จ้าวอีม่านทรุดตัวลงบนโซฟา และหลังจากต่อสู้ภายในใจอย่างขมขื่น ในที่สุดเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของฉู่เฉินโทรศัพท์ดังอยู่นานก่อนที่ฉู่เฉินจะรับสายและพูดว่า “นี่ใคร?”“สวัสดี ฉันเป็นหมอที่โรงพยาบาลประชาชน ฉันชื่อจ้าวอีม่าน คุณคือคุณฉู่ใช่ไหมคะ?”เมื่อฟังเสียงสั่นเครือของจ้าวอีม่านทางโทรศัพท์ ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปถ่ายที่หลี่จิงจิงแสดงให้เขาเห็นในวันนั้นผมลอนสีทองขนาดใหญ่ที่ไหวปลิวไปตามสายลม ดวงตาที่สดใสและฟันสีขาว และปากเล็กๆ ที่เย้ายวนใจมาก!“อืม ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินถามอย่างตั้งใจ เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วโดยไม่ต้องเดา เขาสามารถเดาได้ว่าต้องเป็นผู้หญิงไร้สมองที่มีหน้าอกใหญ่คนนี้แน่ๆ ที่เผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจางไห่หยางโดยไม่ได้ตั้งใจ“คุณฉู่ ฉัน... ฉันเผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจาง คุณช่วยมาช่วยฝังเข็มกลับคืนให้หน่อยได้ไหม”จ้าวอีม่านพูดอย่างตรงไปตรงมาในความเห็นของเธอ ฉู่เฉินอาจพยายามเอาใจตระกูลจางเช่นกัน ตราบใดที่เธออธิบายอาการปัจจุบันของจางไห่หยาง ฉู่เฉินก็รีบมาทันที“ไม่ว่างครับ”ฉู่เฉินตอบอย่างเย็นชาอะไรนะ?ไม่ว่าง?!เมื่อได้ยินคำตอบส
หลังจากเรียนต่อต่างประเทศมาหลายปี จ้าวอีม่านก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก และความบริสุทธิ์ก็ไม่สำคัญกับเธอเท่าไหร่นักอย่างไรก็ตาม ให้ยอมจำนนต่อคนที่เหมือนกับหมอเถื่อนทำให้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยการดิ้นรนและไม่ยินยอม“คุณหมอจ้าว เวลาของผมมีค่ามาก ถ้าคุณตกลงก็ช่างมันไปเถอะ ถึงยังไงผมไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณแค่คนเดียว”ระหว่างที่พูดฉู่เฉินก็เตรียมตัวจะกดวางสายเมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวอีม่านก็ร้อนใจขึ้นมาทันทีและรีบพูดกับฉู่เฉินที่ปลายสายว่า “คุณฉู่! ฉัน... ฉันรับปากค่ะ แต่คุณต้องรับประกันว่าคุณสามารถช่วยจางไห่หยางได้!”เธอไม่สามารถเสียสละตัวเองไปเปล่าๆ สุดท้ายจางไห่หยางก็ไม่รอด แบบนั้นความพยายามทั้งหมดของเธอจะสูญเปล่าใช่ไหม?“ได้”ฉู่เฉินอย่างใจเย็นและพูดว่า “รอผมข้างในห้องผู้ป่วยของเขา”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสาย แล้วพูดกับหลูไคซานที่กำลังขับรถอยู่ว่า “เลขหลู กลับรถ พวกเราไปที่โรงพยาบาลประชาชน”หลูไคซานได้ยินบทสนทนาของฉู่เฉินกับจ้าวอีม่านอย่างชัดเจน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น และขณะที่เขาเลี้ยวรถกลับ เขาก็ถามหยั่งเชิงว่า “คุณฉู่ ผมอยากทราบว่าเสียวอิ่งช่วยอะไรคุณไว้ในวันนั้นครับ?”อย่าเห็น
เมื่อไม่สามารถรักษาพรหมจรรย์ของตัวเองไว้ได้ ราชันมังกรจะทอดทิ้งเธอเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?หลิ่วหรูเยียนที่กำลังตกอยู่ในความคิด ก็มีเสียงหลิ่วชิงเหอดังขึ้นมาจากข้างล่าง “หรูเยียน”หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจ คว้าชุดนอนบางๆ จากตู้เสื้อผ้ามาใส่อย่างสบายๆ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกับสะโพกอวบอิ่มที่แกว่งไกว“มีอะไรคะแม่?”หลิ่วหรูเยียนถามอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ตอนนี้หมดหวังกับโครงการที่โรงพยาบาลประชาชนแล้ว จึงได้แต่หาทางออกอื่นอย่างไรก็ตาม เธอไม่เชื่อว่าคนๆ หนึ่งจะสามารถถูกทำให้จนตรอกเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ได้?หากใช้ชื่อเสียงของฉู่ซื่อกรุ๊ปจะต้องมีหนทางอื่นอย่างแน่นอน“นอกจากเรื่องของไอ้ฉู่เฉิน ยังจะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ”ในขณะที่พูด หลิ่วชิงเหอสวมชุดนอนซีทรูสีดำและพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “แม่ให้คนไปถามมาแล้ว ไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นมันช่วยชีวิตนายท่านใหญ่เฉียวที่เกือบตายเอาไว้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหลิ่วหรูเยียนก็หล่นตุบอย่างห้ามไม่อยู่หากเฉียวเทียนฉี่ตัดเส้นทางการเงินของฉู่ซื่อกรุ๊ปเพียงเส้นทางเดียว นั่นก็คงจะพอเจรจาได้ แต่ถ้าฉู่เฉินมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อตระกูลเฉียวเช่นนั้น เพื่อตอบแ
อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่พึ่งถึงหน้าห้องผู้ป่วยของจางไห่หยาง ก็กดรับสายหลิ่วชิงเหอเมื่อมองไปที่หมายเลขผู้โทรและเห็นว่าเป็นหลิ่วชิงเหอ ฉู่เฉินจึงวางสายทันทีและเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ของทั้งหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนลงในแบล็กลิสต์ของเขาเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณสายไม่ว่างกะทันหันที่ปลายสาย หลิ่วชิงเหอก็เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา“บ้าเอ๊ย!”เมื่อเห็นหลิ่วชิงเหอกัดฟัน หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วและถามว่า “แม่เป็นอะไรไปคะ?”“มัน... มันถึงกับบล็อกแม่!”ตอนที่หลิ่วชิงเหอพูดออกมา ใบหน้าของเธอบูดบึ้งไปหมด!ไอ้สารเลวฉู่เฉินนั้น คงเดาได้ว่าเธอกำลังจะขอความช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงบล็อกเธอ เพื่อบังคับให้เธอมาหาเขาถึงที่จะเกินไปแล้วนะ!หลิ่วชิงเหอกำหมัดแน่นและเดินไปเดินมาในห้องนั่งเล่นด้วยขาขาวราวกับหิมะของเธออย่างโกรธจัดเพื่อฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอสามารถให้ฉู่เฉินย่ำยีเธออย่างไรก็ได้ แต่เธอไม่มีทางเอาตัวเองไปหาเขาถึงที่แน่นอนมันจะมีใครบ้างที่เอาตัวเองใส่พานเสนอตัวให้เขาทดลองสินค้าดูก่อน?อีกอย่างตอนนี้เธอเป็นถึงประธานของบริษัท เธอจะไม่รักษาศักดิ์ศรีนี้ไว้เลยเหรอ?“อะไรนะคะ?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินเช่นนั
...ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู จ้าวอีม่านรีบลุกขึ้นจากโซฟาและมองไปยังฉู่เฉิน ร่างกายสูงโปร่งกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็น และหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ จ้าวอีม่านก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสักครู่นี้เธอยังคงกังวล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกฝ่ายเป็นชายอายุห้าสิบหรือสี่สิบปี?เธอไม่สามารถปล่อยให้ร่างขาวราวกับหิมะของเธอถูกตาแก่เอาเปรียบหรอกนะแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าเธอกำลังเอาเปรียบฉู่เฉินแทนเมื่อเห็นผิวที่บอบบางของฉู่เฉินและความจริงที่ว่าเขาดูอ่อนกว่าเธออย่างน้อยสี่หรือห้าปี จ้าวอีม่านก็มีคำว่าวัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และเธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูกทุกครั้งที่เธอนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้“คุณคือหมอจ้าวใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินมองไปที่จ้าวอีม่าน ซึ่งหน้าอกที่ใหญ่โตมโหฬารที่ไม่สามารถปกปิดได้แม้จะสวมเสื้อกาวน์สีขาวของเธอ และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจ้าวอีม่านพยักหน้าเล็กน้อยและปลดกระดุมเสื้อกาวน์ของเธอออกขณะที่เธอเปิดหน้าอ
“ออกไป!”บอดี้การ์ดสวมชุดสูทสีดำสองคนออกแรงผลักจางหลงจนเขาเกือบล้มลงกับพื้นจางเฉิงหลงยืนตัวตรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ และมองไปทางห้องผู้ป่วยอย่างเย็นชาก่อนจะจากไปอย่างโกรธเคืองแม้ว่าเขาจะไม่กล้าตอบโต้ฉู่เฉินโดยตรง แต่จางไห่หยางยังอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?หากเขาเพิ่มบางสิ่งลงในน้ำเกลือ การฆ่าจางไห่หยางก็ไม่ใช่ปัญหาหากจางไห่หยางตาย จางปินจะปล่อยฉู่เฉินไปง่ายๆ งั้นเหรอ?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จางเฉิงหลงก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยและเดินกลับไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยสีหน้าชั่วร้ายในอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเฟอร์นิเจอร์ขยับมาจากห้องผู้ป่วยอีกครั้ง จางปินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาจำได้ว่าครั้งก่อนที่ฉู่เฉินมา เขาก็ได้ยินเสียงคล้าย ๆ กันเป็นไปได้มากว่าฉู่เฉินน่าจะมาถึงแล้วหรืออยู่ระหว่างฝังเข็มให้จางไห่หยาง ดังนั้นเขาจึงหันศีรษะแล้วพูดกับฉินอวี่ซานว่า “อวี่ซาน ไปดูว่าอาการของไห่หยางยังคงที่ไหม”“ค่ะ”ฉินอวี่ซานพยักหน้าอย่างแรงและรีบเดินไปที่ห้องผู้ป่วยเมื่อมาถึงที่ประตู ฉินอวี่ซานเหลือบมองบอดี้การ์ดที่ยังคงยืนอยู่ที่นั่นแล้วพูดว่า “พวกนายถอยออกไปก่อน ฉันจะเข้าไปดูสักหน่อย”บอดี้กา
ฉินอวี่ซานถูกฉู่เฉินจับเอวเล็กๆ ของเธอไว้จากด้านหลัง ร่างกายของเธอเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย โดยปกติแล้วนี่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรแต่เพราะว่าวันนี้อากาศร้อนมาก ฉินอวี่ซานจึงสวมเพียงกระโปรงสั้น และไม่ได้ใส่ถุงน่องด้วยซ้ำท่าตอนนี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างดันที่ขาของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ตกใจจนบหน้าเล็กๆ ของเธอซีดลงฉู่เฉินคงไม่ได้มีพลังเหลือที่จะทำศึกอีกครั้งใช่ไหม?“ตะโกนเรียกคนงั้นเหรอ? ได้สิ”ฉู่เฉินกดใบหน้าของเขาแนบกับใบหน้าเล็กๆ ของฉินอวี่ซานแล้วยิ้ม “อย่างมากคุณก็ค่ตะโกนเรียกคนมา ผมก็แค่กลับไป แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นจางไห่หยางคงจะอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงนะครับ”“ถ้าเขาตาย ความฝันที่จะได้แต่งงานในตระกูลที่ร่ำรวยของคุณก็จะสลาย”“ฉะนั้นผมขอเตือนให้คุณอยู่เงียบๆ แล้วเชื่อฟังผมเถอะครับ”เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เฉิน ฉินอวี่ซานก็ตกตะลึงที่จริงเธอไม่ได้รักจางไห่หยางเลย เธอแค่ต้องการปอกลอกความร่ำรวยของตระกูลจางแค่นั้นเองหากเป็นสถานที่อย่างอื่น เธอจะไม่ลังเลที่จะโถมตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เฉินแต่ตอนนี้ไม่ได้อย่างไรนี่คือโรงพยาบาล จางปินและถานหลิง
ฉินอวี่ซานเมื่อได้ยินเสียงถานหลิงตะโกนมาจากด้านหลัง เธอก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น แทบจะฉี่ราดตรงนั้นเลยถึงแบบนั้นฉู่เฉินก็ไม่สนใจใดๆ และยังคงจับมือเล็กๆ ของเธอฝังเข็มเงินเข็มที่สองเข้าไปในร่างจางไห่หยาง“อย่ากลัวไปครับ ถือซะว่าเธอไม่มีตัวตน เราต่อกัน”ฉู่เฉินพูดพลางราวกับกำลังยั่วยุถานหลิง เขาจูบคอขาวราวกับหยกของฉินอวี่ซานเมื่อเห็นฉากนี้ ถานหลิงก็ทนไม่ได้อีกต่อไป!เมื่อกี้เธอไม่ได้นำปัญหาไปพูดต่อหน้าฉู่เฉินตรงๆ นั่นก็เพื่อเป็นการรักษาหน้าเขาแต่ตอนนี้ ฉู่เฉินกล้าที่จะจูบลูกสะใภ้ในอนาคตของเธอต่อหน้าเธองั้นเหรอ?นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!“คุณฉู่ คุณทำอะไรอยู่คะ?”ถานหลิงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและคว้าไหล่ของฉู่เฉินไว้ ตั้งใจจะดึงเขาออกจากฉินอวี่ซาน อย่างน้อยเธอก็ไม่สามารถปล่อยให้เขาแทะโลมลูกสะใภ้ในอนาคตของเธออย่างหน้าด้านๆ แบบนี้ได้“แน่นอนว่าผมกำลังฝังเข็มให้จางไห่หยาง คุณอยากทำแทนไหมล่ะ?”ฉู่เฉินหันศีรษะเล็กน้อยและมองไปที่ถานหลิงด้วยท่าทางยียวนเมื่อเห็นเข็มเงินยื่นให้เธอ ถานหลิงก็โกรธมากจนกลอกตาไปมา ถ้าเธอรู้วิธีทำเธอจะต้องขอร้องฉู่เฉินเหรอ?“ฟู่!”ทันใดนั้น จางไห่หยางก็พ่นเ
แม้ว่าฉู่เฉินจะมีมรดกของมังกรเฒ่า แต่เวลานี้เขาตกอยู่ท่ามกลางอาคมประตูกลมหัศจรรย์โดยสิ้นเชิงแล้วตั้งแต่โบราณมาวิชาประตูกลมหัศจรรย์ก็คือวิชาลี้ลับที่แย่งชิงพลังจากฟ้าเพื่อสร้างโชค ลึกลับอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเห็นใต้เท้าของฉู่เฉินเกิดเป็นน้ำวน “กินคน” เสิ่นเจี้ยนเฟิงรีบตะโกนเสียงดังบอกเกาเซิ่งอี้ว่า “รีบไปเร็วเข้า! ที่นี่กำลังจะถล่มแล้ว!”เมื่อสิ้นเสียงพูด เสิ่นเจี้ยนเฟิงก็พุ่งปราดออกไป เกาเซิ่งอี้เองก็ไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกาย รีบทะยานออกไปอย่างรวดเร็วโครม!วินาทีต่อมา ทั่วทั้งห้องโถงถล่มลงไปจริง ๆ เกิดเป็นหลุมลึกที่มองไม่เห็นพื้นขึ้นมาที่ใต้ดินโครมคราม!ชั่วขณะหนึ่ง อาณาเขตคฤหาสน์กว่าครึ่งคล้ายกับอยู่ท่ามกลางทรายดูดในทะเลทราย แม้แต่ตัวคฤหาสนทั้งหลังก็จมลงไปในหลุมลึกเช่นกันส่วนฉู่เฉินก็จมลงไปสู่ใต้ดินตามคฤหาสน์ไปเช่นเดียวกัน“ฮ่า ๆๆ...”เสิ่นเจี้ยนเฟิงเห็นฉู่เฉินโดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแล้ว เขาก็อดแหงนหน้าหัวเราะเสียงดังไม่ได้แล้วพูดว่า “ไอ้เด็กไม่รู้ความ ยังกล้าอวดดีต่อหน้าพวกเราอีกเหรอ? นี่ก็คือจุดจบของแก!”จางจิ่งหลงมองคฤหาสน์ที่โดนฝังลึกอยู่ในใต้ดินแวบหนึ่ง ก่อนจ
ฉู่เฉินกลับไม่สนใจเขาเลย เพราะว่าจางจิ่งหลงที่อยู่ข้างหลังเขาก็ออกหมัดสังหารเข้ามาเช่นกัน“ลองดูหมัดมังกรดำของฉัน!”ฟิ้ว!สายลมรุนแรงที่ขนาบโดยหมอกดำพุ่งตรงมาที่กลางหลังของฉู่เฉิน“ตายซะ!”ในขณะเดียวกัน เกาเซิ่งอี้พุ่งกายหลายครั้งราวกับภูตผีจนมาถึงด้านหลังของฉู่เฉิน เขายกฝ่ามือดำทะมึนขึ้นมาก่อนจะฟาดตรงไปที่เอวของฉู่เฉินถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะพุ่งตัวหลบหมัดมังกรดำของจางจิ่งหลงแล้ว แต่เขาก็รับหมัดของเกาเซิ่งอี้ไปเต็ม ๆผัวะ!ลอบโจมตีสำเร็จ เกาเซิ่งอี้ยกมุมปากเล็กน้อย เผยรอยยิ้มหยันออกมาสุดท้ายฉู่เฉินก็ยังเด็กเกินไป ไม่เคยผ่านประสบการณ์ต่อสู้ตะลุมบอนเช่นนี้มาก่อนขอเพียงเขาโดนฝ่ามือนี้ แค่ไอชั่วร้ายด้านในก็เพียงพอเปลี่ยนให้ฉู่เฉินกลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองแล้วอย่างไรก็ตาม วินาทีถัดมา รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างโดยสิ้นเชิงฉู่เฉินถูกเขาซัดฝ่ามือใส่เอว ไม่เพียงไม่ล้มลงคาที่ แต่ว่าลมปราณกลับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราวกับว่าไอชั่วร้ายของเขาไม่ได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับฉู่เฉินเลย ตรงกันข้ามยังเป็นยาบำรุงให้ฉู่เฉินแทนเวรเอ๊ย!นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?ต้องรู้เอาไว้ว่า วิชาที่เขาฝึกฝนคือ
เมื่อไอชั่วร้ายแผ่กระจายออกมา อุณหภูมิรอบด้านพลันลดฮวบลงถึงจุดเยือกแข็งในพริบตา เวลานี้เอง ผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่อยู่ด้านล่างเวทีพากันส่ายหน้า แปดเก้าในสิบส่วนคิดว่าฉู่เฉินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วถูกยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนล้อมเอาไว้ แม้ว่าร่างกายของฉู่เฉินเป็นเหล็ก จะบดขยี้ตะปูหลายเล่มได้เหรอ?ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นเกาเซิ่งอี้ที่มีความสามารถอ่อนด้อยที่สุดในหมู่ทั้งสามคนก็ไม่ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายเหมือนกัน“คนแซ่ฉู่ ต่อให้ฉันต้องตายก็จะให้แกตายไปเป็นเพื่อนด้วย”ทางด้านข้าง ฉีอวี่ไท่ที่นอนประคับประคองชีวิตอยู่บนเสาปูนมาตลอด ไอเป็นเลือดไปพลาง เอ่ยพร้อมกับหัวเราะหยันติดต่อกันไปพลางเวลานี้เอง เขารู้ว่าอวัยวะภายในของตัวเองถูกฉู่เฉินทำลายจนหมดแล้ว ต่อให้ฉู่เฉินไม่ฆ่าเขา เขาก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง แต่พอเขาเห็นฉู่เฉินโดนยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสามคนรุมโจมตี ดวงตาก็เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งส่วนผู้ทรงอิทธิพลมากมายที่ชมความคึกคัก เวลานี้ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายความอันตรายเลยพากันถอยออกไปจากห้องโถง หลบออกไปไกลถึงอย่างไรยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานสี่คนต่อสู้กัน ต่อให้
“ไอ้หนู แกล้าดีนักนะ!”จางจิ่งหลงถลึงตาสองข้างอย่างเกรี้ยวกราด เดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองฉู่เฉินอย่างขุ่นเคืองเกาเซิ่งอี้ก็ลุกขึ้นมาช้า ๆ แล้วเอ่ยด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเย็นชาว่า “ฉู่เฉิน แกโอหังเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? ต่อให้อาจารย์ของแกมาก็ไม่กล้าท้าทายพวกเราสามคนพร้อมกันหรอก!”เสิ่นเจี้ยนเฟิงลุกขึ้นมาเช่นกันแล้วกล่าวว่า “เจ้าหนุ่ม เปิดเผยความสามารถมากเกินไป บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”ถังเทียนอวี่เป็นอัจฉริยะของตระกูลถังจริง ๆ แต่ถึงอย่างเขาก็มีแค่พลัง ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริงเท่าไหร่นัก แต่พวกเกาเซิ่งอี้กับจางจิ่นหลงไม่เหมือนกันตลอดทางมาเดินมานี้ มีใครบ้างที่ไม่ได้ผ่านศึกมานับร้อย?เมื่อเทียบกันแล้ว ความสามารถอันน้อยนิดของถังเทียนอวี่ไม่นับว่าเป็นอะไรเลยพูดได้ว่า ถึงแม้จะอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นสี่เหมือนกัน แต่ถังเทียนอวี่สองคนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางจิ่งหลงยิ่งไม่ต้องพูดถึงจางจิ่งหลงกับเสิ่นเจี้ยนเฟิงที่เป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นสี่นอกจากนี้ เกาเซิ่งอี้ก็อยู่ห่างจากระดับสร้างรากฐานชั้นสี่แค่ก้าวเดียวเท่านั้น“เดิมทีฉันไม่อยากเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ขอเพียงแกย
พรวด!คราวนี้ เจ็บมากเกินไปแล้วถังเทียนอวี่อ้าปากกว้างกระอักเลือดคำโตโดยที่มีเศษอวัยวะภายในปะปนอยู่ด้วยออกมาแม้แต่แสงสีทองบนร่างของเขาสายนั้นก็หมองหม่นลงไปในพริบตาเวลานี้ถังเทียนอวี่รู้สึกแค่ว่าเหมือนอวัยวะภายในเคลื่อนที่หมดแล้ว เจ็บจนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนขึ้นมา อ้าปากกว้าง ทว่าร้องโหยหวนไม่ออกแม้แต่นิดเดียว“นี่ก็คืออัจฉริยะของตระกูลถังเหรอ?”ฉู่เฉินใช้เท้าเหยียบใบหน้าของถังเทียนอวี่ แล้วขยี้กับพื้นไม่หยุด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “ต่อให้เป็นหมูก็ยังเก่งกว่าอัจฉริยะแบบนี้อีกมั้ง?” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หางตาของถังเทียนอวี่ก็แทบจะเบิกโพลง เขากัดฟันแน่น ปรายตามองฉู่เฉินพลางเอ่ยว่า “นะ...นายกล้าดูถูก...”“ผัวะ!”ฉู่เฉินเตะเข้าที่ปากของถังเทียนอวี่ จากนั้นก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “ผมดูถูกตระกูลถังของคุณแล้ว คุณจะทำอะไรผมได้? ผมดูถูกคุณแล้ว คุณจะทำอะไรได้?”ถังเทียนอวี่โกรธจนตัวสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่ก็เป็นเหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดไว้ ตันเถียนของเขาถูกฉู่เฉินเตะจนแตกไปหมดแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?เวลานี้ บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่รอบด้านต่างมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาที่เ
บรรดาผู้ทรงอิทธิพลที่นั่งใกล้หน้าประตูมากมาย เห็นกับตาว่าแม้แต่รถกอล์ฟก็ถูกอัดจนผิดรูปไปแล้ว พวกเขาก็รีบถอยไปทางมุมกำแพง กลัวว่าจะต้องตายอย่างอนาถโดยไร้ความผิดส่วนหมัดของถังเทียนอวี่นี้ก็มีอานุภาพสะเทือนฟ้าดินจริง ๆพูดได้ว่าเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉู่เฉินเคยพบเจอนับตั้งแต่ที่เข้าวงการมาถึงอย่างไรตระกูลถังก็เป็นตัวตนที่กดขี่ทั้งเมืองได้ด้วยตระกูลเดียว ไม่ว่าจะเป็นวรยุทธ์หรือความสามารถของตัวถังเทียนอวี่เอง สำนักเล็ก ๆ ระดับล่างอย่างสำนักเสวียนเทียนกับสำนักอวี้ซือไม่อาจเทียบได้เลยพูดได้ว่าสำนักเล็ก ๆ ทั้งสองนั้นเป็นเพียงเศษธุลีที่ลอยวนเวียนอยู่ขอบโลกแห่งการหยั่งรู้เท่านั้นแต่ตระกูลถังกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตัวตนที่สามารถสยบทั้งเมืองได้ด้วยพลังอำนาจของตระกูล มีใครบ้างที่ไม่ได้มาจากสำนักใหญ่ ครอบครองวิชาชั้นสูงเป็นมรดกตกทอด?เวลานี้เอง ภายในดวงตาของถังเทียนอวี่เต็มไปด้วยจิตสังหารเย็นเยียบ แทบอยากจะต่อยฉู่เฉินให้เนื้อแหลกละเอียดในหมัดเดียวเมื่อเห็นเขาจะลงมือสังหารฉู่เฉินจริง ๆ เกาเซิ่งอี้ที่นั่งอยู่บนที่สูงรีบเอ่ยปากกล่าวว่า “หลานถัง ห้ามต่อยเขาให้ตายในหมัดเดียวเด็ดขาด
เธอไม่อยากเอาชีวิตเล็ก ๆ ของตัวเองไปทิ้งตอนนี้ที่หลิ่วหรูเยียนยังอยู่กับฉู่เฉินไม่ไปไหน ก็เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากเขา ให้ช่วยพวกเธอสองแม่ลูกก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ก็เท่านั้น ไม่ตายเป็นเพื่อนฉู่เฉินแน่!“ฉู่เฉิน คนพวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลยนะ หรือว่านายจะลองยอมรับปากพวกเขาไปก่อนดีไหม ถึงยังไง...”ไม่รอให้หลิ่วหรูเยียนพูดจบ ฉู่เฉินก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดขัดขึ้นมา “พวกมันเคยเป็นใครมาก่อนฉันไม่รู้ แต่อีกไม่นาน เดี๋ยวพวกมันก็จะเป็นศพแล้ว”ซี้ด!ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ บรรดานักธุรกิจทรงอิทธิพลหลายคนที่นั่งอยู่รอบ ๆ ถึงกับสูดหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจติด ๆ กันชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้านล่างแถวหน้าสุดก็ลุกขึ้นยืน และพูดกับฉู่เฉิน “นี่น้องชาย แกรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอยู่กับใคร?”“คนที่อยู่ตรงนั้นน่ะ คือปรมาจารย์เสิ่น บุคคลที่มีอิทธิพลสูงสุดของตระกูลผู้บำเพ็ญพรตแห่งปินเฉิง!”“ส่วนท่านผู้อาวุโสท่านนี้ คือผู้นำตระกูลจางแห่งเซียงเฉิงเชียวนะ!”“แล้วก็ยังท่านผู้นั้นอีก เขาคือถังเทียนอวี่อัจฉริยะของตระกูลถังแห่งอวิ๋นเฉิง!“มีท่านไหนบ้างที่สามารถเทียบเคียงกับคนแบบฉันและแกได้? เอ
“แม่คุณแซ่อะไรเหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะมองเกาเซิ่งอี้ด้วยแววตาแข็งกร้าว“แก! แกหมายความว่าอะไร?”ใบหน้าของเกาเซิ่งอี้แฝงไปด้วยความเยือกเย็น เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจะจ้องฉู่เฉินตาเขม็ง“คุณสั่งให้ผมมอบหยกโลหิตกิเลนให้คุณ ผมก็ต้องยอมมอบให้คุณง่าย ๆ? แล้วถ้าผมบอกให้คุณมอบชีวิตให้ผม คุณจะยอมปาดคอฆ่าตัวตายไหม?”ฉู่เฉินพูดออกมาด้วยสีหน้าหยันเกาเซิ่งอี้หายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความโกรธในใจเอาไว้ ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “นี่ไอ้หนุ่ม แกไม่รู้คุณสมบัติที่แท้จริงของหยกโลหิตกิเลนด้วยซ้ำ ถ้าแกมีมันอยู่ในมือ ก็ถือเป็นการทำลายสมบัติที่มีค่าและยังจะนำพาปัญหายิ่งใหญ่ตามมาอีก”“การให้แกมอบหยกโลหิตกิเลนให้ฉัน ก็เพราะหวังดีต่อแกนะ”ฉู่เฉินพยักหน้าอย่างหนักแล้วพูดว่า “พูดได้มีเหตุผลดีจริง ๆ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ ก็ปรากฏความเย้ยหยันออกมา เพราะยังไงสุดท้ายแล้วฉู่เฉินก็ต้องยอมศิโรราบอยู่ดีไม่ใช่หรือไง?แต่ในวินาทีถัดมา ไม่ใช่แค่ถังเทียนอวี่และคนอื่น ๆ เท่านั้น แม้แต่เกาเซิ่งอี้เองก็ถึงกับหน้าดำหน้าแดงด้วยความโกรธ เพราะคำพูดต่อมาของฉู่เฉิน“ความจ
บางทีสักวันหนึ่ง เธออาจจะสามารถเหยียบผู้ชายเฮงซวยพวกนี้ให้จมดินได้ในตอนนี้ คนที่ตกใจมากที่สุดก็ยังเป็นฉีอวี่ไท่ ความจริงแล้ว ฉีอวี่ไท่เป็นคนเดียวในรุ่นที่สองของตระกูลฉีที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก อีกทั้งยังเคยกราบอาจารย์เก่ง ๆ หลายคนตอนที่ตระกูลฉีมาพึ่งพิงเกาเซิ่งอี้ เขาก็มีพลังระดับปรมาจารย์แล้ว และหลังจากผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหลายปี ประกอบกับทรัพยากรจำนวนมากที่เกาเซิ่งอี้มอบให้ เขาจึงประสบความสำเร็จเหมือนในวันนี้แต่ฉู่เฉินกลับสามารถใช้ลูกเตะเดียวทำลายพลังของเขา สะเทือนอวัยวะภายในร่างของเขาจนเละอย่างน้อยสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า ฉู่เฉินต้องเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานอย่างแน่นอนในความทรงจำของเขา ตระกูลฉู่แห่งเจียงจง ไม่มีพื้นฐานด้านการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และในช่วงเวลาสามปีที่พ่อแม่ของฉู่เฉินหายสาบสูญไป ฉู่เฉินก็อยู่ในสภาพ เกือบตายตลอดเวลาอย่าว่าแต่การฝึกวรยุทธ์หรือบำเพ็ญพรตเลย แม้แต่การลุกขึ้นยืนและเดิน สำหรับฉู่เฉินแล้ว นี่เป็นเพียงความฝันที่ไม่สามารถเป็นความจริงได้ในเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่เดือน ทำไมฉู่เฉินถึงเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้?เมื่อครู่เขาได้ทำการยืนยันหล