อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
การเริงรักนี้ทำให้โจวเทียนเฟิ่งดื่มด่ำเต็มอิ่มจริง ๆพูดตามตรง ฉู่เฉินไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเธอเกือบหนึ่งเดือนแล้วแม้ว่าในจะคิดถึงมากและร้อนรนมาก แต่เธอรู้สถานะของเธอที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินดี อย่างมากสุดก็เป็นได้แต่หนึ่งในคนรักมากมายของเขาเท่านั้นด้วยเหตุนี้ เธอเลยได้แต่อดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกวันนี้ก็ถือว่าได้พบเจอสายฝนหลังจากที่แห้งแล้งมาเนิ่นนาน“คุณมันเจ้าตัวป่วน ทำไมขนาดประตูก็ยังไม่ปิด ถ้าเกิดคนมาเห็นเข้าจะทำยังไง”จนกระทั่งเสร็จกิจแล้ว โจวเทียนเฟิ่งถึงค่อยสังเกตเห็นว่าประตูห้องหนังสือเปิดอ้ามาตลอด ถ้าอย่างนั้นคนอื่นคงจะได้ยินเสียงเมื่อกี้ของเธอหมดแล้วใช่หรือเปล่า? โจวเทียนเฟิ่งพูดพลางจะไปปิดประตู ฉู่เฉินกลับอุ้มเอวของเธอขึ้นมาจากด้านหลัง“อ๊าย คุณนี่มันร้ายชะมัด รีบปล่อยฉันลงเลยนะ” ฉู่เฉินหัวเราะหึ ๆ ไฉนเลยจะสนใจการดิ้นรนของเธอ เขาเดินไม่กี่ก้าวก็อุ้มโจวเทียนเฟิ่งเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่ฉู่เฉินเตรียมตัวจะแสดงพลังกระตือรือร้นอีกครั้ง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือพลันดังขึ้นมาจากนั้นก็เห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย ฉู่เฉินกดตัดสายทันที แต่ฉู่เฉินยังไม่ทันโน้มตัวลงไป โทรศัพท์ก็ด
“ว้าย...”โจวเทียนเฟิ่งร้องอุทาน รีบใช้ผ้าขนหนูบังดวงหน้าเล็ก ๆ ไว้ ทว่าวินาทีต่อมา เธอก็โดนฉู่เฉินผลักลงบนเตียง .....รุ่งเช้าฉู่เฉินนอนหลับยาวจนตะวันสายโด่งขณะที่กำลังกินอาหารเช้า ฟางอวี่เจิ้งก็โทรศัพท์เข้ามา“คุณฉู่ ตอนนี้คุณสะดวกไหมครับ?” อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “สะดวกครับ คุณส่งตำแหน่งมาให้ผมเลยก็พอ แล้วผมจะไปหาคุณ”ฉู่เฉินกินข้าวไปด้วย พูดไปด้วย“ได้ครับ”ฟางอวี่เจิ้งตอบรับแล้วก็วางสายโทรศัพท์ ไม่นานก็มีข้อความแชร์ตำแหน่งถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินพอกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉู่เฉินก็พลอดรักกับโจวเทียนเฟิ่งสักพักแล้วค่อยออกจากเทียนเฟิ่งวิลล่า ขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านนวดอวิ๋นไท่เพิ่งจะจอดรถเสร็จ ฟางอวี่เจิ้งก็ก้าวลงมาจากรถเก๋งสีขาวที่อยู่ทางด้านหน้า “คุณฉู่ ร้านนี้เป็นร้านที่ดีที่สุดในเจียงจงแน่นอนครับ”ฟางอวี่เจิ้งพูดพลางมีท่าทางเหมือนแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วนิดหน่อยฉู่เฉินกวาดตามองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ประธานฟาง ร่างกายคุณไหวเหรอครับ?”“เอ่อ...ยังพอไหวนะครับ...”ฟางอวี่เจิ้งทำหน้ายิ้มแย้มพลางพาฉู่เฉิ
เสี่ยวหนานเพิ่งจะมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน กลิ่นหอมประหลาดนั้นพลันรุนแรงขึ้นสุดขีดฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานโดยไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะพูดกับหญิงวัยกลางคนว่า “อืม เอาเธอละกัน ให้คนอื่นออกไปให้หมดเถอะ” หญิงวัยกลางคนเข้าใจทันที แล้วโบกมือให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก่อนออกจากห้อง เธอยังตั้งใจช่วยฉู่เฉินปิดประตูห้องให้เรียบร้อย ฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานอย่างพิจารณาแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าฝีมือของคุณไม่เลวเอามาก ๆ?”เสี่ยวหนานหลุบตาลงต่ำ ไม่ออกความเห็น ท่าทางเหมือนเขินอายสุดขีดฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะนอนคว่ำอยู่บนเตียงนวดแล้วพูดว่า “คุณเริ่มได้เลย”เสี่ยวหนานถึงค่อยเบิกตาขึ้นมา นัยน์ตาส่องประกายคู่นั้นเปล่งรัศมีเย็นเยียบออกมาราง ๆหลังจากที่จ้องมองฉู่เฉินสิบกว่าวินาที เสี่ยวหนานถึงค่อยหยิบน้ำมันนวดหลังจากทางด้านข้าง ก่อนจะเลิกเสื้อของฉู่เฉินขึ้นแล้วราดน้ำมันบนแผ่นหลังของฉู่เฉิน“คุณผู้ชายคะ กล้ามเนื้อที่หลังของคุณแน่นมากเลยนะคะ”เสี่ยวหนานนวดน้ำมันให้ฉู่เฉินพลางเอ่ยเสียงหวานฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าผิวบนหลังของคุณจะดีหรือเปล่า?”“อุ๊ย คุณนี่ร้ายจังเลยนะคะ คิดจะถอดเสื้อผ้าคนอื่นอยู่นั่นแ
“อีกอย่างก็คือฝีมือของคุณ ครั้งหน้าถ้าจะปลอมตัวเป็นมืออาชีพแบบนี้อีก ทางที่ดีควรเรียนรู้ให้มาก ๆ ก่อนนะ อย่าให้แข็งกระด้างเหมือนนวดศพ คนที่มีประสบการณ์นิดหน่อย เห็นแวบเดียวก็ดูคุณออกแล้ว”ฉู่เฉินทำหน้ายิ้มหยันตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับเสี่ยวหนาน ความหวาดกลัวและความน้อยเนื้อต่ำใจบนใบหน้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและน่าครั่นคร้ามตามการวิเคราะห์ทีละขั้นของฉู่เฉิน!“เดิมทีอยากให้คุณไปอย่างไร้ความทรมานโดยไม่รู้ตัว น่าเสียดายมากที่คุณไม่รู้จักถนอมเอง” สิ้นเสียงพูด เสี่ยวหนานพลันชักมีดสั้นสองเล่มออกมาจากด้านหลัง ร่างกายอ้อนแอ้นฉับไวราวกับอสรพิษ แทงตรงไปที่ลำคอของฉู่เฉิน! “ฝึกฝนสิบปีถึงจะได้ร่วมเรือข้ามฟาก ร้อยปีถึงได้ร่วมนวดน้ำมัน คุณลงมืออำมหิตขนาดนี้ คนที่บ้านคุณรู้บ้างหรือเปล่า?”ฉู่เฉินรีบหลบการโจมตีถึงแก่ชีวิตของเสี่ยวหนาน จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเธอไว้ป๊าบ! ฉู่เฉินจับข้อมือของเธอได้แล้วชัด ๆ แต่น้ำมันในมือลื่นมากเกินไป ไม่เพียงทำให้เสี่ยวหนานสลัดหลุดได้ทันที นอกจากนี้ยังแทงมีดสั้นใส่ ท้องน้อยของฉู่เฉินหนึ่งที ฉู่เฉินรีบกระโดดขึ้น
ฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะลูบหน้าไม่ลูบก็ยังดี คิดไม่ถึงว่าการลูบครั้งนี้จะนำเนื้อหนังติดลงมาด้วยซี้ด!ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็อดสูดลมหายใจเย็นเยียบไม่ได้ นี่แม่งอะไรกันวะ กัดกร่อนรุนแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?วินาทีต่อมา ฉู่เฉินรู้สึกได้แค่ว่าใบหน้าและร่างกายของตัวเองเริ่มคันอย่างยิ่ง นอกจากนี้ก็มีผื่นคันเล็ก ๆ สีแดงแปลกประหลาดเกิดขึ้นทั่วทั้งตัวเกรงว่าแค่เกาลวก ๆ คงดึงเนื้อหนังหลุดลงมาชิ้นใหญ่สิ่งที่แปลกประหลาดคือ ฉู่เฉินไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิดเดียว“คุณโดนพิษสามศพแล้ว เลือดที่สาดกระเด็นโดนหน้าของคุณเมื่อกี้คือเลือดจากหัวใจผีดิบโลหิต” “ขอเพียงโดนเลือดจากหัวใจผีดิบโลหิต เนื้อหนังทั่วทั้งตัวของคุณก็จะเน่าเปื่อยหลุดร่างจนหมดภายในสิบนาที จนกระทั่งหัวใจของคุณเน่าเปื่อยถึงค่อยหยุด” ใบหน้าของเสี่ยวหนานเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ใช้ปกเสื้อของชุดกี่เพ้ามาพัดลมเย็น ๆ เห็นได้ชัดว่ากำลังรอให้ฉู่เฉินเสียชีวิตจากพิษกำเริบฉู่เฉินถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอ่ยว่า “มิน่าล่ะแม่ผมถึงบอกผมตั้งแต่เด็กว่า ผู้หญิงยิ่งสวย ยิ่งอันตราย” “ต่อให้คุณอยากฆ่าผมอีกสักแค่ไหน ก็ไม่ควรซ่อนของที่อันตรายขนาดนี้ไว
แต่เสียงที่ดังมาจากห้องข้าง ๆ กลับดังขึ้นเรื่อย ๆ ขนาดฟางอวี่เจิ้งก็สงสัยนิดหน่อยแล้วอย่างไรก็ตาม เขายังคงยึดหลักการหนึ่งไม่รบกวน สองไม่แอบดู ก่อนจะข่มกลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ ส่วนเสี่ยวหนานในตอนนี้ถูกฉู่เฉินตีจนน้ำตาคลอแล้ว ไอ้หมอนี่ลงมือโหดเหี้ยมจริง ๆ! “ละ...เลิกตีได้แล้ว! ฉะ...ฉันจะบอกแล้ว ฉันจะบอกแล้วยังไม่ได้อีกเหรอ?” ในขณะที่ฉู่เฉินยกฝ่ามือขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดเสี่ยวหนานก็เลิกขัดขืน ก่อนจะร้องไห้ออกมาทันทีบั้นท้ายโดนตีจนใกล้จะเละแล้ว “บอกมา ใครส่งคุณมา” ฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานด้วยความสนใจอย่างยิ่ง“ไม่มีใครให้ฉันมาจริง ๆ ฉะ...ฉันอยากมาเอง อย่าตีนะ!”เสี่ยวหนานรีบส่ายหน้ากล่าว “อะ...อันที่จริงฉันมีความเกี่ยวข้องกับสำนักอวี้ซืออยู่บ้าง ครั้งนี้เลยตั้งใจมาแก้แค้นโดยเฉพาะ”ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าใจกระจ่างแจ้ง มิน่าล่ะยัยนี่ถึงมีกลิ่นกำยานเต็มตัว ในมือไม่ใช่หนอนกู่โลหิตสามศพ ก็เป็นเลือดจากหัวใจผีดิบโลหิตเวรเอ๊ย วุ่นมาตั้งนาน ที่แท้เป็นสำนักอวี้ซือนี่เองแต่ทำไมถึงได้มีสาวงามเหมือนหยกเหมือนบุปผาแบบนี้ในสำนักอวี้ซือได้นะ? “คุณเป็นลูกสาวของเจ้าสำนักอวี้ซือเหรอ?”
ฟางอวี่เจิ้งรีบวิ่งไปชำระเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ หลังจากออกมาพร้อมกับฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยเสียงเบาว่า “คุณฉู่ ผมไม่ได้พูดผิดใช่ไหม เสี่ยวหนานคนนั้นเยี่ยมมากเลยใช่หรือเปล่า?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “ฟังจากความหมายของประธานฟาง คุณก็เคยเรียกเสี่ยวหนานด้วยเหรอ?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฟางอวี่เจิ้งก็รีบส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่นะครับ คุณฉู่ ผมสาบานต่อฟ้าเลยว่าไม่เคยเรียกเสี่ยวหนานมาก่อน” ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วตบไหล่ฟางอวี่เจิ้งก่อนจะพูดว่า “ประธานฟาง ทางที่ดีคราวหน้าอย่ามาที่นี่เลยนะครับ”ฉู่เฉินกล่าวจบก็เดินเข้าไปนั่งในรถโดยไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยปาก“คุณฉู่ เสี่ยวหนานคนนั้นทำเรื่องไม่ดีใช่หรือเปล่า ผมสามารถ...”ฉู่เฉินโบกมือเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ประธานฟาง จำคำพูดของผมไว้นะครับ อย่ามาเที่ยวที่นี่อีก ไม่งั้นจะเอาชีวิตไปทิ้ง” ฉู่เฉินพูดจบก็สตาร์ตรถ มุ่งหน้าไปทางบ้านเก่าของตระกูลฉู่เขาไม่เข้าใจจริง ๆ เสี่ยวหนานคนนั้นมีโอกาสแท้ ๆ แต่ทำไมไม่ลงมืออีกล่ะ?นอกจากนี้ ร้านนวดแผนไทยร้านนั้นจะต้องมีปัญหามากแน่ ๆพอคิดได้ดังนี้ ฉู่เฉินเหยียบเบรกฉับพลันก่อนจะกลับรถ แล้วขับไ
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ