหมด แต่จะทำอะไรได้ล่ะครับ? พวกเราเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดา จะไปช่วยคุณเกาได้ยังไง...”สวีปินกล่าวแก้ตัวด้วยสีหน้าเศร้าโศก“งั้นฉันจะถามคุณ ใครเป็นคนฆ่าเกาเซิ่งอี้?”หลิงเสวี่ยลุกขึ้นช้าๆ มือหยกเรียวกดลงบนไหล่ของสวีปินเบาๆทันใดนั้น ความเย็นเยือกถึงกระดูกก็กลืนร่างของสวีปินไปจนหมด“คะ...คือชายคนหนึ่งชื่อฉู่เฉิน และดูเหมือนว่าบนตัวของฉู่เฉินจะมีหยกโลหิตกิเลนที่คุณเกาตามหาอยู่ด้วยครับ”สวีปิ