ความหมายในคำพูดของเธอก็คือให้ฉู่เฉินชำระหนี้ของฉู่ซื่อกรุ๊ป แต่ว่าสำหรับฉู่เฉินแล้ว เงินจำนวนน้อยแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกฉู่เฉินยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วเอ่ยว่า “ก็แค่สองพันห้าร้อยล้านเอง”เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็โยนบัตรเอทีเอ็มออกมาหนึ่งใบทันทีแล้วพูดว่า “ในนี้มีอยู่ห้าพันล้าน เธอได้กำไรแล้ว”หลิ่วหรูเยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบบัตรเอทีเอ็มขึ้นมาแล้วพูดกับอู่เย่าปังว่า “ประธานอู่ เงินสองพันห้าร้อยล้านที่บริษัทเราติดหนี้ธนาคารของพวกคุณ สามารถโอนเงินได้ทุกเมื่อ” “ฉันหวังว่าจากนี้ไปคนของตระกูลอู่พวกคุณอย่าได้มาเสียมารยาทก่อกวนอีก”อะไรนะ?อู่เย่าปังหัวเราะหยัน เอามือสองข้างไพล่หลังแล้วพูดว่า “หลิ่วหรูเยียน คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คุณคิดหรือว่าจะรังแกตระกูลอู่ของผมได้? เงินที่พวกคุณติดหนี้ธนาคารของเรา เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยไม่ใช่สองพันห้าร้อยล้านมานานแล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมา หลิ่วชิงเหอก็อดหันหน้าไปมองอู่เย่าปังไม่ได้ก่อนจะเอ่ยว่า “ประธานอู่ ตอนที่เรากู้เงินในปีนั้น คุณเคยรับปากเองว่าจะยกเว้นดอกเบี้ยให้ทั้งหมด คุณจะมากลับคำได้ยังไง?”อู่เย่าปังมองฉู่เฉินแวบหนึ่ง ตอนนี้มีเจียง
ไม่นานก็มีคนรับสาย เสียงทุ้มมีพลังของชายวัยกลางคนดังขึ้นจากปลายสายกล่าว “มีอะไร?”“คุณหลู มีบริษัทหนึ่งที่ติดหนี้ธนาคารพวกเราสองพันห้าร้อยล้าน ผม…ผมติดตามทวงหนี้ด้วยตัวเอง ผลคือถูกทำร้าย แม้แต่เจียงเหวินป๋อก็เข้าข้างฝ่ายนั้น ให้ฝ่ายนั้นลงมือทำร้ายตามอำเภอใจ”อู่เย่าปังกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเจียงเหวินป๋อได้ยินแล้วเริ่มว้าวุ่นแม้ไม่แน่ใจว่าคนที่อู่เย่าปังคุยด้วยเป็นใคร แต่มั่นใจว่าปลายสายต้องเป็นคนจากตระกูลหลูแน่ตระกูลหลูแม้เป็นตระกูลใหญ่ที่ประกอบธุรกิจ แต่หลูไคซานในตอนนี้เป็นคนโปรดข้างกายผู้ว่าการเฉียว แค่พูดคำเดียวก็ตัดสินอนาคตอันรุ่งโรจน์ของเขาได้แล้วคิดแล้วก็ไม่รอให้อู่เย่าปังเอ่ยวาจา เขาตัดบทด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไอ้คนแซ่อู่ แกแม่งป้ายสีคนให้มันน้อยๆหน่อย ถ้าฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณฉู่คงได้…”เจียงเหวินป๋อไม่ทันกล่าวจบ ฉู่เฉินยกมือขึ้นขัดจังหวะกล่าว “ให้เขาเรียกคนมา ในเมืองเจียงจงใครจะคุ้มกะลาหัวเขาได้”เหตุการณ์ในวันนี้พูดได้ว่าแตะหนวดเสือของฉู่เฉินเข้าแล้วระหว่างพวกหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูกกับฉู่เฉินมีความแค้นกันจริง แต่ผู้หญิงของฉู่เฉินจะปล่อยให้ใครมาข่มขู่ได้หรือ?ในเ
ต่อให้อู่เย่าปังมีกำลังทรัพย์เกินใคร แต่การสูญเสียปรมาจารย์คนหนึ่งไปก็เจ็บปวดเหลือทนสำหรับตระกูลอู่!“ไป?”ฉู่เฉินหัวเราะมองอู่เย่าปังเหมือนกำลังมองคนบ้าและกล่าว “ไม่ใช่แค่ผมจะไม่ไป วันนี้พวกคุณพ่อลูกอย่าคิดรอดออกไปจากตึกนี้ถ้าไม่ทำให้ผมพอใจ”“อธิบดีเจียง!”กลัวอะไรจะได้สิ่งนั้นจริงๆเจียงเหวินป๋อกัดฟันยิ้มที่แย่กว่าร้องไห้พร้อมกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณเรียกผม?”“รบกวนอธิบดีเจียงช่วยหน่อยนะ จับตาดูสองพ่อลูก จำไว้ อย่าให้พวกมันหนีไปล่ะไม่งั้นผมจะให้คุณรับผิดชอบ”หา?เจียงเหวินป๋อแทบร้องไห้ในใจแล้ว เรื่องในนี้เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ?“ผม… ผม…”เมื่อเห็นสีหน้าฉู่เฉินเริ่มเย็นชา เจียงเหวินป๋อทำได้แค่หยุดพูดแล้วกลืนน้ำลายพยักหน้ากล่าวอย่างจนปัญญา “ก็ตามคุณฉู่เลยครับ”ฉู่เฉินจึงพยักหน้าอย่างพอใจและกล่าว “อู่เย่าปัง คุณฟังให้ดี ไม่ว่าใครมา ถ้าผมยังไม่กลับมาแล้วคุณกล้าออกจากประตูไปแค่ก้าวเดียว ผมจะกวาดล้างตระกูลอู่ของคุณ!”อู่เย่าปังตกใจจนตัวสั่นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ฉู่เฉินเอาความมั่นใจมาจากไหน?ใครคือคนหนุนหลังฉู่เฉินกันแน่?ขณะนี้อู่เย่าปังกระวนกระวายใจใจเต้นตึกตันราวกับเสียงกลอง
หลิ่วชิงเหอถอนหายใจลึกๆ ที่จริงสีหน้าหลิ่วหรูเยียนเผยคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว“แต่… หนู…”หลิ่วหรูเยียนชะงัก เธออยากจะพูดว่าเธอยังมีราชันมังกร บางทีราชันมังกรอาจจะสามารถเป็นที่พึ่งให้เธอสองแม่ลูกได้แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่อาจพูดออกไปได้เป็นไปตามที่หลิ่วชิงเหอเคยพูดไว้ ฉู่เฉินเป็นคนที่ออกโรงในตอนที่เธอต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด ซึ่งไม่ใช่ราชันมังกรก็เหมือนอย่างตอนนี้ ราชันมังกรดูเหมือนจะอยู่แค่ในจินตนาการของเธอเท่านั้นและในความเป็นจริงอู่จวิ้นเจี๋ยพาลูกน้องสิบกว่าคนเข้ามาใช้กำลังพาตัวเธอจากชั้นบนไปยังห้องประชุมซึ่งดูเหมือนว่าเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครสักคนยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าคืออู่จวิ้นเจี๋ยกระทำเรื่องเสื่อมเสียกับเธอต่อหน้าผู้ติดตามสิบกว่าคนนั้นการปรากฏตัวของฉู่เฉินทำให้เธอเลี่ยงภัยอันตรายนี้ไปได้ในตอนที่เธอไร้เรี่ยวแรงขัดขืน “อันที่จริงฉู่เฉินมีอะไรไม่ดีเหรอ? ติดตามเขา ไม่มีใครกล้ารังแกพวกเราสองแม่ลูก ติดตามเขา บริษัทเราสามารถเป็นบริษัทร่วมลงทุนยาบำรุงปราณได้ทันที” “อีกทั้งฉู่เฉินยังหนุ่มยังแน่น หล่อเหลา กำลังวังชาก็ไม่เลว…”หลิ่วชิงเหอกล่าวถึงตรงนี้แล้วก็เ
แต่หลิ่วหรูเยียนเพิ่งจะพูดเสร็จ ฉู่เฉินก็ออกแรงหันหน้าเล็กของเธอไปอีกทางและเอามือปิดปากเล็กๆ เธอไว้เสียงเคาะและตะโกนจากนอกประตูเร็วขึ้น ฉู่เฉินก็ยิ่งร้องขออย่างเหิมเกริมมากขึ้นเรื่อยๆหลิ่วหรูเยียนหัวใจตกมาอยู่ตาตุ่ม เธอกลัวว่าประตูจะถูกผลักเปิดออก และก็กลัวว่าหลิ่วชิงเหอจะเกิดเรื่องอะไรไม่คาดฝันขึ้นนั่นคือตระกูลหลูเชียวนะตระกูลใหญ่อันดับต้นๆ ของเมืองเจียงจง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าแทบจะมีอำนาจมีอิทธิพลล้นฟ้าราวกับพลิกฝ่ามือทำไมจนถึงตอนนี้ฉู่เฉินยังมีกะจิตกะใจทำเรื่องนี้อยู่?แต่ไม่ว่าเธอจะขัดขืนยังไง ฉู่เฉินก็กดเธอแนบหน้าต่างบานกระจกของตึกไว้อย่างแน่นหนาเอี๊ยดอ๊าด!เมื่อได้ยินเสียงแหลมดังขึ้น ต้าหลิงจื่อที่อยู่นอกประตูก็ดูเหมือนจะตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง และค่อยๆ ผลักประตูเปิดออกเป็นช่องว่างเล็กๆ อย่างเบามือยังไม่ทันที่เธอชะโงกหน้าไปมองก็ได้กลิ่นฟีโรโมนผสมผสานกันกระแทกหน้า“อ๊า!”ต้าหลิงจื่อตกใจจนรีบปิดประตูแน่น กลับไปหลบซ่อนในทางเดิน“ทำยังไงดี ทำยังไงดีนะ”ต้าหลิงจื่อก็เคยผ่านประสบการณ์มามาก รู้ดีเลยว่าฉู่เฉินในเวลานี้ต่อให้ฟ้าพังทลายก็ไม่สามารถไปขัดจังหวะเขาได้แต่ค
หลูไคหมิงกุมท่อเหล็กมุ่งตรงไปยังหลิ่วชิงเหอ เจียงถิงเริ่มลนลานรีบไปข้างหน้าของหลิ่วชิงเหอกันทางไว้และกล่าวกับหลูไคหมิง “ไคหมิง นายทำอะไร? รีบวางมันลงซะ!”“ทำอะไร? ฉู่เฉินมันคิดจะซ่อนตัวไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันจะรอดูว่ามันจะซ่อนไปถึงเมื่อไหร่!”สิ้นเสียงหลูไคหมิงก็ผลักเจียงถิงออกไป ยกท่อเหล็กขึ้นกะจะฟาดไปที่ศีรษะของหลิ่วชิงเหอ!“ว๊าย!”หลิ่วชิงเหอตกใจกรีดร้องออกมาปิดตาโดยไม่รู้ตัวทันทีช่วงขณะที่ท่อเหล็กของหลูไคหมิงใกล้จะฟาดถึง เสียงปังดังลั่นขึ้นมา ทำเอาท่อเหล็กในมือหลูไคหมิงค้างกลางอากาศ“แกกล้าแตะต้องเธอก็ลองดู!”จากนั้นน้ำเสียงเย็นชาก็ดังขึ้นหลูไคหมิงหันหน้าไปมองทางประตูก็เห็นฉู่เฉินกำลังพังประตูเข้ามาและพุ่งมาหาเขาทางนี้“เหอะๆ คุณฉู่!”เมื่อเห็นฉู่เฉินแล้วหลูไคหมิงฉีกยิ้มขึ้นมาจากนั้นโยนท่อเหล็กในมือไปอีกทางทันทีพ่อลูกอู่เย่าปังตกใจตื่นจนไปหลบข้างหลังหลูไคหมิง และจ้องมองฉู่เฉินด้วยสายตาขลาดกลัว“คุณหลู ระวังไอ้หนุ่มนี่ลงมือกะทันหันนะครับ”อู่เย่าปังที่หลบอยู่ด้านหลังของหลูไคหมิงกระซิบกล่าวเตือนหลูไคหมิงกลอกตาใส่อู่เย่าปังอย่างดุ จากนั้นเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มประดับหน้า ย
“กล้าพูดอีกคำเดียว ตาย!”สายตาฉู่เฉินโหดเหี้ยม จ้องเขม็งอู่เย่าปังพร้อมกล่าว “เมื่อกี้ผมพูดไปแล้ว วันนี้ต่อให้เง็กเซียนฮ่องเต้มา พวกคุณสองพ่อลูกไม่ให้ตอบตามที่ผมพอใจละก็ ใครก็อย่าคิดรอดไปจากที่นี่ได้เลย”อู่เย่าปังสับสนมึนงงสุดๆทำไมฉู่เฉินมันกล้าขนาดนี้ ตบหน้าเขาต่อหน้าคุณหลูก็ช่างมันเถอะ ยังกล้าข่มขู่เขาได้ขนาดนี้อีก?ทำเหมือนคุณหลูเป็นอากาศธาตุไปแล้วจริงเหรอ?ขณะนี้สีหน้าหลูไคหมิงขรึมขึ้นมาทันที จ้องเขม็งฉู่เฉินพร้อมกล่าว “คุณฉู่ ผมเห็นแก่ที่คุณเคยช่วยพูดกับผู้ว่าการเฉียวให้ตระกูลหลูถึงไม่เอาความกับคุณ”“แต่มาทำร้ายสุนัขของผมต่อหน้าผมคุณเห็นตระกูลหลูสามารถรังแกได้ง่ายๆ อย่างนั้นจริงๆเหรอะ?!”ได้ยินคำพูดนี้แล้วฉู่เฉินก็อดขำขึ้นมาไม่ได้ กวาดตามองหลูไคหมิงแวบหนึ่ง “รังแกตระกูลหลูคุณ? เป็นเรื่องตลกร้ายจริงๆ คุณคิดว่าคุณคู่ควรให้ผมลงมือรังแกคุณเองเหรอะ?”“ตบหน้าเขาหนึ่งครั้งก็คือรังแก?”ฉู่เฉินพูดถึงตรงนี้แล้วก็หัวเราะเยาะขึ้นมา “หลูไคหมิง ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้าย คิดให้ดี เรื่องในวันนี้จะจัดการยังไงกันแน่”ได้ยินคำนี้แล้วแม้แต่เจียงเหวินป๋อก็เริ่มสับสนขึ้นมา นี่ฉู่เฉินกำลังพู
ได้! นี่คุณพูดเองนะ หวังว่าอีกเดี๋ยวคุณยังคงหยิ่งยโสได้เหมือนตอนนี้!”ฉู่เฉินพูดพร้อมกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาหยางเทียนหลงทันทีไม่นานก็มีคนรับสาย เสียงนอบน้อมของหยางเทียนหลงดังขึ้นจากปลายสาย “คุณฉู่ ผมหยางเทียนหลง ไม่ทราบคุณต้องการให้รับใช้อะไรครับ?”หยางเทียนหลงขณะนี้เชื่องเหมือนแมวตัวหนึ่งโดยสิ้นเชิงเรื่องที่ลูกชายของเขาตาย หยางเทียนหลงจะไปกล้าคิดเล็กคิดน้อยได้ที่ไหนอีก?เมืองหลงเฉิงล้วนสยบอยู่ใต้เท้าของฉู่เฉินทั้งสิ้น อีกทั้งยังพบว่าได้สาบานและจงรักภักดีต่อฉู่เฉิน แค่มีใจคิดคดทรยศเพียงเล็กน้อย คนของตระกูลหยางจะต้องถูกจำกัดสลายกลายเป็นเถ้าถ่านชั่วพริบตา“รีบยุติการค้าความร่วมมือทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลูเดี๋ยวนี้”ฉู่เฉินกล่าวราบเรียบหลูไคหมิงฟังแล้วก็คิ้วกระตุกโดยไม่ทราบสาเหตุฉู่เฉินมีอิทธิพลถึงขั้นนั้นเชียวหรือขนาดหยางเทียนหลงที่เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในเมืองเจียงจงยังเคารพนอบน้อมต่อฉู่เฉิน ทั้งยังฟังคำสั่งอีกด้วย?ในช่วงที่หลูไคหมิงกำลังสงสัยอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงของหยางเทียนหลงจากปลายสายตอบกลับมาว่า “ครับ! ภายในห้านาที ตระกูลหยางจะตัดขาดความร่วมมือทางการค้าทั้งหมดก
หน้าอกใหญ่สองลูกนั้นราวกับอาวุธสังหารที่สั่นไหวเล็กน้อยไปตามลมหายใจ เหมือนจะดันเสื้อเชิ้ตสีเบจบนตัวเธอให้ปริได้ทุกเมื่อ ส่วนเรียวขาใหญ่ยาวงดงามที่แข็งแรงและไม่เสียทรงสองข้างเปล่งประกายสีทองแดงแวววาวจากการอาบแดดบนชายหาดแม้ว่าผิวจะไม่ขาวเนียน ทว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ความรู้สึกงดงามสุขภาพดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนนั้น แค่มองก็ทำให้คนเกิดความคิดหุนหันอยากจะถูกเธออมไว้ในปากนัยน์ตาโตสีฟ้า ประกอบกับขนตาเรียวยาว แค่กะพริบตาเหลือบมองกลับมาก็เปี่ยมไปด้วยความเสน่หานี่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผลผลิตจากอำนาจของเงินตราเมื่อเห็นฉู่เฉิน สามีภรรยาคู่นี้ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นเป็นสาวสวยชาวตะวันตกคนนั้นที่ยิ้มให้ฉู่เฉินก่อนแล้วพูดว่า “คุณน่าจะเป็นคุณฉู่เฉินสินะ?” สาวสวยชาวตะวันตกพูดพลางส่ายเรียวขางามแข็งแรงอยู่บนรองเท้าสายรัดส้นเข็ม เดินเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะยื่นมือไปจับมือกับฉู่เฉิน “ผมคือฉู่เฉิน ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”ฉู่เฉินจับมือเรียวงามนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของสาวสวยชาวตะวันตกอย่างเป็นมิตรมาก สายตากวาดมองหน้าอกของเธอแวบหนึ่ง ร่องอกนั้นสามารถซุกคนทั้งเป็นเข้าไปได้เลย
บ้าเอ๊ย!แม้แต่ลมหายใจของฉู่เฉินก็ถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย นี่ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้จริงละก็ ตอนนี้เขาคงสิ้นชีพไปแล้วจนกระทั่งตอนนี้เอง ในที่สุดฉู่เฉินก็รู้แน่ชัดถึงช่องว่างของระดับพลังสร้างรากฐานแล้วยกตัวอย่างเช่น เมื่อคืนนี้เผชิญหน้ากับเย่หัวที่เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น แม้ว่าฉู่เฉินจะตกเป็นฝ่ายรับ แต่ก็มีพลังต่อสู้อยู่แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าเขาหลายขั้นอย่างเจ้าทึ่ม เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะลงมือ“ตอนนี้นายเทียบเท่าระดับสร้างรากฐานประมาณขั้นไหนแล้ว?”ฉู่เฉินปัดฝุ่นบนตัวพลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม“ขั้นเก้า”เจ้าทึ่มเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าอะไรนะ?ฉู่เฉินกลืนน้ำลายหนัก ๆ ความเร็วในการพัฒนานี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงนิดหน่อยจริง ๆ “งั้นผู้ชายผู้หญิงที่ลงมาจากรถเมื่อคืน นายเองก็เห็นแล้ว คิดว่าเอาชนะได้หรือเปล่า?” ฉู่เฉินเลิกคิ้วเอ่ยกับเจ้าทึ่ม“ได้ ผมรู้สึกได้ว่าพวกเขาอ่อนแอมาก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ รัศมีแสงสีฟ้าภายในดวงตาของเจ้าทึ่มพลันส่องประกายหลายครั้ง ยังจงใจเอาลิ้นสีแดงคาวเลียริมฝีปากแห้งผาก“นายแค่กินคนก็สามารถเลื่อนระดับพลังได้แล้วเหรอ?”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลังเดิ
แม้ว่าตอนนี้จะถูกแบนจากฝ่ายต่าง ๆ แต่คิดว่าคงไม่ได้แบนนานมากนัก“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันจะโทรหาคุณฉู่เดี๋ยวนี้เลย นัดเวลาเจอกัน?”ต้าหลิงจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสอบถาม “อืม จัดการตามที่ฉันบอกละกัน...อ่า...”หลิ่วหรูเยียนอ้าปากหาวอีกครั้ง ก่อนจะลากร่างกายที่เหนื่อยล้าให้ลุกขึ้นมาพูดว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉัน...หาว...ฉันกลับไปนอนก่อนนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลา” หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับต้าหลิงจื่อ เมื่อมาถึงถนน หลิ่วหรูเยียนยื่นมือออกไปเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าหลังจากส่งหลิ่วหรูเยียนแล้ว ต้าหลิงจื่อถึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉู่เฉินเวลานี้ ฉู่เฉินเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ แตกต่างจากพวกสาว ๆ อย่างหลิ่วหรูเยียนที่ผ่านศึกใหญ่มาทั้งคืน แต่ตอนนี้ฉู่เฉินกลับสดใสร่าเริง กระปรี้กระเปร่าเป็นร้อยเท่าจำเป็นต้องพูดว่ามรดกของมังกรเฒ่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงสามารถเพิ่มพละกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้กำลังวังชาของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก ต่อให้ทำศึกใหญ่ติดต่อกัน
คืนนั้น ฉู่เฉินปลดปล่อยเพลิงมังกรหยางที่ยากจะควบคุมลงบนตัวหลิ่วหรูเยียนและสองพี่ต้องตระกูลต้วนเมื่อฉู่เฉินทะลวงสู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้า พลังรบก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ต้วนหลิงเวยที่มีความอดทนมากที่สุดก็อ้อนวอนติดต่อกัน ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้งเช้าวันถัดมา หลิ่วหรูเยียนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ารีบไปทำงานที่บริษัท ถึงขนาดที่ไม่สนใจจะกินอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำเธอกลัวจริง ๆ ทำไมตอนนี้ฉู่เฉินดูเหมือนป้อนอย่างไรก็ไม่เต็มอิ่มเลยละเธอกลัวจริง ๆ ว่าตัวเองจะเหนื่อยตายคาเตียงของฉู่เฉิน รุ่งเช้า ต้าหลิงจื่อเพิ่งมาถึงบริษัท เดินเข้ามาในห้องทำงานของหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าดีอกดีใจ เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของหลิ่วหรูเยียน แถมยังมีรอยใต้ตาคล้ำวงใหญ่สองข้างบนใบหน้าเลยเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทเหรอคะ? “ฮึ!” หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียว เธอนอนหลับไม่สนิทที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้นอนหลับสนิททั้งคืนชัด ๆ “ช่างเถอะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางหาวยาว ๆ ทั้ง
ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพมาหลายร้อยปีแล้ว หากไม่มีพลังบำเพ็ญเพียร เธอจะกลายเป็นหญิงชราโดยสิ้นเชิงในคราวเดียว แค่คิดว่าตัวเองอาจจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ชราภาพ อวี้ลู่ก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจฉู่เฉินเห็นอวี้ลู่มีท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่งก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ นี่ยังมียาโลหิตวิญญาณอยู่นิดหน่อย ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ก็กินเข้าไปสองเม็ด” ฉู่เฉินพูดพลางล้วงยาโลหิตวิญญาณขวดหนึ่งออกมาจากในอกแล้ววางไว้ในฝ่ามือของอวี้ลู่ แต่ทันทีที่สัมผัสโดนมือเล็ก ๆ ของอวี้ลู่ อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวส่งผ่านเข้ามา แม้แต่ฉู่เฉินก็ต้องชื่นชมความอดทนของอวี้ลู่อดกลั้นไว้จนเป็นแบบนี้เลยเหรอ?ผู้หญิงเนี่ยนะ ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยก่อนจะออกมา ฉู่เฉินชะงักฝีเท้าแล้วหันหน้ามาพูดว่า “ถ้าเกิดมีอะไรอยากให้ช่วยก็เรียกผมได้ตลอดเวลานะ” “ไม่จำเป็น!”อวี้ลู่ตะโกนเสียงดังพลางหอบหายใจแรง ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วเดินออกไปนอกถ้ำอินซู่ซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไล่ตามออกมา พูดกับฉู่เฉินว่า “นายท่าน นี่ผู้อาวุโสเป็นอะไรไปเหรอคะ?”ไม่แ
จนกระทั่งรถของพวกหลิงเสวี่ยจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อย ๆ เดินออกจากในพุ่มไม้ตรงหน้าประตู เขามองเจ้าทึ่มก่อน แล้วมองรถของพวกหลิงเสวี่ย ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ตบไหล่เจ้าทึ่มแล้วพูดว่า “ยืนเฝ้าให้ดี ต่อไปยังมีรางวัลให้นายอีก”ฉู่เฉินคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าทึ่มจะมีฤทธิ์ข่มขวัญได้มากขนาดนี้อย่างไรก็ตาม ผีดิบเลือดคลั่งระดับสร้างรากฐานชั้นแปดก็น่าสะพรึงกลัวเกินพอแล้วจริง ๆถ้าเกิดไม่มีกระจกแปดทิศล่ะก็ ฉู่เฉินยอมรับว่าเขาเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าทึ่มอย่างแน่นอนการต่อสู้กับสำนักอวี้ซือเมื่อหลายวันก่อน บวกกับมีเลือดและสารพลังงานของพวกเกาเซิ่งอี้และถังเทียนอวี่บำรุง แม้แต่ฉู่เฉินก็ไม่สังเกตเห็นว่าตอนนี้เจ้าทึ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านคุณสมบัติแล้ว บนตัวมันมีไอโลหิตเลือนรางหนึ่งชั้น แค่เห็นแวบเดียวก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกหวาดกลัวจนถอยหนีดูเหมือนว่าเจ้าทึ่มยังคงมีค่าให้เลี้ยงดูอย่างมาก ต่อให้อยู่เฝ้าประตูบ้าน ประสิทธิภาพก็ดีเป็นพิเศษ“ครับ” เจ้าทึ่มตอบรับด้วยเสียงแหบพร่าช่วงนี้สติปัญญาของเจ้าทึ่มจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สามารถทำการสนทนาง่าย ๆ ได้บ้างแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณอวี้ลู่ หลัง
.....อีกทางด้านหนึ่ง หลิงเสวี่ยที่กำลังรับการคารวะเหล้าจากบรรดาคุณลุงผู้ทรงอิทธิพล สีหน้าพลันชะงักไปก่อนจะหันหน้ามองไปยังทางด่วนระหว่างมณฑลทันทีเห็นเพียงแสงสว่างเจิดจ้าส่องประกายพราวพร่างเต็มผืนฟ้า นัยน์ตางดงามของเธออดฉายแววเย็นเยียบไม่ได้ “ศิษย์น้องเย่หัว...”หลิงเฟิงเบิกตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน เย่หัวตายแล้วเหรอเนี่ย?ต่อให้ฉู่เฉินฆ่าเกาเซิ่งอี้ได้ ก็ไม่มีทางฆ่าเย่หัวได้“ศิษย์พี่ ผมจะไปดูเดี๋ยวนี้!”หลิงเสวี่ยสีหน้าเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง สูดลมหายใจลึกก่อนจะกล่าวว่า “รอให้งานเลี้ยงจบก่อน พวกเราค่อยไปด้วยกัน”“แต่ว่า...”หลิงเฟิงมองไปทางถนนหลวงด้วยสีหน้าร้อนใจ “ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น จะต้องมีคนอื่นลงมือสังหารศิษย์น้องเย่หัวแทนฉู่เฉินแน่นอน นายไปคนเดียวน่าจะรอดกลับมายาก” หลิงเสวี่ยกล่าวจบถึงค่อยหันตัวกลับมา ดวงหน้างามปรากฏรอยยิ้มน้อย ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปากพูดกับบรรดาผู้ทรงอิทธิพลในงานว่า “ทุกท่าน ขอบคุณที่ทุกท่านให้เกียนติมาที่นี่ในวันนี้ แต่ว่าฉันมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการสักเล็กน้อย เลยไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนทุกท่านได้แล้ว”“ขอให้ทุกท่านสนุกกันให้เต็มที่ ขอตั
ติ๋ง!เลือดหยดหนึ่งหยดลงมาบนดวงหน้างดงามของหลิ่วหรูเยียน ทำให้หลิ่วหรูเยียนเงยหน้าขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเย่หัวยังคงอยู่ในท่วงท่าฟาดฟันกระบี่ เพียงแต่สายตาของเขาพร่าเลือน เลือดทะลักออกจากปากไม่หยุดตรงหน้าอกของเขาปรากฏตัวกระบี่ที่เปล่งแสงเย็นเยียบไปทั่ว และบนตัวกระบี่นั้นก็มีเลือดหยดลงมา“ฉู่เฉิน!”จนกระทั่งตอนนี้เอง หลิ่วหรูเยียนถึงมองเห็นชัดเจนว่า ในชั่วเวลาที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น ฉู่เฉินแทงกระบี่ทะลุหัวใจของเย่หัว ถึงช่วยชีวิตของเธอเอาไว้ได้หลิ่วหรูเยียนที่ทั้งตกใจและดีใจวิ่งมาอยู่ข้างหลังฉู่เฉินโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ก่อนจะจับแขนของฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “นะ...นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”ฉู่เฉินหันหน้าไปกลอกตาใส่หลิ่วหรูเยียนแล้วเอ่ยว่า “ถ้าเธอฆ่าเขาเร็วสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรนานแล้ว โชคดีที่ฉันทะลวงระดับได้ก่อน ไม่งั้นเธอกับฉันได้ตายกันหมดแล้ว”หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำกล่าวก็ยื่นปากเล็ก ๆ แล้วพูดว่า “แต่...แต่ว่าฉันไม่กล้าจริง ๆ นี่นา ขะ...เขาตายหรือยัง?” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางเดินไปข้างหน้า ก่อนจะเตะก้นของเย่หัวหนึ่งที ภายใต้สายตาจ้องมองด้วยความประหลาดใจของฉู่เฉินพรวด!ลูกเตะน
ปัง!ในขณะนี้ ภายในร่างของฉู่เฉินได้เกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ข้อกระดูกและเส้นลมปราณมีปราณจำนวนนับไม่ถ้วนระเบิดออกเย่หัวที่ฟื้นคืนพลังบางส่วน เบิกตากว้างมองด้วยความไม่เชื่อไอ้หนูคนนี้… กำลังทะลวงระดับ?!ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่กล้าเชื่อว่าหลังจากฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บหนักจะสามารถทะลวงระดับได้นี่…นี่ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย?!แม้ว่าเขาจะอยากขัดขวางฉู่เฉิน แต่ปัญหาคืออาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ ทำให้ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้เลยในขณะนี้ จิตสำนึกของฉู่เฉินได้รวมรวมอยู่ที่จุดหนึ่งอย่างสมบูรณ์แล้ว บุกทะลวงขีดจำกัดของระดับพลังอย่างบ้าคลั่งหลิ่วหรูเยียนเองก็มีสีหน้าตกใจและจ้องไปที่ฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ทำได้แค่ถือกระบี่โดยสัญชาตญาณและยืนอยู่ข้างหน้าฉู่เฉิน“แก... แกอย่ามานะ ฉัน... ฉันก็กล้าฆ่าคนเหมือนกันนะ”ใบหน้าเล็กของหลิ่วหรูเยียนขาวซีด ตัวสั่นไปทั้งร่าง ถือกระบี่ยาวด้วยมือที่สั่นเทาชี้ไปที่เย่หัวและกล่าวออกมาเย่หัวยิ้มเย็น แม้กระทั่งคร้านที่จะมองหลิ่วหรูเยียนอีกผู้หญิงโง่คนนี้ ถ้าตอนนี้เธอใช้ดาบแทงเขา เกรงว่าเขาคงตายอย่างน่าอนาถอยู่ที่นี่แน่แต่โชคดีที่เธอไม่กล