เมื่อกี้จางไห่หยางยังอาการดีๆ อยู่เลย แม้ว่าจะยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมา แต่สัญญาณชีพยังคงที่อยู่เลยการเปลี่ยนแปลงในอาการของจางไห่หยางหลังจากถอนเข็มออกนั้นช่างน่าตกใจ เห็นได้ชัดว่าปัญหาอยู่ที่เข็มเงิน“ในเข็มเงินมีแม่เธอสิ!”ดวงตาของจางปินแดงก่ำด้วยความโกรธเขาเมีลูกชายเพียงคนเดียว และไม่ลังเลเลย เขาคว้าคอเสื้อของจ้าวอีม่านและกำปั้นของเขาก็กดลงบนเนื้อนุ่มๆ บนหน้าอกของจ้าวอีม่านแล้ว“ผมบอกคุณ แต่คุณก็ยังจะดึงเข็มออกให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของผม ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณก็จะเดือดร้อนหนัก!”พูดจบ จางปินก็ตะโกนจนดังลั่นออกไปข้างนอกวินาทีต่อมา บอดี้การ์ดชุดดำสองคนผลักประตูเปิดและปิดกั้นทางออกจางปินชี้ไปที่จางไห่หยางบนเตียงแล้วพูดอย่างดุร้าย “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของผม คุณจะถูกฝังไปพร้อมกับเขา!”ซี้ดๆ!เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวอีม่านก็สับสนมึนงงเธอไม่เคยเห็นญาติของคนไข้กล้าขู่หมออย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน!“ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณอยู่ไหน พาเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้!”ถานหลิงก็โกรธเช่นกันและคว้าแขนพยาบาลที่เดินผ่านมาพร้อมร้องกรี๊ดเสียงดัง“คุณนาย
ใช่แล้ว!ทันใดนั้น ถานหลิงก็ได้สติขึ้นมา ฉู่เฉินฝังเข็มเข้าไป พอเพียงแค่เรียกฉู่เฉินมาทางอีกครั้งก็น่าจะได้แล้วนี่?เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถานหลิงก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา วิ่งไปที่ทางเดิน และกดหมายเลขโทรศัพท์ของฉู่เฉินผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ปลายสายถึงจะมีเสียงของฉู่เฉินดังขึ้นมา “มีอะไร คุณอยากได้อีกเหรอ?”ถานหลิงหน้าแดงเมื่อถูกถาม และพูดตะกุกตะกัก “คะ...คุณฉู่ มีบางอย่างเกิดขึ้น!”เมื่อพูดอย่างนั้น ถานหลิงก็บอกจ้าวอีม่านเกี่ยวกับการดึงเข็มออกมา แล้วพูดอย่างกังวล “คุณฉู่ ไห่หยางร่างกายชักอย่างรุนแรงตอนนี้ คุณคิดว่าคุณจะฝังเข็มอีกเล่มให้เขาได้ไหมคะ”ฉู่เฉินเยาะเย้ยและพูดว่า “ถานหลิง ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ? ผมไม่ได้เป็นหนี้ครอบครัวของคุณเลย ถ้าคุณบอกให้ผมดึงเข็มออกผมก็จะดึงมันออก และถ้าคุณบอกให้ผมฝังเข็มเข้าไป ผมก็จะฝังมันเข้าไปงั้นเหรอ?”ถานหลิงก็ถูกถามโดยฉู่เฉินเช่นกันถ้าจะพูดกันตามหลักแล้ว เป็นเพราะเธอและจางปินสงสัยในตัวฉู่เฉิน พวกเขาจึงยอมให้จ้าวอีม่านดึงเข็มออกตอนนี้ฉู่เฉินเขาจะไม่ยอมช่วย นั่นก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอ“คุณฉู่ ฉัน... ฉันผิดไปแล้ว ขอร้องคุณล่ะ เห็น
จ้าวอีม่านทรุดตัวลงบนโซฟา และหลังจากต่อสู้ภายในใจอย่างขมขื่น ในที่สุดเธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขของฉู่เฉินโทรศัพท์ดังอยู่นานก่อนที่ฉู่เฉินจะรับสายและพูดว่า “นี่ใคร?”“สวัสดี ฉันเป็นหมอที่โรงพยาบาลประชาชน ฉันชื่อจ้าวอีม่าน คุณคือคุณฉู่ใช่ไหมคะ?”เมื่อฟังเสียงสั่นเครือของจ้าวอีม่านทางโทรศัพท์ ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปถ่ายที่หลี่จิงจิงแสดงให้เขาเห็นในวันนั้นผมลอนสีทองขนาดใหญ่ที่ไหวปลิวไปตามสายลม ดวงตาที่สดใสและฟันสีขาว และปากเล็กๆ ที่เย้ายวนใจมาก!“อืม ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินถามอย่างตั้งใจ เพราะรู้คำตอบอยู่แล้วโดยไม่ต้องเดา เขาสามารถเดาได้ว่าต้องเป็นผู้หญิงไร้สมองที่มีหน้าอกใหญ่คนนี้แน่ๆ ที่เผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจางไห่หยางโดยไม่ได้ตั้งใจ“คุณฉู่ ฉัน... ฉันเผลอเอาเข็มเงินออกจากร่างของจาง คุณช่วยมาช่วยฝังเข็มกลับคืนให้หน่อยได้ไหม”จ้าวอีม่านพูดอย่างตรงไปตรงมาในความเห็นของเธอ ฉู่เฉินอาจพยายามเอาใจตระกูลจางเช่นกัน ตราบใดที่เธออธิบายอาการปัจจุบันของจางไห่หยาง ฉู่เฉินก็รีบมาทันที“ไม่ว่างครับ”ฉู่เฉินตอบอย่างเย็นชาอะไรนะ?ไม่ว่าง?!เมื่อได้ยินคำตอบส
หลังจากเรียนต่อต่างประเทศมาหลายปี จ้าวอีม่านก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมตะวันตก และความบริสุทธิ์ก็ไม่สำคัญกับเธอเท่าไหร่นักอย่างไรก็ตาม ให้ยอมจำนนต่อคนที่เหมือนกับหมอเถื่อนทำให้หัวใจของเธอเต็มไปด้วยการดิ้นรนและไม่ยินยอม“คุณหมอจ้าว เวลาของผมมีค่ามาก ถ้าคุณตกลงก็ช่างมันไปเถอะ ถึงยังไงผมไม่จำเป็นต้องพึ่งคุณแค่คนเดียว”ระหว่างที่พูดฉู่เฉินก็เตรียมตัวจะกดวางสายเมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวอีม่านก็ร้อนใจขึ้นมาทันทีและรีบพูดกับฉู่เฉินที่ปลายสายว่า “คุณฉู่! ฉัน... ฉันรับปากค่ะ แต่คุณต้องรับประกันว่าคุณสามารถช่วยจางไห่หยางได้!”เธอไม่สามารถเสียสละตัวเองไปเปล่าๆ สุดท้ายจางไห่หยางก็ไม่รอด แบบนั้นความพยายามทั้งหมดของเธอจะสูญเปล่าใช่ไหม?“ได้”ฉู่เฉินอย่างใจเย็นและพูดว่า “รอผมข้างในห้องผู้ป่วยของเขา”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสาย แล้วพูดกับหลูไคซานที่กำลังขับรถอยู่ว่า “เลขหลู กลับรถ พวกเราไปที่โรงพยาบาลประชาชน”หลูไคซานได้ยินบทสนทนาของฉู่เฉินกับจ้าวอีม่านอย่างชัดเจน หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น และขณะที่เขาเลี้ยวรถกลับ เขาก็ถามหยั่งเชิงว่า “คุณฉู่ ผมอยากทราบว่าเสียวอิ่งช่วยอะไรคุณไว้ในวันนั้นครับ?”อย่าเห็น
เมื่อไม่สามารถรักษาพรหมจรรย์ของตัวเองไว้ได้ ราชันมังกรจะทอดทิ้งเธอเพราะเรื่องนี้หรือเปล่า?หลิ่วหรูเยียนที่กำลังตกอยู่ในความคิด ก็มีเสียงหลิ่วชิงเหอดังขึ้นมาจากข้างล่าง “หรูเยียน”หลิ่วหรูเยียนถอนหายใจ คว้าชุดนอนบางๆ จากตู้เสื้อผ้ามาใส่อย่างสบายๆ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกับสะโพกอวบอิ่มที่แกว่งไกว“มีอะไรคะแม่?”หลิ่วหรูเยียนถามอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย ตอนนี้หมดหวังกับโครงการที่โรงพยาบาลประชาชนแล้ว จึงได้แต่หาทางออกอื่นอย่างไรก็ตาม เธอไม่เชื่อว่าคนๆ หนึ่งจะสามารถถูกทำให้จนตรอกเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ได้?หากใช้ชื่อเสียงของฉู่ซื่อกรุ๊ปจะต้องมีหนทางอื่นอย่างแน่นอน“นอกจากเรื่องของไอ้ฉู่เฉิน ยังจะมีเรื่องอะไรอีกล่ะ”ในขณะที่พูด หลิ่วชิงเหอสวมชุดนอนซีทรูสีดำและพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “แม่ให้คนไปถามมาแล้ว ไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นมันช่วยชีวิตนายท่านใหญ่เฉียวที่เกือบตายเอาไว้ได้!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของหลิ่วหรูเยียนก็หล่นตุบอย่างห้ามไม่อยู่หากเฉียวเทียนฉี่ตัดเส้นทางการเงินของฉู่ซื่อกรุ๊ปเพียงเส้นทางเดียว นั่นก็คงจะพอเจรจาได้ แต่ถ้าฉู่เฉินมีบุญคุณใหญ่หลวงต่อตระกูลเฉียวเช่นนั้น เพื่อตอบแ
อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่พึ่งถึงหน้าห้องผู้ป่วยของจางไห่หยาง ก็กดรับสายหลิ่วชิงเหอเมื่อมองไปที่หมายเลขผู้โทรและเห็นว่าเป็นหลิ่วชิงเหอ ฉู่เฉินจึงวางสายทันทีและเพิ่มหมายเลขโทรศัพท์ของทั้งหลิ่วชิงเหอและหลิ่วหรูเยียนลงในแบล็กลิสต์ของเขาเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณสายไม่ว่างกะทันหันที่ปลายสาย หลิ่วชิงเหอก็เกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมา“บ้าเอ๊ย!”เมื่อเห็นหลิ่วชิงเหอกัดฟัน หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วและถามว่า “แม่เป็นอะไรไปคะ?”“มัน... มันถึงกับบล็อกแม่!”ตอนที่หลิ่วชิงเหอพูดออกมา ใบหน้าของเธอบูดบึ้งไปหมด!ไอ้สารเลวฉู่เฉินนั้น คงเดาได้ว่าเธอกำลังจะขอความช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงบล็อกเธอ เพื่อบังคับให้เธอมาหาเขาถึงที่จะเกินไปแล้วนะ!หลิ่วชิงเหอกำหมัดแน่นและเดินไปเดินมาในห้องนั่งเล่นด้วยขาขาวราวกับหิมะของเธออย่างโกรธจัดเพื่อฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว เธอสามารถให้ฉู่เฉินย่ำยีเธออย่างไรก็ได้ แต่เธอไม่มีทางเอาตัวเองไปหาเขาถึงที่แน่นอนมันจะมีใครบ้างที่เอาตัวเองใส่พานเสนอตัวให้เขาทดลองสินค้าดูก่อน?อีกอย่างตอนนี้เธอเป็นถึงประธานของบริษัท เธอจะไม่รักษาศักดิ์ศรีนี้ไว้เลยเหรอ?“อะไรนะคะ?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินเช่นนั
...ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู จ้าวอีม่านรีบลุกขึ้นจากโซฟาและมองไปยังฉู่เฉิน ร่างกายสูงโปร่งกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็น และหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ จ้าวอีม่านก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสักครู่นี้เธอยังคงกังวล จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกฝ่ายเป็นชายอายุห้าสิบหรือสี่สิบปี?เธอไม่สามารถปล่อยให้ร่างขาวราวกับหิมะของเธอถูกตาแก่เอาเปรียบหรอกนะแต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าเธอกำลังเอาเปรียบฉู่เฉินแทนเมื่อเห็นผิวที่บอบบางของฉู่เฉินและความจริงที่ว่าเขาดูอ่อนกว่าเธออย่างน้อยสี่หรือห้าปี จ้าวอีม่านก็มีคำว่าวัวแก่เคี้ยวหญ้าอ่อนก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที และเธอก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูกทุกครั้งที่เธอนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้“คุณคือหมอจ้าวใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินมองไปที่จ้าวอีม่าน ซึ่งหน้าอกที่ใหญ่โตมโหฬารที่ไม่สามารถปกปิดได้แม้จะสวมเสื้อกาวน์สีขาวของเธอ และถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบจ้าวอีม่านพยักหน้าเล็กน้อยและปลดกระดุมเสื้อกาวน์ของเธอออกขณะที่เธอเปิดหน้าอ
“ออกไป!”บอดี้การ์ดสวมชุดสูทสีดำสองคนออกแรงผลักจางหลงจนเขาเกือบล้มลงกับพื้นจางเฉิงหลงยืนตัวตรงด้วยสีหน้าไม่พอใจ และมองไปทางห้องผู้ป่วยอย่างเย็นชาก่อนจะจากไปอย่างโกรธเคืองแม้ว่าเขาจะไม่กล้าตอบโต้ฉู่เฉินโดยตรง แต่จางไห่หยางยังอยู่ในโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?หากเขาเพิ่มบางสิ่งลงในน้ำเกลือ การฆ่าจางไห่หยางก็ไม่ใช่ปัญหาหากจางไห่หยางตาย จางปินจะปล่อยฉู่เฉินไปง่ายๆ งั้นเหรอ?เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ จางเฉิงหลงก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยและเดินกลับไปที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการด้วยสีหน้าชั่วร้ายในอีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงเฟอร์นิเจอร์ขยับมาจากห้องผู้ป่วยอีกครั้ง จางปินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาจำได้ว่าครั้งก่อนที่ฉู่เฉินมา เขาก็ได้ยินเสียงคล้าย ๆ กันเป็นไปได้มากว่าฉู่เฉินน่าจะมาถึงแล้วหรืออยู่ระหว่างฝังเข็มให้จางไห่หยาง ดังนั้นเขาจึงหันศีรษะแล้วพูดกับฉินอวี่ซานว่า “อวี่ซาน ไปดูว่าอาการของไห่หยางยังคงที่ไหม”“ค่ะ”ฉินอวี่ซานพยักหน้าอย่างแรงและรีบเดินไปที่ห้องผู้ป่วยเมื่อมาถึงที่ประตู ฉินอวี่ซานเหลือบมองบอดี้การ์ดที่ยังคงยืนอยู่ที่นั่นแล้วพูดว่า “พวกนายถอยออกไปก่อน ฉันจะเข้าไปดูสักหน่อย”บอดี้กา
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ