“ปรมาจารย์ฉู่ ผมได้นัดเจ้าใหญ่นายโตไม่กี่ท่านไว้แล้วครับ วันนี้นัดพบเจอกันที่ภัตตาคารพาราเมาท์ตอนกลางวันครับ เมื่อถึงเวลานั้นคุณมอบยาบำรุงปราณให้ผม แล้วผมจะลองนำไปให้พวกเขาดูครับ”“ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะเหมือนผมที่อยากจะแย่งชิงยาบำรุงปราณมา”จงอาหู่พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแม้ว่าเขาจะกินไปแค่เม็ดเดียว แต่ว่าก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของตนเองนั้นมีการยกระดับขึ้นก็เหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดว่าจำเป็นต้องกินให้ถึงสิบเม็ด ถึงจะสามารถยกระดับพลังได้ ตอนนี้กินไปแค่เม็ดเดียวก็เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแบบนี้ จงอาหู่ก็พอใจมากๆ แล้วฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวขึ้นมาว่า “อืม ก็ได้นะ เอาอย่างนั้นแหละ ฉันจะเขียนใบเสร็จให้หนึ่งใบ นายก็รีบซื้อวัตถุดิบยาตามจำนวนและชนิดที่เขียนไว้บนใบเสร็จกลับมาก็แล้วกัน”“หลังจากนั้นก็ลองไปสืบดูว่าสามารถซื้อหญ้าเทียนเซียงได้จากที่ไหนบ้าง”พูดจบฉู่เฉินก็ยกปากกาขึ้นมา เขียนวัตถุดิบและจำนวนที่ต้องใช้หลอมยาลงไปบนกระดาษ หลังจากนั้นจึงส่งมอบใบสั่งยานั้นให้จงอาหู่น้ำหนักที่ฉู่เฉินเขียนลงไป ล้วนแต่มีหน่วยเป็นร้อยชั่ง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้เขียนอั
“หืม?”โจวเทียนเฟิ่งที่เคยสังเกตฉู่เฉินมาโดยตลอด หลังจากที่เห็นฉู่เฉินเดินขึ้นไปบนเนินเขาแล้ว ตามมาด้วยเงาเพียงแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็หายไปไม่เห็นอีกเลย ไม่เพียงแต่ตกใจจนอ้าปากค้าง เธอยังรีบสวมเสื้อคลุมแล้วรีบวิ่งไปทางเนินเขาหลังจากที่เธอมาถึงยอดเขา กลับเห็นแค่ความว่างเปล่าในบริเวณรอบๆ ไม่มีแม้แต่เงาของฉู่เฉินโจวเทียนเฟิ่งช็อกไปเลยหรือว่านี่จะเป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋าและนักสู้เหรอ?“เฉินเฉิน? คุณอยู่ไหมคะ?”โจวเทียนเฟิ่งตะโกนถามหยั่งเชิงขึ้นมาแต่นอกจากเสียงคำรามของลมและภูเขาแล้ว ก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมาเลยในขณะนั้นเอง ฉู่เฉินที่ซ่อนอยู่ในค่ายกล เขามองไปที่โจวเทียนเฟิ่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและไม่พูดอะไร“ตู้ม!”ตามมาด้วยหมอกจางๆ ที่คลุ้งออกมา ยาลูกกลอนหม้อแรกอยู่ในมือของฉู่เฉินตามมาด้วยหม้อที่สอง หม้อที่สาม...ระยะสั้นๆ เพียงแค่ตอนเช้า ฉู่เฉินสามารถหลอมยาได้ร้อยหม้อภายในลมหายใจเดียวยาบำรุงปราณหนึ่งพันเม็ดเต็มๆ ถูกฉู่เฉินหยิบขึ้นมา หลังจากนั้นก็ใส่เข้าไปที่ถุงหนังงู“เฮ้อ!”ฉู่เฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ ค่ายกลล่องหนรอบๆ ก็ค่อยๆ หายไป ร่างของฉู่เฉินเหมือนกับแวบขึ้นมา
ซี้ดจงอาหู่ขมวดคิ้ว ถามชายคนนั้น มองจากสีหน้าของเขา เขาไม่มีทางโกหกแน่นอนเมื่อนึกถึงส่วนนี้ เขาก็พยักหน้าพูดขึ้นมาว่า “ไป พาฉันไปดูหน่อย”ทั้งสองคนที่เพิ่งถึงบริเวณเนินเขา ห่างออกไปแสนไกล จงอาหู่ก็ได้ยินเสียงจากทางยอดเขา เสียงดังลั่น ราวกับว่าจะทำให้หูดับได้เลยนะ!แต่ว่าเสียงนั่น ทำไมไม่ว่าจะฟังอย่างไรมันก็ฟังคุ้นหูล่ะ?ซี้ด!ไม่ใช่ว่าอาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่กำลังทำอะไรบนเขา...แม่งเอ๊ย!อาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่นี่โรแมนติกจริงแม้ว่าจะนึกถึงความเป็นไปได้นี้ได้ แต่จงอาหู่ก็ยังเดินตามอยู่ข้างหลังชายคนนั้น เดินมุ่งยังไปเนินเขา“พี่หู่ พี่ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ แต่ว่า... พวกลูกน้องก็ต่างพากันตามหารอบๆ นี้ไปแล้ว แต่กลับไม่พบใครเลยครับ นี่... นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะครับ”ชุดของหัวหน้าบอดี้การ์ดเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขามองดูจงอาหู่ด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ได้การแล้ว ภูเขานี้สกปรกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาดูเสียแล้ว“ช่างมันเถอะ หาไม่เจอก็ไม่ต้องหาแล้ว ทุกคนกลับไปเถอะ”จงอาหู่ขมวดคิ้ว พร้อมโบกมือไปที่ทุกคนยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งได้ยินชัดขึ้น ที่มันเป็นการปลดปล่อยของอาเจ๊กับป
...ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หน้าประตูห้องเทียนจื้อเบอร์หนึ่งของภัตตาคารพาราเมาท์ จงอาหู่ผลักประตูเข้าไปขณะนั้นเอง ภายในห้องได้มีคนอยู่ห้าคนได้นั่งล้อมรอบโต๊ะกลมเอาไว้แล้ว“โอะ นี่มันพี่หู่ของเราไม่ใช่เหรอ? ช่วงนี้สีหน้าดูไม่เลวเลยนี่ เจ๊เฟิ่งขึ้นเงินเดือนให้นายเหรอ?”ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายอ้วนตุ๊ต๊ะ หัวโตหูใหญ่ หน้าตาผิดปกติ พร้อมรอยยิ้มที่ร้ายกาจกำลังมองมาที่จงอาหู่พร้อมพูดขึ้นมาเขาเป็นลูกชายของท่านประธานเจียงจงฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป ชื่อว่าสวี่เทียนหลายหนึ่งในนั้นเขาเป็นคนที่มีเบื้องหลังลึกซึ้งที่สุด อีกทั้งอย่าเห็นว่าเจียงจงฟาร์มาซูติคอลเป็นแค่บริษัทยา แต่เบื้องหลังนั้นกลับเป็นความมั่นคงทางการเงินของประเทศบริษัทเล็กๆ ทั่วไป ไม่มีทางที่จะเข้าตาเจียงจงฟาร์มาซูติคอลอย่างแน่นอน!แม้แต่ผู้ว่าการหลี่ยังต้องให้เกียรติเจียงจงฟาร์มาซูติคอล เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วยาบำรุงของเจ้าใหญ่นายโตในมณฑล ล้วนผลิตมาจากเจียงจงฟาร์มาซูติคอล“คุณชายสวี่ล้อผมเล่นอีกแล้ว ผมเป็นแค่คนขับรถต่ำต้อยจะมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนได้อย่างไรครับ”จงอาหู่หัวเราะอย่างเหน็บแนม ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงไป“คนขับรถข
“กินข้าวเหรอ?”ฉู่เฉินเหลือบมองไปที่นาฬิกาข้อมือ เที่ยงพอดี นี่ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว เขาจึงพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ครับ คุณเลือกเลยครับว่าจะทานที่ไหน ส่งที่อยู่มาให้ผมก็พอครับ”ซูซูเห็นว่าฉู่เฉินตอบรับทันที ภายในใจก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ เดี๋ยวเจอกันนะคะคุณฉู่”พูดจบก็วางสายไปเวลาผ่านไปไม่นาน ซูซูก็ส่งโลเคชั่นมาให้ฉู่เฉินเธอเลือกเป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นชื่อนาราอิซากายะ ค่าใช้จ่ายที่นี่จะค่อนไปทางสูง แต่สไตล์การตกแต่งมีเอกลักษณ์ร้านอาหารร้านนี้ไม่มีห้องโถง แต่เป็นการแบ่งห้องแต่ละห้องเป็นห้องเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นภายในห้องเต็มไปด้วยเสื่อทาทามิ มีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็กยาวกว่าหนึ่งเมตรตั้งอยู่ตรงกลาง ข้างๆ ยังมีห้องเล็กๆ เพื่อให้แขกได้พักผ่อนอีกด้วยข้างในมีเครื่องนอนทุกชนิด ซูซูมาทานข้าวร้านนี้เป็นประจำ หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ ยังสามารถงีบกลางวันได้ด้วยวันนี้ที่นัดฉู่เฉินมาที่นี่ก็เพื่อความก้าวหน้าในอนาคตของเธอแม้ว่าเธอจะเป็นแค่พิธีกรตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ก็มองออกได้ไม่ยากผ่านรายการไลฟ์สดวันนั้น ผู้อาวุโสฮว่าได้ให้ความสำคัญต่อฉู่เฉินไม่แน่ในอนา
เวลาผ่านไปไม่นาน พนักงานก็นำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ ตอนที่เขาออกจากห้องไปยังปิดประตูอีกด้วย“คุณฉู่ มาค่ะ ฉันดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”ซูซูเทสาเกเต็มแก้วให้ฉู่เฉิน หลังจากนั้นก็เทให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แขนหยกขาวราวหิมะยกแก้วเหล้าพร้อมพูดขึ้นมาฉู่เฉินยกแก้วขึ้นมาพร้อมยิ้มเล็กน้อย ชนแก้วกับซูซู หลังจากนั้นก็ดื่มจนหมดแก้วซูซูลุกขึ้นมาชนแก้ว เข็มขัดของกระโปรงเอวสูงเกี่ยวโดนมุมโต๊ะพอดี หลังจากที่เธอลุกขึ้นมา เสียงดังแควก กระโปรงถูกเกี่ยวจนฉีกกลายเป็นรอยฉีกรอยใหญ่ในตอนนั้นเอง ซูซูก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ สาเกที่อยู่ในแก้วเหล้าก็หกใส่ร่างของเธอจนหมด“โอ๊ย คุณฉู่ น่าอายจริงๆ เลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”ซูซูพลางอธิบายให้ฉู่เฉิน พลางดึงทิชชูมาเช็ดเสื้อผ้าที่เลอะเหล้าอยู่“ผมช่วยครับ”ฉู่เฉินหยิบผ้าขนหนูมาหนึ่งผืน ลุกเดินมายังที่นั่งของซูซูแต่ว่าไม่เช็ดก็ดีนะ พอเช็ดแล้วเหล้าก็กระจายไปหมด ชุดหน้าปกติก็บางอยู่แล้ว เวลาแค่แป๊บเดียวก็ถูกน้ำหกจนเปียกไปทั่วชั่วขณะหนึ่ง ผิวขาวราวกับหิมะของซูซู พร้อมทั้งส่วนโค้งเว้าที่น่าภูมิใจก็ถูกฉู่เฉินเห็นหมดในคราเดียวแม้แต่กางเกงในสีชมพูนั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจนซูซูร
“ฉันคือฉู่เฉิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”ฉู่เฉินเดินมาที่มุมทางเดิน พูดขึ้นใส่จงอาหู่ที่อยู่ปลายสาย“คุณฉู่ พวกเพื่อนของผมต้องการซื้อยาบำรุงปราณบางส่วน ไม่มีคำอนุญาตจากคุณ ผมจะกล้าตัดสินใจได้อย่างไรครับ? คุณว่าขายได้ไหมครับ?”ปลายสาย จงอาหู่พูดด้วยน้ำเสียงเคารพฉู่เฉินพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ แต่ต้องควบคุมให้ขายแค่สิบเม็ดนะ ส่วนเรื่องราคานายก็ลองพิจารณาเองแล้วกัน”พูดจบฉู่เฉินก็วางสายลง เดินกลับไปยังห้องเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกลับมาแล้ว ซูซูลูบไหล่ของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “คุณฉู่คะ ทักษะการแพทย์ของคุณดีขนาดนั้น ช่วยสอนฉันนวดหน่อยได้ไหมคะ”“พวกเราที่ทำงานเป็นพิธีกรเป็นโรคกระดูกสันหลังหนักมาก เพียงแค่นั่งนานหน่อย คอและไหล่ก็ปวดไปหมดเลยค่ะ”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอย่างเรียบนิ่งแล้วพูดว่า “ง่ายนิดเดียวครับ เขยิบมาครับ เดี๋ยวผมจะสอนคุณ”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูซูก็ยิ้มออกมา คลานเข่าไปข้างๆ ฉู่เฉิน แผ่นหลังหยกเนียนทั้งหมดปรากฏต่อหน้าของฉู่เฉิน “ขอบคุณค่ะคุณฉู่”ฉู่เฉินนำพลังวิญญาณโคจรไว้ในมือ กดเข้าไปที่คอหยกอ่อนนุ่มของซูซูด้วยแรงกดและการถูที่ปลายนิ้วของฉู่เฉิน ในเวลาแค่แพล็
“อ๊ะ? ขอโทษค่ะผู้จัดการ ฉัน.. ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ...”เสียวเสวี่ยพนักงานหญิงคนนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างแรง มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าที่เขินอายไว้ รีบเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องของภัตตาคารพาราเมาท์ การแย่งชิงยาบำรุงปราณก็เข้าสู่ขั้นที่ดุเดือดหลี่ฮุยเหลือบมองไปที่สวี่เทียนหลาย เมื่อเห็นว่าชายขี้เหนียวแบบเขา ยังเสนอราคาหนึ่งเม็ดสองล้านห้า นี่ก็แสดงให้เห็นปัญหา!เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่ฮุยก็หัวเราะออกมา พูดกับสวี่เทียนหลายว่า “คุณชายสวี่ คุณกินไปแล้วหนึ่งเม็ด ก็ไม่ต้องมาแย่งกับคนอื่นแล้ว ให้พวกเขาได้ลิ้มลองอย่างทั่วถึงเถอะ”พูดจบ ก็หันหน้าไปหาจงอาหู่พูดขึ้นมาว่า “อาหู่ นายสบายใจเถอะ พวกเราไม่มีทางทำให้นายขาดทุนหรอก คุณชายสวี่เสนอสองล้านห้า ฉันให้สามล้านเป็นไง?”“ฉันให้สามล้านห้า!”“สามล้านเจ็ดแสนห้าหมื่น!”“สี่ล้าน!”ฉิบหาย!เมื่อหลี่ฮุยพูดจบ คนอื่นๆ อีกสามคนก็รีบเพิ่มราคาอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาหลี่ฮุยถึงกับช็อกไปเลยนี่แม่งเป็นการโก่งราคามาใช่เหรอ?“ห้าล้าน!”สวี่เทียนหลายตบโต๊ะด้วยความรุนแรง ถลึงตาโตที่เหมือนกระดิ่งทองแดง ตะคอกออกมาเสียงดัง“สิบล้าน!