“ใช่” จินอ้าวเทียนยิ้ม ก่อนจะเหวี่ยงหวัดใส่อากาศสองสามทีในท่าที่คิดว่าตัวเองหล่อที่สุด และบอกว่า “บ้านผมสืบทอดศิลปะการต่อสู้มารุ่นต่อรุ่น เปิดสำนักมวยในเมืองเจียงจงติดต่อกันมาสามรุ่นแล้ว”“ผมเองก็เรียนทุกอย่าง อย่างเทควันโด้ มวยซ่านโฉ่วอะไรพวกนั้น ผมเป็นหมดทุกอย่าง”“โดยปกติ คนสิบคนเข้าใกล้ผมไม่ได้ด้วยซ้ำ”หลิ่วหรูเยียนเผยยิ้มเย็นชาที่มุมปาก “คุณชายจิน ช่วยฉันสั่งสอนไอ้ฉู่เฉินนั่นที จะให้ดีทำให้มันพิการไปเลย!”“ไม่มีปัญหา แต่จบเรื่องแล้วคุณต้องไปกินข้าวกับผมนะ” จินอ้าวเทียนหรี่ตายิ้มหลิ่วหรูเยียนไม่รังเกียจ “ได้ ไม่มีปัญหา”เธอมั่นใจในหุ่นและความสวยของเธอมากถ้าใช้ประโยชน์จากเรือนร่างสั่งให้ผู้ชายทำงานแทนเธอได้ แล้วจะมัวรออะไรล่ะ?นี่ก็เป็นหนึ่งในความสามารถเหมือนกันนี่“ที่อยู่คือที่ไหน? อีกเดี๋ยวผมจะพาคนไป รับรองได้ว่าจะช่วยตัดแขนตัดขาไอ้หมอนั่นให้คุณแน่นอน” จินอ้าวเทียนพูดอย่างยโสชั่วร้าย……ขณะเดียวกันทางฝั่งฉู่เฉิน เขาพกกระถางหลอมยาไปที่ร้านขายยาอีกหลายร้าน ใช้บัตรที่ถังจิ้งจือให้ซื้อสมุนไพรมาล็อตหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฉู่หลังจากมาถึงบ้านใหญ่ ฉู่เฉินก
ไอสังหารขุมนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว!ฉู่เฉินตกใจ พูดในใจว่าแย่แล้ว!พลังนั่นพุ่งมาทางเขา!หลิ่วชิงเหอส่งมาเหรอ?ไม่มีเวลาให้คิดมาก ฉู่เฉินรีบปลดปล่อยพลังซ่อนกลิ่นอายที่มังกรเฒ่าถ่ายทอดให้เขา เพื่อบดบังบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ทั้งหลังให้หายวับไปกับตาขณะเดียวกัน เหยาฉือที่กำลังพุ่งตัวมาทางนี้พลันขมวดเรียวคิ้วงาม เธอยืนอยู่กลางอากาศ ราวกับเทพเซียนผู้งดงามและเย็นชา“กลิ่นอายนั่นหายไปแล้ว?”ดวงหน้างามล่มเมืองของเหยาฉือเย็นยะเยือกสุดขีด“ไอ้มังกรลามกบัดซบ! อย่าคิดว่าหลบพ้นครั้งหนึ่ง แล้วจะหลบพ้นไปตลอดชีวิต!”“ข้าจะหาตัวเจ้าให้พบสักวัน ขอดเกล็ดมังกรของเจ้า กระชากเอ็นมังกรของเจ้า ตรึงวิญญาณของเจ้าไว้หมื่นปี!”พูดจบ เหยาฉือปลดปล่อยดวงจิตของตัวเองออกไปเพื่อตามหาอีกหลายรอบอย่างแค้นใจ แต่ก็หากลิ่นอายของมังกรลามกไม่เจอต้องเป็นวิชาลับอำพรางของเผ่ามังกรแน่ตอนนั้น ไอ้มังกรลามกก็ใช้วิชานี้ของเผ่ามังกรเพื่อลักลอบเข้ามาในสำนักเซียนเหยาฉือ และบุกเข้ามาแอบดูนางอาบน้ำที่สระน้ำ…น่าชังนัก!เหยาฉือกำฝ่ามือเรียวงามเข้าหากันแน่น นางแค่นเสียง ก่อนจะหันหลังเหินตัวจากไปณ บ้านใหญ่ตระกูลฉู่ฉู่เฉินสัม
คนขับรถคนเดิมรีบเดินพรวดพราดเข้ามา ก่อนจะถามว่า “เจ๊ใหญ่ มีอะไรเหรอครับ?”“สืบหาที่อยู่ของฉู่เฉินเจอหรือยัง?” โจวเทียนเฟิ่งถามอย่างร้อนใจเพราะเธอรู้สึกเจ็บที่ผิวหนังมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แม้แต่อวัยวะภายในก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาด้วย“สืบเจอแล้วครับ เจ๊ใหญ่ จะจัดการเขาเหรอครับ?” เสียวหู่ฉีกยิ้มมุมปากเขาแทบอดใจลงมือสั่งสอนไอ้ฉู่เฉินนั่นไม่ไหวแล้ว!กล้าพูดจาล่วงเกินเจ๊ใหญ่ บัดซบ!“จัดการอะไรล่ะ! รีบเตรียมรถ ฉันจะไปหาฉู่เฉิน!” โจวเทียนเฟิ่งถลึงตาใส่เสียวหู่พอขึ้นมาบนรถ โจวเทียนเฟิ่งเจ็บจนเหงื่อเริ่มซึม ผิวของเธอเน่าเปื่อยเร็วกว่าที่เธอคิดเสียอีก ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เริ่มมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมาจากตัวเธอแล้ว กลิ่นนั้นเหมือนกลิ่นเหม็นเน่าของศพไม่มีผิด“เร็วเข้า! ไปหาฉู่เฉินที่บ้านใหญ่ตระกูลฉู่!” โจวเทียนเฟิ่งร้อนรน“ครับ!” เสียวหู่เองก็ร้อนใจเช่นกัน ดูก็รู้ว่าอาการของเจ๊ใหญ่ไม่สู้ดีย้อนกลับมาฝั่งฉู่เฉิน เขาพ่นลมหายใจออกมา พลังวิญญาณในจุดตันเถียนถูกเติมเต็มเกือบเจ็ดแปดส่วนแล้วฉู่เฉินลุกขึ้นเดินไปทางลานสวน เด็ดใบไม้ติดมือมาหนึ่งใบ จากนั้นก็ตวัดออกไป!ใบไม้พุ่งแหวกอากาศออ
โจวเทียนเฟิ่งกับเสียวหู่ตะลึงตาค้างไปทันทีไม่มีใครคาดคิดว่าฉู่เฉินจะบ้าบิ่นได้ขนาดนี้ เขาไม่เห็นโจวเทียนเฟิ่งอยู่ในสายตาเลยสักนิด“ฉู่เฉิน! รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”โจวเทียนเฟิ่งเบิกดวงตางามกว้าง สายตาคมกริบสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับจากการเน่าเปื่อยของผิวหนัง เธอเป็นถึงเจ๊ใหญ่แห่งเมืองเจียงจงเชียวนะ!เป็นบุคคลที่เมื่อขานเรียกใคร ผู้นั้นก็ต้องตอบรับฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับกล้าไล่เธอให้ไสหัวไป?เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ?“ผมย่อมรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ ขอบอกให้รู้ว่าปัญหาของคุณเกิดจากพิษศพ เป็นโรคที่เกิดจากพลังหยิน หมอทั่วไปรักษาไม่หายหรอก”“ถึงคุณจะรักษายังไงก็ต้องตาย พูดง่ายๆ ก็คือ โรคของคุณมีแต่ผมที่รักษาได้!”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชา“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าอวดฉลาดโชว์ความสามารถต่อหน้าผู้คนได้นิดหน่อยแล้วจะยกย่องตัวเองเป็นปรมาจารย์ได้จริงๆ! รีบรักษาให้ฉันซะ ก่อนที่ฉันจะโมโห!”โจวเทียนเฟิ่งพูดอย่างไม่พอใจสุดขีดหลายปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างนี้กับเธอ“ไอ้เด็กเปรต! รีบรักษาให้เจ๊ใหญ่เดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันตัดไอ้จ้อนของแก!
“มีแต่ฉู่เฉินที่รักษาได้จริงเหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งขมวดคิ้ว มองลำคอที่เริ่มเน่าเปื่อยของตนเองในกระจกสุดท้าย เธอได้แต่กัดฟันแล้วเลือกที่จะก้มหัวเพื่อยอมประนีประนอม “ไปหาฉู่เฉิน”เสียวหู่พยักหัว เขาเหยียบคันเร่งพาโจวเทียนเฟิ่งกลับไปยังบ้านใหญ่ตระกูลฉู่อีกครั้งเพียงแต่ ครั้งนี้เสียวหู่และโจวเทียนเฟิ่งไม่ได้วางตัวสูงส่งไม่เห็นหัวใครอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว“คุณฉู่ๆ ได้โปรดช่วยชีวิตเจ๊ใหญ่ของเราด้วย”พริบตาเดียว เสียวหู่ตะโกนเข้าไปในห้องรับแขกอย่างนอบน้อม ทิ้งความอวดดีไปจนสิ้น“ไม่ช่วย ไสหัวไป!”เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังออกมาจากในบ้านเสียวหู่ขมวดคิ้ว เขากัดฟันคุกเข่าอยู่หน้าประตู ตะโกนอีกครั้งว่า “คุณฉู่ ได้โปรดช่วยชีวิตเจ๊ใหญ่ของเราด้วย”“ขอแค่คุณยอมช่วย จะให้ผมจงอาหู่คนนี้ทำอะไรก็ยอม!”“แม้จะสั่งให้ผมเอาหัวโขกจนตายตอนนี้เลย ผมก็ยอม”เสียวหู่โขกหัวกับพื้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเลือดไหลอาบหน้าผากโจวเทียนเฟิ่งทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ลดมาดอวดดีลง ก่อนจะตะโกนว่า “คุณฉู่ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินแล้ว ได้โปรดเมตตาให้อภัยผู้น้อยสักครั้งเถอะ”“ขอแค่คุณยอมช่วย
ซี้ด!จนกระทั่งโจวเทียนเฟิ่งถอดชุดกี่เพ้าออกจนหมด ฉู่เฉินจึงได้เห็นอย่างแท้จริงว่าผู้หญิงคนนี้มีเรือนร่างราวกับนางพญามาร!ความอวบอิ่มด้านหน้า ทั้งกลมกลึงและเต่งตึง เว้าโค้งได้รูปจนน่าทึ่ง งดงามมากจริงๆเอวคอดแบบบาง โอบมือเดียวก็รอบแล้วส่วนบั้นท้ายก็ยิ่งผายกลมได้รูปตามแบบฉบับบั้นท้ายลูกพีช!ปกติผู้หญิงคนนี้ออกกำลังกายด้วยเหรอ?ถึงได้รักษาหุ่นได้ดีขนาดนี้!เรือนร่างของนางพญามารชัดๆ!หลิ่วชิงเหอเทียบกับเธอไม่ติดฝุ่นเลยแม้แต่น้อยเรียกว่านางพญามารไม่เกินจริงเลยแม้ว่าผิวหนังของเธอในตอนนี้จะเน่าเปื่อยไปบางส่วน แต่ก็ยังไม่อาจบดบังเสน่ห์อันเหลือล้นของเธอได้อยู่ดีนี่สิที่เรียกว่าผู้หญิงที่โตเต็มวัย และโตเต็มที่ทุกส่วนแล้วเสียด้วย“พู่…”ฉู่เฉินพ่นลมหายใจ ข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน ก่อนพูดว่า “นอนคว่ำลงไปครับ”“อืม…” โจวเทียนเฟิ่งรับคำ อดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากการเน่าเปื่อยของผิวหนัง และนอนคว่ำลงไปจากนั้น ฉู่เฉินเริ่มทายาสีดำสนิทลงตามตัวของโจวเทียนเฟิ่งเริ่มจากแผ่นหลัง ทาไล่ลงมาถึงบั้นท้ายฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับความกลมกลึงและแน่นของบั้นท้ายของโจวเทียนเฟิ่
“ฉู่เฉิน...”โจวเทียนเฟิ่งพึมพำชื่อของฉู่เฉิน พ่นลมหายใจออกมา ถึงจะพบว่าไม่มีผ้าเช็ดตัวหรือเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ข้างในนี้“คุณฉู่ ช่วยเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมอาบน้ำให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”ภายในห้องอาบน้ำ มีเสียงของโจวเทียนเฟิ่งดังออกมาฉู่เฉินตอบกลับว่า “สักครู่นะครับ”ทันใดนั้น เขาหยิบผ้าห่มจากข้างนอก ส่งให้โจวเทียนเฟิ่งอยู่ข้างในผ่านช่องแยกระหว่างประตู และพูดว่า “ที่บ้านผมไม่มีเสื้อคลุมอาบน้ำ ดังนั้นใช้ผ้าผืนนี้เช็ดไปก่อนนะครับ”“ขอบคุณค่ะ” โจวเทียนเฟิ่งแอบอยู่หลังประตู แง้มประตูออก เธอยืนแขนขาวออกไปรับผ้าห่มจากฉู่เฉินฉู่เฉินกลอกตา เห็นทรวงอกอวบอ้วนสีขาวเหมือนหิมะและร่องเนินที่ชวนให้คนหลงใหลซี้ดๆ!นี่มันลูกแตงโม!ลูกแตงโมชัดๆ!โจวเทียนเฟิ่งรับรู้ได้ถึงสายตาของฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ภายในใจก็มีความคิดแปลกๆ ผุดขึ้นมา เธออยากจะแกล้งผู้ชายคนนี้มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมขึ้นมา ทันใดนั้นช่องระหว่างประตูก็เปิดกว้างขึ้น“ฟู่!”ฉู่เฉินพ่นเลือดออกมาเต็มปาก เขารับไม่ได้กับภาพความงามอันหอมกรุ่นที่กำลังอาบน้ำอยู่ ดังนั้นเขาจึงรีบหันหลังกลับและจากไปโจวเทียนเฟิ่งยิ้ม
ฉู่เฉินคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ตัดสินใจไปเขาคงไม่ควรทอดทิ้งสองสาวสวยไว้ใช่ไหม?ไม่นานเขาก็ถึงที่คลับน้ำพุร้อนอวี้หลง เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปยังห้องโถง ก็มองเห็นกู้รั่วเสวี่ยและถังเจียวเจียวกึ่งนั่งกึ่งนอนตรงโซฟา“พี่ฉู่เฉิน ตรงนี้ค่ะ”กู้รั่วเสวี่ยโบกมือ ตะโกนเรียกฉู่เฉินสองมือของฉู่เฉินล้วงกระเป๋าอยู่ เดินเข้าไป พร้อมกับถามอย่างสงสัยว่า “พวกคุณสองคนมาเจอกันที่เมื่อไหร่กันครับ?”กู้รั่วเสวี่ยยิ้มพร้อมกับควงแขนฉู่เฉินให้นั่งลง พูดขึ้นมาว่า “ฮ่าๆ ฉันกับเจียวเจียวเป็นเพื่อนรักกันแล้วน่ะค่ะ”“เพื่อนรัก?” ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยมิตรภาพระหว่างผู้หญิงมันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?ฉู่เฉินกวาดสายตาไปที่ถังเจียวเจียวที่นั่งอยู่ เธอยังคงมีท่าทีที่สูงส่ง มีเพียงแต่ครั้นเมื่อมองตัวเขา เธอก็จะเก็บความหยิ่งทะนงนั้นไว้ ตะโกนขึ้นมาว่า “ปรมาจารย์ฉู่”ฉู่เฉินพูดขึ้นมา “ช่างมันเถอะ คุณถัง เรียกผมว่าปรมาจารย์ฉู่มันดูห่างไกลกันเกินไป เรียกผมว่าฉู่เฉินก็ได้ครับ”ถังเจียวเจียวอึ้งไปชั่วครู่ มองไปยังกู้รั่วเสวี่ยแวบหนึ่ง กู้รั่วเสวี่ยยิ้มพร้อมพูดอย่างรีบร้อนว่า “เจียวเจียวเอางี้ไหม เธอก็เรียกเ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
“แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา
“กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ
นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี
เมื่อเห็นฉากนี้ โฮ่วเจี้ยนอิงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ ก่อนหันไปมองโจวอวี้หมิง “นี่น่ะเหรอ? ผู้บัญชาการกองทัพโจว คุณคงอยากจะแก้แค้นมากสินะ”“ถึงแม้ว่าจุดตันเถียนของเทียนห้าวจะถูกทำลายไป และมันก็น่าเสียดายจริง ๆ แต่ฝีมือของเสวี่ยอิ๋งก็เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็จะสามารถล้างแค้นแทนเทียนห้าวได้หรอกนะ”โจวอวี้หมิงเหลือบมองโฮ่วเจี้ยนอิง ก่อนจะยิ้มและไม่พูดอะไรเห็นได้ชัดว่าฉู่เฉินกำลังแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกศัตรูเวทีการประลองสูงแค่สองเมตรเท่านั้น ต่อให้โจวอวี้หมิงยังไม่ได้บรรลุช่วงระดับสร้างรากฐาน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มือจับขอบเวทีเพื่อกระโดดขึ้นไปหรอกใช่ไหม?ส่วนท่าทางของฉู่เฉินเมื่อครู่ ก็ยิ่งไม่ใช่การแสดงความอ่อนแออย่างแน่นอนมีคำกล่าวว่า ทหารที่ทะนงตนมักพ่ายแพ้ฉู่เฉินกำลังจงใจทำให้เซียวเสวี่ยอิ๋งประมาทและดูถูกเขา!และก็เป็นไปดั่งที่คิด เมื่อเซียวเสวี่ยอิ๋งเห็นท่าทางของฉู่เฉินแล้ว บนใบหน้าสวยก็ฉายแววดูแคลนขึ้นมาทันทีเธอบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก่อนจะเดินเข้าหาฉู่เฉินอย่างใจเย็น“ระวัง!”ทันใดนั้นเอง!เซียวเสวี่ยอิ๋งยกขาเรียวยาวขึ้น ก่
โจวอวี้หมิงรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย เขาหันไปสั่งให้ทหารคนสนิทนำเก้าอี้มาเพิ่มให้โฮ่วเจี้ยนอิงโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ได้ยินมาว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง กล้าท้าประลองทหารกับของผม ผมก็ต้องมาดูด้วยตัวเองสิครับ”ระหว่างที่เขาพูด รถจี๊ปและรถตำรวจก็แล่นเข้ามายังสนามฝึก โดยมีรถจี๊ปนำหน้า ส่วนรถตำรวจตามหลังมา“มาแล้ว!”เหล่าตำรวจที่อยู่ในสนามต่างจำรถตำรวจคันนั้นได้ในทันทีว่าเป็นรถประจำตำแหน่งของหลูติ้งไห่ พวกเขาจึงพากันลุกขึ้นยืน พร้อมจับจ้องไปยังทิศทางที่รถกำลังมุ่งหน้ามาจากนั้นไม่นาน ประตูรถจี๊ปก็เปิดออก ก่อนที่ปลายรองเท้าทหารสีดำขลับสะท้อนแสงจะโผล่ออกมาจากนั้นเซียวเสวี่ยอิ๋งในชุดรบลายหงส์เพลิง ท่าทางดูองอาจสง่างามก็เปิดประตูรถจี๊ปลงมาด้วยท่าทีมั่นใจฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ลงมาจากรถตำรวจตามลำดับ“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”ทหารจากกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่เซียวเสวี่ยอิ๋งด้วยแววตาเป็นประกายร้อนแรงเซียวเสวี่ยอิ๋งเชิดหน้าขึ้น เธอจ้องตรงไปยังฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายฉู่เฉินไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต
เมื่อข่าวการท้ารบกับเทพนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียงของฉู่เฉินแพร่สะพัดออกไป เจ้าหน้าที่ทั้งกรมตำรวจต่างทยอยกันยื่นใบลา ก่อนจะขับรถบัสของกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการมุ่งหน้าไปยังกองกำลังรักษาการณ์อย่างรวดเร็วไม่นานข่าวนี้ก็มาถึงหูของผู้บังคับบัญชาสูงสุดกองกำลังรักษาการณ์แห่งมณฑลเจียง“พวกนายได้ยินข่าวหรือยัง!? มีคนกล้าท้าประลองกับผู้นำเซียว!”“บ้าไปแล้ว ใครกันที่ไม่กลัวตายขนาดนี้? ครั้งก่อนที่โจวเทียนห้าวท้าประลอง ก็โดนซัดจนจุดตันเถียนแตกเลยนะ!”“ได้ยินมาว่าไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์ เหมือนจะแซ่ฉู่”ไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์?ในตอนนี้ กองกำลังรักษาการณ์กำลังปั่นป่วนเป็นอย่างมากและในตอนนั้นเอง ทหารคนสนิทของโจวอวี้หมิงก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเขา หอบหายใจหนักก่อนพูดขึ้น “ท่าน… ท่านผู้บัญชาการ! เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ครับ!”“ได้ยินมาว่ามีคนแซ่ฉู่ต้องการท้าประลองกับผู้นำเซียว!”โจวอวี้หมิงที่กำลังจิบชา ในตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก แต่ไม่นาน ภาพของใครคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืมตลอดชีวิตก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที…ฉู่เฉิน?!“คนแซ่ฉู่ที่นายพูดถึง ใช่ฉู่เฉินหรือเปล่า?” เขาถามด้วยสีหน้าจ
ถือดีอย่างไรมาคิดว่าฉู่เฉินจะชนะน้องสาวเขา?ฝันยังไม่กล้าฝันเกินจริงขนาดนี้เลย!“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะชนะไม่ได้? ผู้ชายยังไงก็ห้ามพูดว่าไม่ไหว”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลัง กล่าวพร้อมจ้องมองเซียวเสวี่ยอิ๋ง “ยังไง กลัวแล้วเหรอ?”เซียวเสวี่ยอิ๋งยิ้มเย้ยหยันกล่าว “เงื่อนไขประลองแกเลือกมาได้เลย ฉันตกลงทุกอย่าง”มั่นใจ!เซียวเสวี่ยอิ๋งมั่นใจมาก!คนที่ต่อสู้ผลออกมาเสมอทั้งหมดมีไม่ถึงห้าคนในกองทหารรักษาการณ์ทั่วทั้งมณฑลเจียงและมีไม่เกินสามคนที่สามารถเอาชนะเธอได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าส่วนฉู่เฉินที่ฝึกฝนด้วยตนเองในโลกคนทั่วไป ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอด้วยซ้ำรู้ไหมว่าเทคนิคหมัดมวยในกองทัพเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานร้อยตระกูลจนสำเร็จเชียวนะถ้าประลองกับยอดฝีมือที่มีระดับขั้นเหมือนกัน ยอดฝีมือในกองทัพก็จะชนะขาดภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าแค่อย่างเดียวนี้ก็เพียงพอที่จะเห็นความห่างชั้นแล้วและเซียวเสวี่ยอิ๋งก็สังเกตอย่างละเอียดในตอนที่ฉู่เฉินตั้งรับกระบวนท่าของหานหลิงเมื่อครู่ อย่างมากฉู่เฉินก็แค่ระดับสร้างรากฐานขั้นหนึ่งเท่านั้นกล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นการดวลกันระหว่างคนระดับขั