แต่พริบตาต่อมา สีหน้าของเจียงอิ่งก็กลับมาเป็นปกติ เธอจ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชา “ประธานฉู่ ไม่ต้องมาประกาศแวดวงเพื่อนของคุณให้ฉันรู้จักหรอกนะคะ”“แม้ฟางอวี่เจิ้งจะมาเอง ฉันก็จะทำตามเดิมไม่เปลี่ยน”ด้วยเส้นสายของครอบครัวสามีเธอ ฟางอวี่เจิ้งคนเดียวยังพอเอาชนะได้อยู่เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องที่ผู้มีพระคุณไหว้วานมา แม้ต้องใช้เส้นสายจากครอบครัวสามี เจียงอิ่งก็ต้องจัดการฉู่เฉินให้ได้ไม่อย่างนั้น เธอจะอธิบายกับผู้มีพระคุณยังไงล่ะ?นึกมาถึงตรงนี้ เจียงอิ่งควงโทรศัพท์เล่น เหมือนกำลังรอให้ฉู่เฉินโทรหาฟางอวี่เจิ้ง จากนั้นเธอก็จะโจมตีเขาแรงๆ ทำให้เขาสิ้นหวัง“แหม วางมาดได้เนียนมาก”ฉู่เฉินยกนิ้วโป้งให้เจียงอิ่ง“คุณฉู่ พูดอะไรของคุณ คนอื่นเขาไม่จำเป็นต้องวางมาดหรอกนะ”จ้าวเจวียนพูดจบ ใบหน้าเล็กๆ ของจ้าวอิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาดุจน้ำแข็งทันที เธอตวัดสายตามองจ้าวเจวียนยัยคนนี้ชาติก่อนเป็นช่างก่อปูนรึไงนะ?ถึงได้วิ่งมาพูดแทรกอุดรูโหว่อยู่ตรงนี้?ในตอนนี้เอง จู่ๆ โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นก้มหน้ามองหน้าจอ ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง “พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา โทรศัพท์จากฟางอวี่เจิ้ง ถ้าไงคุณ
ฟางอวี่เจิ้งหัวเราะหยัน ก่อนเอ่ยว่า “เจียงอิ่ง สามีของคุณมีเส้นสายกับผู้ว่าการเฉียวก็จริง แต่ปัญหาก็คือ ผู้เฒ่าในบ้านของผู้ว่าการเฉียวป่วยหนักอยู่”“ผมรายงานผู้ว่าการเฉียวไปแล้ว ว่าได้หาหมอมีชื่อคนหนึ่งให้เขา และหมอชื่อดังคนนี้ก็คือฉู่เฉิน”อะไรนะ?เจียงอิ่งได้ยินก็ตะลึงงันฉู่เฉินมีวิชาแพทย์ด้วยเหรอ?เจียงอิ่งยังไม่ทันได้สติ ฟางอวี่เจิ้งก็แค่นหัวเราะและเอ่ยต่อว่า “ความสามารถด้านการแพทย์ของหมอเทวดาฉู่ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่เป็นพยานได้”“ท่านผู้อาวุโสจิ่วฮว่าหยาง ยังมีหมอเทวดาซุนแห่งเมืองเจียงจงของเรา รวมถึงศาสตราจารย์เฝิง ศาสตราจารย์จาง และศาสตราจารย์หลินแห่งมหาวิทยาลัยการแพทย์ระดับมณฑล ต่างก็ชื่นชมความสามารถด้านการแพทย์ของหมอเทวดาฉู่ไม่ขาดปาก”“ลองคิดดูสิ ถ้าหมอเทวดาฉู่รักษาผู้เฒ่าในบ้านของผู้ว่าการเฉียวหายได้จริง คุณจะมีจุดจบยังไง?”“อีกอย่าง เรื่องที่สามีของคุณจะเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าเลขาฯ ผู้ว่าการ รวมถึงโครงการซ่อมแซมสะพานเมืองที่ครอบครัวสามีของคุณตั้งความหวังไว้ ถ้าหากต้องพลาดโอกาสทั้งหมดนั้นไปเพราะการกระทำของคุณ ไม่รู้ว่าตำแหน่งของคุณในบ้านสามีจะเป็นยังไง…”“ผมพูดแค่นี้ล
“คุณฉู่ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ก่อนหน้านี้อาจมีบางเรื่องที่ฉันเข้าใจไม่หมด คุณว่าเอาอย่างนี้ดีไหมคะ กลับไปกับฉันก่อน ฉันจะตรวจสอบ… ตรวจสอบให้ชัดเจน”เจียงอิ่งพยายามควบคุมน้ำเสียงและความเร็วในการพูดให้ดูเรียบนิ่ง ไม่ลนลานแต่อย่างไรเธอก็เป็นเพียงหญิงวัยสาวที่แต่งงานแล้วยังขาดประสบการณ์อีกมาก สุดท้ายก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความกระสับกระส่ายอยู่ดีแต่แค่เพียงน้อยนิด ก็ยังมากพอให้ฉู่เฉินสังเกตเห็นได้“ได้ครับ”ฉู่เฉินค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก่อนจะโบกมือให้เจียงเหวินป๋อกับจ้าวเจวียน “อธิบดีเจียง คาดว่าที่นี่คงไม่มีธุระให้ทั้งสองท่านจัดการแล้ว เชิญกลับเถอะครับ”พูดจบ เขาก็เดินตามเจียงอิ่งออกไปพอเห็นว่าฉู่เฉินจะไปแล้ว เจียงเหวินป๋อก็รีบเดินตามไป“คุณฉู่ รอเดี๋ยวครับ ผมมีเรื่องจะปรึกษากับคุณหน่อย”เจียงเหวินป๋อดึงฉู่เฉินไปด้านหนึ่ง ก่อนจะกระซิบเบาๆ ว่า “คุณฉู่ คุณว่าหนังสือให้อภัยของผม…”ที่จริงตอนนี้เขาถูกสั่งพักงานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติงานเท่านั้น แต่หากปล่อยไว้นาน ด้านหนึ่งเรื่องนี้จะส่งผลเสียต่อตำแหน่งของเขาในกรมอย่างใหญ่หลวงในอีกด้าน หากมีคนหมายจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของ
เข้าขากันดีจนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผัวเมียกันสุดท้าย จ้าวเจวียนมีสีหน้าพึงพอใจ จากนั้นฉู่เฉินก็เดินออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับเจียงอิ่งอย่างให้ความร่วมมือ ทิ้งเจียงเหวินป๋อให้ยืนอยู่กับความรู้สึกอันสับสนวุ่นวายอยู่เพียงลำพัง……มาถึงหน้าประตู ฉู่เฉินกำชับกวนเหล่ยอีกสองสามคำ ก่อนจะออกไปกับเจียงอิ่งพอขึ้นรถ เจียงอิ่งขับรถพลางถามด้วยความสงสัยว่า “ประธานฉู่ใจกว้างขนาดนี้เลยเหรอคะ? แค่เลขาคนหนึ่งก็ให้เงินเดือนถึงสามแสนอย่างนี้?”“คุณคิดว่าเธอควรได้เท่าไรล่ะ?” ฉู่เฉินถามเจียงอิ่งเงียบคำตอบของฉู่เฉินทำเอาเจียงอิ่งจิตใจสับสนว้าวุ่นฟังยังไงก็รู้สึกมีความหมายแฝงเหมือนฉู่เฉินกำลังซื้อประเวณี แต่เธอกลับไม่มีหลักฐานที่จริงฉู่เฉินไม่ได้ทำเพื่อตัวจ้าวเจวียน แต่ฉู่เฉินจะไม่ปล่อยให้กวนเหล่ยครอบครองเขาแต่เพียงผู้เดียวเด็ดขาด อย่างน้อยก็ต้องทำอย่างนี้ในบริษัทหากไม่มีคนมาคานอำนาจกับกวนเหล่ย ไม่นานต้องเกิดปัญหาใหญ่แน่นอนโจวน่ามีความสามารถในด้านนี้จริง แต่ยังไงเธอก็ยังเด็กเกินไป วิธีคิดยังห่างชั้นกับจ้าวเจวียนอีกไกลถ้าหากจ้าวเจวียนสามารถคานอำนาจกับกวนเหล่ยในบริษัทได้ ฉู่เฉินก็คงวางใ
นี่มัน…ฟางอวี่เจิ้งยิ้มแห้งๆ เขาวางเทียบยาของฉู่เฉินลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างอาลัยอาวรณ์ และเหลือบมองเจียงอิ่งที่กำลังเม้มปาก ใบหน้าแดงก่ำไปทั้งดวงแวบหนึ่ง“คือว่า… เทียบยานี้ซับซ้อนเกินไป ถ้าอย่างไรทั้งสองพูดคุยกันให้ละเอียดก่อนดีไหม? ผม…”ฉู่เฉินกลอกตาใส่ฟางอวี่เจิ้ง “คุณจะยอมยกกระดูกให้งั้นเหรอ?”“เปล่านะครับ เปล่าๆ”ฟางอวี่เจิ้งรีบโบกมือ กระดูกมังกรของเขายังต้องเก็บไว้ผลิตเจ้าสามอยู่ จะยอมยกให้ง่ายๆ ได้ยังไงพริบตาต่อมา ฟางอวี่เจิ้งรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างรู้งาน ได้ยินเสียงประตูห้องทำงานปิดดังปัง เจียงอิ่งสะดุ้ง!มือเล็กๆ ยกขึ้นกุมคอเสื้อโดยสัญชาตญาณ เธอมองหน้าฉู่เฉินอย่างแตกตื่น“จะเปิดเทียบยาหรือไม่ ก็แล้วแต่”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจียงอิ่งเม้มปาก ก่อนจะทำสีหน้าเด็ดเดี่ยว และเชิดหน้าเล็กๆ นั่นขึ้นเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ แต่ฉันมีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”“ว่ามา”ฉู่เฉินเองก็เป็นคนตรงไปตรงมา ทุกการตอบแทนย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว“ฉัน… ฉันหวังว่าหากคุณฉู่มีโอกาสได้พบท่านผู้ว่าการเฉียว ช่วยพูดชมสามีฉันหน่อย อีกอย่าง… โครงการซ่อมแซมสะ
ชีวิตคนเรามักมีเรื่องที่ไม่สมหวังอยู่เสมอ“ก็ได้ งั้นผมจะไม่บังคับคุณก็แล้วกัน”ฉู่เฉินกล่าว เขาเก็บมือถือ สาวเท้าไปที่โต๊ะทำงานเจียงอิ่งเห็นฉู่เฉินเดินมาหาตัวเอง ก็รีบหันหลังกลับไป ยกขาข้างหนึ่งพาดขึ้นบนโต๊ะ กัดเม้มริมฝีปากแน่นๆ เหมือนเตรียมตัวจะรับศึกหนักอย่างไรอย่างนั้นจะโทษเธอก็ไม่ได้ ใครใช้ให้ของฉู่เฉินใหญ่เกินไปล่ะพอนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ เธอก็เกร็งไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น ประเด็นคือไม่รู้ว่าไซส์จะพอดีกับรูหรือไม่ จะเจ็บมากรึเปล่านะ?“อึก…”พอฉู่เฉินมาถึง เจียงอิ่งโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย ถึงจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังส่งเสียงครางออกจากลำคออย่างควบคุมไม่ได้ฉู่เฉินเองก็อดตะลึงไม่ได้เหมือนกันรังนกเย็น!แม่งเอ๊ย ฉู่เฉินสะท้านไปทั้งตัว เขาเก็บสมบัติล้ำค่าได้แล้วสิความเย็นที่แผ่กระจายออกมานั่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสงครามเริ่มต้น ในห้องมีเพียงเสียงดังเป็นจังหวะระรัว แต่กลับไม่มีเสียงร้องใดๆ แม้แต่น้อยเส้นผมดำสลวยของเจียงอิ่งกระเพื่อมไหวไปตามจังหวะการสั่นของร่างกาย สยายปรกหน้าผากจนยุ่งเหยิงเชี่ยฟางอวี่เจิ้งที่เดินกลับไปกลับมาอย
เมื่อการแก้แค้นอันดุเด็ดเผ็ดมันของเจียงอิ่งเริ่มขึ้น ฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงความเย็นที่ไหลสู่ร่างกาย ขณะเดียวกัน พลังวิญญาณที่จุดตันเถียนก็กำลังเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วอันบ้าคลั่ง จนแทบมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระทั่งหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉู่เฉินถึงจุดสุดยอดในพริบตานับตั้งแต่ที่เขาก้าวข้ามสู่การฝึกปราณขั้นเจ็ด นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกได้ถึงพลังวิญญาณที่เต็มเปี่ยมขนาดนี้ ถึงขั้นที่เขารู้สึกว่าจุดชี่ไห่กับจุดตันเถียนของเขาแทบจะระเบิดออกมาแล้วหากมีแต่รับเข้าไม่ได้ถ่ายออกแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะต้องเกิดปัญหาใหญ่ตามมาแน่นอนฉู่เฉินสะท้านไปทั้งตัว พลังวิญญาณที่แทบล้นทะลักออกมา ระบายออกมาในรูปแบบของเหลวซี้ด!ฉู่เฉินรู้สึกราวกับโลกทั้งใบหมุนคว้าง อาจเพราะฝึกปราณเข้มข้นเกินไป หรืออาจเพราะพลังวิญญาณมากเกินไป สภาพเขาตอนนี้เหมือนคนเมา เดินเซกลับไปนั่งที่โซฟาเจียงอิ่งยืนประคองตัวเองอยู่กับโต๊ะทำงาน เธอหอบหายใจอย่างหนักหน่วง บอกตามตรง วันนี้เธอเหนื่อยจนหมดแรงแล้วหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ปวดหลังปวดเอว สะโพกก็แทบกระตุกอยู่แล้วเหงื่อหอมไหลลู่ลงมาตามเส้นผมของเธอ หยดลงบนโต๊ะทำงานของฟางอวี่เจิ้ง ผสมปนเปกับน้ำกลั่
หลังจากที่เขาเดินวนอยู่บนทางเดินอีกรอบเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดห้องทำงานก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ ฟางอวี่เจิ้งถอนหายใจ ไม่รู้ว่าโต๊ะทำงานตัวใหม่ของเขาจะเป็นอย่างไรบ้างโต๊ะตัวนั้นทำมาจากไม้จันทน์เชียวนะ แล้วเขาก็เป็นคนควักเงินเองด้วย ตั้งเก้าหมื่นกว่าบาท……“คุณแยกห้องนอนกับสามีมานานแค่ไหนแล้ว?”ฉู่เฉินม้วนปอยผมของเจียงอิ่งเล่น พลางยิ้มถามไอ้แซ่หลูนั่นเป็นตัวอย่างชั้นดีของคนหวงก้างจริงๆ ผิวส้มตากแห้งชั้นดีขนาดนี้ ปล่อยไว้ให้แห้งเฉาอย่างนี้ มันน่าด่าจริงๆ!“ทำไมคุณถึงได้รู้ไปหมดทุกอย่าง?”เจียงอิ่งขมวดคิ้ว จ้องพิจารณาฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อนี่เป็นความลับสุดยอดของเธอ เธอไม่เคยบอกให้ใครรู้ แม้แต่น้องชายของเธอก็ยังไม่รู้“คับ!”ฉู่เฉินเป็นคนพูดสั้นๆ แต่ได้ใจความมาเสมอ“คุณ!”เจียงอิ่งเอากำปั้นทุบเอวของเขาแรงๆ พูดอ้อมๆ หน่อยไม่ได้เลยเหรอ?“ผมคิดว่านี่เป็นการประเมินผู้หญิงที่สั้นและตรงที่สุดแล้วนะ”คำพูดนี้กลับออกมาจากใจฉู่เฉินจริงๆแค่คำเดียวสั้นๆ ก็เอาชนะคำพูดได้มากมายหมื่นล้านคำแล้ว ทำไมต้องพูดอะไรให้มากความด้วยล่ะ?“เชอะ”เจียงอิ่งจ้องพิจารณาฉู่เฉิน หยักยิ้มมุ
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก
ในความเป็นจริงทั้งเมืองชิงหลง แทบจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสำนักชิงอวิ๋นตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ก็ล้วนเป็นศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเช่นกันถ้าตระกูลหลินเป็นฝ่ายเริ่มเสนอการสังหารฉู่เฉินพื่อแย่งชิงสมบัติ จากนั้นนำหยกโลหิตกิเลนไปมอบให้กับธรรมมาจารย์สำนักชิงอวิ๋น ดูเหมือนว่าตระกูลหลินของพวกเขาก็คงจะได้ความดีความชอบเป็นอันดับแรกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือจ้าวเต๋อฉวนเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลจ้าวและยังเป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นอีกด้วยถ้าใจร้อนอยากได้ความดีความชอบโดยปกปิดตระกูลจ้าว ทันทีที่เป็นศัตรูกับตระกูลจ้าว ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าในอนาคตจะไม่ถูกจ้าวเต๋อฉวนกีดกันดังนั้น ข้อเสนอของหลินฮ่าวจึงได้รับการเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้เฒ่าตระกูลหลินอย่างรวดเร็วในไม่ช้า ตระกูลหลินก็เริ่มดำเนินการ โดยส่งยอดฝีมือจำนวนมากติดตามหลินฮ่าวไปดักรอฉู่เฉินนอกเมืองชิงหลงอีกด้านหนึ่ง ยังได้ส่งลูกหลานตระกูลหลินไปจำนวนไม่น้อยไปแจ้งตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่แค่ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่หกของตระกูลหลิน ก็มีมากถึงสิบกว่าคนแล้วเมื่อรวมกับตระกูลจ้าวและตระกูลสวี่ ภายใต้การร่วมมือของสามตระกูล ไม่ต้องพูดถึง
แม้ว่าจะไม่มีตึกสูง แต่ที่นี่ก็มีสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่บางชนิดจำหน่ายด้วยเหมือนกันหลังจากฟังคำแนะนำของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ งั้นไปที่เมืองชิงหลงกันก่อน”อันที่จริง ในด้านหนึ่งฉู่เฉินต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับโลกแห่งการหยั่งรู้ และในอีกด้านหนึ่งก็ต้องการค้นหาวัตถุดิบยาในเมืองชิงหลงด้วยอย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าทึ่มก็ถึงคอขวดแล้ว และจำเป็นต้องคิดหาวิธีที่จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบเหินฟ้าโดยเร็วที่สุดไม่อย่างนั้น ฉู่เฉินก็คงจะขาดคู่ซ้อมที่แข็งแกร่งไปคนหนึ่งไม่ใช่เหรอ“คุณจะไปเมืองชิงหลงจริงๆ เหรอ? คุณควรรู้ไว้ว่าตอนนี้คุณในโลกแห่งการหยั่งรู้ก็เหมือนกับเป็นสมบัติที่มีชีวิต ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไหร่ที่กำลังเล็งคุณอยู่”หลิงเสวี่ยกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่นไม่ใช่ว่าเธอเป็นห่วงฉู่เฉินมากขนาดนั้น แต่ถ้าฉู่เฉินตกอยู่ในอันตราย เธอก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย“เมื่อวานเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ยังมีใครกล้าคิดร้ายกับผมอีกงั้นเหรอ?”ฉู่เฉินถามด้วยความสงสัยชิ!หลิงเสวี่ยกลอกตามองฉู่เฉินและกล่าวด้วยสีหน้าจนใจ “คุณคิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้จะสร้างความฮือฮาได้มากขนาดไหน แม้ว่า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอดหน้ามืดไม่ได้ แทบจะเป็นลมคาที่นี่ไม่อาจใช้คำว่ามากเกินไปมาบรรยายฉู่เฉินได้แล้ว ปรมาจารย์ฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ ว่า “คุณฉู่ คุณไม่คิดว่าข้อเรียกร้องของคุณมันมากเกินไปเลยหรือไง?”“ฆ่าคนก็แค่เอาหัวโขกพื้น คะ...คุณเห็นวังเทียนเจี้ยนของผมรังแกง่ายจริง ๆ เหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน กวาดตามองปรมารจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดว่า “รังแกคุณแล้วยังไง? เอาของตามใบรายการนี้มา แล้วผมจะหันกายจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย”“ถ้าคุณกล้าพูดคำว่าไม่สักคำละก็ ผมก็มีวิธีทำให้วังเทียนเจี้ยนของคุณหายวับไปกับตา” ข่มขู่ ข่มขู่กันอย่างโจ่งแจ้ง“ไอ้คนแซ่ฉู่ แกเหิมเกริมไปแล้ว...” ไม่รอให้ศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่เอ่ยปาก ปรมารจารย์ว่านเจี้ยนก็รีบยกมือห้ามเอ่ยว่า “หุบปากให้หมด!” หลังจากผ่านเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เวลานี้ปรมารจารย์ว่านเจี้ยรไม่สงสัยความสามารถของฉู่เฉินเลยสักนิดเดียวอย่างแย่ที่สุด ฉู่เฉินก็สามารถลากวังเทียนเจี้ยนให้ตายตกตามกันได้ต้องรีบไล่ตัวซวยคนนี้ออกไปโดยเร็วที่สุดถุงจะถูกเมื่อคิดได้ดังนั้น ปรมาจ
ไม่อย่างนั้น เธอก็คงไม่มีทางกระโดดจากสาวใช้ธรรมดา ๆ กลายเป็นสุดยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นแปดภายในระยะเวลาห้าปีสั้น ๆ หรอก แต่ว่าฉู่เฉินรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?เมื่อเห็นหลิงเสวี่ยตะลึงจนพูดไม่ออก ฉู่เฉินก็แหงนหน้าหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ดูท่าจะตรงตามที่ผมเดาไว้จริง ๆ ปรมาจารย์คนดีของคุณอยากเลี้ยงคุณจนสมบูรณ์แล้วค่อยดูดกลืนคุณจนแห้งไงละ” เมื่อหลิงเสวี่ยได้ยินคำพูดนี้ พลันร้อนใจขึ้น ถลึงตามองฉู่เฉินอย่างเย็นชาและกล่าว “ฉู่เฉิน ห้ามคุณพูดจาเหลวไหลนะ”ถึงแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะเห็นเธอเป็นของชิ้นหนึ่ง มอบเธอให้ฉู่เฉิน แต่ว่าสำนักเคยมีบุญคุณกับเธอจริง ๆ“พูดจาเหลวไหล? กลัวว่าคุณโดนคนอื่นขายแล้ว ยังช่วยเขานับเงินด้วยละมั้ง?”ฉู่เฉินหัวเราะหยัน จากนั้นก็อธิบายวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังสั้น ๆ และบอกเรื่องคุณสมบัติร่างกายพิเศษอย่างร่างธาตุสวรรค์บริสุทธิ์ว่ามีประโยชน์มากเท่าไหร่ต่อผู้ฝึกวิชาบำเพ็ญคู่ให้ฟังตามความเป็นจริง หลังจากฟังคำพูดนี้ของฉู่เฉินจบก็ทำลายสามมุมมองของหลิงเสวี่ยอย่างแท้จริง “เป็นไปไม่ได้ ต้องไม่ใช่ความจริงแน่นอน ท่านปรมาจารย์มักจะสอนพวกเราว่าผู้บำเพ็ญเพียนต้องทำ
ถึงแม้ว่าในใจของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ก็ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่เฉินจูงมือหลิงเสวี่ยเดินเข้าไปในเรือนเจ้าสำนักที่เขาอาศัยอยู่ ในตอนที่ฉู่เฉินปิดประตูห้องจนสนิท พวกศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนต่างก็เผยสีหน้าเจ็บปวดและไม่ยินยอมออกมาจบแล้ว!เทพธิดาในใจของพวกเขา น้องศิษย์เล็กที่พวกเขาเฝ้าปรารถนา โดนไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินย่ำยีแบบนี้แล้วเมื่อผลักประตูเดินเข้าไปในห้องนอนด้านใน ฉู่เฉินก็อดตื่นตาตื่นใจไม่ได้ไอ้แก่ตายยากอย่างปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคนนี้เสพสุขเก่งจริง ๆ บนเตียงหยกน้ำแข็งมีอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ครบครัน นอกจากนี้ยังมีหมอนรองเอวโดยเฉพาะอีกด้วยไอ้เชี่ยนี่ เฒ่าหัวงูถึงจะเป็นคนตัณหากลับ จริง ๆ เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอร์ในห้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยน หลิงเสวี่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้พลางกล่าวว่า “ทำไมในห้องของปรมาจารย์ถึงจะมีหมอนสองใบล่ะ อีกอย่าง ทำไมหมอนใบนี้ดูไปแล้ว ไม่ค่อยเหมือนเลย?” หลิงเสวี่ยพูดพลางเอื้อมมือจะไปหยิบหมอนรองเอวใบนั้นขึ้นมา แต่โดนฉู่เฉินขวางไว้ทันที“อีกเดี๋ยวคุณก็จะรู้เองว่าหมอนใบนี้เอาไว้ใช้ทำอะไร เข้ามาสิ”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ดึงหลิงเสวี่ยให้นั่งลงข้างเตียง
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ