“ใช่” จินอ้าวเทียนยิ้ม ก่อนจะเหวี่ยงหวัดใส่อากาศสองสามทีในท่าที่คิดว่าตัวเองหล่อที่สุด และบอกว่า “บ้านผมสืบทอดศิลปะการต่อสู้มารุ่นต่อรุ่น เปิดสำนักมวยในเมืองเจียงจงติดต่อกันมาสามรุ่นแล้ว”“ผมเองก็เรียนทุกอย่าง อย่างเทควันโด้ มวยซ่านโฉ่วอะไรพวกนั้น ผมเป็นหมดทุกอย่าง”“โดยปกติ คนสิบคนเข้าใกล้ผมไม่ได้ด้วยซ้ำ”หลิ่วหรูเยียนเผยยิ้มเย็นชาที่มุมปาก “คุณชายจิน ช่วยฉันสั่งสอนไอ้ฉู่เฉินนั่นที จะให้ดีทำให้มันพิการไปเลย!”“ไม่มีปัญหา แต่จบเรื่องแล้วคุณต้องไปกินข้าวกับผมนะ” จินอ้าวเทียนหรี่ตายิ้มหลิ่วหรูเยียนไม่รังเกียจ “ได้ ไม่มีปัญหา”เธอมั่นใจในหุ่นและความสวยของเธอมากถ้าใช้ประโยชน์จากเรือนร่างสั่งให้ผู้ชายทำงานแทนเธอได้ แล้วจะมัวรออะไรล่ะ?นี่ก็เป็นหนึ่งในความสามารถเหมือนกันนี่“ที่อยู่คือที่ไหน? อีกเดี๋ยวผมจะพาคนไป รับรองได้ว่าจะช่วยตัดแขนตัดขาไอ้หมอนั่นให้คุณแน่นอน” จินอ้าวเทียนพูดอย่างยโสชั่วร้าย……ขณะเดียวกันทางฝั่งฉู่เฉิน เขาพกกระถางหลอมยาไปที่ร้านขายยาอีกหลายร้าน ใช้บัตรที่ถังจิ้งจือให้ซื้อสมุนไพรมาล็อตหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปที่บ้านใหญ่ตระกูลฉู่หลังจากมาถึงบ้านใหญ่ ฉู่เฉินก
ไอสังหารขุมนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้ว!ฉู่เฉินตกใจ พูดในใจว่าแย่แล้ว!พลังนั่นพุ่งมาทางเขา!หลิ่วชิงเหอส่งมาเหรอ?ไม่มีเวลาให้คิดมาก ฉู่เฉินรีบปลดปล่อยพลังซ่อนกลิ่นอายที่มังกรเฒ่าถ่ายทอดให้เขา เพื่อบดบังบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ทั้งหลังให้หายวับไปกับตาขณะเดียวกัน เหยาฉือที่กำลังพุ่งตัวมาทางนี้พลันขมวดเรียวคิ้วงาม เธอยืนอยู่กลางอากาศ ราวกับเทพเซียนผู้งดงามและเย็นชา“กลิ่นอายนั่นหายไปแล้ว?”ดวงหน้างามล่มเมืองของเหยาฉือเย็นยะเยือกสุดขีด“ไอ้มังกรลามกบัดซบ! อย่าคิดว่าหลบพ้นครั้งหนึ่ง แล้วจะหลบพ้นไปตลอดชีวิต!”“ข้าจะหาตัวเจ้าให้พบสักวัน ขอดเกล็ดมังกรของเจ้า กระชากเอ็นมังกรของเจ้า ตรึงวิญญาณของเจ้าไว้หมื่นปี!”พูดจบ เหยาฉือปลดปล่อยดวงจิตของตัวเองออกไปเพื่อตามหาอีกหลายรอบอย่างแค้นใจ แต่ก็หากลิ่นอายของมังกรลามกไม่เจอต้องเป็นวิชาลับอำพรางของเผ่ามังกรแน่ตอนนั้น ไอ้มังกรลามกก็ใช้วิชานี้ของเผ่ามังกรเพื่อลักลอบเข้ามาในสำนักเซียนเหยาฉือ และบุกเข้ามาแอบดูนางอาบน้ำที่สระน้ำ…น่าชังนัก!เหยาฉือกำฝ่ามือเรียวงามเข้าหากันแน่น นางแค่นเสียง ก่อนจะหันหลังเหินตัวจากไปณ บ้านใหญ่ตระกูลฉู่ฉู่เฉินสัม
คนขับรถคนเดิมรีบเดินพรวดพราดเข้ามา ก่อนจะถามว่า “เจ๊ใหญ่ มีอะไรเหรอครับ?”“สืบหาที่อยู่ของฉู่เฉินเจอหรือยัง?” โจวเทียนเฟิ่งถามอย่างร้อนใจเพราะเธอรู้สึกเจ็บที่ผิวหนังมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว แม้แต่อวัยวะภายในก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาด้วย“สืบเจอแล้วครับ เจ๊ใหญ่ จะจัดการเขาเหรอครับ?” เสียวหู่ฉีกยิ้มมุมปากเขาแทบอดใจลงมือสั่งสอนไอ้ฉู่เฉินนั่นไม่ไหวแล้ว!กล้าพูดจาล่วงเกินเจ๊ใหญ่ บัดซบ!“จัดการอะไรล่ะ! รีบเตรียมรถ ฉันจะไปหาฉู่เฉิน!” โจวเทียนเฟิ่งถลึงตาใส่เสียวหู่พอขึ้นมาบนรถ โจวเทียนเฟิ่งเจ็บจนเหงื่อเริ่มซึม ผิวของเธอเน่าเปื่อยเร็วกว่าที่เธอคิดเสียอีก ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เริ่มมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยออกมาจากตัวเธอแล้ว กลิ่นนั้นเหมือนกลิ่นเหม็นเน่าของศพไม่มีผิด“เร็วเข้า! ไปหาฉู่เฉินที่บ้านใหญ่ตระกูลฉู่!” โจวเทียนเฟิ่งร้อนรน“ครับ!” เสียวหู่เองก็ร้อนใจเช่นกัน ดูก็รู้ว่าอาการของเจ๊ใหญ่ไม่สู้ดีย้อนกลับมาฝั่งฉู่เฉิน เขาพ่นลมหายใจออกมา พลังวิญญาณในจุดตันเถียนถูกเติมเต็มเกือบเจ็ดแปดส่วนแล้วฉู่เฉินลุกขึ้นเดินไปทางลานสวน เด็ดใบไม้ติดมือมาหนึ่งใบ จากนั้นก็ตวัดออกไป!ใบไม้พุ่งแหวกอากาศออ
โจวเทียนเฟิ่งกับเสียวหู่ตะลึงตาค้างไปทันทีไม่มีใครคาดคิดว่าฉู่เฉินจะบ้าบิ่นได้ขนาดนี้ เขาไม่เห็นโจวเทียนเฟิ่งอยู่ในสายตาเลยสักนิด“ฉู่เฉิน! รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่?”โจวเทียนเฟิ่งเบิกดวงตางามกว้าง สายตาคมกริบสีหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับจากการเน่าเปื่อยของผิวหนัง เธอเป็นถึงเจ๊ใหญ่แห่งเมืองเจียงจงเชียวนะ!เป็นบุคคลที่เมื่อขานเรียกใคร ผู้นั้นก็ต้องตอบรับฉู่เฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้ากลับกล้าไล่เธอให้ไสหัวไป?เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ?“ผมย่อมรู้ดีแก่ใจว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ ขอบอกให้รู้ว่าปัญหาของคุณเกิดจากพิษศพ เป็นโรคที่เกิดจากพลังหยิน หมอทั่วไปรักษาไม่หายหรอก”“ถึงคุณจะรักษายังไงก็ต้องตาย พูดง่ายๆ ก็คือ โรคของคุณมีแต่ผมที่รักษาได้!”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชา“ฉู่เฉิน อย่าคิดว่าอวดฉลาดโชว์ความสามารถต่อหน้าผู้คนได้นิดหน่อยแล้วจะยกย่องตัวเองเป็นปรมาจารย์ได้จริงๆ! รีบรักษาให้ฉันซะ ก่อนที่ฉันจะโมโห!”โจวเทียนเฟิ่งพูดอย่างไม่พอใจสุดขีดหลายปีแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดอย่างนี้กับเธอ“ไอ้เด็กเปรต! รีบรักษาให้เจ๊ใหญ่เดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันตัดไอ้จ้อนของแก!
“มีแต่ฉู่เฉินที่รักษาได้จริงเหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งขมวดคิ้ว มองลำคอที่เริ่มเน่าเปื่อยของตนเองในกระจกสุดท้าย เธอได้แต่กัดฟันแล้วเลือกที่จะก้มหัวเพื่อยอมประนีประนอม “ไปหาฉู่เฉิน”เสียวหู่พยักหัว เขาเหยียบคันเร่งพาโจวเทียนเฟิ่งกลับไปยังบ้านใหญ่ตระกูลฉู่อีกครั้งเพียงแต่ ครั้งนี้เสียวหู่และโจวเทียนเฟิ่งไม่ได้วางตัวสูงส่งไม่เห็นหัวใครอย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว“คุณฉู่ๆ ได้โปรดช่วยชีวิตเจ๊ใหญ่ของเราด้วย”พริบตาเดียว เสียวหู่ตะโกนเข้าไปในห้องรับแขกอย่างนอบน้อม ทิ้งความอวดดีไปจนสิ้น“ไม่ช่วย ไสหัวไป!”เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังออกมาจากในบ้านเสียวหู่ขมวดคิ้ว เขากัดฟันคุกเข่าอยู่หน้าประตู ตะโกนอีกครั้งว่า “คุณฉู่ ได้โปรดช่วยชีวิตเจ๊ใหญ่ของเราด้วย”“ขอแค่คุณยอมช่วย จะให้ผมจงอาหู่คนนี้ทำอะไรก็ยอม!”“แม้จะสั่งให้ผมเอาหัวโขกจนตายตอนนี้เลย ผมก็ยอม”เสียวหู่โขกหัวกับพื้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเลือดไหลอาบหน้าผากโจวเทียนเฟิ่งทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว ลดมาดอวดดีลง ก่อนจะตะโกนว่า “คุณฉู่ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินแล้ว ได้โปรดเมตตาให้อภัยผู้น้อยสักครั้งเถอะ”“ขอแค่คุณยอมช่วย
ซี้ด!จนกระทั่งโจวเทียนเฟิ่งถอดชุดกี่เพ้าออกจนหมด ฉู่เฉินจึงได้เห็นอย่างแท้จริงว่าผู้หญิงคนนี้มีเรือนร่างราวกับนางพญามาร!ความอวบอิ่มด้านหน้า ทั้งกลมกลึงและเต่งตึง เว้าโค้งได้รูปจนน่าทึ่ง งดงามมากจริงๆเอวคอดแบบบาง โอบมือเดียวก็รอบแล้วส่วนบั้นท้ายก็ยิ่งผายกลมได้รูปตามแบบฉบับบั้นท้ายลูกพีช!ปกติผู้หญิงคนนี้ออกกำลังกายด้วยเหรอ?ถึงได้รักษาหุ่นได้ดีขนาดนี้!เรือนร่างของนางพญามารชัดๆ!หลิ่วชิงเหอเทียบกับเธอไม่ติดฝุ่นเลยแม้แต่น้อยเรียกว่านางพญามารไม่เกินจริงเลยแม้ว่าผิวหนังของเธอในตอนนี้จะเน่าเปื่อยไปบางส่วน แต่ก็ยังไม่อาจบดบังเสน่ห์อันเหลือล้นของเธอได้อยู่ดีนี่สิที่เรียกว่าผู้หญิงที่โตเต็มวัย และโตเต็มที่ทุกส่วนแล้วเสียด้วย“พู่…”ฉู่เฉินพ่นลมหายใจ ข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ข้างใน ก่อนพูดว่า “นอนคว่ำลงไปครับ”“อืม…” โจวเทียนเฟิ่งรับคำ อดทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดจากการเน่าเปื่อยของผิวหนัง และนอนคว่ำลงไปจากนั้น ฉู่เฉินเริ่มทายาสีดำสนิทลงตามตัวของโจวเทียนเฟิ่งเริ่มจากแผ่นหลัง ทาไล่ลงมาถึงบั้นท้ายฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะทึ่งกับความกลมกลึงและแน่นของบั้นท้ายของโจวเทียนเฟิ่
“ฉู่เฉิน...”โจวเทียนเฟิ่งพึมพำชื่อของฉู่เฉิน พ่นลมหายใจออกมา ถึงจะพบว่าไม่มีผ้าเช็ดตัวหรือเสื้อคลุมอาบน้ำอยู่ข้างในนี้“คุณฉู่ ช่วยเอาผ้าเช็ดตัวกับเสื้อคลุมอาบน้ำให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”ภายในห้องอาบน้ำ มีเสียงของโจวเทียนเฟิ่งดังออกมาฉู่เฉินตอบกลับว่า “สักครู่นะครับ”ทันใดนั้น เขาหยิบผ้าห่มจากข้างนอก ส่งให้โจวเทียนเฟิ่งอยู่ข้างในผ่านช่องแยกระหว่างประตู และพูดว่า “ที่บ้านผมไม่มีเสื้อคลุมอาบน้ำ ดังนั้นใช้ผ้าผืนนี้เช็ดไปก่อนนะครับ”“ขอบคุณค่ะ” โจวเทียนเฟิ่งแอบอยู่หลังประตู แง้มประตูออก เธอยืนแขนขาวออกไปรับผ้าห่มจากฉู่เฉินฉู่เฉินกลอกตา เห็นทรวงอกอวบอ้วนสีขาวเหมือนหิมะและร่องเนินที่ชวนให้คนหลงใหลซี้ดๆ!นี่มันลูกแตงโม!ลูกแตงโมชัดๆ!โจวเทียนเฟิ่งรับรู้ได้ถึงสายตาของฉู่เฉิน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ภายในใจก็มีความคิดแปลกๆ ผุดขึ้นมา เธออยากจะแกล้งผู้ชายคนนี้มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มเล่ห์เหลี่ยมขึ้นมา ทันใดนั้นช่องระหว่างประตูก็เปิดกว้างขึ้น“ฟู่!”ฉู่เฉินพ่นเลือดออกมาเต็มปาก เขารับไม่ได้กับภาพความงามอันหอมกรุ่นที่กำลังอาบน้ำอยู่ ดังนั้นเขาจึงรีบหันหลังกลับและจากไปโจวเทียนเฟิ่งยิ้ม
ฉู่เฉินคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ตัดสินใจไปเขาคงไม่ควรทอดทิ้งสองสาวสวยไว้ใช่ไหม?ไม่นานเขาก็ถึงที่คลับน้ำพุร้อนอวี้หลง เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปยังห้องโถง ก็มองเห็นกู้รั่วเสวี่ยและถังเจียวเจียวกึ่งนั่งกึ่งนอนตรงโซฟา“พี่ฉู่เฉิน ตรงนี้ค่ะ”กู้รั่วเสวี่ยโบกมือ ตะโกนเรียกฉู่เฉินสองมือของฉู่เฉินล้วงกระเป๋าอยู่ เดินเข้าไป พร้อมกับถามอย่างสงสัยว่า “พวกคุณสองคนมาเจอกันที่เมื่อไหร่กันครับ?”กู้รั่วเสวี่ยยิ้มพร้อมกับควงแขนฉู่เฉินให้นั่งลง พูดขึ้นมาว่า “ฮ่าๆ ฉันกับเจียวเจียวเป็นเพื่อนรักกันแล้วน่ะค่ะ”“เพื่อนรัก?” ฉู่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยมิตรภาพระหว่างผู้หญิงมันเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?ฉู่เฉินกวาดสายตาไปที่ถังเจียวเจียวที่นั่งอยู่ เธอยังคงมีท่าทีที่สูงส่ง มีเพียงแต่ครั้นเมื่อมองตัวเขา เธอก็จะเก็บความหยิ่งทะนงนั้นไว้ ตะโกนขึ้นมาว่า “ปรมาจารย์ฉู่”ฉู่เฉินพูดขึ้นมา “ช่างมันเถอะ คุณถัง เรียกผมว่าปรมาจารย์ฉู่มันดูห่างไกลกันเกินไป เรียกผมว่าฉู่เฉินก็ได้ครับ”ถังเจียวเจียวอึ้งไปชั่วครู่ มองไปยังกู้รั่วเสวี่ยแวบหนึ่ง กู้รั่วเสวี่ยยิ้มพร้อมพูดอย่างรีบร้อนว่า “เจียวเจียวเอางี้ไหม เธอก็เรียกเ
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส
เมื่อคำพูดนี้ออกมา โฮ่วเจี้ยนอิงกับเฉียวเทียนฉี่ รวมไปถึงทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนทอดสายตาไปยังฉู่เฉิน“น้องฉู่ การมองท่านขุนพลตรง ๆ มันเป็นการไม่เคารพอย่างมากเลยนะ รีบ...” ฉู่เฉินไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งกล่าวจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ โค้งตัวไม่ได้ อีกอย่าง คุณให้พวกเขาโทรเชิญผมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผมอยากมาเองนะครับ” “คุณคงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อให้ผมกราบไหว้หรอกใช่ไหม? คุณไม่ใช่เจ้าพ่อหลักเมืองเสียหน่อย”เชี่ย!เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกม ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนตาค้าง เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาแล้ว ส่วนหลิ่วชิงเหอที่ยืนอยู่ข้างหลังซ่งหนิงซวงก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือด กระทืบเท้าไม่หยุด ฉู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไปแล้วมั้ง?กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้อย่างไร?ฟางอวี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินยิ่งตกใจกลัวจนขาสองข้างอ่อนแรง กระตุกชายเสื้อของฉู่เฉินไม่หยุดซ่งหนิงซวงหรี่นัยน์ตาหงส์ลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยว่า “คุณก็คือฉู่เฉินสินะ?” “ถูกต้อง”ฉู่เฉินยืดหลังตรง ตอบ
ฉู่เฉินก้าวเข้ามาใกล้ฟางอวี่เจิ้ง จับมือกับฟางอวี่เจิ้ง หลังจากนั่งลงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานฟาง เรื่องยาบำรุงสวรรค์หลี่จิงจิงทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”ฟางอวี่เจิ้งยิ้มประจบ รินน้ำชาให้ฉู่เฉินไปพลาง พยักหน้าและกล่าวไปพลาง “เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิบปีนี้ ฉันก็อาจได้เลื่อนตำแหน่งไปที่ที่ว่าการมณฑลแล้ว”“เรื่องนี้ ต้องขอบคุณน้องฉู่ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ฉันฟางอวี่เจิ้งช่วยได้ น้องฉู่แค่เอ่ยปากมา”ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง ฉู่เฉินมองไปรอบๆ ไปพลาง ก่อนจะกล่าวว่า “ประธานฟางครับ งานเลี้ยงคืนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย ขุนพลเทียนเฟิ่งคนนี้มีที่มายังไงกันแน่ครับ?”พอได้ยินคำนี้ ฟางอวี่เจิ้งรีบยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวว่า “ชู่... เบาเสียงหน่อย”“ขุนพลเทียนเฟิ่งไม่ธรรมดาเลย นับตั้งแต่เข้ากองทัพเมื่อห้าปีก่อน ก็สร้างผลงานทางการรบมานับครั้งไม่ถ้วน และยังเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนพลดินแดนมังกร ฉันได้ยินมาว่าอีกสามเดือนให้หลัง เธอยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของสี่ยอดขุนพลพิทักษ์ชาติด้วย”“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอควรจะเป็นคนรุ่นใหม่เพียงค
ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนก้นของหลี่จิงจิงอย่างแรงครั้ง จากนั้นเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกและจะกระโดดลงไปทันทีซี้ด!หลี่จิงจิงเห็นฉู่เฉินกระโดดลงจากหน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตกใจจนใบหน้าเล็กซีดเผือดนี่ชั้นหกเลยนะ!แต่ในวินาทีถัดมา เมื่อฉู่เฉินเดินไปที่ลานจอดรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่จิงจิงจึงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา“ปัง!”ขณะที่หลี่จิงจิงยังตกใจจนพูดไม่ออก ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดอย่างแรงชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบสี่หรือสามสิบห้าปี ทันทีที่ผลักประตูเข้ามา คนทั้งคนก็ชะงักไปทั่วทั้งห้องทำงานอบอวลไปด้วยกลิ่นฮอร์โมน และหลี่จิงจิงสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเล็กตัวเดียว กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างชะเง้อมองออกไปด้านนอกภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนพลันสัมผัสได้ถึงลางร้าย เหมือนกับถูกคนสวมเขาโดยเฉพาะในห้องทำงาน เครื่องออกกำลังกายที่แม้แต่เขายังไม่รู้จักชื่อ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนนั้น ยิ่งทำให้ความคิดในใจเขาชัดเจนขึ้น“จิงจิง! คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ชายวัยกลางคนโกรธจัด รีบก้าวไปที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะยื่นมือผลักเปิดหน้าต่างระบายอากาศออก แล้วโผล่ตัวออกไปชะเง
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง