“ปรมาจารย์ฉู่ ผมได้นัดเจ้าใหญ่นายโตไม่กี่ท่านไว้แล้วครับ วันนี้นัดพบเจอกันที่ภัตตาคารพาราเมาท์ตอนกลางวันครับ เมื่อถึงเวลานั้นคุณมอบยาบำรุงปราณให้ผม แล้วผมจะลองนำไปให้พวกเขาดูครับ”“ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะเหมือนผมที่อยากจะแย่งชิงยาบำรุงปราณมา”จงอาหู่พูดขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นแม้ว่าเขาจะกินไปแค่เม็ดเดียว แต่ว่าก็สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของตนเองนั้นมีการยกระดับขึ้นก็เหมือนกับที่ฉู่เฉินพูดว่าจำเป็นต้องกินให้ถึงสิบเม็ด ถึงจะสามารถยกระดับพลังได้ ตอนนี้กินไปแค่เม็ดเดียวก็เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนแบบนี้ จงอาหู่ก็พอใจมากๆ แล้วฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวขึ้นมาว่า “อืม ก็ได้นะ เอาอย่างนั้นแหละ ฉันจะเขียนใบเสร็จให้หนึ่งใบ นายก็รีบซื้อวัตถุดิบยาตามจำนวนและชนิดที่เขียนไว้บนใบเสร็จกลับมาก็แล้วกัน”“หลังจากนั้นก็ลองไปสืบดูว่าสามารถซื้อหญ้าเทียนเซียงได้จากที่ไหนบ้าง”พูดจบฉู่เฉินก็ยกปากกาขึ้นมา เขียนวัตถุดิบและจำนวนที่ต้องใช้หลอมยาลงไปบนกระดาษ หลังจากนั้นจึงส่งมอบใบสั่งยานั้นให้จงอาหู่น้ำหนักที่ฉู่เฉินเขียนลงไป ล้วนแต่มีหน่วยเป็นร้อยชั่ง อีกทั้งเขาก็ไม่ได้เขียนอั
“หืม?”โจวเทียนเฟิ่งที่เคยสังเกตฉู่เฉินมาโดยตลอด หลังจากที่เห็นฉู่เฉินเดินขึ้นไปบนเนินเขาแล้ว ตามมาด้วยเงาเพียงแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็หายไปไม่เห็นอีกเลย ไม่เพียงแต่ตกใจจนอ้าปากค้าง เธอยังรีบสวมเสื้อคลุมแล้วรีบวิ่งไปทางเนินเขาหลังจากที่เธอมาถึงยอดเขา กลับเห็นแค่ความว่างเปล่าในบริเวณรอบๆ ไม่มีแม้แต่เงาของฉู่เฉินโจวเทียนเฟิ่งช็อกไปเลยหรือว่านี่จะเป็นข้อแตกต่างระหว่างผู้บำเพ็ญเต๋าและนักสู้เหรอ?“เฉินเฉิน? คุณอยู่ไหมคะ?”โจวเทียนเฟิ่งตะโกนถามหยั่งเชิงขึ้นมาแต่นอกจากเสียงคำรามของลมและภูเขาแล้ว ก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมาเลยในขณะนั้นเอง ฉู่เฉินที่ซ่อนอยู่ในค่ายกล เขามองไปที่โจวเทียนเฟิ่งด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและไม่พูดอะไร“ตู้ม!”ตามมาด้วยหมอกจางๆ ที่คลุ้งออกมา ยาลูกกลอนหม้อแรกอยู่ในมือของฉู่เฉินตามมาด้วยหม้อที่สอง หม้อที่สาม...ระยะสั้นๆ เพียงแค่ตอนเช้า ฉู่เฉินสามารถหลอมยาได้ร้อยหม้อภายในลมหายใจเดียวยาบำรุงปราณหนึ่งพันเม็ดเต็มๆ ถูกฉู่เฉินหยิบขึ้นมา หลังจากนั้นก็ใส่เข้าไปที่ถุงหนังงู“เฮ้อ!”ฉู่เฉินถอนหายใจออกมาเบาๆ ค่ายกลล่องหนรอบๆ ก็ค่อยๆ หายไป ร่างของฉู่เฉินเหมือนกับแวบขึ้นมา
ซี้ดจงอาหู่ขมวดคิ้ว ถามชายคนนั้น มองจากสีหน้าของเขา เขาไม่มีทางโกหกแน่นอนเมื่อนึกถึงส่วนนี้ เขาก็พยักหน้าพูดขึ้นมาว่า “ไป พาฉันไปดูหน่อย”ทั้งสองคนที่เพิ่งถึงบริเวณเนินเขา ห่างออกไปแสนไกล จงอาหู่ก็ได้ยินเสียงจากทางยอดเขา เสียงดังลั่น ราวกับว่าจะทำให้หูดับได้เลยนะ!แต่ว่าเสียงนั่น ทำไมไม่ว่าจะฟังอย่างไรมันก็ฟังคุ้นหูล่ะ?ซี้ด!ไม่ใช่ว่าอาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่กำลังทำอะไรบนเขา...แม่งเอ๊ย!อาเจ๊กับปรมาจารย์ฉู่นี่โรแมนติกจริงแม้ว่าจะนึกถึงความเป็นไปได้นี้ได้ แต่จงอาหู่ก็ยังเดินตามอยู่ข้างหลังชายคนนั้น เดินมุ่งยังไปเนินเขา“พี่หู่ พี่ได้ยินแล้วใช่ไหมครับ แต่ว่า... พวกลูกน้องก็ต่างพากันตามหารอบๆ นี้ไปแล้ว แต่กลับไม่พบใครเลยครับ นี่... นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้วนะครับ”ชุดของหัวหน้าบอดี้การ์ดเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขามองดูจงอาหู่ด้วยสายตาว่างเปล่าไม่ได้การแล้ว ภูเขานี้สกปรกแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาผู้เชี่ยวชาญมาดูเสียแล้ว“ช่างมันเถอะ หาไม่เจอก็ไม่ต้องหาแล้ว ทุกคนกลับไปเถอะ”จงอาหู่ขมวดคิ้ว พร้อมโบกมือไปที่ทุกคนยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งได้ยินชัดขึ้น ที่มันเป็นการปลดปล่อยของอาเจ๊กับป
...ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หน้าประตูห้องเทียนจื้อเบอร์หนึ่งของภัตตาคารพาราเมาท์ จงอาหู่ผลักประตูเข้าไปขณะนั้นเอง ภายในห้องได้มีคนอยู่ห้าคนได้นั่งล้อมรอบโต๊ะกลมเอาไว้แล้ว“โอะ นี่มันพี่หู่ของเราไม่ใช่เหรอ? ช่วงนี้สีหน้าดูไม่เลวเลยนี่ เจ๊เฟิ่งขึ้นเงินเดือนให้นายเหรอ?”ชายวัยกลางคนที่มีร่างกายอ้วนตุ๊ต๊ะ หัวโตหูใหญ่ หน้าตาผิดปกติ พร้อมรอยยิ้มที่ร้ายกาจกำลังมองมาที่จงอาหู่พร้อมพูดขึ้นมาเขาเป็นลูกชายของท่านประธานเจียงจงฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป ชื่อว่าสวี่เทียนหลายหนึ่งในนั้นเขาเป็นคนที่มีเบื้องหลังลึกซึ้งที่สุด อีกทั้งอย่าเห็นว่าเจียงจงฟาร์มาซูติคอลเป็นแค่บริษัทยา แต่เบื้องหลังนั้นกลับเป็นความมั่นคงทางการเงินของประเทศบริษัทเล็กๆ ทั่วไป ไม่มีทางที่จะเข้าตาเจียงจงฟาร์มาซูติคอลอย่างแน่นอน!แม้แต่ผู้ว่าการหลี่ยังต้องให้เกียรติเจียงจงฟาร์มาซูติคอล เพราะว่าท้ายที่สุดแล้วยาบำรุงของเจ้าใหญ่นายโตในมณฑล ล้วนผลิตมาจากเจียงจงฟาร์มาซูติคอล“คุณชายสวี่ล้อผมเล่นอีกแล้ว ผมเป็นแค่คนขับรถต่ำต้อยจะมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งขึ้นเงินเดือนได้อย่างไรครับ”จงอาหู่หัวเราะอย่างเหน็บแนม ลากเก้าอี้แล้วนั่งลงไป“คนขับรถข
“กินข้าวเหรอ?”ฉู่เฉินเหลือบมองไปที่นาฬิกาข้อมือ เที่ยงพอดี นี่ก็ถึงเวลากินข้าวแล้ว เขาจึงพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ครับ คุณเลือกเลยครับว่าจะทานที่ไหน ส่งที่อยู่มาให้ผมก็พอครับ”ซูซูเห็นว่าฉู่เฉินตอบรับทันที ภายในใจก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก รีบตอบกลับไปว่า “โอเคค่ะ เดี๋ยวเจอกันนะคะคุณฉู่”พูดจบก็วางสายไปเวลาผ่านไปไม่นาน ซูซูก็ส่งโลเคชั่นมาให้ฉู่เฉินเธอเลือกเป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นชื่อนาราอิซากายะ ค่าใช้จ่ายที่นี่จะค่อนไปทางสูง แต่สไตล์การตกแต่งมีเอกลักษณ์ร้านอาหารร้านนี้ไม่มีห้องโถง แต่เป็นการแบ่งห้องแต่ละห้องเป็นห้องเล็กๆ สไตล์ญี่ปุ่นภายในห้องเต็มไปด้วยเสื่อทาทามิ มีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดเล็กยาวกว่าหนึ่งเมตรตั้งอยู่ตรงกลาง ข้างๆ ยังมีห้องเล็กๆ เพื่อให้แขกได้พักผ่อนอีกด้วยข้างในมีเครื่องนอนทุกชนิด ซูซูมาทานข้าวร้านนี้เป็นประจำ หลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จ ยังสามารถงีบกลางวันได้ด้วยวันนี้ที่นัดฉู่เฉินมาที่นี่ก็เพื่อความก้าวหน้าในอนาคตของเธอแม้ว่าเธอจะเป็นแค่พิธีกรตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ก็มองออกได้ไม่ยากผ่านรายการไลฟ์สดวันนั้น ผู้อาวุโสฮว่าได้ให้ความสำคัญต่อฉู่เฉินไม่แน่ในอนา
เวลาผ่านไปไม่นาน พนักงานก็นำอาหารมาวางไว้บนโต๊ะ ตอนที่เขาออกจากห้องไปยังปิดประตูอีกด้วย“คุณฉู่ มาค่ะ ฉันดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”ซูซูเทสาเกเต็มแก้วให้ฉู่เฉิน หลังจากนั้นก็เทให้ตัวเองแก้วหนึ่ง แขนหยกขาวราวหิมะยกแก้วเหล้าพร้อมพูดขึ้นมาฉู่เฉินยกแก้วขึ้นมาพร้อมยิ้มเล็กน้อย ชนแก้วกับซูซู หลังจากนั้นก็ดื่มจนหมดแก้วซูซูลุกขึ้นมาชนแก้ว เข็มขัดของกระโปรงเอวสูงเกี่ยวโดนมุมโต๊ะพอดี หลังจากที่เธอลุกขึ้นมา เสียงดังแควก กระโปรงถูกเกี่ยวจนฉีกกลายเป็นรอยฉีกรอยใหญ่ในตอนนั้นเอง ซูซูก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ สาเกที่อยู่ในแก้วเหล้าก็หกใส่ร่างของเธอจนหมด“โอ๊ย คุณฉู่ น่าอายจริงๆ เลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”ซูซูพลางอธิบายให้ฉู่เฉิน พลางดึงทิชชูมาเช็ดเสื้อผ้าที่เลอะเหล้าอยู่“ผมช่วยครับ”ฉู่เฉินหยิบผ้าขนหนูมาหนึ่งผืน ลุกเดินมายังที่นั่งของซูซูแต่ว่าไม่เช็ดก็ดีนะ พอเช็ดแล้วเหล้าก็กระจายไปหมด ชุดหน้าปกติก็บางอยู่แล้ว เวลาแค่แป๊บเดียวก็ถูกน้ำหกจนเปียกไปทั่วชั่วขณะหนึ่ง ผิวขาวราวกับหิมะของซูซู พร้อมทั้งส่วนโค้งเว้าที่น่าภูมิใจก็ถูกฉู่เฉินเห็นหมดในคราเดียวแม้แต่กางเกงในสีชมพูนั้นก็เห็นได้อย่างชัดเจนซูซูร
“ฉันคือฉู่เฉิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”ฉู่เฉินเดินมาที่มุมทางเดิน พูดขึ้นใส่จงอาหู่ที่อยู่ปลายสาย“คุณฉู่ พวกเพื่อนของผมต้องการซื้อยาบำรุงปราณบางส่วน ไม่มีคำอนุญาตจากคุณ ผมจะกล้าตัดสินใจได้อย่างไรครับ? คุณว่าขายได้ไหมครับ?”ปลายสาย จงอาหู่พูดด้วยน้ำเสียงเคารพฉู่เฉินพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ได้ แต่ต้องควบคุมให้ขายแค่สิบเม็ดนะ ส่วนเรื่องราคานายก็ลองพิจารณาเองแล้วกัน”พูดจบฉู่เฉินก็วางสายลง เดินกลับไปยังห้องเมื่อเห็นว่าฉู่เฉินกลับมาแล้ว ซูซูลูบไหล่ของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “คุณฉู่คะ ทักษะการแพทย์ของคุณดีขนาดนั้น ช่วยสอนฉันนวดหน่อยได้ไหมคะ”“พวกเราที่ทำงานเป็นพิธีกรเป็นโรคกระดูกสันหลังหนักมาก เพียงแค่นั่งนานหน่อย คอและไหล่ก็ปวดไปหมดเลยค่ะ”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอย่างเรียบนิ่งแล้วพูดว่า “ง่ายนิดเดียวครับ เขยิบมาครับ เดี๋ยวผมจะสอนคุณ”เมื่อได้ยินประโยคนี้ ซูซูก็ยิ้มออกมา คลานเข่าไปข้างๆ ฉู่เฉิน แผ่นหลังหยกเนียนทั้งหมดปรากฏต่อหน้าของฉู่เฉิน “ขอบคุณค่ะคุณฉู่”ฉู่เฉินนำพลังวิญญาณโคจรไว้ในมือ กดเข้าไปที่คอหยกอ่อนนุ่มของซูซูด้วยแรงกดและการถูที่ปลายนิ้วของฉู่เฉิน ในเวลาแค่แพล็
“อ๊ะ? ขอโทษค่ะผู้จัดการ ฉัน.. ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ...”เสียวเสวี่ยพนักงานหญิงคนนั้นกลืนน้ำลายลงคออย่างแรง มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าที่เขินอายไว้ รีบเดินไปยังอีกห้องหนึ่ง......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องของภัตตาคารพาราเมาท์ การแย่งชิงยาบำรุงปราณก็เข้าสู่ขั้นที่ดุเดือดหลี่ฮุยเหลือบมองไปที่สวี่เทียนหลาย เมื่อเห็นว่าชายขี้เหนียวแบบเขา ยังเสนอราคาหนึ่งเม็ดสองล้านห้า นี่ก็แสดงให้เห็นปัญหา!เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่ฮุยก็หัวเราะออกมา พูดกับสวี่เทียนหลายว่า “คุณชายสวี่ คุณกินไปแล้วหนึ่งเม็ด ก็ไม่ต้องมาแย่งกับคนอื่นแล้ว ให้พวกเขาได้ลิ้มลองอย่างทั่วถึงเถอะ”พูดจบ ก็หันหน้าไปหาจงอาหู่พูดขึ้นมาว่า “อาหู่ นายสบายใจเถอะ พวกเราไม่มีทางทำให้นายขาดทุนหรอก คุณชายสวี่เสนอสองล้านห้า ฉันให้สามล้านเป็นไง?”“ฉันให้สามล้านห้า!”“สามล้านเจ็ดแสนห้าหมื่น!”“สี่ล้าน!”ฉิบหาย!เมื่อหลี่ฮุยพูดจบ คนอื่นๆ อีกสามคนก็รีบเพิ่มราคาอย่างบ้าคลั่ง ทำเอาหลี่ฮุยถึงกับช็อกไปเลยนี่แม่งเป็นการโก่งราคามาใช่เหรอ?“ห้าล้าน!”สวี่เทียนหลายตบโต๊ะด้วยความรุนแรง ถลึงตาโตที่เหมือนกระดิ่งทองแดง ตะคอกออกมาเสียงดัง“สิบล้าน!
นี่ก็คือสาเหตุสำคัญว่าทำไมแก๊งมังกรถึงได้โดดเดี่ยวไร้พันธมิตรมานานขนาดนี้ถ้าพูดให้ละเอียด ซ่งหนิงซวงก็เป็นคนของโลกแห่งการหยั่งรู้เช่นกันไม่ว่าเธอจะเป็นหนึ่งในขุนพลใหญ่ทั้งแปด หรือว่าเป็นขุนพลเทพพิทักษ์ชาติก็เปลี่ยนแปลงภูมิหลังไม่ได้ว่าเธอเป็นศิษย์ของวังจื่อเซียวเมื่อคิดถึงตรงนี้ ซ่งหนิงซวงพลันมองไปทางฉู่เฉินด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวว่า “หัวหน้าใหญ่ถาน คุณคงไม่ได้คิดจะบอกว่าคุณฉู่คนนี้ก็จะเข้าร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ด้วยหรอกใช่ไหม?” ถานเฟยหันตัวไปมองฉู่เฉินแวบหนึ่ง เมื่อเห็นฝ่ายหลังพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ถานเฟยถึงค่อยเอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “พูดตามตรง คุณฉู่เป็นคนแรกที่ให้แหล่งกบดานของสำนักว่านเซี๋ยกับแก๊งมังกรก่อนครับ” “ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้ย่อมต้องมีคุณฉู่อย่างแน่นอน ทำไมครับ? ท่านขุนพลมีความเห็นอะไรเหรอครับ?”ซ่งหนิงซวงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชา “ไม่มีความเห็นอะไรค่ะ เพียงแต่ว่าเมื่อกี้คุณฉู่คนนี้พูดเอาไว้ไม่ใช่เหรอ? ตัวเขาก็คือที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้น ปฏิบัติการในครั้งนี้น่าจะไม่ต้องให้ฉันไปลงมือทำอะไรเกินความจำเป็นแล้วสินะ”เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทั่วทั้งงา
เมื่อทุกคนได้ยินคำกล่าวก็พากันมองไปทางหน้าประตูจากนั้นก็เห็นเพียงถานเฟยนำเซียวเฟิงและสมาชิกแก๊งมังกรอีกแปดคนเดินเข้ามาในโถงจัดเลี้ยงอย่างองอาจผึ่งผาย“ถานเฟย?”ซ่งหนิงซวงกำหมัด กัดฟันแน่นก่อนจะหัวเราะอย่างเย็นชาแล้วพูดกับฉู่เฉินว่า “นี่ก็คือที่พึ่งของคุณในการท้าทายฉันเหรอ?”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ผมไม่เคยพึ่งพาใครทั้งนั้น ผมเป็นที่พึ่งของตัวผมเอง”บ้า!แม่งบ้าเกินไปแล้ว!ซ่งหนิงซวงรู้สึกแค่ว่าในหน้าอกเหมือนซ่อนภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุเอาไว้ หน้าอกอวบอิ่มกระเพื่อมติดต่อกัน“ขุนพลเทียนเฟิ่ง ผมหวังว่าคุณใจเย็นลงได้นะครับ”ถานเฟยก้าวมาข้างหน้า ขวางอยู่ระหว่างซ่งหนิงซวงกับฉู่เฉิน ก่อนจะมองซ่งหนิงซวงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ในฐานะที่เป็นหนึ่งในขุนพลทั้งแปด ผมหวังว่าคุณจะสำรวมตัวเองด้วยนะครับ”“ยาโลหิตวิญญาณคืออะไร คุณรู้ดีแก่ใจตัวเอง คุณฉู่ปฏิเสธคุณก็สมเหตุสมผลแล้ว” เมื่อคำพูดนี้ออกมาก็เหมือนกับมีไฟลุกโชนอยู่ภายในดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงถึงแม้ถานเฟยจะไม่ได้พูดชัดเจน แต่คำพูดของเขายืนยันคำพูดของฉู่เฉินทางอ้อม นี่ไม่เท่ากับบอกว่าเธอเกิดอารมณ์ตัณหาจนควบคุมไม่ไหวแล
เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินค่อย ๆ วางถ้วยชาลง ฟึบ!จากนั้นก็เห็นน้ำชาในถ้วยชาก่อตัวเป็นน้ำวน ต่อมาหยดน้ำที่สาดกระเซ็นออกมาหนึ่งหยดพลันพุ่งไปหาเฉินเยว่เอ๋อร์ราวกับลูกกระสุนผัวะ!เฉินเยว่เอ๋อร์ยังไม่ทันได้สติกลับมา น้ำชาหยดนั้นก็กระแทกหมวกของเธอจนกระเด็นออกไปทันที หยดน้ำทะลวงหิน ใบไม้สังหารคนนี่คือสัญลักษณ์ของระดับสร้างรากฐานชั้นห้าแม้แต่นัยน์ตางดงามของซ่งหนิงซวงก็แข็งทื่อไปในพริบตาฉู่เฉินเป็นยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นห้าเหรอเนี่ย?“ตอนนี้เข้าใจหรือยัง?”ฉู่เฉินมองเฉินเยว่เอ๋อร์ที่ตกใจกลัวจนดวงหน้าสวยขาวซีดเล็กน้อย หลั่งเหงื่อเย็น ๆ ราวกับสายฝนตอนนี้เธอไม่สงสัยคำพูดของฉู่เฉินแม้แต่น้อยแล้ว เมื่อกี้ขอเพียงเธอกล้าชักปืนออกมา ฉู่เฉินย่อมมีวิธีการมากกว่าร้อยแบบที่จะสังหารเธอให้ตายดวงตางดงามของซ่งหนิงซวงหรี่ลงเล็กน้อย มองฉู่เฉินด้วยสายตาเย็นชาแล้วเอ่ยว่า “ฉู่เฉิน คุณทำให้คนรู้สึกประหลาดใจมากจริง ๆ แต่คุณต้องเข้าใจว่าสิ่งที่คุณต่อต้านด้วยในตอนนี้ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นกองทัพของประเทศจีน”“ยาพวกนี้ ทางกองทัพ...”ไม่รอให้ซ่งหนิงซวงพูดจบ ฉู่เฉินก็แค่นเสียงเย็นแล้วโบกมือเอ่ยตัดบทว่
กระบี่แหลมคมออกจากฝัก ปราณกระบี่ราวกับสายรุ้ง!ฉากนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อแม้แต่เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงก็คิดไม่ถึงว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะลงมือสังหารฉู่เฉินถึงแม้ว่าเฉินเยว่เอ๋อร์จะเป็นเพียงรองขุนพลของซ่งหนิงซวง แต่รองขุนพลของขุนพลใหญ่จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?ลมปราณของผู้แข็งแกร่งระดับสร้างรากฐานชั้นสาม แผ่ออกมาผ่านคมกระบี่ ตรงไปที่จุดตายของฉู่เฉิน“คุณฉู่...”“น้องฉู่...”ปฏิกิริยาของพวกเฉียวเทียนฉี่กับฟางอวี่เจิ้งทำให้ซ่งหนิงซวงขมวดคิ้วขึ้นมาเธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าฉู่เฉินจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ในเจียงจง ทุกคนรวมไปถึงผู้ว่าการยืนอยู่ฝั่งฉู่เฉินอย่างเห็นได้ชัดเวลานี้เธอนึกเสียใจภายหลังนิดหน่อยแล้วถ้าเกิดเฉินเยว่เอ๋อร์สังหารฉู่เฉินในกระบี่เดียว เช่นนั้นไม่ใช่แค่โลหิตโอสถศักดิ์สิทธิ์กำลังจะหมดไปเฉย ๆ เท่านั้น พวกเฉียวเทียนฉี่จะต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งแน่นอนถ้าเกิดรายงานไปถึงเมืองหลงจิงก็จะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอถึงขนาดที่จะส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งขุนพลเทพพิทักษ์ชาติของเธอด้วยหลิ่วชิงเหอที่นั่งอยู่ทางด้านข้างก็ตกใจ
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส
เมื่อคำพูดนี้ออกมา โฮ่วเจี้ยนอิงกับเฉียวเทียนฉี่ รวมไปถึงทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนทอดสายตาไปยังฉู่เฉิน“น้องฉู่ การมองท่านขุนพลตรง ๆ มันเป็นการไม่เคารพอย่างมากเลยนะ รีบ...” ฉู่เฉินไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งกล่าวจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ โค้งตัวไม่ได้ อีกอย่าง คุณให้พวกเขาโทรเชิญผมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผมอยากมาเองนะครับ” “คุณคงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อให้ผมกราบไหว้หรอกใช่ไหม? คุณไม่ใช่เจ้าพ่อหลักเมืองเสียหน่อย”เชี่ย!เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกม ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนตาค้าง เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาแล้ว ส่วนหลิ่วชิงเหอที่ยืนอยู่ข้างหลังซ่งหนิงซวงก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือด กระทืบเท้าไม่หยุด ฉู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไปแล้วมั้ง?กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้อย่างไร?ฟางอวี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินยิ่งตกใจกลัวจนขาสองข้างอ่อนแรง กระตุกชายเสื้อของฉู่เฉินไม่หยุดซ่งหนิงซวงหรี่นัยน์ตาหงส์ลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยว่า “คุณก็คือฉู่เฉินสินะ?” “ถูกต้อง”ฉู่เฉินยืดหลังตรง ตอบ
ฉู่เฉินก้าวเข้ามาใกล้ฟางอวี่เจิ้ง จับมือกับฟางอวี่เจิ้ง หลังจากนั่งลงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานฟาง เรื่องยาบำรุงสวรรค์หลี่จิงจิงทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”ฟางอวี่เจิ้งยิ้มประจบ รินน้ำชาให้ฉู่เฉินไปพลาง พยักหน้าและกล่าวไปพลาง “เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิบปีนี้ ฉันก็อาจได้เลื่อนตำแหน่งไปที่ที่ว่าการมณฑลแล้ว”“เรื่องนี้ ต้องขอบคุณน้องฉู่ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ฉันฟางอวี่เจิ้งช่วยได้ น้องฉู่แค่เอ่ยปากมา”ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง ฉู่เฉินมองไปรอบๆ ไปพลาง ก่อนจะกล่าวว่า “ประธานฟางครับ งานเลี้ยงคืนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย ขุนพลเทียนเฟิ่งคนนี้มีที่มายังไงกันแน่ครับ?”พอได้ยินคำนี้ ฟางอวี่เจิ้งรีบยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวว่า “ชู่... เบาเสียงหน่อย”“ขุนพลเทียนเฟิ่งไม่ธรรมดาเลย นับตั้งแต่เข้ากองทัพเมื่อห้าปีก่อน ก็สร้างผลงานทางการรบมานับครั้งไม่ถ้วน และยังเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนพลดินแดนมังกร ฉันได้ยินมาว่าอีกสามเดือนให้หลัง เธอยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของสี่ยอดขุนพลพิทักษ์ชาติด้วย”“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอควรจะเป็นคนรุ่นใหม่เพียงค
ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนก้นของหลี่จิงจิงอย่างแรงครั้ง จากนั้นเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกและจะกระโดดลงไปทันทีซี้ด!หลี่จิงจิงเห็นฉู่เฉินกระโดดลงจากหน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตกใจจนใบหน้าเล็กซีดเผือดนี่ชั้นหกเลยนะ!แต่ในวินาทีถัดมา เมื่อฉู่เฉินเดินไปที่ลานจอดรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่จิงจิงจึงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา“ปัง!”ขณะที่หลี่จิงจิงยังตกใจจนพูดไม่ออก ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดอย่างแรงชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบสี่หรือสามสิบห้าปี ทันทีที่ผลักประตูเข้ามา คนทั้งคนก็ชะงักไปทั่วทั้งห้องทำงานอบอวลไปด้วยกลิ่นฮอร์โมน และหลี่จิงจิงสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเล็กตัวเดียว กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างชะเง้อมองออกไปด้านนอกภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนพลันสัมผัสได้ถึงลางร้าย เหมือนกับถูกคนสวมเขาโดยเฉพาะในห้องทำงาน เครื่องออกกำลังกายที่แม้แต่เขายังไม่รู้จักชื่อ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนนั้น ยิ่งทำให้ความคิดในใจเขาชัดเจนขึ้น“จิงจิง! คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ชายวัยกลางคนโกรธจัด รีบก้าวไปที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะยื่นมือผลักเปิดหน้าต่างระบายอากาศออก แล้วโผล่ตัวออกไปชะเง
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..