ตั้งแต่เข้าเดินเข้าประตูมา ซ่งหรูเซียนก็เอาแต่หลับตาทำสมาธิ ไม่สนใจเรื่องใด ๆที่เกิดขึ้นในห้องโถงเลยแม้แต่น้อยอืม มีกลิ่นอายของความเป็นเจ้าใหญ่นายโตถังจิ้งจือ ชายชราในชุดเสื้อคอจีนสีขาวคนนั้น ฉู่เฉินยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน เป็นแบบที่เคยได้ยินตั้งแต่เด็กจนโตนายท่านใหญ่ถังคนนี้ เรียกได้ว่าเป็นตำนานของวงการการค้าเจียงจงคนหนึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถมาอย่างยาวนานจนประสบความสำเร็จจากแผงขายผักข้างถนน ค่อย ๆ พัฒนามาทีละขั้น นำตระกูลถังพัฒนาจนกลายมาเป็นสี่ตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเจียงจงเพียงแต่ในเวลานี้ฉู่เฉินมองไป กลับพบว่าสีหน้าของถังจิ้งจือคนนี้ดูแย่มากครุ่นคิดอยู่ครู่ ฉู่เฉินเปิดใช้งานเนตรมังกร ทันทีที่แสงสีทองของดวงตากะพริบ ทันใดนั้นก็พบว่า จุดอิ้นถาง[1]ของถังจิ้งจือคนนี้ดำจนน่ากลัว ถูกอายชั่วร้ายสีดำรายล้อมวังชีวิตแต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ อายชั่วร้ายสีดำเหล่านี้ มีอยู่หลายชนิดนี่บ่งบอกถึงอะไร?บ่งบอกว่าถังจิ้งจือคนนี้ถูกวิญญาณร้ายนับร้อยติดตาม ถ้าหากว่าจัดการไม่ทันเวลา เขา จะต้องตายอย่างแน่นอน!แม้แต่วังบุตรธิดาและวังนาเรือนของเขา เต็มไปด้วยความสิ้
“ปรมาจารย์กัว”ทุกคนพยักหน้าปรมาจารย์กัวคนนั้นยิ้ม พร้อมกล่าวด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง “ต้องขออภัยด้วยครับ ที่ทำให้ทุกท่านต้องรอนาน ในเมื่อทุกท่านมาถึงแล้ว ผมเองก็จะไม่อุบไว้แล้ว ตรงเข้าเรื่องสำคัญ ให้ทุกท่านได้ชมของล้ำค่าก่อน”ในขณะที่พูด ปรมาจารย์กัวก็นำกล่องหนังสีเหลืองวางที่ตรงกลางของโต๊ะ มีเสียงดังแกร๊กสองที เปิดตัวล็อก แล้วเปิดกล่องด้านในกล่องคือหยกโบราณสีเลือด สีแดงสดมาก งดงามราวกับเลือดหยกโบราณทั้งก้อน เป็นสไตล์โบราณ ด้านบนยังแกะสลักด้วยลายเส้นละเอียด เหมือนกับว่าเป็นลายเส้นค่ายกล ดูออกทันทีว่าไม่ใช่สิ่งของธรรมดาอีกทั้งทันทีที่หยิบหยกลายโลหิตออกมา ทุกคนตรงนั้นก็สัมผัสได้ทันทีว่าภายในห้องโถงมีกลิ่นอายกลุ่มหนึ่ง ที่ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งสบายไปทั้งตัว จิตใจผ่อนคลาย ไหลเวียนไปทั่วตัวราวกับได้อาบน้ำท่ามกลางลมที่พัดผ่านในฤดูใบไม้ผลิ ราวกับอยู่ในมหาสมุทร แล้วก็เข้าไปในป่าอันเขียวขจีในหุบเขาลึก ราวกับแดนสวรรค์ถังจิ้งจือและคนอื่นดวงตาเบิกกว้างเปล่งประกายทันที จ้องเขม็งไปยังหยกลายโลหิตก้อนนั้น“ของดี! นี่คือของดี!”ผู้เชี่ยวชาญการตรวจประเมินของโบราณหลายท่าน ก็ส่งเสียงชื่นชมหลาย
นับตั้งแต่ฉู่เฉินเดินเข้าประตูมา จนกระทั่งเล่นลูกไม้กับหวังคุน ซ่งหรูเซียนมองดูอยู่ตลอดเพียงแต่เขาไม่ได้สนใจฉู่เฉินเลยสักนิดคิดว่าก็เป็นแค่ตัวตลกที่เรียกร้องความสนใจแค่นั้นเองฉู่เฉินแค่นเสียงหัวเราะ เรียกคืนสายตาจากหยกลายโลหิต ย้อนถามซ่งหรูเซียน “ปรมาจารย์ซ่งใช่ไหม คุณคิดว่าหยกลายโลหิตนี่คือของวิเศษ?”“แน่นอนสิ! ตั้งแต่ฉันเป็นตรวจประเมินของโบราณมา ยังไม่เคยเห็นของวิเศษที่จริงขนาดนี้มาก่อน!”ซ่งหรูเซียนกล่าวอย่างมั่นใจมาก จากนั้นหรี่ตา กล่าวอย่างไม่พอใจ“ทำไม เธอสงสัยในความสามารถตรวจประเมินของโบราณของฉันเหรอ? จะบอกเธอให้นะ ไอ้หนู ฉันเป็นปรมาจารย์ศาสตร์ฮวงจุ้ยที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อยู่กับศาสตร์ฮวงจุ้ยมาสามสิบปีแล้ว! หยกลายโลหิตก้อนนี้ ใช่หรือไม่ใช่ของวิเศษ เป็นของวิเศษระดับไหน มองแวบเดียวก็รู้แล้ว”ซ่งหรูเซียนพูดจบ สีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นปรมาจารย์ระดับชั้นน้ำของวงการศาสตร์ฮวงจุ้ยแห่งเจียงเป่ย เมื่อครู่นี้ตอนที่หยิบหยกลายโลหิตก้อนนั้นออกมา เขาสัมผัสได้ถึงลักษณะฮวงจุ้ยของในบ้านหลังนี้ที่เปลี่ยนไปแดนสวรรค์!คือแดนสวรรค์ของโลกมนุษย์!ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าหยก
“ที่นี่คือบ้านของตระกูลจ้าว ถ้าหากไม่มีความรู้เรื่องการตรวจประเมินของโบราณ ก็หุบปากไปซะ จะได้ไม่ทำให้คนอื่นไม่พอใจ จนก่อให้เกิดหายนะ!”ทันทีที่พูดจบ ก็มีบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำที่ร่างกายกำยำหลายคนพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วซ่งหรูเซียนกล่าวเร่งรัด “ผู้นำตระกูลจ้าว จะเกรงใจมันทำไม รีบเฉดหัวมันออกไป!”“ฉันก็อยากรู้ว่าใครกล้า!”กู้รั่วเสวี่ยลุกขึ้น กล่าวเสียงเย็นชา “ผู้นำตระกูลจ้าว คุณฉู่เป็นแขกคนสำคัญของตระกูลกู้ของฉัน ก่อนหน้าที่จะเฉดหัวเขาออกไป ก็เฉดหัวฉันออกไปก่อนเถอะ”เพียงประโยคเดียว ผู้นำตระกูลจ้าวก็ตกใจจนมีสีหน้าสับสนมากเฉดหัวกู้รั่วเสวี่ยออกไป?เขาไม่กล้าแน่นอนเมื่อเห็นผู้นำตระกูลจ้าวเงียบ กู้รั่วเสวี่ยก็หันหน้ากลับไป จ้องมองซ่งหรูเซียนด้วยดวงตาเฉยชา กล่าวเสียงเย็นเยียบ “แล้วก็คุณ คนอื่นเคารพเพราะคุณเป็นปรมาจารย์ศาสตร์ฮวงจุ้ย แต่ฉันไม่”“ที่นี่คือเจียงจง ไม่ใช่เจียงเป่ย คุณไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่ง”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของซ่งหรูเซียนเรียกได้ว่ามืดขรึมขั้นสุด“คุณหนูใหญ่กู้ คืออย่างนี้ ผมก็คือปรมาจารย์วงการศาสตร์ฮวงจุ้ยแห่งเจียงเป่ย ก็รู้จักคนไม่น้อยเช่นกัน การล่วงเกิน
ฉู่เฉินแค่นเสียงหัวเราะ มองซ่งหรูเซียนที่กำลังโมโหแวบหนึ่งอย่างเหยียดหยาม “ถ้าอย่างนั้นผมขอเตือนคุณ ให้รีบหารถฉุกเฉินเอาไว้ เพราะว่าอีกเดี๋ยวคุณต้องได้กินหยกลายโลหิตก้อนนี้แน่”“เธอ! ไอ้หนู อวดดีเกินไปแล้ว!” ซ่งหรูเซียนกล่าวอย่างโมโห ชี้นิ้วทางด้านนี้ ฉู่เฉินลุกขึ้น สองมือเท้าสะเอว เดินมาตรงหน้าของปรมาจารย์กัวที่สีหน้าเขียวคล้ำ สายตาอึมครึม พูดพร้อมกับแสยะยิ้ม “ปรมาจารย์กัว คุณจะยอมรับเองตรง ๆ ว่าหยกลายโลหิตนี้เป็นของปลอม หรือว่าจะให้ผมเปิดโปงคุณดีล่ะ?”ปรมาจารย์กัวที่ตาตี่จมูกโด่งคนนั้น ดวงตาเขม็ง สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เชิดหน้าขึ้น กล่าวอย่างเหยียดหยาม “ไอ้หนู เธอหมายความว่ายังไง?”“หยกลายโลหิตก้อนนี้ของฉัน เป็นหยกโบราณชั้นยอด เป็นของวิเศษที่ผู้วิเศษท่านหนึ่งทำขึ้น”“คิดว่าทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของหยกลายโลหิตก้อนนี้ใช่ไหมล่ะ? ทำไมพอเป็นเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเธอพูด ก็กลายเป็นของปลอมไปได้ซะล่ะ?”“ในเมื่อเธอพยายามจะบอกว่าหยกลายโลหิตก้อนนี้เป็นของวิเศษปลอม ถ้าอย่างนั้นฉันก็อยากเห็นนักว่า เธอจะพิสูจน์ยังไง!”กัวหกนิ้วหรี่ดวงตา สายตาเย็นชาเล็กน้อย เต็ม
ฉู่เฉินไม่สนใจ กล่าวต่อ “ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเพียงแค่ค่ายกลฮวงจุ้ยขนาดเล็กที่สร้างขึ้นไว้ในหยกลายโลหิตเท่านั้น ดูดซับพลังวิญญาณของเรือนและในห้องโถง กลายเป็นรัศมีฮวงจุ้ยที่พิเศษแบบหนึ่ง”“เมื่อคนธรรมดาอยู่ท่ามกลางนั้น จะรู้สึกเหมือนว่าร่างกายได้รับพลังวิญญาณ เหมือนว่าอยู่ในแดนสวรรค์”“ปรมาจารย์กัว ผมพูดถูกไหม?”ฉู่เฉินยิ้มจาง ๆ หันไปมองสีหน้าของกัวหกนิ้วที่คร่ำเครียดไปในทันทีก่อนหน้านี้ ฉู่เฉินเองก็เกือบถูกหยกลายโลหิตก้อนนี้หลอกลวงโชคดีที่เขาเปิดเนตรมังกรเพื่อมองทะลุแก่นแท้ เพียงแวบเดียวก็มองเห็นปัญหาภายในจนทะลุปรุโปร่งแล้วปรมาจารย์กัวที่มาจากเซียงเจียงคนนี้ ถือว่าพอมีความสามารถอยู่บ้างแต่ก็เป็นเพียงแค่วิชาลึกลับฮวงจุ้ย เพียงผิวเผินเท่านั้นค่ายกลฮวงจุ้ยประเภทนี้ อย่างมากก็คงอยู่ได้เป็นเวลาหนึ่งวันหลังจากหนึ่งวัน ก็จะเสื่อมลงไปเองหลอกถังจิ้งจือกับหวังคุนเจ้าใหญ่นายโตที่ไม่มีความรู้เรื่องวิชาฮวงจุ้ย และพวกเศรษฐีใหม่ยังพอไหว เมื่อเรื่องแดง คนพวกนี้ก็จะค้นพบว่าถูกหลอก ปรมาจารย์กัวผู้นี้ก็หอบเงินหนีไปไกลแล้วตั้งนานแล้ว“พูดจาเหลวไหล! ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดอะไรเลยสักนิด!”
กัวหกนิ้วสีหน้าบิดเบี้ยว ขมับเต้นตุบ ๆเผาไฟ?ทันทีที่เผาไฟ เรื่องของหลอกลวงของเขาก็ต้องถูกเปิดโปง“ทำไม ปรมาจารย์กัวไม่กล้าใช่ไหม?” ฉู่เฉินถามพร้อมแสยะยิ้มกัวหกนิ้วพ่นลมหายใจอย่างเหยียดหยาม กล่าว “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน พูดจามั่วซั่วไม่คำนึงถึงความจริง! ทำไมถึงต้องเชื่อเธอที่บอกว่าให้เอาไปเผาไฟแล้วต้องทำตาม? ฉันเป็นปรมาจารย์จากเซียงเจียง เป็นบุคคลที่มีหน้ามีตา ทำไมถึงต้องสร้างเรื่องหยกปลอมของวิเศษปลอมอะไรพวกนี้ด้วย?”“ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อ ก็ช่างเถอะ วันนี้ หยกลายโลหิตก้อนนี้ ผมเอากลับไปเองแล้วกัน”ในขณะที่พูด กัวหกนิ้วก็เริ่มเก็บของ เตรียมจะหนีในเวลานี้ เจ้าใหญ่นายโตหลายท่านที่อยู่ในห้องโถง ต่อให้โง่แค่ไหนก็ได้สติกลับคืนมาแล้วนี่คือกำลังจะเตรียมตัวหนีแล้วนี่!“ปรมาจารย์กัว อยากจะไปย่อมได้ แต่เอาของไว้!” ถังจิ้งจือกล่าวเสียงเย็นเยียบกล้ามาหลอกตนถึงที่ รนหาที่ตาย!ในเวลานี้ กัวหกนิ้วเหงื่อแตกเต็มจนหลังเปียกชุ่ม สีหน้าอึมครึมสุดขีดเขาโกรธเกรี้ยว จ้องฉู่เฉินเขม็ง เพลิงโทสะระเบิดอยู่ในใจตนอุตส่าห์แต่งเรื่องราวขึ้นอย่างลำบากลำบน แต่ดันมาถูกไอ้เด็กนี้ทำลายเสียได้...น่ารังเก
ในเวลานี้ กัวหกนิ้วจ้องฉู่เฉินด้วยสายตาดุร้าย ใบหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้าย กล่าว “ไอ้หนู! เธอทำลายเรื่องดีของฉัน วันนี้ ฉันจะเก็บวิญญาณของเธอไว้ในธงหมื่นวิญญาณ ให้เธอไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดไป!”“ดีเลย แล้วก็ให้มดแมลงอย่างพวกคุณได้เปิดหูเปิดตา ว่าอะไรเรียกว่าของวิเศษที่แท้จริง!”ทันทีที่พูดจบ กัวหกนิ้วยกมือขึ้นแล้วสะบัด ชักธงเล็กหน้าตาแปลกประหลาดสีดำผืนหนึ่งออกมาจากบริเวณเอว สีดำทั้งผืน มีหมอกสีดำที่น่ากลัวพวยพุ่งออกมา ด้านบนยังมีสัญลักษณ์และตัวหนังสือหน้าตาประหลาดต่าง ๆ อยู่บนนั้นอีกด้วย‘วืด!’กัวหกนิ้วสะบัดธงหมื่นวิญญาณ หมอกสีดำก็พวยพุ่งออกมาจากด้านในเสียงดังวืด ๆภายในชั่วพริบตา อุณหภูมิภายในห้องโถง ก็ลดลงจนถึงจุดเยือกแข็ง!ทุกคนรู้สึกหนาวไปทั่วทั้งตัว ราวกับตกลงไปในหุบเขาน้ำแข็งไม่นานนัก ด้านบนของห้องโถงก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำหลายกลุ่มก้อน มองดูน่าขนลุก และน่าหวาดกลัวมาก“ไอ้หนู! ของวิเศษชิ้นนี้เรียกว่าธงหมื่นวิญญาณ สามารถกลืนกินวิญญาณชั่วร้าย และขับไล่ผีได้ทุกประเภท! การที่ถูกของล้ำค่านี้ดูดกลืนเข้าไป ก็จะกลายเป็นผีหุ่นเชิด ก็จะเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของเธอไปชั่วชีวิต”
ราวกับลีน่าได้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน เก็บมือที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างกลับมาแล้วยืนตัวตรงทันที จากนั้นสางผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเมื่อประตูห้องเปิดออก ต้าหลิงจื่อที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ก็โผล่หน้าออกมาชนเข้ากับลีน่าที่อยู่หน้าประตูเข้าอย่างจัง“ว้าย!”ต้าหลิงจื่อตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย ใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าและกล่าว “คุณ…คุณนายลีน่า คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”ลีน่ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ฉันรอพวกคุณเกือบจะสองชั่วโมงแล้วล่ะ”กล่าวเสร็จไม่รอต้าหลิงจื่อตอบสนองใด ๆ ลีน่าก็ผลักประตูเข้าไปข้างในฉู่เฉินได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังก็เก็บกางเกงบ็อกเซอร์ขึ้นมาโดยไม่ลนลาน แล้วหันหลังใส่มันช้า ๆ จากนั้นหยิบบุหรี่หนึ่งในขึ้นมาจุดและกล่าวพร้อมชำเลืองมองลีน่า “มีธุระเหรอ?”ลีน่ามองสำรวจกล้ามเนื้อทั้งร่างกายของฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงก่ำและยิ้มน้อยกล่าว “คุณฉู่ สามีฉันคิดว่าการร่วมธุรกิจระหว่างพวกเรายังสามารถเจรจากันอีกได้ค่ะ”“เงื่อนไขสามารถปรับเปลี่ยนได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมในห้องทำงานก็เคร่งเครียดเกินไป เขาจึงจองห้องอาหารส่วนตัวที่ภัตตาคารไห่เฟิงไว้แล้ว หวังว่าคุณฉู่จะให้เกียรติมาร่
เมื่อเห็นว่ารอบนี้ลีน่าเอาจริง แรนด์จึงเริ่มร้อนใจและคว้าข้อมือของลีน่าไว้พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ลีน่า ความรู้สึกที่ยาวนานขนาดนั้นของพวกเรา…”ความรู้สึก?ลีน่าอยากจะขำให้ท้องแข็งตายเมื่อได้ยินคำนี้ ตอบพร้อมกลอกตาใส่แรนด์ด้วยสีหน้ารังเกียจ “คุณป่วยหนักอยู่นะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันสนใจในทรัพย์สมบัติของคุณ คุณคิดว่าฉันจะมาคบคุณเหรอ?”“คุณทั้งแก่และขี้เหร่ หลงใหลระยะสั้นๆ ทำมาพูดเรื่องความรู้สึกรักชอบ ช่างน่าเสียความรู้สึกจริง ๆ โอเคไหม?”ไม่เสแสร้งแล้ว เปิดใจทั้งหมดใบหน้าชราของแรนด์อมทุกข์จนราวกับจะมีน้ำตาหยดลงมา แต่ก็ไม่มีปัญญา ใครให้ผู้หญิงคนนี้ชำนาญในด้านนั้นกันล่ะหลังจากหายใจเข้าลึก ๆ แล้วแรนด์ก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาจึงกัดฟันพูดขึ้นว่า “คุณ…คุณโทรไปเรียกเขามาสิ ผมเป็นเจ้าภาพเอง ให้ไปกินข้าวและพูดคุยกันที่ภัตตาคารไห่เฟิง”แรนด์ไม่อาจยอมได้ แต่ก็พ่ายแพ้ในการพูดคุยแล้ว สิ่งที่เขาสูญเสียนั้นมากเกินไปแล้วจริง ๆไม่เพียงถูกคนจากฝ่ายทหารตามไล่ฆ่า แถมผู้หญิงข้างกายเขาก็จะจากเขาไปไกลอีกถ้าเป็นแค่ผู้หญิงทั่วไปก็ช่างเถอะปัญหาคือขาทั้งสองข้างของลีน่าแรงดีมาก แล้วยังหนีบเก่งอีกสิ่งที
วินาทีต่อมา เธอเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบแหวกชุดทำงานออก แล้วแกะกระดุมตรงหน้าอกออกสองเม็ด ก่อนจะก้มหน้ามองหน้าอกทั้งสองข้างจากนั้นก็เห็นว่ารอยแผลตกสะเก็ดหลุดออกหมดแล้ว ผิวที่เกิดใหม่เรียบเนียนราวกับของใหม่ทำให้ต้าหลิงจื่อตะลึงงัน ฉู่เฉินมองลูกแพร์ขนาดใหญ่สองลูกที่ส่องประกายแวววาวก็ตกตะลึงไปเช่นกัน“ว้าย” ผ่านไปพักใหญ่ ต้าหลิงจื่อถึงค่อยสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของฉู่เฉิน แถมยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างกึ่งโป๊กึ่งมิดชิด เธอรู้สึกเขินอายมากทันที ก่อนจะรีบยืนตัวตรง เอามือดึงกางเกงที่แทบจะถกมาถึงต้นขา“คะ...คุณชายฉู่ ขะ...ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อกี้ฉัน...”ยังไม่ทันที่ต้าหลิงจื่อจะพูดจบ ปากขนาดใหญ่ก็ปิดริมฝีปากแดงของเธอกลิ่นอายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชายชาตรีถาโถมใส่หน้า ต้าหลิงจื่อสิ้นฤทธิ์ในพริบตา เธอไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว โดยเฉพาะเมื่อโดนแขนที่ทรงพลังโอวเอวไว้ ราวกับเขื่อนที่พังทลาย ไม่อาจควบคุมได้เลย“แควก!” ฉู่เฉินฉีกถุงน่องของต้าหลิงจื่อออกทันที ก่อนจะพลิกมือกดต้าหลิงจื่อลงบนโต๊ะทำงาน“คุณชายฉู่ บะ...เบาหน่อยค่ะ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้
แม้แต่ต้าหลิงจื่อที่ยืนอยู่ทางด้านข้างก็ยังตกตะลึงกับสิ่งที่ฉู่เฉินทำตอนที่หลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกเจรจาความร่วมมือกับคนอื่น เธอก็อยู่ด้วย แต่ว่าสามปีมานี้ เธอยังไม่เคยเห็นการเจรจาความร่วมมือแบบนี้มาก่อนเลยมิน่าล่ะหลิ่วหรูเยียนถึงบอกให้ฉู่เฉินมาเจรจา บารมีบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน ชั่วขณะหนึ่ง ภาพลักษณ์ของฉู่เฉินในใจของต้าหลิงจื่อคล้ายกับยิ่งใหญ่ขึ้นไม่น้อย“ฮึ คุณฉู่ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของคุณก็ได้ ในเมื่อคุณไม่เห็นค่า งั้นพวกเราก็ขอตัวแล้ว” แรนด์กระแทกถ้วยกาแฟในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วงดังปัง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะดึงลีน่าขึ้นมาแล้วหันกายเดินจากไป “เอ๊ะ...”เมื่อเห็นสามีภรรยาแรนด์เดินจากไปแล้วจริงๆ ต้าหลิงจื่อกำลังคิดจะเรียกพวกเขาให้หยุด แต่โดนฉู่เฉินยื่นมือมาขวางไว้“คุณฉู่...”“ให้พวกเขาไสหัวไป”เสียงของฉู่เฉินไม่ดังไม่เบา แต่สามีภรรยาแรนด์กลับได้ยินชัดเจน “คุณ...”แรนด์หันหน้ามาถลึงตาใส่ฉู่เฉินด้วยความแค้นใจ คำว่าไสหัวไปครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้แม้กระทั่งทางลงกับเขาเลยจริง ๆในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากไปก็ไม่ได้แล้วดูท่าข้อมู
หน้าอกใหญ่สองลูกนั้นราวกับอาวุธสังหารที่สั่นไหวเล็กน้อยไปตามลมหายใจ เหมือนจะดันเสื้อเชิ้ตสีเบจบนตัวเธอให้ปริได้ทุกเมื่อ ส่วนเรียวขาใหญ่ยาวงดงามที่แข็งแรงและไม่เสียทรงสองข้างเปล่งประกายสีทองแดงแวววาวจากการอาบแดดบนชายหาดแม้ว่าผิวจะไม่ขาวเนียน ทว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ความรู้สึกงดงามสุขภาพดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนนั้น แค่มองก็ทำให้คนเกิดความคิดหุนหันอยากจะถูกเธออมไว้ในปากนัยน์ตาโตสีฟ้า ประกอบกับขนตาเรียวยาว แค่กะพริบตาเหลือบมองกลับมาก็เปี่ยมไปด้วยความเสน่หานี่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผลผลิตจากอำนาจของเงินตราเมื่อเห็นฉู่เฉิน สามีภรรยาคู่นี้ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นเป็นสาวสวยชาวตะวันตกคนนั้นที่ยิ้มให้ฉู่เฉินก่อนแล้วพูดว่า “คุณน่าจะเป็นคุณฉู่เฉินสินะ?” สาวสวยชาวตะวันตกพูดพลางส่ายเรียวขางามแข็งแรงอยู่บนรองเท้าสายรัดส้นเข็ม เดินเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะยื่นมือไปจับมือกับฉู่เฉิน “ผมคือฉู่เฉิน ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”ฉู่เฉินจับมือเรียวงามนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของสาวสวยชาวตะวันตกอย่างเป็นมิตรมาก สายตากวาดมองหน้าอกของเธอแวบหนึ่ง ร่องอกนั้นสามารถซุกคนทั้งเป็นเข้าไปได้เลย
บ้าเอ๊ย!แม้แต่ลมหายใจของฉู่เฉินก็ถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย นี่ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้จริงละก็ ตอนนี้เขาคงสิ้นชีพไปแล้วจนกระทั่งตอนนี้เอง ในที่สุดฉู่เฉินก็รู้แน่ชัดถึงช่องว่างของระดับพลังสร้างรากฐานแล้วยกตัวอย่างเช่น เมื่อคืนนี้เผชิญหน้ากับเย่หัวที่เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น แม้ว่าฉู่เฉินจะตกเป็นฝ่ายรับ แต่ก็มีพลังต่อสู้อยู่แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าเขาหลายขั้นอย่างเจ้าทึ่ม เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะลงมือ“ตอนนี้นายเทียบเท่าระดับสร้างรากฐานประมาณขั้นไหนแล้ว?”ฉู่เฉินปัดฝุ่นบนตัวพลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม“ขั้นเก้า”เจ้าทึ่มเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าอะไรนะ?ฉู่เฉินกลืนน้ำลายหนัก ๆ ความเร็วในการพัฒนานี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงนิดหน่อยจริง ๆ “งั้นผู้ชายผู้หญิงที่ลงมาจากรถเมื่อคืน นายเองก็เห็นแล้ว คิดว่าเอาชนะได้หรือเปล่า?” ฉู่เฉินเลิกคิ้วเอ่ยกับเจ้าทึ่ม“ได้ ผมรู้สึกได้ว่าพวกเขาอ่อนแอมาก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ รัศมีแสงสีฟ้าภายในดวงตาของเจ้าทึ่มพลันส่องประกายหลายครั้ง ยังจงใจเอาลิ้นสีแดงคาวเลียริมฝีปากแห้งผาก“นายแค่กินคนก็สามารถเลื่อนระดับพลังได้แล้วเหรอ?”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลังเดิ
แม้ว่าตอนนี้จะถูกแบนจากฝ่ายต่าง ๆ แต่คิดว่าคงไม่ได้แบนนานมากนัก“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันจะโทรหาคุณฉู่เดี๋ยวนี้เลย นัดเวลาเจอกัน?”ต้าหลิงจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสอบถาม “อืม จัดการตามที่ฉันบอกละกัน...อ่า...”หลิ่วหรูเยียนอ้าปากหาวอีกครั้ง ก่อนจะลากร่างกายที่เหนื่อยล้าให้ลุกขึ้นมาพูดว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉัน...หาว...ฉันกลับไปนอนก่อนนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลา” หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับต้าหลิงจื่อ เมื่อมาถึงถนน หลิ่วหรูเยียนยื่นมือออกไปเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าหลังจากส่งหลิ่วหรูเยียนแล้ว ต้าหลิงจื่อถึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉู่เฉินเวลานี้ ฉู่เฉินเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ แตกต่างจากพวกสาว ๆ อย่างหลิ่วหรูเยียนที่ผ่านศึกใหญ่มาทั้งคืน แต่ตอนนี้ฉู่เฉินกลับสดใสร่าเริง กระปรี้กระเปร่าเป็นร้อยเท่าจำเป็นต้องพูดว่ามรดกของมังกรเฒ่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงสามารถเพิ่มพละกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้กำลังวังชาของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก ต่อให้ทำศึกใหญ่ติดต่อกัน
คืนนั้น ฉู่เฉินปลดปล่อยเพลิงมังกรหยางที่ยากจะควบคุมลงบนตัวหลิ่วหรูเยียนและสองพี่ต้องตระกูลต้วนเมื่อฉู่เฉินทะลวงสู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้า พลังรบก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ต้วนหลิงเวยที่มีความอดทนมากที่สุดก็อ้อนวอนติดต่อกัน ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้งเช้าวันถัดมา หลิ่วหรูเยียนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ารีบไปทำงานที่บริษัท ถึงขนาดที่ไม่สนใจจะกินอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำเธอกลัวจริง ๆ ทำไมตอนนี้ฉู่เฉินดูเหมือนป้อนอย่างไรก็ไม่เต็มอิ่มเลยละเธอกลัวจริง ๆ ว่าตัวเองจะเหนื่อยตายคาเตียงของฉู่เฉิน รุ่งเช้า ต้าหลิงจื่อเพิ่งมาถึงบริษัท เดินเข้ามาในห้องทำงานของหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าดีอกดีใจ เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของหลิ่วหรูเยียน แถมยังมีรอยใต้ตาคล้ำวงใหญ่สองข้างบนใบหน้าเลยเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทเหรอคะ? “ฮึ!” หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียว เธอนอนหลับไม่สนิทที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้นอนหลับสนิททั้งคืนชัด ๆ “ช่างเถอะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางหาวยาว ๆ ทั้ง
ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพมาหลายร้อยปีแล้ว หากไม่มีพลังบำเพ็ญเพียร เธอจะกลายเป็นหญิงชราโดยสิ้นเชิงในคราวเดียว แค่คิดว่าตัวเองอาจจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ชราภาพ อวี้ลู่ก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจฉู่เฉินเห็นอวี้ลู่มีท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่งก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ นี่ยังมียาโลหิตวิญญาณอยู่นิดหน่อย ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ก็กินเข้าไปสองเม็ด” ฉู่เฉินพูดพลางล้วงยาโลหิตวิญญาณขวดหนึ่งออกมาจากในอกแล้ววางไว้ในฝ่ามือของอวี้ลู่ แต่ทันทีที่สัมผัสโดนมือเล็ก ๆ ของอวี้ลู่ อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวส่งผ่านเข้ามา แม้แต่ฉู่เฉินก็ต้องชื่นชมความอดทนของอวี้ลู่อดกลั้นไว้จนเป็นแบบนี้เลยเหรอ?ผู้หญิงเนี่ยนะ ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยก่อนจะออกมา ฉู่เฉินชะงักฝีเท้าแล้วหันหน้ามาพูดว่า “ถ้าเกิดมีอะไรอยากให้ช่วยก็เรียกผมได้ตลอดเวลานะ” “ไม่จำเป็น!”อวี้ลู่ตะโกนเสียงดังพลางหอบหายใจแรง ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วเดินออกไปนอกถ้ำอินซู่ซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไล่ตามออกมา พูดกับฉู่เฉินว่า “นายท่าน นี่ผู้อาวุโสเป็นอะไรไปเหรอคะ?”ไม่แ