“ฉู่เฉิน แกพูดเหลวไหลอะไร!” หลิ่วหรูเยียนด่าอย่างเกรี้ยวกราดด้วยสีหน้าตื่นตระหนกหลิ่วชิงเหอรีบเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะผลักฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน ฉันขอร้องละ อย่าทำให้เรื่องยุ่งมากกว่านี้อีกได้หรือเปล่า?”ฉู่เฉินผลักมือของหลิ่วชิงเหอออกแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พูดอีกยังไง ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็เป็นธุรกิจที่พ่อแม่ของฉันทิ้งไว้ให้ ใครอนุญาตให้พวกเธอมาค้าประเวณีที่นี่?” “อีกอย่าง เมื่อกี้ใครมันต่ำช้าลวนลามพี่หลิงหลิง ลุกออกมาซะ!” เมื่อคำพูดนี้ออกมา ชายหนุ่มที่สวมชุดสูทสีดำก็จัดคอเสื้อ มองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้ายิ้มหยันแล้วพูดว่า “ไอ้หนู ใครมันทำพลาดอะไรเข้า ถึงทำให้นายโผล่มาได้!” “รู้ไหมว่าคุณชายอย่างฉันคือใคร? กล้าร้องตะโกนเสียงดังต่อหน้าฉันเรอะ!”ดวงตาของฉู่เฉินหดลงเล็กน้อย มองชายหนุ่มอย่างพิจารณา ยังไม่ทันที่ฉู่เฉินจะก้าวไปข้างหน้า หลิวชิงเหอก็รีบดึงฉู่เฉินไว้ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าตื่นตระหนกว่า “ฉู่เฉิน แกห้ามวู่วามเด็ดขาด!”“เขาคืออู่จวิ้นเจี๋ย คุณชายใหญ่จากตระกูลธนาคารอู่ พวกเราล่วงเกินตระกูลอู่ไม่ได้เด็ดขาดนะ!”ตระกูลอู่?ฉู่เฉินเลิกคิ้ว ในความทรงจำมีแซ่อู่แบบนี้ในเจียงจงจริง
ฉู่เฉินพูดพลางลากเก้าอี้มาหนึ่งตัวก่อนจะนั่งลงหน้าโต๊ะประชุมด้วยท่าทางสง่างามทรงอำนาจอู่จวิ้นเจี๋ยจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉินอยู่นาน ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้ามฉู่เฉิน แล้วชี้ไปที่หลิ่วหรูเยียนพลางพูดว่า “ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่คุยเรื่องราคาของยัยนี่เท่านั้น”“ใครใช้ให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปของพวกเธอติดหนี้ธนาคารของเราตั้งสองพันห้าร้อยล้านล่ะ?”“ถ้าน้องชายสนใจด้วยเหมือนกัน พวกเราแบ่งกันได้นะ ฉันนอนสามวันแรก นายนอนสี่วันหลัง อย่าทำลายไมตรีต่อกันก็พอ”ถึงอย่างไรอู่จวิ้นเจี๋ยก็เป็นคนที่เคยผ่านโลกมาเหมือนกัน ระดับความโหดเหี้ยมอำมหิตในการลงมือของฉู่เฉินถึงขนาดที่เด็ดขาดยิ่งกว่านักสู้บางคนที่เขาเคยเจอเสียอีก นี่ก็หมายความว่าฉู่เฉินจะต้องมีภูมิหลังอยู่บ้างเหมือนกันแน่นอน อู่จวิ้นเจี๋ยยังไม่อยากแตกหักจนกว่าจะรู้ถึงเบื้องลึกของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน“อู่จวิ้นเจี๋ย คุณมันไร้ยางอาย!”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนตัวสั่น แม้แต่หน้าอกขาวนวลคู่นั้นก็แทบจะทะลักออกมาจากในชุดสูทตัวเล็ก หลิวชิงเหอรีบดึงหลิ่วหรูเยียนไว้ แล้วส่ายหน้าให้เธอติดต่อกัน สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเธอสองแม่ลูกจะ
เมื่อเห็นชายวัยกลางคน หลิ่วหรูเยียนกับหลิวชิงเหอแม่ลูกก็ตกใจยกใหญ่อู่เย่าปัง!ประธานธนาคารเทียนเจิ้ง ผู้นำตระกูลอู่!ในวงการธุรกิจของเจียงจง เป็นตัวตนที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง แม้แต่ตระกูลหยางที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองยังต้องเกรงใจอู่เย่าปังถึงสามส่วนจบสิ้นแล้ว!ครั้งนี้โดนฉู่เฉินทำร้ายจนตายแล้วจริง ๆ!หลิ่วหรูเยียนจ้องฉู่เฉินด้วยความเคียดแค้นแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน แกยังไม่รีบปล่อยคุณชายอู่อีก แกอยากทำร้ายพวกเราจนตายหรือไง?”หลิ่วชิงเหอกลับรีบดึงหลิ่วหรูเยียนไว้ถึงแม้เธอจะไม่รู้แน่ชัดว่าฉู่เฉินมีไพ่ตายอะไรกันแน่ แต่จากสีหน้าสงบเยือกเย็นของฉู่เฉิน หลิ่วชิงเหอรู้สึกได้ราง ๆ ว่าฉู่เฉินยังต้องมีทางหนีทีไล่อย่างแน่นอน ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่แน่ชัด หากเวลานี้ตัดความสัมพันธ์กับฉู่เฉินละก็ พวกเธอแม่ลูกคงจะจบเห่แล้วจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อครู่อู่จวิ้นเจี๋ยบอกเงื่อนไขเองกับปากว่าอยากให้หลิ่วชิงเหอแม่ลูกไปนอนกับพ่อลูกตระกูลอู่หนึ่งเดือน ยิ่งทำให้หลิวชิงเหอไม่อาจยอมรับได้“พ่อ...ช่วยผมด้วย! ผมโดนทำร้ายจนยับเยินแล้ว!”อู่จวิ้นเจียอ้าปากก็พ่นฟองเลือดออกมาคำใหญ่ เนื่องจากโดนตบจนฟันหน้ากระเ
ศพของปรมาจารย์จ้าวร่วงลงพื้นอย่างหนักหน่วง จนฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มพื้นเมื่อเห็นฉากนี้ ห้องประชุมก็เงียบกริบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก!อู่จวิ้นเจี๋ยที่เมื่อกี้ยังร้องโวยวาย เวลานี้ตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด ตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด รู้สึกเหมือนดิ่งลงไปในหลุมลึกนี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว สังหารปรมาจารย์จ้าวในชั่วพริบตา?ถ้ารู้แต่แรกว่าฉู่เฉินน่ากลัวขนาดนี้ ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เขาจะไม่วิ่งมาหาเรื่องซวยที่ฉู่ซื่อกรุ๊ปหรอกส่วนพวกคนติดตามที่ยังอยากพุ่งไปช่วยเหลืออู่จวิ้นเจียก็ตกใจกลัวจนปัสสาวะราดกางเกงทันทีนั่นมันปรมาจารย์เชียวนะ ยังไม่ทันได้สัมผัสแม้แต่เสื้อผ้าของฉู่เฉินก็โดนฆ่าทิ้งในพริบตาด้วยกระบวนท่าเดียวโชคดีที่พวกเขาไม่ได้บุ่มบ่าม ไม่อย่างนั้นตอนนี้หญ้าบนหลุมศพคงสูงสามนิ้วไปแล้วหลิ่วหรูเยียนก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือก จากมุมมองของเธอสามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าฉู่เฉินแค่สะกิดนิ้วเบา ๆ ปรมาจารย์จ้าวคนนั้นก็กระเด็นลอยออกไปไอ้สวะไร้ค่าฉู่เฉินแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?แม้ว่าหลิ่วชิงเหอไม่ได้ตกใจเท่าหลิ่วหรูเยียน แต่เธอก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือดไม่ว่าจะพูดอีกอย่างไร นั่นก็เ
“เอ่อ...คะ...คุณฉู่?”เจียงเหวินป๋อฝืนกลืนคำพูดครึ่งท้ายประโยคกลับไป รีบยิ้มแย้มเต็มเปี่ยมบนใบหน้า วิ่งเหยาะ ๆ มาหาฉู่เฉิน ก่อนจะล้วงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนจากในกระเป๋าแล้วยื่นให้“คุณฉู่ บังเอิญจริง ๆ ครับ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? มาครับ สูบบุหรี่ก่อน ผมจะจุดไฟให้”ฉู่เฉินโบกมือ ปัดบุหรี่ที่เจียงเหวินป๋อยื่นมาให้ ก่อนจะชี้ไปที่ศพบนพื้นแล้วพูดว่า “หมอนี่พยายามใช้ความรุนแรงในห้องประชุมของฉู่ซื่อกรุ๊ปเรา โชคดีที่มีคนขัดขวางไว้ได้เลยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”“แต่ดูเหมือนร่างกายเขาจะค่อยไม่แข็งแรง แค่เอานิ้วแตะเขาทีเดียว เขาก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว อธิบดีเจียงคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้ยังไงดีครับ?” เจียงเหวินป๋อมองไปตามนิ้วของฉู่เฉิน ก่อนจะเห็นว่ารูขนาดใหญ่ราวกับอ่างล้างหน้าตรงหน้าอกของปรมาจารย์จ้าวยังคงมีเลือดไหลทะลักออกมาด้านนอกนะ...นี่มันนิ้วแตะหรือว่าโดนปืนใหญ่ยิงใส่กัน?“นี่...”แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงเหวินป๋อก็แข็งค้างแล้ว “อธิบดีเจียง ขนาดตัวเขาเองก็ยอมรับแล้วว่าเป็นฆาตกรฆ่าคน คุณยังไม่จับเขาไปลงโทษอีก!”อู่เย่าปังทำหน้าเขียว ชี้ไปที่ฉู่เฉินแล้วตะโกนเสียงดังอย่างฉุนเฉียวเจีย
ความหมายในคำพูดของเธอก็คือให้ฉู่เฉินชำระหนี้ของฉู่ซื่อกรุ๊ป แต่ว่าสำหรับฉู่เฉินแล้ว เงินจำนวนน้อยแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกฉู่เฉินยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเอ่ยว่า “ก็แค่สองพันห้าร้อยล้านเอง”เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็โยนบัตรเอทีเอ็มออกมาหนึ่งใบทันทีแล้วพูดว่า “ในนี้มีอยู่ห้าพันล้าน เธอได้กำไรแล้ว”หลิ่วหรูเยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาแล้วพูดกับอู่เย่าปังว่า “ประธานอู่ เงินสองพันห้าร้อยล้านที่บริษัทเราติดหนี้ธนาคารของพวกคุณ สามารถโอนเงินได้ทุกเมื่อ” “ฉันหวังว่าจากนี้ไปคนของตระกูลอู่พวกคุณอย่าได้มาเสียมารยาทก่อกวนอีก”อะไรนะ?อู่เย่าปังหัวเราะหยัน เอามือสองข้างไพล่หลังแล้วพูดว่า “หลิ่วหรูเยียน คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คุณคิดหรือว่าจะรังแกตระกูลอู่ของผมได้? เงินที่พวกคุณติดหนี้ธนาคารของเรา เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยไม่ใช่สองพันห้าร้อยล้านมานานแล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมา หลิ่วชิงเหอก็อดหันหน้าไปมองอู่เย่าปังไม่ได้ก่อนจะเอ่ยว่า “ประธานอู่ ตอนที่เรากู้เงินในปีนั้น คุณเคยรับปากเองว่าจะยกเว้นดอกเบี้ยให้ทั้งหมด คุณจะมากลับคำได้ยังไง?”อู่เย่าปังมองฉู่เฉินแวบหนึ่ง ตอนนี้มีเจียง
ไม่นานก็มีคนรับสาย เสียงทุ้มมีพลังของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากปลายสายกล่าว “มีอะไร?”“คุณหลู มีบริษัทหนึ่งที่ติดหนี้ธนาคารพวกเราสองพันห้าร้อยล้าน ผม…ผมติดตามทวงหนี้ด้วยตัวเอง ผลคือถูกทำร้าย แม้แต่เจียงเหวินป๋อก็เข้าข้างฝ่ายนั้น ให้ฝ่ายนั้นลงมือทำร้ายตามอำเภอใจ”อู่เย่าปังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเจียงเหวินป๋อได้ยินแล้วเริ่มว้าวุ่นแม้ไม่แน่ใจว่าคนที่อู่เย่าปังคุยด้วยเป็นใคร แต่มั่นใจว่าปลายสายต้องเป็นคนจากตระกูลหลูแน่ตระกูลหลูแม้เป็นตระกูลใหญ่ที่ประกอบธุรกิจ แต่หลูไคซานในตอนนี้เป็นคนโปรดข้างกายผู้ว่าการเฉียว แค่พูดคำเดียวก็ตัดสินอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาได้แล้วคิดแล้วก็ไม่รอให้อู่เย่าปังเอ่ยวาจา เขาตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้คนแซ่อู่ แกแม่งป้ายสีคนให้มันน้อยๆหน่อย ถ้าฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณฉู่คงได้…”เจียงเหวินป๋อไม่ทันกล่าวจบ ฉู่เฉินยกมือขึ้นขัดจังหวะกล่าว “ให้เขาเรียกคนมา ในเมืองเจียงจงใครจะคุ้มกะลาหัวเขาได้”เหตุการณ์ในวันนี้พูดได้ว่าแตะหนวดเสือของฉู่เฉินเข้าแล้วระหว่างพวกหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูกกับฉู่เฉินมีความแค้นกันจริง แต่ผู้หญิงของฉู่เฉินจะปล่อยให้ใครมาข่มขู่ได้หรือ?ในเ
ต่อให้อู่เย่าปังมีกำลังทรัพย์เกินใคร แต่การสูญเสียปรมาจารย์คนหนึ่งไปก็เจ็บปวดเหลือทนสำหรับตระกูลอู่!“ไป?”ฉู่เฉินหัวเราะมองอู่เย่าปังเหมือนกำลังมองคนบ้าและกล่าว “ไม่ใช่แค่ผมจะไม่ไป วันนี้พวกคุณพ่อลูกอย่าคิดรอดออกไปจากตึกนี้ถ้าไม่ทำให้ผมพอใจ”“อธิบดีเจียง!”กลัวอะไรจะได้สิ่งนั้นจริงๆเจียงเหวินป๋อกัดฟันยิ้มที่แย่กว่าร้องไห้พร้อมกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณเรียกผม?”“รบกวนอธิบดีเจียงช่วยหน่อยนะ จับตาดูสองพ่อลูก จำไว้ อย่าให้พวกมันหนีไปล่ะไม่งั้นผมจะให้คุณรับผิดชอบ”หา?เจียงเหวินป๋อแทบร้องไห้ในใจแล้ว เรื่องในนี้เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ?“ผม… ผม…”เมื่อเห็นสีหน้าฉู่เฉินเริ่มเย็นชา เจียงเหวินป๋อทำได้แค่หยุดพูดแล้วกลืนน้ำลายพยักหน้ากล่าวอย่างจนปัญญา “ก็ตามคุณฉู่เลยครับ”ฉู่เฉินจึงพยักหน้าอย่างพอใจและกล่าว “อู่เย่าปัง คุณฟังให้ดี ไม่ว่าใครมา ถ้าผมยังไม่กลับมาแล้วคุณกล้าออกจากประตูไปแค่ก้าวเดียว ผมจะกวาดล้างตระกูลอู่ของคุณ!”อู่เย่าปังตกใจจนตัวสั่นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ฉู่เฉินเอาความมั่นใจมาจากไหน?ใครคือคนหนุนหลังฉู่เฉินกันแน่?ขณะนี้อู่เย่าปังกระวนกระวายใจใจเต้นตึกตันราวกับเสียงกลอง
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ