ได้ยินเสียงคำรามอย่างเดือดดาลของโจวฉีหลินที่ดังมาจากข้างหลัง จางไห่หยางตัวแข็งทื่อ สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะเกิดอะไรขึ้น?เหมือนปรมาจารย์ยุทธ์โจวกำลังด่าเขาอยู่?ในเวลานี้เอง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็หันไปมองที่ประตูแม้แต่เซี่ยฉีฉีเองก็หันไปมองโจวฉีหลินด้วยสายตาสงสัยซี้ด!ครั้นเห็นโจวฉีหลินที่คุกเข่าหลังเหยียดตรงอยู่บนพื้น แทบทุกคนต่างพากันสูดหายใจอย่างเหลือเชื่อเซี่ยฉีฉีก็ยังแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองเมื่อวานฉู่เฉินหักขาของเจิ้นหู่ก็จริง แต่เจิ้นหู่ไม่ใช่ปรมาจารย์ยุทธ์นี่นา เขาเป็นเพียงหมาตัวหนึ่งของจางหลงเท่านั้นและที่เมื่อวานฉู่เฉินไม่เกรงกลัวอะไร ก็เหมือนจะเป็นเพราะสนิทกับจางหลงแต่ตอนนี้ เขากำลังเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ยุทธ์เชียวนะ แต่โจวฉีหลินกลับคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉิน?ส่วนจางไห่หยางที่เห็นภาพนั้นได้อึ้งตาค้างไปแล้วนี่มันอะไรกัน?ทำไมโจวฉีหลินถึงได้คุกเข่าให้ฉู่เฉิน?โจวฉีหลินหันไปเห็นสายตาแปลกๆ ของจางไห่หยาง แทบอยากจะตบเขาให้ตายในฝ่ามือเดียว!มีเรื่องกับใครไม่ว่า แต่ดันมีเรื่องกับฉู่เฉิน?แต่แกจะมีเรื่องก็มีเรื่องไปสิวะ ทำไมต้องเรียกฉันมาด้วย?เขาอายุเกิน
“นี่น่ะเหรอที่พึ่งของแก? แกถามเขาสิ ว่ากล้าพูดอะไรแทนแกสักคำไหม?”ฉู่เฉินชี้หน้าโจวฉีหลิน ก่อนจะหันไปมองจางไห่หยางด้วยสายตาเยาะเย้ยวินาทีนี้ จางไห่หยางมีหรือจะกล้าอวดดีอีก?เขามองฉู่เฉินอย่างอึ้งๆ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวเขาจะพูดอะไรได้อีก?แม้แต่ปรมาจารย์ยุทธ์ก็คุกเข่าแล้ว เขายังจะกล้าต่อปากต่อคำอีกเหรอ?“เพี๊ยะ!”ฉู่เฉินตวัดฝ่ามือใส่ใบหน้าของจางไห่หยาง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ขอโทษฉีฉี!”จางไห่หยางหันหน้าไปอีกทาง คายฟันที่ถูกตบจนหลุดออกมาสองซี่ เขาอดทนต่อความเจ็บปวด เดินมาหยุดต่อหน้าเซี่ยฉีฉี ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ขะ…ขอโทษ”“เพี๊ยะ!”พูดจบ ฝ่ามือของฉู่เฉินตวัดออกมาอีกครั้ง“ขอโทษต้องจริงใจ รู้หรือยังว่าผิดเรื่องอะไร?”สายตาของฉู่เฉินเย็นเยียบ แววตาเต็มไปด้วยอายสังหาร!“ฉีฉี ขอโทษ เมื่อกี้ผมไม่ควรด่าคุณ ยิ่งไม่ควรคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงของผมอย่างหน้าไม่อาย ทุกอย่างเป็นผมที่คิดเองเออเอง ผมรับประกันว่าต่อไปจะไม่กล้ารบกวนคุณอีกแน่นอน คุณปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะ”จางไห่หยางฉีกยิ้มขมขื่นขณะพูด ไม่เพียงเท่านั้นยังโค้งตัวให้เซี่ยฉีฉีอีกหลายครั้งด้วยเซี่ยฉีฉีมึนง
“คุณชายจาง คุณชายจาง…”หลังจากฉู่เฉินกับเซี่ยฉีฉีเดินลับตาไป พวกลูกสมุนของจางไห่หยางถึงค่อยพุ่งตัวเข้ามาตบหน้าอกตบหลังอยู่นาน กว่าจางไห่หยางจะได้สติ“อ๊าก…เชี่ย… เชี่ยเอ๊ย เจ็บฉิบหาย…”จางไห่หยางที่เพิ่งฟื้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด“คุณชายจาง ไม่เป็นไรใช่ไหม…”พวกลูกสมุนต่างทำอะไรไม่ถูกสภาพของจางไห่หยางตอนนี้ค่อนข้างน่าอนาถ ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด ขาสองข้างก็หักหมด ถึงขั้นที่กระดูกโผล่ออกมาข้างนอก สภาพสยดสยองจนไม่กล้ามอง“เชี่ยแม่ง! แกว่าฉันดูไม่เป็นไรหรือเปล่าล่ะ แม่งรีบโทรหาโรงบาลสิโว้ย ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”จางไห่หยางด่ากราดไม่ยั้งไอ้พวกหน้าโง่ไร้สมอง ไม่เห็นเหรอว่าขาเขาหักหมดแล้ว?ยังมีหน้ามาถามว่าเขาเป็นอะไรหรือเปล่า?“ครับๆๆ ผมจะโทรเดี๋ยวนี้ โทรเดี๋ยวนี้เลย!”ลูกสมุนคนนั้นรีบควักโทรศัพท์ออกมาโทรศัพท์หาโรงพยาบาลทันที……ในอีกด้านหนึ่ง โจวฉีหลินที่นั่งอยู่ในรถสั่งคนขับรถด้วยสีหน้าลนลาน “เร็วเข้า…กลับมณฑล บอกคนที่บ้านว่ารีบเก็บข้าวของ เราต้องออกจากเมืองเจียงจงคืนนี้เลย”ได้ยินอย่างนั้น พวกลูกศิษย์ของโจวฉีหลินพูดอย่างไม่เข้าใจ “อาจารย์ นี่อาจารย์
เวลานี้ หลิ่วหรูเยียนกำลังแช่ตัวอยู่ในห้องอาบน้ำ หยดน้ำสาดกระเซ็น ทรวงอกเอิบอิ่มคู่นั้นโผล่พ้นผิวน้ำวับๆ แวมๆ ตามจังหวะคลื่นน้ำขณะที่ในใจกำลังคิดคำนวณว่าจะทำอย่างไรให้ฉู่เฉินขายหน้าในการแข่งขันแพทย์แผนจีน จู่ๆ โทรศัพท์ที่อยู่ข้างมือก็ดังขึ้น พอเห็นว่าเป็นหลี่จวิ้นเฟิงโทรศัพท์มา หลิ่วหรูจึงรับสายอย่างเบื่อหน่ายถ้าไม่ใช่เพราะยังต้องพึ่งพาเขาในการแข่งขันแพทย์แผนจีน หลิ่วหรูเยียนไม่อยากสนใจหลี่จวิ้นเฟิงด้วยซ้ำ“คุณหลี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?”หลิ่วหรูเยียนข่มกลั้นความเกลียดชังที่มีต่อหลี่จวิ้นเฟิง ก่อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“คุณหลิ่ว ผมมีข่าวดีจะบอกคุณ”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ข่าวดี? ข่าวดีอะไรกัน?”“คุณหลิ่วคงยังไม่รู้สินะครับ ไอ้แซ่ฉู่นั่นหักขาทั้งสองข้างของลูกชายประธานจางซื่อกรุ๊ป!”“ตอนนี้จางปินสั่งให้คนติดต่อกรมตำรวจไปแล้ว เดาว่าคงอีกไม่นาน ฉู่เฉินต้องได้ใช้ชีวิตที่เหลือเน่าตายในคุกแน่ๆ”หลี่จวิ้นเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงยินดีปรีดา“จริงเหรอคะ?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินก็อดตื่นเต้นดีใจไม่ได้ เธอลุกขึ้นยืนในอ่างอาบน้ำ ทำให้เรือนร่างอันงดงามสมบูรณ์แบบเปลื
อีกทางด้านหนึ่ง ฉู่เฉินกับเซี่ยฉีฉีที่เพิ่งรับประทานอาหารกลางวันเสร็จก็จับมือกันค่อย ๆ เดินลงบันไดจากหอเซียงไช่บนชั้นสี่ของภัตตาคารเทียนเฟิ่ง เซี่ยฉีฉีถูกฉู่เฉินจูงมือเล็ก ๆ ไว้ ดวงหน้างามแดงก่ำ ราวกับมีกวางน้อยวิ่งพล่านอยู่ในอก เธอโตมาขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายขนาดนี้ “ฉะ...ฉู่เฉิน ตะ...ตอนนี้นายมีแฟนหรือยัง?” ขณะที่เซี่ยฉีฉีถามคำถามนี้ออกมา หัวใจก็กระดอนขึ้นมาถึงลำคอถึงอย่างไรฉู่เฉินในตอนนี้ก็ยอดเยี่ยมมากเกินไปจริง ๆ หลังจากที่ออกจากตระกูลฉู่แล้ว อย่าว่าแต่เขาก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเลย ดูเหมือนว่าเขายังสนิทสนมกับผู้จัดการภัตตาคารแห่งนี้มากด้วยบวกกับท่าทีของจางหลงที่เคารพนอบน้อมฉู่เฉินก็ดูออกไม่ยากว่าฉู่เฉินในตอนนี้ไม่ใช่คนไร้ค่าอย่างที่เล่าลือกันเลย ตรงกันข้ามเขาเป็นผู้มีอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง สิ่งสำคัญคือฉู่เฉินยังหนุ่มยังแน่นและหล่อเหลาขนาดนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีสาว ๆ ตามจีบฉู่เฉินเลย?“อุ้ย ถ้าเกิดฉู่เฉินมีแฟนแล้วจะทำยังไงดี?” เซี่ยฉีฉีเพิ่งเอ่ยถามออกมาก็เริ่มนึกเสียใจแล้ว“ตอนนี้ยังไม่มี”ฉู่เฉินเอ่ยพลางยิ้มมองไปทางเซ
เวลานี้หลินชือหย่าสังเกตเห็นฉู่เฉินแล้วเช่นกันเลยคลี่ยิ้มออกมาทันที รอยยิ้มนี้เพียงพอที่จะล่มชาติบ้านเมืองได้เลย ทำให้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ทอดมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาอิจฉาริษยาในตอนนี้เอง สาวสวยทั้งหมดในร้านอาหารแทบจะสูญเสียความสดใสในพริบตา ถูกหลินชือหย่าบดขยี้จนย่อยยับโดยสิ้นเชิง! “คุณฉู่ พวกเราไปกันเถอะค่ะ” ดวงหน้างามของหลินชือหย่าแดงระเรื่อ เธอจับมือของฉู่เฉินไว้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเล็กน้อยเมื่อเห็นฉู่เฉินถูกสาวสวยสุดยอดขนาดนี้ลากตัวไป เสียงถอนหายใจและเสียงก่นด่าดังมาจากรอบด้านทันที“เชี่ย ฉันหล่อกว่าไอ้หมอนั่นตั้งเยอะ ทำไมฉันไม่โชคดีแบบนี้บ้างนะ?” “แม่งเอ๊ย ผู้หญิงสมัยนี้ตาบอดกันหมดแล้วหรือไง? ฉันหล่อเหลาสง่างามขนาดนี้กลับถูกสาวสวยเมินไปเลย!” “ฉันขอให้หมอนั่นออกไปแล้วโดนรถชน แม่งเอ๊ย คงใช้โชคทั้งชีวิตไปแน่ ๆ ถึงจีบสาวสวยน่ารักขนาดนี้ได้!”เสียงด่าทอของผู้คนด้านหลัง ฉู่เฉินกลับฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ความรู้สึกที่หน้าอกอวบอิ่มนุ่มนิ่มของหลินชือหย่าแนบชิดกับแขนนั้นยอดเยี่ยมเกินคำบรรยายจริง ๆ“คุณฉู่คะ เพื่อนสนิทคนนั้นของฉันมีนิสัยแปลก ๆ นิดหน่อย เมื่อก่อนแค่ไม่ช
“มองพอแล้ว”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มร้ายว่า “แต่ก็ยังมองไม่พอ” ในขณะที่พูด ฉู่เฉินค่อย ๆ เลื่อนสายตาลงมา ก่อนจะเหลือบเห็นความขาวนวลและความกลมกลึงจากในร่องของผ้าเช็ดตัวเมื่อสังเกตเห็นสายตารุกรานของฉู่เฉิน ดวงหน้าเล็กของหญิงสาวก็เย็นชาขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถลึงตามองฉู่เฉินอย่างดุดันแล้วพูดพลางชี้ไปที่หน้าประตูโดยไม่มีความเกรงใจเลยแม้แต่น้อยว่า “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!” “นี่ไม่ใช่บ้านของคุณ มีสิทธิ์อะไรมาไล่ผม?” ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มพลางจ้องมองสาวสวยหน้าสดตรงหน้าอย่างมีเหตุผลรองรับเต็มที่ “คุณ...” สาวสวยหน้าสดดูอัดอั้นตันใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็จัดการฉู่เฉินไม่ได้เลยถึงอย่างไรเธอพันผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา ด้านในแทบจะเปลือยเปล่าหมด หากขยับตัวมากเกินไปเล็กน้อยก็จะโป๊หมดเลย! “อย่าเพิ่งรีบโกรธ คุณคือเจียงรั่วเหยียนใช่ไหม?” สายตาของฉู่เฉินค่อย ๆ เลื่อนจากต้นขาของสาวสวยหน้าสดไปที่หน้าอก ผ้าเช็ดตัวทั้งผืนพันรอบอกอวบอิ่มของเธอไว้ไม่อยู่ แค่คำว่าใหญ่คำเดียวจะพอบรรยายได้อย่างไร?“คุณรู้ชื่อของฉันได้ยังไง?” เห็นได้ชัดว่าคำพูดประโยคนี้ของฉู่เฉินทำให้เธอเอ่ยถามด้วยความกระวนกระวายใจ
เจียงรั่วเหยียนสูดลมหายใจลึก สุดท้ายถึงค่อยฝืนพยักหน้า หลังจากที่พูดทักทายกับหลินชือหย่าไม่กี่ประโยค เจียงรั่วเหยียนถึงค่อยวางสายแล้วพูดว่า “คุณเป็นหมอจริง ๆ เหรอคะ?”“จริงแท้แน่นอน”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เจียงรั่วเหยียนเม้มริมฝีปากแล้วขมวดคิ้วพูดว่า “ฉันไม่สนว่าคุณเป็นหมอจริง ๆ หรือเปล่า แต่ถ้าคุณกล้าพูดเรื่องเมื่อกี้ออกไป ฉันจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด!” “อีกอย่างฉันให้เวลาคุณมากสุดสามนาที หลังจากตรวจเสร็จแล้วรีบไปให้พ้นจากตรงหน้าฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นคุณอีก!”ฉู่เฉินเลิกคิ้ว ยัยนี่แสบเป็นพริกขี้หนูเลย! ดูท่าเขายังคงเข้าใจความหมายของหลินชือหย่าผิดไปที่เรียกว่ารังเกียจผู้ชายไม่ใช่อายที่จะปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายเลย เธอแค่บ้าคลั่งเท่านั้น“ผมต้องจับชีพจรคุณก่อน” ฉู่เฉินก้าวมาข้างหน้าแล้วยื่นมือไปคว้าข้อมือของเจียงรั่วเหยียน“ห้ามแตะฉันนะ!”เจียงรั่วเหยียนรีบถอยหลังก้าวหนึ่ง เอามือสองข้างไขว้หลังไว้ การกระทำนี้ทำให้หน้าอกของเธอพลันแอ่นไปข้างหน้าแล้วชนเข้ากับหน้าอกของฉู่เฉินพอดี ชั่วพริบตานั้นดวงหน้าเล็ก ๆ ของเจียงรั่วเหยียนแข็งทื่อ ฉู่เฉินกลับยิ้มฝืดเฝื่อนก
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข
บรรดาผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังดูเหตุการณ์อยู่ก็คาดเดาล่วงหน้าได้ว่าหลิ่วหรูเยียนและฉู่เฉินจะถึงทางตันแน่ในเวลานี้แต่ละคนต่างออกหน้ามาทีละคนโดยมีฟางเหว่ยเป็นผู้นำหลัก“ท่านผู้นำหญิง ก็คือไอ้คนแซ่ฉู่ไม่เพียงทำร้ายต้วนเคอจนสลบ แถมยังทำร้ายผู้อำนวยการหลิวจนบาดเจ็บสาหัส ไอ้เด็กเวรนี่สมควรจะถูกยิงตายคาที่”“ใช่แล้ว ผมก็เห็นเหมือนกัน ต้วนเคอเขาก็แค่ให้นังเลวหลิ่วหรูเยียนเซ็นชื่อ ใครจะไปรู้ว่า ฉู่เฉินไม่พูดอะไรก็ลงมือทำร้ายคนทันที”“ใช่ครับ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างเลย คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ”ผู้ถือหุ้นที่ก่อนหน้าที่ยังอยู่ฝั่งฉู่เฉินต่างทยอยกล่าวโทษฉู่เฉินขึ้นมาในเวลานี้หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสิ้นหวังทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวโทษของผู้คนรอบข้างถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าตระกูลฉีเรียกคนจากฝ่ายทหารมา เธอจะต่อต้านไปทำไม?“ฉู่เฉิน นายไม่รู้หรือว่านายทำลายพวกเราสองแม่ลูก!”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสร้อยเสียแรงที่เธอเชื่อใจฉู่เฉินขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ?ก็เพราะฉู่เฉินก่อเรื่องจนยุ่งเหยิงวุ่นวายครั้งนี้ไม่ใช่แค่มอบบริษัทไปแล้วจะจบง
“ในฐานะที่นายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ พูดคำว่านังสารเลวสินะ มา วันนี้ถ้านายไม่อธิบายกับฉันอย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่านังสารเลว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของหลิวจื้อซินผลัวะ!พลังแกร่งขุมหนึ่งทะลุร่างอวบอ้วนของหลิวจื้อซินจนกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเขาลำพังแค่พลังแกร่งขุมเดียวก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็นขี้เลื่อยปลิวว่อนกลางอากาศเลยทีเดียว“ต่อต้านแล้ว…ต่อต้านแล้ว เร็ว…รีบโทรแจ้งความกรมตำรวจ!”หลิวจื้อซินในเวลานี้ ทั้งปาก จมูก หูมีแต่เลือดไหลราวกับเหงื่อไหลไคลย้อยตอนนี้เขาไม่สนหน้าตาอะไรแล้ว จิตใจคิดแต่จะรอให้คนของกรมตำรวจรีบมาถึงแล้วจัดการฉู่เฉินให้ตายซะ……เวลานี้เอง รถตำรวจสิบกว่าคันและรถทหารสองคันได้มาจอดที่หน้าอาคารฉู่ซื่อกรุ๊ปแทบจะในเวลาเดียวกันหลูติ้งไห่และเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ผลักประตูรถลงมามองสบตากันแล้วก็ตะลึงทันที“ผู้นำหลู?”“ผู้นำเซียว?”ทั้งสองจับมือกันโดยมีสีหน้าประหลาดใจ เซียวเสวี่ยอิ๋งมองตำรวจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหลูติ้งไห่แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้นำหลู นี่คุณ…”เธอได้รับคำสั่งจากโฮ่วเจี้ยนอิง
ฉีเฮ่อเซวียนชำเลืองมองฉู่เฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะร่าอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม นายดีใจเร็วเกินไปไหม? นายคิดว่าทำร้ายต้วนเคอแล้วนายจะไม่เป็นอะไรหรือ?”กล่าวเสร็จฉีเฮ่อเซวียนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตบบ่าฉู่เฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม เรื่องสนุกมันต่อจากนี้”ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากในทางเดินฉีเฮ่อเซวียนฉีกยิ้มกล่าว “นายลองเดาดูว่าใครมา?”ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วยิ้มกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าเป็นใคร อย่าคิดจะได้ฉู่ซื่อกรุ๊ปไป”“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นวินาทีต่อมา ประตูห้องประชุมก็เปิดออกโดยชายวัยกลางคนสวมเสื้อลำลองเดินพุงพลุ้ยเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองด้านหลังเขามีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบประมาณหกคนเดินตามมาด้วยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแล้ว หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจหน้าซีดในทันที ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือหลิวจื้อซินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมพาณิชย์ของเมืองเจียงจงเหตุการณ์เริ่มร้ายแรงแล้วสิแบบนี้“ฉู่เฉิน แย่แล้ว เป็นเรื่องแล้วรอบนี้”หลิ่วหรูเยียนจับแขนของฉู่เฉินไว้และกระซิบกล่าวหน้าซีดฉู่เฉินยิ้มให้หลิ่วหรูเยียน
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา
“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว การประชุมบอร์ดผู้บริหารสามารถเริ่มได้ยังคะ? พวกผู้ถือหุ้นเริ่มจะทนรอไม่ไหวแล้วค่ะ”เวลานี้เองเสมียนของฉู่ซื่อกรุ๊ปก้าวเข้ามายังห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่อย่างเร่งรีบ และกล่าวกับหลิ่วหรูเยียน“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารออีกหนึ่งนาที”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบแล้วหันหน้ามามองฉู่เฉิน“ได้ค่ะ”เสมียนตอบรับแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว“ฉู่เฉิน…”หลิ่วหรูเยียนไม่ทันกล่าว ฉู่เฉินก็ยกมือกล่าวตัดบท “หลิ่วชิงเหอล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้หลิ่วชิงเหอคงไม่ได้ให้เธอมาคนเดียวใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วหน้าซีดเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ “เอ่อ แม่ฉันมีเรื่องสำคัญมาก เมื่อคืนวานก็ออกจากเจียงจงไปแล้ว”“น่าจะวันมะรืนถึงจะกลับมา ดังนั้นเรื่องของบริษัท นายช่วยฉันได้ไหม?”ฉู่เฉินฟังแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อย จ้องหลิ่วหรูเยียนที่เริ่มลนลานสักพัก จึงพยักหน้ากล่าว “ไปกันเถอะ ต่อให้หลบยังไงก็หลบไม่พ้นเหมือนสำนวนจีนที่ว่าลูกสะใภ้ขี้เหร่ยังไงก็ต้องเจอพ่อแม่สามี”กล่าวจบ ฉู่เฉินก็จูงข้อมือของหลิ่วหรูเยียนและเดินไปยังห้องประชุมปัง!ฉู่เฉินผลักประตูห้องประชุมอย่างแรง
……ในตอนที่ฉู่เฉินและต้วนหลิงเวยออกจากห้องอาบน้ำอีกครั้งก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วดูเหมือนว่าเนื่องจากการเพิ่มระดับพลังสองขั้นรวดแล้ว ใบหน้าเล็กที่แสนจะแดงก่ำของต้วนหลิงเวยนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขมองดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาห่างจากการประชุมบอร์ดผู้บริหารของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉู่เฉินจึงกินข้าวเช้าหนึ่งคำอย่างลวก ๆ จากนั้นรีบเดินออกจากประตูวิลล่าจนมาถึงประตูใหญ่ของวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็เห็นเจ้าทึ่มซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแสงสว่างจ้าฉู่เฉินขมวดคิ้วคิดว่าไม่ค่อยเข้ากับเสื้อชุดนี้สักเท่าไหร่ จึงเข้าไปนั่งในรถแล้วสั่งให้ต้วนหลิงเวยไปซื้อชุดยามรักษาความปลอดภัยกลับมาเปลี่ยนให้เจ้าทึ่มเห็นประตูใหญ่ก็ต้องทำให้สมกับได้เห็นประตูใหญ่หน่อยสิฉู่เฉินสตาร์ตเครื่องแล้วรีบขับจนมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเวลาไม่นานต้าหลิงจื่อกำลังยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยความร้อนใจก็เห็นฉู่เฉินเปิดประตูรถลงมา จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรองเท้าส้นสูงแม้ว่าขาสวยงามของต้าหลิงจื่อจะดูหนาไปเล็กน้อย แต่ถุงน่องสีเนื้อใต้ชุดกระโปรงทำงานสั้นนั้นก็ทำให้คนร
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าวิชาของมังกรเฒ่าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆด้วยวิชาบำเพ็ญคู่บวกกับการแช่โอสถ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกถึงพลังวิญญาณภายในร่างกายของเขากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานก็บรรลุจุดวิกฤติในการเลื่อนขั้นนั้นได้อีกครั้งตูม!พลังวิญญาณทำลายพันธนาการ รอบกายฉู่เฉินเกิดแสงเรืองรองสีทองเคลือบหนึ่งชั้นภายในห้องอาบน้ำสว่างจ้าไปด้วยแสงสีทองแม้แต่เงาร่างเสมือนมังกรภายในกายของฉู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงจนเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดของน้ำที่กระเซ็นส่วนต้วนหลิงเสวี่ยที่นอนราบข้างอ่างอาบน้ำ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระทบอย่างต่อเนื่องจากด้านหลังจนพลังวิญญาณภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ทะลวงจนเลื่อนขั้นได้อีกครั้ง ระดับพลังหยุดอยู่ที่ระดับฝึกปราณชั้นแปดและในชั่วพริบตาที่ต้วนหลิงเสวี่ยกำลังเลื่อนขั้นพลังได้นั้นเอง ฉู่เฉินก็ทำลายพันธนาการจนทะลวงเลื่อนสู่ระดับระดับสร้างรากฐานขั้นสี่เลื่อนขั้นระดับพลังได้ติดต่อกับสามขั้นรวดเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่ปราณและเลือดภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำเอา
ก๊อก!ในเวลาที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น ใต้โต๊ะก็เกิดเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง!เซียวเฟิงก้มหน้ามองไปยังใต้โต๊ะด้วยความแปลกใจ หลิ่วหรูเยียนเก็บมือกลับมาในช่วงเวลาเดียวกับที่เซียวเฟิงก้มตัวมอง แต่เพราะเหตุนี้เมื่อมองจากมุมของเซียวเฟิงก็ทำให้เขาตะลึงมากเวลาฉู่เฉินกินข้าว ตรงนั้นห้าวหาญได้ขนาดนี้เชียว?หลิ่วหรูเยียนฉวยโอกาสนี้วางตะเกียบและถ้วยชามลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “พวกคุณกินกันก่อนได้เลยค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”ฮะ?ฉู่เฉินรีบเงยหน้าหันขวับไปมองหลิ่วหรูเยียนแกล้งฉันเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันเกือบจะถูกเปิดโปงใต้โต๊ะแล้ว แต่เธอบอกจะไปก็ไปเนี่ยนะ?“ขอบคุณการรักษาด้วยสปาของคุณฉู่นะคะ บ๊ายบาย”หลิ่วหรูเยียนยังไม่ลืมโบกมือลาฉู่เฉินที่หน้าแดงก่ำอยู่ จากนั้นขาเรียวงามนั้นก็เดินส่ายสะโพกสวยไปมาแล้วหายไปจากสายตาของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนลุกจากที่นั่งแล้ว ต้วนหลิงเวยก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาแทนที่จึงได้นั่งข้างฉู่เฉิน ดวงตางามคู่นั้นชำเลืองมองใต้โต๊ะเป็นระยะ ๆอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ดวงตาคู่งามของเธอนั้นระยิบระยับมีเสน่ห์เวลาไม่นาน