ฉู่เฉินงั้นเหรอ?ไม่มีทางเด็ดขาด นั่นมันคือรถของผู้ว่าการเฉียวนะ ฉู่เฉินมีสิทธิ์อะไรมานั่ง?“ลูกคงตาฝาดไปเอง ลูกลองคิดดูให้ดีรถของผู้ว่าการใครจะนั่งก็ได้งั้นเหรอ?”หลิ่วชิงเหอจ้องมองไปยังไฟท้ายรถ กล่าวขึ้นมาด้วยความคิดเมื่อได้ยินดังนั้น หลิ่วชิงเหอก็ถอนหายใจยาวๆ ออกมาด้วยความโล่งใจ เธอน่าจะมองผิดไปจริงๆ ใช่ไหม?......อีกด้านหนึ่ง รถเคลื่อนที่ไปถึงข้างในประตูของบ้านใหญ่จึงจะหยุดลง หลังจากลงจากรถแล้ว เฉียวเทียนฉี่ก็พูดอย่างเกรงอกเกรงใจกับฉู่เฉินว่า “คุณฉู่เชิญทางนี้ครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าลงเล็กน้อย ย่างก้าวเดินไปยังห้องนอนของนายท่านใหญ่เมื่อเห็นว่าเฉียวเทียนฉี่เชิญฉู่เฉินกลับมาอีกครั้ง เฉียวซูอวี่ก็ยังคงกอดอกมีสีหน้าที่ไม่พอใจ พร้อมทั้งจ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน คนที่ไม่เคยแม้แต่เรียนการแพทย์มา จะมีความสามารถมากมายขนาดไหนกันเชียว?มันเป็นเพียงกลอุบายของนักต้มตุ๋น เธอไม่เชื่อหรอกนะว่าฉู่เฉินจะช่วยชีวิตนายท่านใหญ่ไว้ได้เนื่องจากมีเฉียวเทียนฉี่อยู่ข้างๆ เธอจึงไม่มีได้พูดอะไรให้มากความ และทำได้เพียงจ้องมองอย่างเย็นชาจากด้านข้างเท่านั้น“คุณฉู่ครับ พ่อผมเขา...”ระหว่างที่เฉียวเทีย
เฉียวเทียนฉี่ถึงกับตกใจในการกระทำของฉู่เฉิน ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลพลั่ก!เศษกระสุนที่ตกลงบนเหรียญจักรพรรดิทั้งห้ายังคงมีเศษชิ้นส่วนเนื้อติดอยู่ด้วย เป็นไปได้จริงหรือที่ฉู่เฉินดึงมันออกมาจากร่างกายของนายท่านใหญ่โดยผ่านทางอากาศ?“ผู้ว่าการเฉียว ลองดูสิครับ นี่คือเศษกระสุนที่อยู่ในร่างกายของนายท่านใหญ่” ฉู่เฉินยกมือขึ้นมาจากชามน้ำ หยิบเศษกระสุนออกมา ยื่นให้กับเฉียวเทียนฉี่ที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกเฉียวเทียนฉี่กลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ เขาถามขึ้นมาอย่างเหลือเชื่อว่า “คุณฉู่ นี่... นี่มันออกมาจากร่างกายของพ่อผมจริงๆ เหรอครับ? แต่ว่า...”เขาไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าในโลกนี้มันจะมีการเอาสิ่งของออกมาผ่านอากาศแบบนี้ด้วย“ที่จริงนี่ก็ถือว่าเป็นแพทย์แผนจีนแขนงหนึ่ง เรียกว่าวิชาจู้โหยว”“เพียงแต่ว่าในตอนนี้คนที่ใช้วิชาแพทย์แผนจีนแขนงนี้ได้นั้นน้อยลงไปแล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตกใจขนาดนั้นนะครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบเฉียวซูอวี่ที่ยืนอึ้งอยู่กับที่ไปอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็กล่าวขึ้นมาด้วยความเย็นชาว่า “แกน่ะหยุดหลอกลวงได้แล้ว เศษกระสุนบ้าบออะไรที่ออกจากร่างของพ่อฉัน เห็นได้ชัดๆ เลยว่าแกใ
เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆ ข้างหลังเขา ฉู่เฉินขมวดคิ้วและหันไปมองเมื่อเห็นหลิ่วหรูเยียนและหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูก เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วและพูดว่า “ทำไมจะเป็นฉันล่ะ?”ขณะที่เขาพูด ฉู่เฉินเหลือบมองสองแม่ลูกที่สวมเสื้อกาวน์และพูดว่า “มีปัญหากับฟางอวี่เจิ้งแล้ว ยังมีหน้าใช้เส้นสายแอบมาหาเฉียวเทียนฉี่ลับๆ แบบนี้เหรอ?”ขณะที่เขาพูด สายตาของฉู่เฉินก็จับจ้องไปที่สะโพกที่งดงามของผู้หญิงสองคนเมื่อเห็นแววตาร่าเริงของฉู่เฉิน ใบหน้าของหลิ่วชิงเหอ ก็ซีดลงด้วยความโกรธ เธอจึงก้าวไปข้างหน้าหลิ่วหรูเยียนเพื่อขวางทาง และตะโกนอย่างเย็นชาว่า “ฉู่เฉิน แกมันไอ้สัตว์เดรัจฉาน แกกำลังพูดจาบ้าบออะไรอยู่!”ใช้เส้นสายงั้นเหรอ?พวกเธอมาขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าการเฉียวเกี่ยวกับเรื่องทางการ ผู้ว่าการเฉียวไม่ได้เป็นคนแบบนั้นสักหน่อยหลิ่วหรูเยียนอดไม่ได้ที่จะหันศีรษะไปมองที่ลานใหญ่ของตระกูลเฉียว จากนั้นก็มองไปที่ฉู่เฉิน และคิดหาความเป็นไปได้ทันทีฉู่เฉินคงไม่ได้มาแย่งชิงธุรกิจจัดหาอุปกรณ์การแพทย์หรอกใช่ไหม?เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หลิ่วหรูเยียนก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “ฉู่เฉินหยุดแพร่ข่าวลือได้แล้ว ฉั
ฮ่าๆๆ...เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เฉินก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้ “แม้แต่เฉียวเทียนฉี่ก็ต้องทำตามความปรารถนาของฉัน”อะไรนะ?!เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วหรูเยียนและหลิ่วชิงเหอต่างก็ตกตะลึง แต่วินาทีต่อมา ทั้งสองแม่ลูกก็หัวเราะกันจนน้ำตาไหลเป็นเรื่องจริงที่โลกนี้มีผู้คนมากมาย ฉู่เฉินรู้หรือไม่ว่าเฉียวเทียนฉี่คือใคร ?เฉียวเทียนฉี่ ผู้ว่าการเจียงจงผู้มีชื่อเสียงจะต้องทำตามความปรารถนาของฉู่เฉินงั้นเหรอ?“ฉู่เฉิน ฉันว่าแกยังฝันอยู่ใช่ไหม? กลางวันแสกๆ พูดจาเพ้อเจ้ออะไรเนี่ย!”ถ้าเป็นเรื่องอื่นหลิ่วชิงเหออาจเชื่อ แต่เธอจะไม่เชื่อเลยว่าเฉียวเทียนฉี่จะต้องทำตามความปรารถนาของฉู่เฉิน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม!หลิ่วหรูเยียนมองฉู่เฉินราวกับว่าเขาเป็นตัวตลกและพูดว่า “แกรู้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคำพูดของแกไปถึงหูของผู้ว่าการเฉียว?”“บริษัทเล็กๆ ของแกจะถูกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดลงภายในระยะเวลาไม่ถึงสามวัน”“จะพูดจาโอ้อวดอะไรก็ไม่เข้าใจให้ถ่องแท้เสียก่อน นี่โอ้อวดเกี่ยวกับผู้ว่าการอีก ฉันว่าแกคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม!”หากต้องการฆ่าฉู่เฉิน เฉียวเทียนฉี่ไม่มีความสามารถขนาดนั้น ก็ในเมื่อความส
ฉู่เฉินส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้ว่าการเฉียว คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ครับ เห็นแก่หน้าของเลขาหลู เรื่องค่ารักษาผมขอไม่รับนะครับ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลูไคซานก็ตกตะลึงชั่วขณะและเฉียวเทียนฉี่มองไปที่หลูไคซานด้วยท่าทางสับสนอย่างสิ้นเชิงเป็นไปได้ไหมว่าหมอเทวดาฉู่เฉินไม่ใช่คนที่ฟางอวี่เจิ้งหามาเอง แต่เป็นคนที่หลูไคซานหามา?ถ้าเป็นเรื่องจริง เฉียวเทียนฉี่คงติดหนี้บุญคุณหลูไคซานอย่างมาก!อย่างไรก็ตาม เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว หากฟางอวี่เจิ้งและเจียงไห่ตงรู้จักฉู่เฉินมาก่อน พวกเขาคงไม่แนะนำเขาให้ตระกูลเฉียวรู้จักหรอกเมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้ สายตาของเฉียวเทียนฉี่ที่จ้องมองหลูไคซานก็เต็มไปด้วยความขอบคุณเมื่อเห็นหลูไคซานตกตะลึง ฉู่เฉินก็ขยิบตาให้เขา และหลูไคซานก็พยักหน้าซ้ำๆ ให้กับเฉียวเทียนฉี่ราวกับตื่นจากความฝันและกล่าวว่า “ผู้ว่าการเฉียว เป็นผมเอง... ผมแนะนำปรมาจารย์ฉู่ให้ทราบถึงสถานการณ์ที่นายท่านใหญ่เฉียวป่วย”“เอ่อ... ปรมาจารย์ฉู่เคารพนายท่านใหญ่เฉียวที่ทุ่มเทและเสียสละเพื่อประเทศชาติ ดังนั้นเขา... เขาจึงตัดสินใจช่วยใช่ไหมครับปรมาจารย์ฉู่?"ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวขึ้นม
เฉียวเทียนฉี่ส่งเสียงฮึดฮัดแล้วหันไปหาหลูไคชานแล้วพูดว่า “หลูไคซาน ช่วยคุ้มกันคุณฉู่ให้ฉันด้วย และแจ้งเขตซีเฉิงให้จัดการเรื่องนี้อย่างเคร่งครัดด้วย!”“พวกเขากล้าทุบรถของคุณฉู่ได้อย่างไร พวกเขาไม่มีความเคารพต่อกฎหมายเลย!”หลูไคซานพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นและพูดว่า “ครับ ผู้ว่าการเฉียวสบายใจได้เลยครับ!”จากนั้นเฉียวเทียนฉี่ก็พยักหน้าอย่างพอใจและพูดว่า “หลูไคซาน ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป นายจะเป็นหัวหน้าเลขาของฉัน และย้ายห้องทำงานของนายมาไว้ข้างๆ ห้องทำงานของฉันด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลูไคซานก็ดีใจมากด้วยประโยคเดียวของฉู่เฉิน หลูไคซานได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าเลขา หลูไคซานรู้สึกขอบคุณฉู่เฉินอย่างสุดซึ้งในใจเขาขอบคุณฉู่เฉินซ้ำๆ “คุณฉู่ รอก่อนครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณกลับเอง”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย และขณะที่หลูไคซานกำลังไปเอารถ เขาก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่เฉียวเทียนฉี่และน้องสาวของเขา โดยเน้นย้ำเป็นพิเศษว่าพวกเขาต้องไม่ให้นายท่านใหญ่กินยาบำรุงอื่นมิฉะนั้น หากบาดแผลมีการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เทวดาก็ไม่สามารถช่วยเขาได้เฉียวเทียนฉี่สองพี่น้องก็รู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของฉู่เฉินเป็นอย่างม
ฉินอวี่ซานตอบด้วยความสับสนว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน มีหมอเทวดาแซ่ฉู่ใส่ของพวกนี้ลงไปโดยเฉพาะ ตอนที่เขาออกไป เขาเตือนเราโดยเฉพาะว่าอย่าย้ายของพวกนี้ ดังนั้น...”อะไรนะ?!จ้าวอีม่านได้ยินดังนี้ สีหน้าของเธอก็เคร่งขรึมขึ้น พูดอย่างเย็นชาว่า “หมอเทวดาไร้สาระอะไรกัน!”“ฉันไม่จำเป็นต้องถามด้วยซ้ำ ฉันรู้ว่าต้องเป็นหมอแผนจีนที่คุณไปเจอที่ไหนสักแห่ง ในยุคสมัยนี้ พวกเขายังคงเชื่อในแพทย์แผนจีนอีกเหรอ!”“อาการของผู้ป่วยไม่คงที่ ยังจะฝังเข็มไว้ในร่างกายของผู้ป่วยมาหลายวันแล้ว น่าละอายจริงๆ ที่พวกคุณเป็นครอบครัวของเขา!”ระหว่างที่พูด จ้าวอีม่านก็ยื่นมือไปดึงเข็มออกมา“คุณหมอ เดี๋ยวก่อนค่ะ”“คุณหมอ โปรดรอสักครู่” ฉินอวี่ซานรีบห้ามเธอ “ฉัน... ฉันเป็นแค่คู่หมั้นและตัดสินใจไม่ได้ค่ะ โปรดรอสักครู่ ฉันจะไปตามพ่อตาแม่ยายของฉัน ถ้าพวกเขาเห็นด้วย ก็ยังไม่สายเกินไปที่คุณจะเอาเข็มออก”จ้าวอีม่านจ้องมองฉินอวี่ซานอย่างเย็นชาและโบกมืออย่างใจร้อนพร้อมพูดว่า “รีบไปค่ะๆ”ผ่านไปไม่นานนัก จางปินและถานหลิงสองสามีภรรยาก็เดินเข้าในห้องผู้ป่วย“พวกคุณเป็นญาติของผู้ป่วยเหรอคะ?”จ้าวอีม่านมองจางปินและถานหลิงด้วยท่า
เมื่อกี้จางไห่หยางยังอาการดีๆ อยู่เลย แม้ว่าจะยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมา แต่สัญญาณชีพยังคงที่อยู่เลยการเปลี่ยนแปลงในอาการของจางไห่หยางหลังจากถอนเข็มออกนั้นช่างน่าตกใจ เห็นได้ชัดว่าปัญหาอยู่ที่เข็มเงิน“ในเข็มเงินมีแม่เธอสิ!”ดวงตาของจางปินแดงก่ำด้วยความโกรธเขาเมีลูกชายเพียงคนเดียว และไม่ลังเลเลย เขาคว้าคอเสื้อของจ้าวอีม่านและกำปั้นของเขาก็กดลงบนเนื้อนุ่มๆ บนหน้าอกของจ้าวอีม่านแล้ว“ผมบอกคุณ แต่คุณก็ยังจะดึงเข็มออกให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของผม ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้น แต่แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณก็จะเดือดร้อนหนัก!”พูดจบ จางปินก็ตะโกนจนดังลั่นออกไปข้างนอกวินาทีต่อมา บอดี้การ์ดชุดดำสองคนผลักประตูเปิดและปิดกั้นทางออกจางปินชี้ไปที่จางไห่หยางบนเตียงแล้วพูดอย่างดุร้าย “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของผม คุณจะถูกฝังไปพร้อมกับเขา!”ซี้ดๆ!เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวอีม่านก็สับสนมึนงงเธอไม่เคยเห็นญาติของคนไข้กล้าขู่หมออย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน!“ผู้อำนวยการโรงพยาบาลของคุณอยู่ไหน พาเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้!”ถานหลิงก็โกรธเช่นกันและคว้าแขนพยาบาลที่เดินผ่านมาพร้อมร้องกรี๊ดเสียงดัง“คุณนาย
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ