กึก!เว่ยฉิงนิ่งอึ้ง ดวงหน้าแดงแปร๊ด แดงจนถึงขั้นที่ว่าถ้าเลือดไหลออกมาได้คงไหลออกมาแล้ว เธอถามอย่างกระอักกระอ่วน “ถอดหมดเลยเหรอ?”เธอไม่คิดว่าการนวดรักษาที่ฉู่เฉินพูดถึง จะเป็นวิธีการแบบนี้ ต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดด้วยรึ…แม้แต่ชุดชั้นในก็ต้องถอดด้วยบรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มและน่าอึดอัดใจขึ้นมาทันทีเว่ยฉิงอาจจะเป็นหลานสาวของอดีตผู้บัญชาการเว่ย เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งในวงการธุรกิจ มีชื่อเสียงเกียรติยศมากมาย และมีทรัพย์สินมากกว่าพันล้านแต่เธอเป็นสาวโสดตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียวหลายปีมานี้ เธอไม่เคยแม้แต่จับมือผู้ชาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้เปลื้องผ้าต่อหน้าชายแปลกหน้า…หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเว่ยฉิงก็กัดฟันหันหลังให้ฉู่เฉิน ก่อนจะเริ่มถอดชุดราตรีของเธอออกแผ่นหลังอันเนียนขาว ไร้จุดด่างพร้อยโดยเฉพาะหัวไหลกลมมนและลำคอยาวระหงนั่น เรียกได้ว่าเป็นศิลปะชิ้นงาม ที่แทบจะหาจุดด้อยไม่เจอเลยชุดราตรีค่อยๆ ไถลลู่ลงจากหัวไหล่ของเธอ แผ่นหลังอันสมบูรณ์แบบเปิดเผยสู่สายตา ตามมาด้วยเอวบางคอด ที่ทำให้ฉู่เฉินเห็นแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ถึงขั้นสติหลุด
“ฟู่…” ฉู่เฉินถอนหายใจ รู้สึกว่าเขาเริ่มเสียสมาธิแล้วเว่ยฉิงหน้าแดง เหลือบมองฉู่เฉิน ก่อนถามเสียงเบาๆ ว่า “หมอเทวดาฉู่ เป็นอะไรไป?”“เปล่าครับ เราเริ่มกันเถอะ” ฉู่เฉินยิ้มตอบ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นในพริบตาเริ่มจากท้องน้อยก่อน จากนั้นก็หน้าอก และหัวไหล่ทั้งคู่ทุกครั้งที่สัมผัส เว่ยฉิงรู้สึกราวกับหน้าของตัวเองจะมีเลือดไหลออกมาให้ได้ หนำซ้ำ ร่างกายก็ยังมีการตอบสนองแปลกๆ เกิดขึ้นอีกแน่นอนว่าฉู่เฉินเองก็ทรมานยิ่งกว่าต้องมานวดให้ศิลปะชิ้นเอกอย่างนี้ แรงกดดันมากเกินไปแล้วหลังจากนวดติดต่อมาประมาณสิบนาทีกว่า ฉู่เฉินลุกขึ้น เช็ดเหงื่อที่ขมับ บอกว่า “คุณหนูเว่ย เสร็จแล้วครับ”นึกไม่ถึงว่านวดให้เว่ยฉิงต้องใช้พลังวิญญาณมากขนาดนี้ดูท่าคงต้องพัฒนาพลังอย่างต่อเนื่องเสียแล้วเว่ยฉิงได้ยินว่าเสร็จแล้วก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าส่วนฉู่เฉินนั่งหมดแรงอยู่บนโซฟาด้านหนึ่ง เขาหอบหายใจไม่หยุด ขณะที่ปรับสมดุลพลังวิญญาณในร่างกายอยู่ฝั่งเว่ยฉิงพอใส่เสื้อผ้าเสร็จ ดวงหน้ายังคงแดงแปร๊ด เธอถามเขาว่า “หมอเทวดาฉู่ โรคของฉันหายแล้วเหรอคะ?”“ครับ คุณลองหาใครมาทดลองดูก็ได้” ฉู่เฉินตอบเว่ยฉิงได้ยิน
“หลิ่วชิงเหอ ใช้ได้นี่ แต่งตัวยั่วสวาทดี”ฉู่เฉินเดินอาดๆ เข้าไปในห้องนอนจากระเบียง จากนั้นนั่งลงบนโซฟา จ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอที่อยู่บนเตียงโดยไม่ปิดบังสายตาสายตารุกรานมากเมื่อมองก็ไม่สามารถละสายตาออกได้หลิ่วชิงเหอคือระดับสุดยอดของโลกนี้ ด้วยรูปร่างที่สมบูรณ์แบบและกลิ่นเซ็กซี่ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ทั่วร่างกายของเธอโดยเฉพาะในขณะนี้เธอยังอยู่ในสภาพที่ซีทรู ผิวหนังขาวสะอาด ซ่อนเร้นอยู่ใต้ชุดนอนลูกไม้สีม่วง ทำให้คนที่เห็นอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ทั่วทั้งร่างกายร้อนรุ่มไปหมดหลิ่วชิงเหอเห็นฉู่เฉินจ้องมองตรงมาที่เธอ แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจและความดูถูก เธอแสยะยิ้มขึ้นมา “ฉู่เฉิน แกยังกล้ามีหน้ามาอีกเหรอ ไม่กลัวฉันจะเตรียมคนมาฆ่าแกหรือไง?”“ฆ่าฉัน?” ฉู่เฉินหัวเราะออกมา พร้อมพูดว่า “ป้าอู๋เหรอ? เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน แต่ว่าป้าอู๋ก็มีฝีมือนะ หุ่นก็ดี ด้านหลังนูนด้านหน้าแอ่น เวลากระแทกจากข้างหลัง โคตรได้อารมณเลย!”เมื่อได้ยินคำนี้ สีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไป คิ้วของเธอขมวดเข้ม พูดอย่างเยือกเย็นว่า “แกหมายความว่ายังไง? ฉู่เฉิน! แกไอ้เลว แกทำอะไรกับป้าอู๋? ”ฉู่เฉินพูด
เป็นผู้หญิง!ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เป็นจอมยุทธ์หญิงอายุราวๆ ยี่สิบห้ายี่สิบหกปี เธอยังดูเป็นวัยรุ่น หน้าตาก็ไม่แย่ แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับหลิ่วชิงเหอบนเตียงที่สวยสุดๆ ก็ตาม แต่ถ้าหากพูดถึงในเจียงจง ก็ยังถือว่าเป็นคนสวยอันดับต้นๆ คนหนึ่งสาเหตุที่เขาเรียกเธอว่าจอมยุทธ์ เป็นเพราะว่าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายออกมาจากร่างของฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนกับของป้าอู๋นั่นคือลักษณะเฉพาะของการฝึกวรยุทธ์มานานหลายปียิ่งกว่านั้น ดวงตาของอีกฝ่ายยังเฉียบคม และการโจมตีเมื่อกี้นี้เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงมากหากเป็นคนธรรมดา เกรงว่าน่าจะตายเพราะคมดาบนั่นไปแล้วแต่ฉู่เฉินไม่เป็นเช่นนั้น เขาในตอนนี้อยู่ระดับฝึกปราณชั้นสาม ไม่ได้พูดถึงครอบครองทั้งเจียงจง แต่ถ้าครึ่งหนึ่งย่อมเป็นไปได้เช่นเดียวกัน จอมยุทธ์หญิงตรงหน้าผู้นี้ ก็แปลกใจเป็นอย่างมากเช่นกันเธอคิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินสามารถหลบการโจมตีที่เธอเตรียมไว้มาเป็นเวลานานได้!การโจมตีนี้ แม้แต่จอมยุทธ์ที่ฝึกฝนกำลังภายในพื้นฐาน ก็ไม่อาจะหลบหลีกได้“รีบฆ่ามันซะ!” ในเวลานี้หลิ่วชิงเหอได้ลงจากเตียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอชี้นิ้วสีขาวและเรียว ชี้ไปที่ฉู่เฉินอย่างเดือ
หลิ่วชิงเหอหวาดกลัว เธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นชายอันแข็งแกร่งของฉู่เฉิน โดยเพราะดวงคู่นั้นสีแดงก่ำ มันกลายเป็นสายตาที่ชั่วร้ายแย่แล้ว!ไอ้เลวฉู่เฉิน มันจะลงมือจริงๆ ด้วย!“ฉู่เฉิน! แกบ้าไปแล้วเหรอ ฉันเป็นแม่บุญธรรมแกนะ! ปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอร้องขอความช่วยเหลือ ดิ้นรนอย่างไม่หยุดฉู่เฉินเยาะเย้ยอย่างชั่วร้าย “เธอไม่ใช่แม่บุญธรรมของฉัน”เมื่อพูดจบ เขาก็ลงมือกดหลิ่วชิงเหอลงไปบนเตียง แผ่นหลังขาวเนียน ก็ปรากฏให้เห็นต่อหน้าเขาทันทีเอวบางๆ นั้น บั้นท้ายที่แอ่นงอนนั้น ช่างกระตุ้นอารมณ์สัตว์ร้ายในกายฉู่เฉินได้ดีจริงๆ เรือนร่างของหลิ่วชิงเหอสมบูรณ์เหลือเกิน ราวกับเป็นงานศิลปะอย่างนั้นแหละ“ฉู่เฉิน! แกไอ้ชั่ว! ปล่อยฉันนะ! หากแกกล้าแตะต้องฉันล่ะก็ ฉันจะฆ่าแกแน่!” หลิ่วชิงเหอดิ้นรนส่งเสียงร้องเพียะ!ฉู่เฉินยกมือขึ้นแล้วฟาดลงไปที่หลังหลิ่วชิงเหออย่างแรง เสียงนั้นดังก้องไปทั่วห้องนอน“อ๊ะ...” หลิ่วชิงเหอร้องออกมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอับอายและความโกรธ แก้มของเธอแดงไปจนถึงโคนหูความรู้สึกนี้มันทั้งน่าอับอาย และสบายในคราวเดียวกันบั้นท้ายงอนของเธอ นานแล้วที่ไม่ได้ถูกผู
ฉู่เฉินยิ้มอย่างเย็นชา เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กดหลิ่วชิงเหอเข้าไปที่ประตู บีบไปที่คางของเธอ พูดอย่างเย็นชา “หลิ่วชิงเหอ เธอกำลังขู่ฉันอยู่งั้นเหรอ?”ดวงตาของหลิ่วชิงเหอมืดลง และเธอพยายามดิ้นรนไปอีกสักพัก เมื่อเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์ เธอจึงพูดอย่างดุเดือด “ใช่! ถ้าแกกล้าแตะหรูเยียน แม้ว่าฉันจะไม่ต้องการฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้ว แต่ฉันก็ยังจะฆ่าแก!”“งั้นเหรอ?”ฉู่เฉินแสร้งยิ้ม มือขวาค่อยๆ เลื่อนจากคางลงไป ยิ้มแล้วพูดว่า “ดูท่าเธอจะไม่ยอมสินะ ยังกล้าจะมาขู่ฉันอีกเหรอ?”“ถ้าอย่างนั้น เอาอีกสักรอบไหมล่ะ?”“ซี้ด...”หลิ่วชิงเหอคร่ำครวญด้วยความรู้สึกเจ็บปวดเธอกัดริมฝีปากแรงๆ ดวงตาของเธอราวกับมีด เธอเหลือบมองที่ฉู่เฉิน และพูดอย่างเย็นชา “แกกล้า!”“แล้วมีอะไรให้ฉันไม่กล้าด้วยล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาล็อกเอวบางของหลิ่วชิงเหอได้ในคราเดียวหลิ่วชิงเหอหวาดกลัว!ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ มันเอาจริงแล้ว“แม่ แม่อยู่ในห้องไหมคะ?” เสียงของหลิ่วหรูเยียนดังมาจากข้างนอกประตู ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาใกล้แล้ว!เสียงยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลิ่วหรูเยียนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว“แม่คะ ทำ
ฉู่เฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น ในใจมีแต่ไฟร้อนรุ่ม “เพียะ” เสียงนี้ เขาตบบั้นท้ายของหลิ่วชิงเหออย่างแรง“อ๊ะ...” หลิ่วชิงเหอร่างกายสั่นไปหมดตอนนี้เธอไม่เข้าใจเลยว่าฉู่เฉินลงโทษหรือตอบสนองเธอกันแน่เธอเกลียดฉู่เฉิน เกลียดจนอยากจะฆ่าให้ตาย!แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะให้ฉู่เฉินทำแบบนี้กับเธอต่อไปอีก“พอแล้ว! มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ ตอนนี้ลูกกลับห้องตัวเองไปทบทวนให้ดี พรุ่งนี้เช้าแม่จะไปตรวจจดหมายทบทวนของลูก!” หลิ่วชิงเหอพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม ใบหน้าแดงระเรื่อ ยั่วยวนคนเป็นอย่างมาก“แม่...”เสียงกระทืบเท้าของหลิ่วหรูเยียนดังเข้ามาจากข้างนอก ไม่เข้าใจว่าทำไมวันนี้แม่ตัวเองถึงได้ดุแบบนี้ทั้งยังยืนกรานให้เธอกลับห้องตัวเอง“กลับไป!” หลิ่วชิงเหอตะคอกด้วยความโมโหหลิ่วหรูเยียนตกใจ รีบปล่อยมือออกจากกลอนประตู พึมพำขึ้นมาว่า “รู้แล้วค่ะ หนูจะกลับไปตอนนี้แหละค่ะ”หลังจากพูดอย่างนั้นหลิ่วหรูเยียนก็พึมพำ หันหลังและจากไป แต่หลังจากเดินไปได้สองก้าว เธอก็มองไปที่ประตูอย่างสงสัยพร้อมกับพึมพำอีกครั้งว่า “แปลก เสียงจากในห้อง มันแปลกๆ... ทำไมมันถึงเสียงเหมือนกับ...”หลิ่วหรูเยียนรู้สึกตัวขึ
ฉู่เฉินแค่นหัวเราะ สายตาจ้องหลิ่วหรูเยียนอย่างกำเริบเสิบสาน จ้องมอง รูปร่างอันสมบูรณ์แบบของเธอรูปร่างอวบอัดตั้งตรง ผิวพรรณขาวละเอียดสูงโปร่งหลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสายตาของฉู่เฉิน ก็รู้สึกขยะแขยงราวกับโดนแมลงสาบไต่ไปทั่วทั้งตัวแต่เธอไม่เขินอายหรือตื่นเต้นเลยสักนิด ในทางกลับกันยังเดินเข้าไปหาฉู่เฉินอย่างอวดดีและกล้าหาญยิ่งกว่าเดิม ไม่สนใจเสื้อคลุมอาบน้ำที่อ้าออกเลยสักนิด มือสองข้างกอดอก ยิ่งทำให้หน้าอกอันอวบอัดให้ใหญ่โตยิ่งกว่าเดิม กล่าวอย่างเหยียดหยาม“มองอะไร? สวะ!”“แกคิดว่าคืนนี้แกช่วยฉันเอาไว้ ฉันจะตอบแทนบุญคุณของแกอย่างซาบซึ้งใจอย่างนั้นเหรอ?”“ฉู่เฉิน แกคิดมากเกินไปแล้ว!”“คืนนี้ ความอัปยศที่แกทำกับฉัน ฉันจะจำเอาไว้ในหัวใจ!”“ตอนนี้ แกรีบคุกเข่าลงไป โคกหัวให้ฉันหนึ่งร้อยที ฉันจะปล่อยให้แกไสหัวไป!”“ไม่อย่างนั้น ฉันจะเตะขาแกให้หัก!”ในมุมมองของหลิ่วหรูเยียน ฉู่เฉินหมอนี่ก็คือคนชั่วชั่วมิเสื่อมคลายจะต้องเป็นเพราะข้างนอกไม่มีที่ซุกหัวนอน ถึงได้แอบบุกเข้ามาผลรากฎว่า ถูกตนเองจับได้คาหนังคาเขา“เหอะ ๆ หลิ่วหรูเยียน เธอนี่มันอวดดีมากเลยนะ”ฉู่เฉินสองมือล้วง
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง
การหลอมยาวิญญาณเซียนนั้น ไม่ใช่ว่ามีสูตรยาและวัตถุดิบยาแล้วจะทำได้ นั่นต้องอาศัยนักหลอมยาชั้นยอดเท่านั้นแม้แต่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ คนที่สามารถหลอมยาพลังวิญญาณนี้ออกมาได้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่อย่างนั้นยาวิญญาณเซียนก็คงไม่เป็นที่ต้องการมากขนาดนั้น“เจ้าพูดจริงหรือ?”อวี้ลู่มีสีหน้าจริงจัง กล่าวย้ำถามกับฉู่เฉินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจฉู่เฉินพยักหน้าหนักแน่นก่อนตอบว่า “แน่นอน ก็แค่ยาวิญญาณเซียนเม็ดเล็กๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องเล็กน้อย”เมื่อเห็นฉู่เฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อวี้ลู่ก็อดจ้องเขาด้วยความสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าสายตาของอวี้ลู่ราวกับจะมองทะลุตัวเอง ฉู่เฉินจึงกล่าวด้วยความสงสัย “พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?”ดวงตาคู่สวยของอวี้ลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น “ยามนี้ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเจ้าเป็นคนธรรมดาจากโลกมนุษย์จริงหรือไม่? เท่าที่ข้ารู้มา ในโลกมนุษย์ไม่มีบันทึกของยาวิญญาณเซียน แล้วเจ้ารู้สูตรยาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง เจ้าคงไม่เคยหลอมยาวิญญาณเซียนมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าจะสามารถหลอมยาได้สำเร็จ?”“หรือว่า ภายในร่างกายของเจ้ายังมีอีกดวงวิญญาณหนึ่งอาศัย
“ข้า…”อวี้ลู่ยกมือเล็กขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงการตบครั้งก่อนที่เกือบทำให้ตนต้องจบชีวิตไป ในที่สุดก็ยอมแพ้แล้วฉู่เฉินใช้วิธีเดิมที่ทำเมื่อกี้นี้ หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง มังกรคำรามหดตัวลงจนเหลือขนาดแค่หนึ่งนิ้วจากนั้นฉู่เฉินก็เรียนรู้วิธีของอวี้ลู่เพื่อให้มังกรคำรามกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปหลายครั้ง ในที่สุดฉู่เฉินก็สามารถควบคุมได้อย่างอิสระแล้วอินซู่ซู่ที่อยู่ข้างๆ มองตาค้าง ที่แท้แล้วนายท่านก็เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?“นาย... นายท่าน ฉันก็อยากได้ของวิเศษแบบนี้บ้างค่ะ”อินซู่ซู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปฉู่เฉินยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้ลู่ก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเห็นเขาดูร่ำรวยถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทั้งตัวเขาก็มีแค่ของวิเศษระดับต่ำที่สุดเพียงชิ้นเดียว”ในฐานะที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ ของวิเศษระดับเหลืองนั้นไม่เข้าตาอวี้ลู่เลยแม้แต่น้อย ถ้าโยนลงไปบนพื้น อวี้ลู่ก็คร้านจะก้มลงไปเก็บฉู่เฉินเหลือบมองอวี้ลู่ ก่อนจะมุ่ยปากกล่าวว่า “ถ้าพี่รวยมากนัก ก็เอาของมาแบ่งให้ทุกคนบ้างสิ?”อวี้ลู่ขมวดคิ้ว มองฉู่เฉินอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าฝึกวิชาของสำนักใดมา? คงไม่
ในห้องหลอมอาวุธของวิลล่าเฟิ่งหมิง ฉู่เฉินกำลังตั้งใจหลอมกระบี่วิญญาณชิงหลงเมื่อกระบี่วิญญาณชิงหลงถูกหลอมรวม ในที่สุดกระบี่เล่มนั้นในมือของฉู่เฉินก็พัฒนาไปเป็นของวิเศษระดับเหลือง“ตูม!”มังกรตัวเล็กหนึ่งตัวเลื้อยอยู่บนตัวกระบี่สีครามฉู่เฉินถ่ายพลังวิญญาณเข้าตัวกระบี่ ทันใดนั้นปราณมังกรเพลิงก็ระเบิดออกไปไกลถึงสิบเมตรไม่เพียงเท่านี้ ของวิเศษระดับเหลืองนี้ยังเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณกับฉู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นคมกระบี่หรือการใช้ ล้วนคล่องแคล่วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแม้แค่การฟันธรรมดาๆ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ได้มากกว่าสิบเท่าฉู่เฉินประเมินกระบี่ยาวในมือแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องหลอมอาวุธมายังพื้นที่โล่งกว้างหลังภูเขา จากนั้นฉู่เฉินจึงฟันกระบี่ออกไปอย่างรุนแรงตูม!ในพริบตาเดียวพื้นดินก็แยกออกเป็นร่องยาวขนาดยี่สิบกว่าเมตรและลึกลงไปมากกว่าหนึ่งเมตรและในขณะที่ฉู่เฉินฟันกระบี่นั้น ราวกับมีมังกรคำรามดังสะเทือนทั่วทุกทิศทาง“มังกรคำราม?”แม้แต่ฉู่เฉินก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย!สามารถกล่าวได้ว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์ท
กล่าวเสร็จหานอวี้ก็หันกายเดินไปทางหลังจวน เพิ่งจะถึงประตูก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับมากล่าวกับซ่งหนิงซวงว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องเจ็ด ใบรับรองอะไรนั้นรีบส่งมาให้ฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นการเข้า ๆ ออก ๆ จะสะดุดตาเกินไป”ซ่งหนิงซวงได้ยินแล้วก็ยิ้มยิงฟัน และเอาเล่มเล็ก ๆ สีฟ้าออกมายื่นให้หานอวี้พร้อมกล่าว “นี่เป็นใบรับรองแพทย์ส่วนตัวของฉัน รับไปสิ ศิษย์พี่ไม่เพียงเข้าออกจวนขุนพลได้อย่างสะดวก สถาบันทางการแพทย์ใหญ่ ๆ แต่ละแห่งก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระเช่นกัน”“ไม่เลวเลยทีเดียว”หานอวี้รับเอกสารมา และกล่าวพร้อมโบกมือให้ซ่งหนิงซวง “เดินทางระวังด้วยล่ะ ฉันได้ยินว่าตอนนี้คนจากวังเทียนเจี้ยนก็อยู่ที่มณฑลเจียงเช่นกัน ไม่มีเรื่องได้ก็อย่ามีเรื่องจะดีที่สุด”กล่าวเสร็จหานอวี้ก็รีบเดินไปยังด้านในที่พักซ่งหนิงซวงมองแผ่นหลังของหานอวี้อย่างเนิ่นนานแล้วจึงกวักมือเรียกทหารหญิงคนหนึ่งมาและกล่าว “ให้หลิ่วชิงเหอรีบมาถึงและรอที่ห้องโถงรับรองจวนขุนพล บ่ายวันนี้ร่วมเดินทางกลับไปยังเจียงจงพร้อมกับฉัน”“รับทราบค่ะ!”ทหารหญิงขานรับแล้วรีบวิ่งออกไปจากจวนขุนพลซ่งหนิงซวงก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เปลี