“คุณเป็นใคร? ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานถือว่าผิดกฎหมาย รู้หรือเปล่า?”จ้าวเจวียนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ถามพร้อมกับเชิดโคมไฟดวงใหญ่สองดวงของเธอขึ้น“พวกเธอมีสิทธิ์อะไรมาจับเขา? ฉันจะบอกพวกเธอให้นะ ฉันเป็นทนายความป้ายทองของสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ยเชียวนะ ระวังฉันจะฟ้องพวกเธอให้สิ้นเนื้อประดาตัว!”หญิงอ้วนประกาศตัวอย่างมั่นอกมั่นใจฉู่เฉินยิ้มเย็น ก่อนยกมือขึ้นชี้ไปที่รถเบนซ์จีสปอร์ตที่ถูกทุบจนควันลอยโขมงอยู่ด้านหลังของเธอ “ก่อนจะพูดอะไร ดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนดีกว่านะ เขาทุบรถของผม ผมแจ้งตำรวจจับเขา ไม่ใช่เรื่องสมเหตุสมผลหรอกเหรอ?”หญิงอ้วนได้ยินอย่างนั้นจึงเพิ่งตระหนักได้ว่า รถเบนซ์จีสปอร์ตที่อยู่ข้างเฉินปินแม้แต่ฝากระโปรงหน้าก็ปลิวไปแล้ว ส่วนประตูรถก็ร่วงอยู่บนพื้นในสภาพยับเยินไม่เหลือเค้าเดิม“ปินปิน เธอ… เธอทำอะไรลงไปจ๊ะเนี่ย”หญิงอ้วนตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา จึงกระซิบถามเฉินปินกัดฟัน ชี้หน้าฉู่เฉินแล้วพูดว่า “ไอ้หมอนี่มันเอากับเมียของผมต่อหน้าผม! ผมทนไม่ไหวเลยพังรถมัน!”สิ้นประโยคนั้น สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ฉู่เฉินฉู่เฉินยักไหล่เหมือนตัวเองไร้ควา
เธอเดินไปหยุดยืนต่อหน้าฉู่เฉิน แล้วกระซิบเบาๆ ว่า “เจ้านาย ฉันยื่นใบลาออกแล้วนะ น่าจะเซ็นอนุมัติในวันสองวันนี้แหละ พอสะสางเรื่องทางนี้เสร็จ ฉันจะไปรายงานตัวที่บริษัทคุณ”พูดจบ เธอก็เม้มปากหอมแก้มฉู่เฉินหนึ่งทีภาพนั้นหญิงอ้วนก็เห็นเต็มตาด้วย ความโกรธพลันพลุ่งพล่านในใจพอเห็นเฉินปินถูกคุมตัวขึ้นรถตำรวจ หญิงอ้วนกัดฟันตะโกนออกไป “เดี๋ยวก่อน!”จ้าวเจวียนที่กำลังเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ ได้ยินเสียงตะโกนก็หยุดชะงัก ขมวดคิ้วหันไปมองหญิงอ้วน“เขาก็ทำรถของประธานเย่แห่งสำนักงานกฎหมายของเราพัง ตามหลักที่พวกเธอพูดมา เขาก็ควรถูกจับด้วยเหมือนกัน!”คราวนี้หญิงอ้วนโมโหแล้วจริงๆ เธอชี้หน้าฉู่เฉินพร้อมกับตะโกนโหวกเหวกโวยวายจ้าวเจวียนขมวดคิ้ว หันไปพูดกับโจวน่าว่า “เธอรออยู่ในรถก่อน ฉันจัดการเสร็จแล้วจะกลับมา”พูดจบก็ปิดประตูรถดังปัง จากนั้นก็จ้องพิจารณาหญิงอ้วนแล้วพูดว่า “รถประธานเย่ของคุณ? งั้นก็เรียกประธานเย่นั่นมาแจ้งความกับฉันสิ”จ้าวเจวียนไม่ใช่คนใจเย็น เธอแค่เห็นหน้าฉู่เฉินแล้วอารมณ์ดีเฉยๆแต่หญิงอ้วนคนนี้กลับไม่รู้จักรักตัวกลัวตาย จ้าวเจวียนจะไม่ปล่อยเลยตามเลยอีก ถึงยังไงฉายาจ้าวเจวียนป
สาวสวยชุดแดงมองไปตามนิ้วของฉู่เฉิน ดวงหน้าเรียวสวยพลันแปรเปลี่ยนเป็นตกตะลึง จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้มเต็มใบหน้า “พี่จ้าว! ทำไมเป็นพี่ได้ล่ะเนี่ย”สาวสวยชุดแดงรีบวิ่งเข้าไปดึงแขนของจ้าวเจวียน ราวกับพี่น้องที่สนิทกันมานานหลายปีจ้าวเจวียนเองก็มองสาวสวยชุดแดงอย่างงุนงงเช่นกัน “ทนายเย่ ที่แท้ก็คุณนี่เอง ไม่เจอกันหลายปี วางแผนจะกลับมาเติบโตในเมืองเจียงจงแล้วเหรอ”สาวสวยชุดแดงพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะถามอย่างแปลกใจว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ”จ้าวเจวียนไม่มัวอ้ำอึ้ง เธอพูดประโยคเดียวกับฉู่เฉินซ้ำอีกรอบ จากนั้นก็บอกกับสาวสวยชุดแดงว่า “ฉันขอแนะนำให้รู้จักก่อนนะคะ คุณคนนี้ก็คือหมอเทวดาฉู่ ฉู่เฉินค่ะ”หมอเทวดา?สาวสวยชุดแดงหันไปมองฉู่เฉินอย่างตกตะลึง เขาอายุน้อยเกินไปจริงๆ“หมอเทวดาฉู่ คุณคนนี้ก็คือทนายเย่ เย่ชิ่นเหยียน”จ้าวเจวียนหันไปแนะนำให้ฉู่เฉินรู้จัก“สวัสดีครับ”ฉู่เฉินยื่นมือไปจับทักทายเย่ชิ่นเหยียนอย่างมีมารยาทมือเล็กๆ คู่นั้นสัมผัสเนียนนุ่มเย็นเยียบ ผิวเรียบลื่นละเอียดอ่อน นิ่มเหมือนไร้กระดูก ดูก็รู้ว่าเป็นลูกคุณหนูบ้านรวย“หมอเทวดาฉู่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ทนายความบริษัทฉันไ
“สุดยอดไปเลยนะคะ!”คำชื่นชมของเย่ชิ่นเหยียนฟังดูเรียบง่าย เพียงแต่ในดวงตาของเธอกลับมีประกายที่แปลกไปพาดผ่านอย่างรวดเร็วหลังจากพูดคุยเรื่อยเปื่อยอยู่ไม่นาน เย่ชิ่นเหยียนก็ถามขึ้นอย่างครุ่นคิดว่า “คุณฉู่รักษาคนไข้นอกสถานที่ไหมคะ?”“รักษาคนไข้นอกสถานที่? อาการเล็กๆ น้อยๆ ของคุณไม่ต้องรักษานอกสถานที่อะไรหรอกครับ”พูดจบ ฉู่เฉินก็หยิบเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ จากนั้นก็ทิ่มลงไปที่จุดไป๋ฮุ่ยของเย่ชิ่นเหยียนอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลงการกระทำของเขารวดเร็วมากจนเย่ชิ่นเหยียนไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเวลาผ่านไป ความเจ็บปวดอันแสนสาหัสที่ท้องน้อยก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็วดวงหน้าเรียวที่สะอาดผุดผ่องของเธอเผยรอยยิ้มประหลาดใจออกมา“ทักษะด้านการแพทย์ของหมอเทวดาฉู่สูงส่งอย่างที่คิดไว้จริงๆ แต่ที่ฉันถามเพราะอยากจะขอให้คุณฉู่ช่วยรักษาให้คุณย่าของฉันน่ะค่ะ”พรวด!ฉู่เฉินเกือบสำลักน้ำส้มในปากออกมา เข้าใจผิดเหรอเนี่ย“ได้สิครับ วันหลังก็แล้วกัน”ฉู่เฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับดึงเข็มเงินกลับไปเก็บในแขนเสื้อ“งั้น… ค่ารักษาในครั้งนี้คิดยังไงคะ”เย่ชิ่นเหยียนขบกลีบปาก เธอหยิบกระเป๋าถืองานละเอียดใบเล็กที่อ
เช้าวันต่อมา ฟางอวี่เจิ้งกับเจียงไห่ตงมารับฉู่เฉินอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาถึงบ้านใหญ่ตระกูลฉู่“คุณฉู่ ขอโทษด้วยจริงๆ นะครับที่ต้องรบกวนให้คุณตื่นแต่เช้าอย่างนี้”เจียงไห่ตงเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจฉู่เฉินโบกมือยิ้มๆ “ไม่เป็นไรครับ ในเมื่อนายท่านใหญ่เฉียนมีผลงานด้านการสู้รบที่เลื่องลือ ผมช่วยเขาก็เท่ากับช่วยตัวเอง”พูดจบ ฉู่เฉินเปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างในฟางอวี่เจิ้งนั่งตำแหน่งคนขับ รับบทเป็นคนขับให้ฉู่เฉินเขาออกรถ พลางหันไปพูดกับฉู่เฉินว่า “ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายท่านใหญ่เฉียว เกรงว่าชีวิตของผู้ว่าการเฉียวคงต้องหยุดชะงักเพียงเท่านี้แล้ว”“ดังนั้น ทั่วทั้งตระกูลเฉียวต่างก็ให้ความสำคัญกับอาการป่วยของนายท่านใหญ่เฉียวมาก หมอชื่อดังหลายคนทั้งในและต่างประเทศเคยมารักษาหมดแล้ว แต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย ยิ่งช่วงนี้อาการของนายท่านใหญ่แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้น…”พูดมาถึงตรงนี้ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจเบาๆเจียงไห่ตงขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เพื่อนร่วมรบหลายคนของนายท่านใหญ่เฉียวล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของมณฑลเจียง หลายคนถึงขั้นรับตำแหน่งสำคัญอยู่ในเขตสงคราม ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้ว่าการเฉียวที่ใส่ใจเป็นพิเศษ แม้แต่พวกผมเองก
ย้อนเวลากลับไปเมื่อยี่สิบปีก่อน เธอน่าจะเป็นผู้หญิงสวยตามแบบฉบับมาตรฐานคนหนึ่งเลยทีเดียวเฉียวซูอวี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่เพียงผิวละเอียดนุ่ม แต่เธอยังมีราศีหยิ่งผยองกระจายอยู่รอบๆ ตัวอย่างบอกไม่ถูกอาจเพราะถูกคนในครอบครัวกล่อมเกลามาตั้งแต่เด็ก หว่างคิ้วของเฉียวซูอวี่แสดงให้เห็นถึงแววตาที่ไม่ยอมให้ใครมาเหยียดหยามง่ายๆถึงจะมีหุ่นที่สูงเพรียวถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แต่เห็นได้ชัดว่าเส้นชะตาชีวิตตรงหน้าอกขาดความน่าสนใจไปนิดจากการคาดเดาของฉู่เฉิน อย่างมากก็สามสิบห้าซีถ้าไม่ติดเรื่องรอบอก เฉียวซูอวี่ต้องนับว่าเป็นผู้หญิงสวยอันดับต้นๆ คนหนึ่งอย่างแน่นอน“คุณคนนี้คือ?”เฉียวซูอวี่ขมวดคิ้วขณะจ้องพิจารณาฉู่เฉิน“คุณหนูซูอวี่ คุณคนนี้ก็คือหมอเทวดาฉู่ที่ผมเคยพูดให้ฟังครับ”ฟางอวี่เจิ้งแนะนำด้วยสีหน้าจริงจังเจียงไห่ตงยังพยักหน้าเสริมอยู่ข้างๆ ด้วย “ถูกต้องแล้วครับ ถึงหมอเทวดาฉู่จะยังอายุน้อย แต่ทักษะด้านการแพทย์ของเขารับรองว่าหาตัวจับได้ยากแน่นอน”พวกเขาเอ่ยปากชมทักษะด้านการแพทย์ของฉู่เฉินอย่างไม่ขาดปาก แต่เฉียวซูอวี่กลับไม่รู้สึกอย่างนั้นฉู่เฉินอายุน้อยเกินไป ดูท่าแล้วก็น่าจะเพิ
เมื่อเฉียวซูอวี่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา เจียงไห่ตงก็ไม่มีคำพูดจะเถียงในพริบตาทั้งสองไม่อาจเทียบกันได้จริง ๆนายท่านใหญ่เฉียวมีฐานะอะไร?ต่อให้มีเจียงรั่วเหยียนสิบคนก็ไม่อาจเทียบได้ ชั่วขณะหนึ่ง เจียงไห่ตงได้แต่กลับไปนั่งลงที่เดิมด้วยความกระอักกระอ่วน“งั้นก็หมายความว่าตระกูลเฉียวไม่เชื่อในวิชาแพทย์ของผมเหรอ?” ฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา มองไปทางเฉียวซูอวี่กับซูซิ่วเฟิน“เชื่อคุณเหรอ?”เฉียวซูอวี่หัวเราะ เพียงแต่ว่าเป็นการหัวเราะหยันอย่างดูแคลน“ฉันไม่อยากพูดมากความแล้ว แต่ว่าคุณควรจะต้องเข้าใจเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อมิจฉาชีพได้ง่าย ๆ”“อีกอย่าง รักษาโรคที่รักษาได้ยากแค่ครั้งสองครั้ง มันพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย บางครั้งแมวตาบอดก็ยังบังเอิญเจอหนูตายนะ”เมื่อเห็นฉู่เฉินพูดออกมาตรง ๆ เฉียวซูอวี่ก็ไม่ปิดบังอีกต่อไปเช่นกัน ระบายความไม่พอใจออกมาทั้งหมดเลยฉู่เฉินหัวเราะหยัน วางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยว่า “ประจำเดือนคุณไม่มาสามเดือนแล้วใช่ไหม? ปกติแล้วทางที่ดีต้องระงับความโกรธเอาไว้ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คุณก็จะเป็นผู้หญิงไม่ได้แล้ว”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ดวงตางดงามของเฉียวซูอวี่พลันเบิกโตราวกับระฆั
“ทนรับทรมานขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบเรื่องนี้ไหว?!”ซูซิ่วเฟินที่อยู่ทางด้านข้างก็เอ่ยเห็นด้วย “ใช่แล้ว เทียนฉี่ ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้พ่อของเราก็ยังไม่ได้แตะข้าวแตะน้ำเลยสักคำ ถ้าเกิดเรื่องข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอีก ผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินกว่าจะจินตนาการได้เลยนะ”เมื่อฟังพวกเธอสองคนพูดจบ เฉียวเทียนฉี่ก็ขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน ถึงค่อยมองไปทางประธานฟางกับเจียงไห่ตงแล้วกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ายังไงครับ?”สองคนนี้เรียกได้ว่าเป็นแขนซ้ายแขนขวาของเฉียวเทียนฉี่ ใคร ๆ ก็อาจจะทรยศตระกูลเฉียวได้ แต่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ไม่ทำประการแรก แม้เส้นสายของฟางอวี่เจิ้งอยู่ที่เมืองเอกของมณฑล แต่ว่าในเจียงจงกลับล่องลอยไร้ที่พึ่งพิง หากต้องการนั่งตำแหน่งได้อย่างมั่นคง เขาจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลเฉียว ส่วนพ่อของเจียงไห่ตง เดิมทีก็เป็นลูกน้องเก่าของนายท่านใหญ่เฉียวพูดได้ว่าทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ตั้งแต่รุ่นพ่อยันรุ่นลูก การทำร้ายตระกูลเฉียวไม่มีประโยชน์อะไรกับเจียงไห่ตงอย่างแน่นอน“ผู้ว่าการเฉียว ไหน ๆ ก็มาแล้ว ให้คุณฉู่ลองตรวจนายท่านใหญ่สักหน่อยก็ไม่
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ