เวลานี้หลินชือหย่าสังเกตเห็นฉู่เฉินแล้วเช่นกันเลยคลี่ยิ้มออกมาทันที รอยยิ้มนี้เพียงพอที่จะล่มชาติบ้านเมืองได้เลย ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ทอดมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาอิจฉาริษยาในตอนนี้เอง สาวสวยทั้งหมดในร้านอาหารแทบจะสูญเสียความสดใสในพริบตา ถูกหลินชือหย่าบดขยี้จนย่อยยับโดยสิ้นเชิง! “คุณฉู่ พวกเราไปกันเถอะค่ะ” ดวงหน้างามของหลินชือหย่าแดงระเรื่อ เธอจับมือของฉู่เฉินไว้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อยเมื่อเห็นฉู่เฉินถูกสาวสวยสุดยอดขนาดนี้ลากตัวไป เสียงถอนหายใจและเสียงก่นด่าดังมาจากรอบด้านทันที“เชี่ย ฉันหล่อกว่าไอ้หมอนั่นตั้งเยอะ ทำไมฉันไม่โชคดีแบบนี้บ้างนะ?” “แม่งเอ๊ย ผู้หญิงสมัยนี้ตาบอดกันหมดแล้วหรือไง? ฉันหล่อเหลาสง่างามขนาดนี้กลับถูกสาวสวยเมินไปเลย!” “ฉันขอให้หมอนั่นออกไปแล้วโดนรถชน แม่งเอ๊ย คงใช้โชคทั้งชีวิตไปแน่ ๆ ถึงจีบสาวสวยน่ารักขนาดนี้ได้!”เสียงด่าทอของผู้คนด้านหลัง ฉู่เฉินกลับฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ความรู้สึกที่หน้าอกอวบอิ่มนุ่มนิ่มของหลินชือหย่าแนบชิดกับแขนนั้นยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายจริง ๆ“คุณฉู่คะ เพื่อนสนิทคนนั้นของฉันมีนิสัยแปลก ๆ นิดหน่อย เมื่อก่อนแค่ไม่ช
“มองพอแล้ว”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้ายว่า “แต่ก็ยังมองไม่พอ” ในขณะที่พูด ฉู่เฉินค่อย ๆ เลื่อนสายตาลงมา ก่อนจะเหลือบเห็นความขาวนวลและความกลมกลึงจากในร่องของผ้าเช็ดตัวเมื่อสังเกตเห็นสายตารุกรานของฉู่เฉิน ดวงหน้าเล็กของหญิงสาวก็เย็นชาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถลึงตามองฉู่เฉินอย่างดุดันแล้วพูดพลางชี้ไปที่หน้าประตูโดยไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อยว่า “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” “นี่ไม่ใช่บ้านของคุณ มีสิทธิ์อะไรมาไล่ผม?” ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางจ้องมองสาวสวยหน้าสดตรงหน้าอย่างมีเหตุผลรองรับเต็มที่ “คุณ...” สาวสวยหน้าสดดูอัดอั้นตันใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็จัดการฉู่เฉินไม่ได้เลยถึงอย่างไรเธอพันผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ด้านในแทบจะเปลือยเปล่าหมด หากขยับตัวมากเกินไปเล็กน้อยก็จะโป๊หมดเลย! “อย่าเพิ่งรีบโกรธ คุณคือเจียงรั่วเหยียนใช่ไหม?” สายตาของฉู่เฉินค่อย ๆ เลื่อนจากต้นขาของสาวสวยหน้าสดไปที่หน้าอก ผ้าเช็ดตัวทั้งผืนพันรอบอกอวบอิ่มของเธอไว้ไม่อยู่ แค่คำว่าใหญ่คำเดียวจะพอบรรยายได้อย่างไร?“คุณรู้ชื่อของฉันได้ยังไง?” เห็นได้ชัดว่าคำพูดประโยคนี้ของฉู่เฉินทำให้เธอเอ่ยถามด้วยความกระวนกระวายใจ
เจียงรั่วเหยียนสูดลมหายใจลึก สุดท้ายถึงค่อยฝืนพยักหน้า หลังจากที่พูดทักทายกับหลินชือหย่าไม่กี่ประโยค เจียงรั่วเหยียนถึงค่อยวางสายแล้วพูดว่า “คุณเป็นหมอจริง ๆ เหรอคะ?”“จริงแท้แน่นอน”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เจียงรั่วเหยียนเม้มริมฝีปากแล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ฉันไม่สนว่าคุณเป็นหมอจริง ๆ หรือเปล่า แต่ถ้าคุณกล้าพูดเรื่องเมื่อกี้ออกไป ฉันจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด!” “อีกอย่างฉันให้เวลาคุณมากสุดสามนาที หลังจากตรวจเสร็จแล้วรีบไปให้พ้นจากตรงหน้าฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นคุณอีก!”ฉู่เฉินเลิกคิ้ว ยัยนี่แสบเป็นพริกขี้หนูเลย! ดูท่าเขายังคงเข้าใจความหมายของหลินชือหย่าผิดไปที่เรียกว่ารังเกียจผู้ชายไม่ใช่อายที่จะปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายเลย เธอแค่บ้าคลั่งเท่านั้น“ผมต้องจับชีพจรคุณก่อน” ฉู่เฉินก้าวมาข้างหน้าแล้วยื่นมือไปคว้าข้อมือของเจียงรั่วเหยียน“ห้ามแตะฉันนะ!”เจียงรั่วเหยียนรีบถอยหลังก้าวหนึ่ง เอามือสองข้างไขว้หลังไว้ การกระทำนี้ทำให้หน้าอกของเธอพลันแอ่นไปข้างหน้าแล้วชนเข้ากับหน้าอกของฉู่เฉินพอดี ชั่วพริบตานั้นดวงหน้าเล็ก ๆ ของเจียงรั่วเหยียนแข็งทื่อ ฉู่เฉินกลับยิ้มฝืดเฝื่อนก
เมื่อได้ยินเสียงตวาดอย่างรุนแรงนี้ ฉู่เฉินกับหลินชือหย่าต่างมองไปทางหน้าประตูพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายจากนั้นก็เห็นชายหนุ่มสวมชุดเครื่องแบบมังกรเขียวและรองเท้าบู๊ตทหารผลักประตูเดินเข้ามาในห้องรับแขกภายใต้การติดตามของบอดี้การ์ดหลายคน รอบตัวชายหนุ่มแผ่รัศมีน่าเกรงขามของผู้ที่อยู่เหนือกว่า นัยน์ตาเย็นชาจ้องเขม็งไปยังฉู่เฉินที่กำลังจับชีพจรให้เจียงรั่วเหยียน หลายคนที่อยู่ด้านหลังเขาก็พากันมองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรเช่นกัน ขณะเดียวกันมือของพวกเขาล้วนคลำไปทางด้านหลังเอวพร้อมกัน “พี่เจียงหย่วน พี่มาได้ยังไงคะ? วันนี้พี่เข้าไปทำงานที่แก๊งมังกรไม่ใช่เหรอคะ?” หลินชือหย่าเข้ามาหาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะควงแขนของชายหนุ่มแล้วเอ่ยถาม ชายหนุ่มคือเจียงหย่วน พี่ชายแท้ ๆ ของเจียงรั่วเหยียน หัวหน้าแก๊งมังกรแห่งเจียงจงนับตั้งแต่ที่เจียงรั่วเหยียนออกจากโรงพยาบาล เธอก็อาศัยอยู่กับหลินชือหย่ามาตลอด ไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว เขาผ่านทางมาพอดีเลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยม แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกเขาเห็นฉากเมื่อครู่นี้ เจียงหย่วนรู้จักน้องสาวของตัวเองดีกว่าใคร แค่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล เจียงรั่ว
“ถ้าเกิดพี่เป็นห่วงเสี่ยวเหยียนจริง ๆ ทำไมถึงให้คุณฉู่ตรวจดูให้เธอไม่ได้ละคะ? ถ้าเกิดคุณฉู่รักษาโรคของเสี่ยวเหยียนได้จริง ๆ เสี่ยวเหยียนอาจจะพลาดโอกาสหายป่วยไม่ใช่หรือไงคะ?”เจียงหย่วนหัวเราะเบา ๆ ทีหนึ่ง มองฉู่เฉินอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “เสียวหย่า พี่ไม่ได้พูดในฐานะพี่ชายนะ แต่เธอเคยเห็นแพทย์แผนจีนคนไหนอายุน้อยเหมือนอย่างเขาบ้าง?” “โรคของรั่วเหยียน ขนาดผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนจีนในประเทศหลายคนก็หมดปัญญาสู้ เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเขาจะรักษาหายได้เหรอ?”“คำพูดนี้ เธอถามตัวเขาเองสิว่าเชื่อไหม?”เจียงหย่วนเห็นนักต้มตุ๋มแบบฉู่เฉินมาเยอะแล้ว คนอายุน้อยถ้าไม่ได้ปลอมตัวเป็นอาจารย์ด้านฮวงจุ้ยก็ปลอมตัวเป็นหมอเทวดาหลอกเอาเงินหลอกล่วงละเมิดทางเพศไปทั่ว สาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาพวกนั้นถูกนักต้มตุ๋มพวกนี้ย่ำยีแล้วก็กระโดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตายกันเกลื่อนกลาด“พี่เจียงหย่วน ที่ฉันพูดเป็นความจริงทั้งหมดนะคะ นอกจากนี้คุณฉู่ก็รักษาโรคของฉันจนหายด้วย” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจียงหย่วนก็ขมวดคิ้วมองหลินชือหย่าแล้วพูดว่า “เสียวหย่า พี่จำได้ว่าเดือนที่แล้วเธอเพิ่งไปตรวจสุขภาพกับรั่วเหยียนนี่นา?”“ใ
ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็ตกตะลึงไม่ใช่เพราะว่าฉู่เฉินพูดถูกเรื่องที่เจียงรั่วเหยียนป่วยจนเข้าโรงพยาบาลเมื่อสามวันก่อนแต่เป็นอาการป่วยทางใจของเธอ!เรื่องนั้นผ่านมาห้าปีเต็มแล้ว แม้แต่คนข้างกายก็พูดถึงผู้ชายที่ทำให้เจียงรั่วเหยียนเจ็บปวดใจเจียนตายน้อยมากอันที่จริงตอนนั้นเจียงรั่วเหยียนเหมือนกับเด็กสาวคนอื่น ๆ เคยใฝ่ฝันถึงความรักอันหวานชื่น และเธอได้ตกหลุมรักรุ่นพี่คนหนึ่งในเวลานั้น ทว่าต่อมาเจียงรั่วเหยียนบังเอิญพบว่ารุ่นพี่คนนั้นมีความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทที่สุดของเธอในช่วงมหาวิทยาลัย ถึงขนาดที่พวกเขาสองคนยังฉวยโอกาสตอนที่เจียงรั่วเหยียนกลับบ้านช่วงวันหยุดทำเครื่องนอนของเจียงรั่วเหยียนเปรอะเปื้อนด้วย เจียงรั่วเหยียนที่ล่วงรู้เรื่องทั้งหมดก็ตบหน้าเพื่อนสนิทคนนั้นไปสองฉาดทันที แถมยังเรียกเจียงหย่วนให้มาเล่นงานรุ่นพี่คนนั้นอย่างหนักอย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ครั้งนั้น เจียงรั่วเหยียนก็เกิดความรังเกียจผู้ชายอยู่ในใจ พูดให้ถูกต้องคือเธอไม่ได้เป็นโรคเกลียดผู้ชาย แต่เพราะว่ายังไม่ได้คลี่คลายปมในใจ อุปนิสัยถึงได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ถึงขนาดที่เส้นเลือดหัวใจอุดตันเพราะความโกรธแค้นที่
เมื่อเธอเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหลังคือฉู่เฉิน ขาสองข้างพลันอ่อนยวบ นัยน์ตาเบิกโตเล็กน้อย เหงื่อเย็น ๆ ไหลซึมออกมาจนหลังเสื้อของเธอเปียกชุ่มทันที “ทำไม ยังไม่ยอมตัดใจอยากหาโอกาสฆ่าฉันอีกเหรอ? ฉู่เฉินหรี่ตาสองข้างเล็กน้อย มองเรือนร่างอ่อนช้อยงดงามของกุหลาบเพลิงอย่างละเอียด สะโพกอวบอิ่มถูกฉู่เฉินจับไว้แน่น“ไม่...คุณฉู่ คุณเข้าใจผิดแล้ว ถึงคุณจะให้ฉันยืมอีกสิบความกล้า ฉันก็ไม่กล้าเด็ดขาด ฉะ...ฉันได้รับคำสั่งให้มาพบลูกค้าคนหนึ่ง ฉันสาบานต่อฟ้าเลย!” กุหลาบเพลิงกลัวแล้วจริง ๆ หลังจากที่เสียท่าให้ฉู่เฉินครั้งก่อน จนถึงตอนนี้เธอยังคงเจ็บเหมือนถูกฉีกทึ้งก็ไม่ปาน“สาบานต่อฟ้า? ฉันไม่เชื่อคำสาบานของเธอหรอก”ฉู่เฉินพูดพลางยื่นมือไปลูบคลำที่เอวของกุหลาบเพลิงแล้วดึงมีดบัตเตอร์ฟลายเล่มนั้นออกมาถือเล่นไว้ในมือทันที“คุณฉู่ งั้นต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อฉันคะ?” กุหลาบเพลิงแทบจะควักหัวใจของตัวเองออกมาให้ฉู่เฉินดู เธออยากพิสูจน์ตัวเองมากจริง ๆ นะ“ถอดออก!” ฉู่เฉินกวาดมองไปบนแผ่นหลังที่ขาวนวลงดงามดั่งหยกของกุหลาบเพลิงด้วยสายตาเย็นชา“หา? มะ...ไม่เอานะ ฉะ...ฉัน...”กุหลาบเพลิงยังไม่ทันพูดจ
พนักงานสาวสวยหลายคนเพิ่งจะมีสีหน้าผ่อนคลายก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกในพริบตา“เข้าไปดู!” พนักงานสาวสวยรุ่นใหญ่เดินเข้าไปใกล้ฉากกั้นห้องลองเสื้อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะเอาหูแนบกับประตู ฟังเสียงข้างในอย่างระมัดระวังตอนแรกลูกค้าชายหญิงในร้านไม่ได้สนใจความผิดปกติทางฝั่งห้องลองเสื้อเลย แต่เมื่อพนักงานสาวสวยเหล่านี้พากันเข้าไปล้อม หลายคนก็มองไปทางห้องลองเสื้อเช่นกันบรรดาชายวัยกลางคนที่มาซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนแฟนหรือภรรยาได้ยินเสียงจากด้านใน พวกเขาก็มองหน้ากันแวบหนึ่งสายตานั้นบ่งบอกทุกสิ่งทุกอย่างแล้วใครแม่งกล้าขนาดนี้ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากคลิปวิดีโอร้านยูนิโคล่เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานเท่าไหร่เองนะ?มาอีกแล้วเหรอ?! ลูกค้าชายหลายคนพากันรวมตัวเข้ามาด้วยท่าทีเหมือนศึกษาเรียนรู้ เมื่อเห็นว่าควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้ว พนักงานสาวสวยอายุค่อนข้างมากก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา ก่อนจะรีบเคาะประตูห้องลองเสื้อ “คะ...ใครน่ะ!”เสียงเลือนรางดังออกมาจากในห้องลองเสื้อตามเสียงเคาะประตูอย่างรีบเร่งซี้ด! ชั่วขณะหนึ่ง แม้แต่บรรดาพนักงานสาวสวยก็สัมผัสได้ถึงดวงตาที่เหมือนพยัคฆ์เหมื
“อีกอย่างก็คือฝีมือของคุณ ครั้งหน้าถ้าจะปลอมตัวเป็นมืออาชีพแบบนี้อีก ทางที่ดีควรเรียนรู้ให้มาก ๆ ก่อนนะ อย่าให้แข็งกระด้างเหมือนนวดศพ คนที่มีประสบการณ์นิดหน่อย เห็นแวบเดียวก็ดูคุณออกแล้ว”ฉู่เฉินทำหน้ายิ้มหยันตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับเสี่ยวหนาน ความหวาดกลัวและความน้อยเนื้อต่ำใจบนใบหน้าค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและน่าครั่นคร้ามตามการวิเคราะห์ทีละขั้นของฉู่เฉิน!“เดิมทีอยากให้คุณไปอย่างไร้ความทรมานโดยไม่รู้ตัว น่าเสียดายมากที่คุณไม่รู้จักถนอมเอง” สิ้นเสียงพูด เสี่ยวหนานพลันชักมีดสั้นสองเล่มออกมาจากด้านหลัง ร่างกายอ้อนแอ้นฉับไวราวกับอสรพิษ แทงตรงไปที่ลำคอของฉู่เฉิน! “ฝึกฝนสิบปีถึงจะได้ร่วมเรือข้ามฟาก ร้อยปีถึงได้ร่วมนวดน้ำมัน คุณลงมืออำมหิตขนาดนี้ คนที่บ้านคุณรู้บ้างหรือเปล่า?”ฉู่เฉินรีบหลบการโจมตีถึงแก่ชีวิตของเสี่ยวหนาน จากนั้นก็ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเธอไว้ป๊าบ! ฉู่เฉินจับข้อมือของเธอได้แล้วชัด ๆ แต่น้ำมันในมือลื่นมากเกินไป ไม่เพียงทำให้เสี่ยวหนานสลัดหลุดได้ทันที นอกจากนี้ยังแทงมีดสั้นใส่ ท้องน้อยของฉู่เฉินหนึ่งที ฉู่เฉินรีบกระโดดขึ้น
เสี่ยวหนานเพิ่งจะมาอยู่ตรงหน้าฉู่เฉิน กลิ่นหอมประหลาดนั้นพลันรุนแรงขึ้นสุดขีดฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานโดยไม่แสดงอารมณ์ ก่อนจะพูดกับหญิงวัยกลางคนว่า “อืม เอาเธอละกัน ให้คนอื่นออกไปให้หมดเถอะ” หญิงวัยกลางคนเข้าใจทันที แล้วโบกมือให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ ก่อนออกจากห้อง เธอยังตั้งใจช่วยฉู่เฉินปิดประตูห้องให้เรียบร้อย ฉู่เฉินมองเสี่ยวหนานอย่างพิจารณาแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าฝีมือของคุณไม่เลวเอามาก ๆ?”เสี่ยวหนานหลุบตาลงต่ำ ไม่ออกความเห็น ท่าทางเหมือนเขินอายสุดขีดฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะนอนคว่ำอยู่บนเตียงนวดแล้วพูดว่า “คุณเริ่มได้เลย”เสี่ยวหนานถึงค่อยเบิกตาขึ้นมา นัยน์ตาส่องประกายคู่นั้นเปล่งรัศมีเย็นเยียบออกมาราง ๆหลังจากที่จ้องมองฉู่เฉินสิบกว่าวินาที เสี่ยวหนานถึงค่อยหยิบน้ำมันนวดหลังจากทางด้านข้าง ก่อนจะเลิกเสื้อของฉู่เฉินขึ้นแล้วราดน้ำมันบนแผ่นหลังของฉู่เฉิน“คุณผู้ชายคะ กล้ามเนื้อที่หลังของคุณแน่นมากเลยนะคะ”เสี่ยวหนานนวดน้ำมันให้ฉู่เฉินพลางเอ่ยเสียงหวานฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าผิวบนหลังของคุณจะดีหรือเปล่า?”“อุ๊ย คุณนี่ร้ายจังเลยนะคะ คิดจะถอดเสื้อผ้าคนอื่นอยู่นั่นแ
“ว้าย...”โจวเทียนเฟิ่งร้องอุทาน รีบใช้ผ้าขนหนูบังดวงหน้าเล็ก ๆ ไว้ ทว่าวินาทีต่อมา เธอก็โดนฉู่เฉินผลักลงบนเตียง .....รุ่งเช้าฉู่เฉินนอนหลับยาวจนตะวันสายโด่งขณะที่กำลังกินอาหารเช้า ฟางอวี่เจิ้งก็โทรศัพท์เข้ามา“คุณฉู่ ตอนนี้คุณสะดวกไหมครับ?” อีกฟากหนึ่งของโทรศัพท์ ฟางอวี่เจิ้งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคารพนอบน้อม “สะดวกครับ คุณส่งตำแหน่งมาให้ผมเลยก็พอ แล้วผมจะไปหาคุณ”ฉู่เฉินกินข้าวไปด้วย พูดไปด้วย“ได้ครับ”ฟางอวี่เจิ้งตอบรับแล้วก็วางสายโทรศัพท์ ไม่นานก็มีข้อความแชร์ตำแหน่งถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของฉู่เฉินพอกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉู่เฉินก็พลอดรักกับโจวเทียนเฟิ่งสักพักแล้วค่อยออกจากเทียนเฟิ่งวิลล่า ขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านนวดอวิ๋นไท่เพิ่งจะจอดรถเสร็จ ฟางอวี่เจิ้งก็ก้าวลงมาจากรถเก๋งสีขาวที่อยู่ทางด้านหน้า “คุณฉู่ ร้านนี้เป็นร้านที่ดีที่สุดในเจียงจงแน่นอนครับ”ฟางอวี่เจิ้งพูดพลางมีท่าทางเหมือนแทบอดใจรอไม่ไหวแล้วนิดหน่อยฉู่เฉินกวาดตามองฟางอวี่เจิ้งแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ประธานฟาง ร่างกายคุณไหวเหรอครับ?”“เอ่อ...ยังพอไหวนะครับ...”ฟางอวี่เจิ้งทำหน้ายิ้มแย้มพลางพาฉู่เฉิ
การเริงรักนี้ทำให้โจวเทียนเฟิ่งดื่มด่ำเต็มอิ่มจริง ๆพูดตามตรง ฉู่เฉินไม่ได้มาเยี่ยมเยียนเธอเกือบหนึ่งเดือนแล้วแม้ว่าในจะคิดถึงมากและร้อนรนมาก แต่เธอรู้สถานะของเธอที่อยู่ข้างกายฉู่เฉินดี อย่างมากสุดก็เป็นได้แต่หนึ่งในคนรักมากมายของเขาเท่านั้นด้วยเหตุนี้ เธอเลยได้แต่อดกลั้นแล้วอดกลั้นอีกวันนี้ก็ถือว่าได้พบเจอสายฝนหลังจากที่แห้งแล้งมาเนิ่นนาน“คุณมันเจ้าตัวป่วน ทำไมขนาดประตูก็ยังไม่ปิด ถ้าเกิดคนมาเห็นเข้าจะทำยังไง”จนกระทั่งเสร็จกิจแล้ว โจวเทียนเฟิ่งถึงค่อยสังเกตเห็นว่าประตูห้องหนังสือเปิดอ้ามาตลอด ถ้าอย่างนั้นคนอื่นคงจะได้ยินเสียงเมื่อกี้ของเธอหมดแล้วใช่หรือเปล่า? โจวเทียนเฟิ่งพูดพลางจะไปปิดประตู ฉู่เฉินกลับอุ้มเอวของเธอขึ้นมาจากด้านหลัง“อ๊าย คุณนี่มันร้ายชะมัด รีบปล่อยฉันลงเลยนะ” ฉู่เฉินหัวเราะหึ ๆ ไฉนเลยจะสนใจการดิ้นรนของเธอ เขาเดินไม่กี่ก้าวก็อุ้มโจวเทียนเฟิ่งเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่ฉู่เฉินเตรียมตัวจะแสดงพลังกระตือรือร้นอีกครั้ง โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือพลันดังขึ้นมาจากนั้นก็เห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย ฉู่เฉินกดตัดสายทันที แต่ฉู่เฉินยังไม่ทันโน้มตัวลงไป โทรศัพท์ก็ด
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ