การรักษาโรค…สบายขนาดนี้เชียวเหรอ?ในตอนนี้เอง จู่ๆ เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ดังเป็นระยะเข้ามาจากนอกประตูแม้อีกฝ่ายจงใจปิดซ่อนร่องรอย แต่อินซู่ซู่ก็ยังจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติแม้จะน้อยนิดก็ตาม“ใคร!”อินซู่ซู่หันไปมองป่าที่อยู่นอกลานบ้านเสียงสวบสาบนั่น เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะก่อนหน้านี้ เธอก็เป็นนักฆ่ามืออาชีพคนหนึ่ง เพียงแค่ไม่เคยสังหารเป้าหมายในยามกลางวันเห็นได้ชัดว่า อีกฝ่ายใจกล้ากว่าเธอมาก และใช้วิธีการที่ดั้งเดิมกว่าด้วย!เมื่อสิ้นเสียงตะโกนของเธอ เสียงฝีเท้าด้านนอกหยุดชะงักไปทันที ราวกับทุกอย่างเป็นเพียงเสียงที่เกิดจากลมพัดเท่านั้น!“เหอะ ต่างก็เป็นมืออาชีพกันทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นมือสมัครเล่นแบบนี้หรอก!”อินซู่ซู่ตะโกนเสียงต่ำ ก่อนจะกระโดดข้ามกำแพงสวนออกไป เธอมองเห็นสีแดงเลือดรางๆ ในป่าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากอินซู่ซู่เพ่งมองอย่างละเอียด ก่อนจะค้นพบว่า นั่นเป็นเงาแผ่นหลังที่เคลื่อนไหวห่างออกไปแล้วดูจากท่าทางของอีกฝ่าย น่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยคนหนึ่งทีเดียว“คิดจะหนีเหรอ?”สิ้นเสียง อินซู่ซู่สาวเท้าวิ่งตามไปด้วยความเร็วเหมือนโบยบินแต่ในตอนที่เธอใกล้จะไล
ในห้อง ฉู่เฉินที่กำลังรบอย่างเมามันเพิ่งจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกม กลับต้องชะงักนิ่งไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง!ทำไมถึงได้มีไอสังหารแผ่ปกคลุมแถวๆ นี้ได้ล่ะ?เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพลิกตัวกระโดดลงจากเตียง“มีอะไรเหรอ?”กู้รั่วเสวี่ยปาดเหงื่อบนหน้าผากกลมมน ก่อนมองฉู่เฉินอย่างแปลกใจ“เปล่า คุณอยู่ในห้องก่อนนะ อย่าออกไปเด็ดขาด”กำชับเสร็จ ฉู่เฉินก็หยิบเสื้อคลุมมาใส่ จากนั้นก็สวมรองเท้าแตะและเดินไปที่ลานสวน เขาปล่อยดวงจิตออกไป แล้วภาพที่อินซู่ซู่กำลังตกอยู่ในอันตรายก็ผุดขึ้นมาในหัวทันทีหญิงสาวชุดแดงลงมือว่องไวดังสายฟ้า มีดผีเสื้อที่มีความยาวเพียงสามนิ้วตวัดออกไปพร้อมกับประกายแสงอันเย็นเยียบ พุ่งไปทางลำคอของอินซู่ซู่!“กรี๊ด…”อินซู่ซู่เบิกตากว้าง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากขัดขืนแต่ในเสี้ยววินาทีที่หญิงชุดแดงใช้มีดพุ่งแทงออกมา ร่างกายของอินซู่ซู่หนักอึ้งไปทั้งตัว แม้แต่แขนก็ยังยกไม่ขึ้นหญิงชุดแดงยังคงมีรอยยิ้มที่งดงามล่มเมืองประดับอยู่บนใบหน้า ราวกับว่าการฆ่าคนเป็นแค่ความบันเทิงอย่างหนึ่งเท่านั้น“สวบ!”เสียงปลายมีดอันแหลมคมแหวกอากาศดังมา อินซู่ซู่หลับตาทั้งสองข้างอย่างสิ้นหวัง หากโดนใบม
รอยช้ำบนหน้าผากของอินซู่ซู่ ก็คงจะเกิดจากกระบวนท่านี้ของเธอเหมือนกันสินะ“จะทดลองใช้งานไม่ใช่เหรอ? หลบทำไมล่ะ”หญิงชุดแดงยิ้มหวาน ทว่าไอสังหารในดวงตากลับยิ่งเข้มขึ้น ฉู่เฉินยังไม่ทันตอบโต้ เธอก็พุ่งสังหารเข้ามาด้วยความเร็วปานสายฟ้าฉู่เฉินหรี่ตา ยกนิ้วมือขึ้นมาแตะกลางอากาศ บึ้ม!เพียงนิ้วเดียวก็ทำให้หญิงชุดแดงถอยหลังไปไกลหลายก้าว ขณะที่หญิงชุดแดงฝีเท้าซวนเซ กระดุมตรงรอยแหวกบนกระโปรงกี่เพ้าก็กระเด้งหลุดออกไปถึงสองเม็ดชั่ววินาทีนั้น เรียวขายาวงามสองข้าง และเอวคอดบางปรากฏสู่สายตาในทันใดสายลมเย็นๆ พัดผ่านร่างกาย ทำให้หญิงชุดแดงตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังเปลือยอยู่ รอยยิ้มหวานหยดย้อยพลันหุบลง สีหน้าขึ้งเคียดและอับอายเข้ามาแทนที่แต่การที่เขาสามารถทำให้เธอถอยหลังได้เพียงใช้นิ้วเดียว นั่นแสดงว่าข้อมูลที่สมาคมจันทราโลหิตให้เธอมามีความผิดพลาดฉู่เฉินไม่ใช่ปรมาจารย์ยุทธ์แต่อย่างใด แต่เป็นยอดฝีมือที่เหนือกว่าขั้นมหาปรมาจารย์ยุทธ์ซะอีกดูท่าเธอคงประมาทเกินไป ไม่น่ารีบลงมือโดยไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนเลยในเมื่อแหวกหญ้าให้งูตื่นไปแล้ว เธอก็ไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อไม่อย่างนั้น ถ้าถูกฉู่เฉินโจมตีบาดเ
“เหอะ!”หญิงชุดแดงตวัดมองมีดผีเสื้อด้วยแววตาไม่ยี่หระ ก่อนจะหันหน้าเรียวงามไปทางอื่น ท่าทางเหมือนไม่กลัวตายอย่างไรอย่างนั้นก็แค่ตาย อย่าคิดว่าฉู่เฉินจะได้ข้อมูลอะไรจากปากเธอไปแม้แต่นิดเดียวในฐานะนักฆ่าระดับเอสเอส เธอยังพอมีจิตสำนึกในอาชีพอยู่บ้างหนำซ้ำ นับตั้งแต่วันที่เธอเริ่มเดินเส้นทางนี้ เธอก็เคยคิดไว้แล้วว่าตัวเองอาจต้องมีจุดจบแบบนี้ ก็แค่ขึ้นอยู่กับเวลาว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเองเพียงแต่การที่ต้องตายด้วยน้ำมือของฉู่เฉิน เป็นเรื่องที่เธอเจ็บใจจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะข้อมูลผิดพลาด บวกกับเธอประมาทศัตรูเกินไป ฉู่เฉินคงตายไปแล้ว!“ฉันขอเตือนเธอให้สารภาพมาซะดีกว่า ไม่งั้นเธอจะได้ตายด้วยวิธีการที่หอมหวานเชียวล่ะ ฉันคิดว่าเธอเข้าใจดีว่าฉันหมายถึงอะไร”พูดจบ ฉู่เฉินก็เลื่อนมีดผีเสื้อที่จ่อลำคอยาวระหงลงไปด้านล่างช้าๆ ก่อนจะหยุดอยู่บนภูเขาสองลูกตรงหน้าอกของเธอ“แคว่ก!”ปลายมีดแหลมคมกรีดกี่เพ้าของหญิงชุดแดง เผยให้เห็นขอบชุดชั้นในลูกไม้สีแดงที่อยู่ด้านใน“แกจะทำอะไร!”หญิงชุดแดงเริ่มลนลานอย่างเห็นได้ชัดแต่จนใจที่ฉู่เฉินสกัดจุดลมปราณของเธอไว้ ตอนนี้แม้จะอยากฆ่าตัวตาย แต่แค่จะยกแขน
ในสมองของเธอมีเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ ‘เธอต้องการผู้ชาย!’เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของฉู่เฉิน หญิงชุดแดงที่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขัดขืนไปนานแล้ว เธอสารภาพเรื่องของหลิ่วชิงเหอกับเรื่องสมาคมจันทราโลหิตออกมาทั้งหมดกระทั่งได้ยินคำบอกเล่าของหญิงชุดแดง ฉู่เฉินจึงค่อยดันตัวเธอลงด้านล่างอย่างพึงพอใจหลังจากการต่อสู้กันดุเดือดผ่านไป รอยแดงเรื่อบนแก้มของหญิงชุดแดงก็ค่อยๆ จางไป สติสัมปชัญญะก็ค่อยๆ กลับมาเช่นกัน“ฉู่เฉิน!”หญิงชุดแดงจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง พลางกัดฟันจ้องหน้าฉู่เฉินอย่างเคียดแค้นถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ ตอนนี้ร่างกายของฉู่เฉินคงพรุนไปนานแล้ว“เมื่อกี้ไม่มีใครบังคับให้เธอทำอย่างนั้นซักหน่อย อีกอย่างเธอก็โดดเด่นกว่าคนอื่นมากนะ มีไม่กี่คนที่จะทำได้ดีขนาดนี้ตั้งแต่ครั้งแรก”ฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะหันตัวเดินไปทางบ้านใหญ่ตระกูลฉู่หญิงชุดแดงจ้องเงาหลังของฉู่เฉิน เธอกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ“คอยดูเถอะ ฉันจะฆ่าแกให้ได้!”ได้ยินเสียงคำรามต่ำจากหญิงชุดแดงที่อยู่ข้างหลัง ฉู่เฉินเพียงยิ้มจางๆ “ฉันยินดีรับใช้เสมอ แต่ครั้งหน้าใส่ชุดเซ็กซี่กว่านี้หน่อยล่ะ กี่เพ้าสีนี้ไม่เ
“อะแฮ่ม!”ฉู่เฉินกระแอมเบาๆ “เธอยังเด็ก เรื่องหลายอย่างยังไม่ต้องถามมาก”“คนอื่นเขาไม่เด็กแล้วนะ”อินซู่ซู่เชิดหน้าอกขึ้นอย่างไม่ยอมรับ แต่วินาทีถัดมา เธอนึกถึงเรื่องที่หญิงชุดแดงว่าเธอว่าหน้าอกเล็ก จึงกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจฉู่เฉินเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าสะอาด สาวเท้าออกจากประตู ก่อนไป เขาวางค่ายกลซ่อนเร้นไว้รอบๆ บ้านใหญ่ตระกูลเฉิน เผื่อตอนที่เขาไม่อยู่บ้าน กุหลาบเพลิงจะได้ไม่ย้อนกลับมาโจมตีอีกเมื่อเสียงสตาร์ตรถยนต์ดังกระหึ่ม ฉู่เฉินก็ขับรถเบนซ์จีคลาสคันนั้นของเขามุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่ว……เวลานี้ ณ สวนดอกไม้ด้านหลังคฤหาสน์ตระกูลหลิ่วหลิ่วชิงเหอใส่ชุดเดรสสีชมพูเข้ารูปเปิดหัวไหล่ เธอกำลังสาวเท้ายาวๆ เดินกลับไปกลับมาอยู่ในสวนดอกไม้ตั้งแต่ที่สมาคมจันทราโลหิตรับใบเสร็จสังหารฉู่เฉินไป เธอก็อดกระสับกระส่ายไม่ได้“เกิดอะไรขึ้น? นี่หรือฉันกำลังเป็นห่วงไอ้เดรัจฉานฉู่เฉินนั่น? เป็นไปไม่ได้!”หลิ่วชิงเหอปฏิเสธความคิดนี้ทันทีเธอแทบอยากจะฆ่าฉู่เฉินด้วยมือตัวเอง จะเป็นห่วงเขาได้อย่างไร?ในขณะที่หลิ่วชิงเหอกำลังความคิดสับสนวุ่นวาย ป้าอู๋ก็วิ่งเข้ามาในสวนดอกไม้ ก่อนพูดด้วยสีหน้าย่ำแ
เพี๊ยะ!ฉู่เฉินไม่เปิดโอกาสให้หลิ่วชิงเหอโต้แย้ง เขาตวัดฝ่ามือใส่แก้มของเธอเสียงดังฟังชัด“ไอ้เดรัจฉาน แกกล้าตบฉันเหรอ ไม่แกก็ฉันต้องตายกันไปข้าง!”ผมยาวๆ ของหลิ่วชิงเหอสยายยุ่งอยู่บนหัวไหล่ของเธอ ก่อนจะพุ่งตัวใส่ฉู่เฉินฉู่เฉินตวัดสายตามองหลิ่วชิงเหอ ก่อนจะยิ้มเย็น คว้าข้อมือของหลิ่วชิงเหอ จากนั้นก็บังคับให้เธอหันหลัง“จะสู้ตายกับฉันเหรอ? มั่นใจว่ามีปัญญา?”ฉู่เฉินพูดจบก็จับร่างของหลิ่วชิงเหอตรึงกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าหลิ่วชิงเหอถูกหลิ่วชิงเหอตรึงร่างไว้แน่น ได้แต่กัดฟันและหันหน้าไปพูดกับฉู่เฉินที่อยู่ข้างหลังว่า “ไอ้เดรัจฉาน แกจะทำอะไร! ที่นี่บ้านฉันนะ!”“บ้านของเธอ? ถ้าฉันจำไม่ผิด เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ควรเป็นตระกูลฉู่ต่างหาก!”ขณะเอ่ย ฉู่เฉินกระชากชุดเดรสของหลิ่วชิงเหอเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดัง ก่อนที่แผ่นหลังเนียนขาวดุจหยกของหลิ่วชิงเหอจะปรากฏอยู่ต่อหน้าของฉู่เฉิน“ไอ้สารเลว แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”หลิ่วชิงเหอตะโกนกรีดร้องสุดกำลังแต่ไม่ว่าเธอจะขัดขืนสักแค่ไหน ร่างกายที่ถูกฉู่เฉินตรึงติดกับต้นไม้ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อยฉู่เฉินเชยชมเรือนร่างที่เต็มไปด้วยกลิ
ฉู่เฉินยิ้มเย็นขณะสาวเท้าเข้าไป กระชากผมของหลิ่วชิงเหอ จับร่างเธอขึงติดกับกระจกใสบานใหญ่“เธออยากให้ฉันตายมากไม่ใช่เหรอ? ฉันขอเตือนให้เธอดูเวลาตอนนี้ให้ดีๆ!”หลิ่วชิงเหอส่ายหน้า พลางออกแรงดันฉู่เฉินออกไป พร้อมกับด่าสาดเสียเทเสียไปด้วย “ไอ้ฉู่เฉิน! ไอ้เดรัจฉาน แกอย่าคิดจะแตะต้อง…”เธอยังพูดไม่ทันจบ เสียงพูดก็เงียบหายไปในทันที!พอเห็นเข็มนาฬิกาชี้ไปที่สามโมงตรง หลิ่วชิงเหอรีบอ้อนวอนทันที “ฉู่เฉิน ฉันขอร้องแกได้ไหม? อีกไม่นานหรูเยียนก็จะกลับมาแล้ว”“ให้ฉันได้รักษาศักดิ์ศรีความเป็นแม่คนไว้หน่อยเถอะ ได้ไหม?”ฉู่เฉินเพียงยิ้มอย่างเย็นชาเป็นคำตอบให้หลิ่วชิงเหอ“เต๊ง เต๊ง เต๊ง!”เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาสามครั้งดังขึ้นจากห้องรับแขก หัวใจของหลิ่วชิงเหอหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม……ในอีกด้านหนึ่ง หลิ่วหรูเยียนเพิ่งจะจบการประชุมช่วงบ่ายของวันนี้ เธอบิดขี้เกียจพร้อมกับหาวกว้างๆ ชุดทำงานสีดำบนตัวถูกเบียดจนเป็นทรงนูนเว้าไปตามการเคลื่อนไหวของเธอหลังจากเก็บกวาดเล็กน้อย หลิ่วหรูเยียนหันไปพูดกับเลขาว่า “หาคนขับส่งฉันกลับบ้านด้วย ฉันเหนื่อยแล้ว”วันนี้เธอยุ่งอยู่ทั้งวัน รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวตอนนี้เ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พวกว่านโซ่วเซียนเวิงก็ถอนหายใจติดต่อกันด้วยสีหน้าเสียดายในตอนนี้เอง แผ่นกระดาษสีขาวที่เขียนตำรับยาสร้างกล้ามเนื้อพลันลอยมาจากในวังเทียนเจี้ยน“ผู้อาวุโสทั้งหลาย ขอบคุณครับ”วินาทีต่อมา เสียงของฉู่เฉินดังออกมาจากห้องโถงใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนพวกว่านโซ่วเซียนเวิงรับสูตรยาที่ฉู่เฉินส่งมา ก่อนจะมองไปทางตำหนักหลักของวังเทียนเจี้ยนอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง“พวกเราไปกันเถอะ”ว่านโซ่วเซียนเวิงคัดลอกสูตรยาไว้หนึ่งชุด แล้วก็พาลูกศิษย์แห่งสำนักว่านเซียนหันกายเดินจากไป“เหอะ ๆ... ไอ้หนูมีน้ำใจแล้ว ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณเธอแล้ว ไว้พบกันใหม่”ผู้เฒ่าเทียนเสวียนก็คว้าสูตรยามาเช่นกันก่อนจะคัดลอกทันที จากนั้นเขาก็หันกายพาหลินเจี้ยนเฟิงลอยจากไปไม่นานนัก ผู้คนที่มามุงดูความคึกคักรอบนอกวังเทียนเจี้ยนก็ทยอยกันแยกย้ายไปหมดฉู่เฉินมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่หน้าแดงก่ำดูอับอายอย่างยิ่งยวด ก่อนจะหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “เมื่อกี้คุณบอกว่าใครใกล้ตายนะ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองฉู่เฉินพลางกัดฟันกรอด แม้ว่าตอนนี้ภัยคุกคามของวังเทียนเจี้ยนจะถูกขจัดไปแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าแตะต้องฉู่เฉ
เวลานี้เอง ทุกคนในเหตุการณ์ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่ชิงเฟิงจะโกรธจริง ๆนอกจากนี้ ประตูใหญ่ของวังเทียนเจี้ยนโดนทำลาย วันหน้าสถานะของวังเทียนเจี้ยนในหมู่สำนักรอบนอกภูเขาหลางจวีซวีย่อมลดลงไปอีกขั้นอย่างแน่นอแม้ว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนในตอนนี้จะร้องทุกข์มิรู้วาย แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าไม่พอใจเลยสักนิดเดียวเวลานี้จื่อเยว่ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนก็ต้องชื่นชมความโชคดีของฉู่เฉินเช่นกันถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่อาศัยสติปัญญาและแผนการเรียกยอดคนอย่างลู่ชิงเฟิงออกมายืนอยู่ฝ่ายเขาได้นับว่าผ่านด่านยากตรงหน้าได้ชั่วคราวแล้วจริง ๆ “ศิษย์พี่หญิง ฉู่เฉินคงไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับลู่ชิงเฟิงใช่ไหม?”หลิงรั่วกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา“เกี่ยวข้องกับลู่ชิงเฟิง? ไม่มีทางหรอก!”จื่อเยว่หัวเราะหยันพลางส่ายศีรษะลู่ชิงเฟิงนั้นเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของวังเต๋าคุนหลุน ถึงแม้จะไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่ในวังเต๋าคุนหลุน นอกจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ปลีกวิเวกไม่ออกมาเหล่านั้นแล้ว เขาก็เป็นตัวแทนพลังรบสูงสุดเลยก็ว่าได้แม้ว่าฉู่เฉินเพียงแค่รู้จักลู่ชิงเฟิงเท่านั้น แ
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ
หลิงเสวี่ยมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนผู้เป็นดั่งเทพเจ้าในใจของเธอ ที่ขณะนี้กลับกำลังก้มหัวคำนับให้ฉู่เฉิน ความรู้สึกก็ซับซ้อนอย่างยิ่งหรือเป็นอย่างที่ฉู่เฉินเคยกล่าวไว้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่เธอเคารพราวเทพเจ้ามาโดยตลอด ช่างดูเล็กจ้อยราวกับมดตัวหนึ่งจริงเหรอ?เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ทั้งหมดนี้ เธอก็เถียงไม่ออก“ปะ… ปรมาจารย์…”น้ำตาของหลิงเสวี่ยไหลพรากลงมาแต่เธอไม่ได้ร้องไห้ให้ปรมาจารย์ว่านเจี้ยน แต่เป็นความเชื่อของตนที่ยึดมั่นมาหลายปี ที่ในเวลานี้มันพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง“ปรมาจารย์?”ฉู่เฉินจ้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอย่างเย็นชา ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “งั้นผมขอถามคุณหน่อยว่าคุณส่งพ่อแม่ของผมไปให้ใครต่อ”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ คุณอย่าถามเลย ผมพูดไม่ได้ แค่ผมพูดตัวตนของอีกฝ่ายออกมาก็จะระเบิดเป็นหมอกโลหิตทันที”ซี้ด ซี้ด!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็เข้าใจทันทีว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ถูกคนลงยันต์คุมวิญญาณเช่นกัน ตราบใดที่เอ่ยตัวตนของอีกฝ่ายออกมา ก็จะระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตเหมือนกับเกาเซ
ประตูหินหมื่นชั่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่แล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะถูกทำลาย ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ร้อนใจแทบจะกระอักเลือดออกมาแต่ในขณะนี้ ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ที่โจมตีมานานแต่ยังไม่สำเร็จ ก็เรียกเทพสังหารและคนอื่นๆ ให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่ประตูหินหมื่นชั่ง และศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าดูแลประตูหินหมื่นชั่งก็ถูกแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนเลือดสาดแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงยังกระอักเลือดล้มลง หมดเรี่ยวแรงในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าประตูภูเขาถูกทำลายลงและว่านโซ่วเซียนเวิงและพวกพ้องไม่ได้รับหยกโลหิตกิเลน แน่นอนว่าจะต้องระบายความโกรธกับศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนและทั้งวังเทียนเจี้ยนคงต้องนองไปด้วยเลือดเป็นแน่“คุณ...คุณฉู่ ขอร้องคุณแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถิด วิหารของวังเทียนเจี้ยนของผมเล็กเกินไปที่จะรองรับคนใหญ่คนโตเช่นคุณได้”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคุกเข่าลงพร้อมอ้อนวอนน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ หลิงเสวี่ยสับสนไปหมดแล้วทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉู่เฉินกล่าวไว้จริงๆ
ครั้งนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนยอมแพ้แล้วจริงๆ เพราะสองคนที่มาด้วยกันนั้นคือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวของภูเขาหลางจวีซวีอันเลื่องชื่อ นักพรตแห่งน้ำไฟพวกเขาทั้งสองคนเป็นทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้อง ทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องรักร่วมเพศอีกด้วย และตัวติดกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นสองผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุด ทั่วทั้งภูเขาหลางจวีซวี ใครได้ยินชื่อเสียงของคนทั้งสองแล้วไม่ปวดหัวบ้าง?“แกคู่ควรมาขอเรียกร้องศักดิ์ศรีต่อหน้าพวกเราสองคนด้วยเหรอ?”หนึ่งในนักพรตก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุดก็แผ่ลงมาประตูหินหมื่นจินที่โจมตีมานานก็ไม่พัง ทันใดนั้นก็เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่กว้างกว่าสามนิ้วแม้แต่ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ก็ก็ยังตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากประตูวังเทียนเจี้ยน“ครับ ครับ ครับ ผู้น้อยจะไปเชิญฉู่เฉินทันทีมาเดี๋ยวนี้ครับ”ในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหมดความอดทนแล้วและรีบร้อนวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่ในขณะนี้ เหล่าศิษย์วังเทียนเจี้ยนที่เดิมทียังคงโหวกเหวกโวยวายเพราะหลิงเสวี่ย ต่างก็หวาดกลัวจนเงียบกริบ คุกเข่าลงกับพื้นทีละคน ไ
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก