พอเห็นฉู่เฉินอึ้งไปเล็กน้อย แววตาของโจวเทียนเฟิ่งก็ส่องประกาย ก่อนจะค่อย ๆ เดินมาทางโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าขวยเขินเย้ายวนใจปุบ!ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กระดุมตรงจุดที่ผ่าออกของกระโปรงกี่เพ้าถึงได้หลุดออกมาแบบนี้เมื่อมองไปตามเรียวขางามที่เรียบเนียนราวกับหยกของโจวเทียนเฟิ่ง ขอบลูกไม้สีดำที่โผล่วับ ๆ แวม ๆ ดูยั่วยวนใจสุดขีดจริง ๆพอเทียบกับความอ่อนต่อโลกและความตรงไปตรงมาของกู้รั่วเสวี่ยแล้ว ผู้หญิงในวัยอย่างโจวเทียนเฟิ่งยิ่งกระตุ้นเพลิงปรารถนาของผู้ชายได้มากกว่าบ่อยครั้งที่ยิ่งเห็นไม่ชัด ยิ่งทำให้ผู้ชายหยุดความต้องการไม่ได้ “ฮึ หนูน้อย ฉันไม่เชื่อว่ายังจะหนีรอดจากเงื้อมมือของเจ๊ไปได้” เมื่อสังเกตเห็นว่าฉู่เฉินหายใจถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด โจวเทียนเฟิ่งก็ยิ่งมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมมากขึ้นอย่าเห็นว่าเธออายุเลยสามสิบแล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ผิว หรือว่าหน้าตาล้วนไม่ด้อยไปกว่าเด็กสาววัยสิบแปดสิบเก้าเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับเด็กสาวที่อ่อนต่อโลกแล้ว โจวเทียนเฟิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่า กลิ่นอายของผู้หญิงที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้นสามารถสังหารผู้ชายนับไม่ถ้วนจริง
ยิ่งฉู่เฉินทำตัวเฉยเมยมากเท่าไร ก็ยิ่งกระตุ้นจิตวิญญาณแห่งการเอาชนะของโจวเทียนเฟิ่งมากขึ้นเท่านั้น“ปรมาจารย์ฉู่ มาสิคะ ฉันดื่มให้คุณหนึ่งแก้ว”โจวเทียนเฟิ่งพูดพร้อมกับในมือถือโรมาเน กงติไว้ เธอรินไวน์แดงครึ่งแก้วให้กับตัวเองและฉู่เฉินตามลำดับฉู่เฉินยิ้มและหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา เขย่าเล็กน้อย พร้อมกับนำแก้วไปชนกับแก้วของโจวเทียนเฟิ่ง ในจังหวะที่เขากำลังจะดื่มให้หมดแก้วนั้น กลับถูกโจวเทียนเฟิ่งยกมือขึ้นมาขวางไว้ก่อน“ปรมาจารย์ฉู่คะ วิธีการดื่มแบบนี้มันออกจะดูห่างไกลไปนะคะ พวกเราคุ้นเคยกันซะขนาดนี้แล้ว ควรเปลี่ยนวิธีหน่อยนะคะ”ในขณะที่พูดร่างกายของโจวเทียนเฟิ่งก็ขยับมาข้างหน้า แนบชิดกับหน้าอกของฉู่เฉินฉู่เฉินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าข้างในโจวเทียนเฟิ่งโล่งโจ้งความรู้สึกนี้แปลกจนบอกไม่ถูกทันใดนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็คล้องแขนสวยของเธอเบาๆ และส่งแก้วไวน์ในมือของเธอไปที่ริมฝีปากของฉู่เฉินควงแขนดื่มเหรอ?ฉู่เฉินยิ้มอย่างเรียบนิ่งและคล้องแขนหยกของโจวเทียนเฟิ่งไว้ เอียงแก้วไวน์เล็กน้อย...ซ่า!ฉู่เฉินยังไม่ทันได้ตั้งตัว มือสั่นของโจวเทียนเฟิ่งทำให้ไวน์ที่อยู่ในมือหกใส่กางเกงของฉู่เฉิน“
ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิและทิวทัศน์ที่สวยงาม เวลาดูเหมือนจะผ่านไปเร็วมากโจวเทียนเฟิ่งล้มตัวนอนลง นำผ้าห่มพันส่วนเอวของเธอไว้แน่นๆ เธอถอยไปถึงขอบเตียงพร้อมส่ายหัวไม่หยุดกับฉู่เฉิน นั่นก็กลายเป็นเวลาพลบค่ำของวันที่สองแล้วหนึ่งคืนบวกหนึ่งวันเหรอแม้จะเป็นโจวเทียนเฟิ่งก็ชักจะรับไม่ไหวฉู่เฉินเห็นท่าทางที่น่าสงสารของโจวเทียนเฟิ่ง สายตาที่เต็มไปด้วยคำร้องขอความเมตตามองมาที่ตัวเขา จึงโอบเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาและหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้งด้วยความพึงพอใจพูดตามตรง หลังจากการฝึกฝนอย่างหนักในคืนนี้ ตอนนี้ฉู่เฉินมีแนวโน้มที่จะทะลวงขั้นอีกแล้วแม้แต่ฉู่เฉินยังต้องยอมรับเลยว่าผลลัพธ์ของร่างหงส์หยกเหมันต์นั้นช่างน่ากลัวจริงๆหากเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาปกติ แม้ว่าจะใช้ยาบำรุงปราณช่วย ฉู่เฉินก็ไม่สามารถใช้เวลาภายในวันเดียวที่จะทะลวงคอขวดนี้ไปได้แม้ว่าในหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้ฉู่เฉินไม่แม้แต่จะหยุดเลย แต่ปราณแท้ในร่างของเขากลับไม่ได้สูญเสียไปแต่อย่างไร กลับเพิ่มขึ้นเสียอีกครั้งนี้เก็บของดีได้จริงๆ แล้วล่ะ!“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันสามารถเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายคุณได้แล้วใช่ไหม
เมื่อได้ยินคำนี้ โจวเทียนเฟิ่งถึงกับอึ้งไปเลย เธอรีบเข้าไปดูข้างในไม่ดูก็ไม่มีอะไร เมื่อมองแวบแรกโจวเทียนเฟิ่งก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ และมองดูฉู่เฉินด้วยความไม่เชื่อ “ฉัน...ทำไมเวลาแค่คืนเดียว กำลังภายในของฉันถึงกลายเป็นระดับสูงได้ล่ะ?”“คงไม่ใช่เพราะว่าผลลัพธ์ที่ฉันทำ...ทำเรื่องอย่างว่ากับคุณหรอกใช่ไหมคะ?”ตอนที่เธอพูดคำนี้ออกมา โจวเทียนเฟิ่งก็ไม่อยากจะเชื่อเลยถ้าการฝึกมันสบายขนาดนี้ อย่างนั้นใครมันจะไปยอมลำบากลำบนนั่งสมาธิฝึกซ้อมหมัดมวยกันล่ะ?แบบนั้นไม่เสียสติไปแล้วเหรอ?ในเวลานั้นราวกับว่าโจวเทียนเฟิ่งได้เห็นหนทางที่จะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ หรือแม้กระทั่งเห็นลัดสู่ประตูวิถียุทธ์ชั้นยอดอีกด้วย“แน่นอนอยู่แล้วครับ แต่ว่านี่เป็นความลับระหว่างคุณกับผม ห้ามบอกคนอื่นเด็ดขาด”พรืด!โจวเทียนเฟิ่งหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ยกกำปั้นสีชมพูขึ้นมาทุบที่หน้าอกของฉู่เฉิน พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “แย่จริงๆ ใครจะนำเรื่องพวกนี้ไปโพนทะนาล่ะคะ”“เอ๊ะ?”พอพูดถึงตรงนี้ โจวเทียนเฟิ่งก็เหมือนคิดอะไรได้ ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็เท่ากับว่าคุณก็เหม
หลังจากนั้นเขารู้สึกได้ชัดราวกับว่าตัวเขาถูกกลิ่นอายที่น่าเกรงขามล็อกไว้ ทั้งร่างกาย ทุกรูขุมขน เหมือนกับมีใครบางคนใช้เครื่องสแกนเขา จับตามองเขาอย่างบ้าคลั่ง!แม่งเอ๊ย!อีกฝ่ายคงไม่ได้เป็นพวกถ้ำมองหรอกใช่ไหม!ฉู่เฉินก่นด่าในใจ แต่สีหน้ากลับนิ่งเรียบ โบกมือเรียกรถแท็กซี่ด้วยท่าทีที่ธรรมชาติสุดๆ ขึ้นรถไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเมื่อรถขับออกไปไกล สตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือกระทืบเท้าอย่างไม่พอใจ ปล่อยเจ้ามังกรลามกนั่นหนีไปได้อีกแล้ว!ครั้งหน้า!ครั้งหน้าข้าจะจับเจ้าให้ได้!เธอกัดฟันพูดสาบานในใจฉู่เฉินที่นั่งอยู่ในรถ หันไปมองที่เทียนเฟิ่งวิลล่า กลับไม่มีเงาของบุคคลต้องสงสัยเลย กลิ่นอายสยองขวัญนั่นมาจากไหนกันแน่นะ?ฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกที่ตกอยู่ในอันตรายนี้ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นักโดยเฉพาะครั้งนี้ รบกวนการฝึกของเขา นี่มันจะเกินไปแล้ว!“ไม่ได้แล้วล่ะ จำเป็นต้องพัฒนาปราณโดยเร็วแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งจะโชคดีแบบนี้”ฉู่เฉินแอบสาบานในใจ......อีกด้านหนึ่ง ตรงหน้าประตูบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ จินหลิงเอ่อร์ที่เฝ้ามาทั้งคืนและทั้งวัน ตอน
แม้จะเป็นวัสดุที่ดีขนาดไหน ก็ไม่สามารถทำแบบนี้ได้นะ“คุณเรียกผมอยู่เหรอ?”ฉู่เฉินสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยถามหยั่งเชิงจินหลิงเอ๋อร์ ขมวดคิ้วถามขึ้น“ไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใครล่ะ!”จินหลิงเอ๋อร์โกรธอย่างถึงที่สุด!ไอ้ฉู่เฉินนี่มันสมควรตาย!กล้าให้เธอรอนานขนาดนี้ ถ้าไม่เห็นแก่ที่ฉู่เฉินยังมีประโยชน์ละก็ ฝ่ามือของเธอคงฟาดลงไปที่เขาแล้วล่ะ!เห็นจินหลิงเอ๋อร์หน้าตาสะสวยปานดอกไม้ หุ่นร้อนแรงแบบนี้ แต่เธอกลับเป็นพริกขี้หนูที่ขึ้นชื่อแม้แต่จางคุนและหลี่ก่านซึ่งเป็นหัวหน้าในสำนักมวยก็ยังถูกเธอซ้อมหนักแม้แต่จินเจิ้นหลงก็ทำอะไรไม่ถูกกับอารมณ์อันร้อนแรงของจินหลิงเอ๋อร์หากนับในเจียงจงทั้งหมด คนที่กล้าล่วงเกินเธอแบบนี้ นับได้ด้วยมือเดียวแต่คนพวกนี้ คนไหนไม่ได้มาจากตระกูลที่ร่ำรวย หรือแม้แต่ตระกูลข้าราชการบ้างล่ะ?แล้วฉู่เฉิน แกนับประสาอะไรล่ะ?ในมุมมองของจินหลิงเอ๋อร์ เธอยอมลดตัวที่จะมาขอเขาด้วยตนเองถึงที่ ฉู่เฉินควรฟังความต้องการของเธอ และรักษาความเจ็บป่วยและการบาดเจ็บของจินเจิ้นหลงอย่างเชื่อฟังซะ!ฉู่เฉินกวาดสายตาไปมองจินหลิงเอ๋อร์ หัวเราะออกมาเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ว่า “แม้ว
คำพูดนั้นสิ้นสุดลง จินหลิงเอ๋อร์ก็เตรียมตัวตั้งท่าต่อสู้!แควก!ชุดกี่เพ้าชุดนั้นที่เธอสวมใส่ก็รับไม่ไหว มันขาดเป็นรอยยาวตรงจุดแสกยาว ขอบลูกไม้สีชมพูปรากฏให้เห็นฉู่เฉินกวาดสายตามองไปที่ชุดกี่เพ้าที่ชำรุดของเธอ ยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมพูดว่า “คุณหนูท่านนี้ ร่างกายของคุณเย็น ไม่ควรโกรธง่าย ไม่เช่นนั้นอาการของคุณจะยิ่งแย่ลง”“หากถึงเวลาประตูชีวิตปิดสนิท จะหมดทางเยียวยาแล้วนะ”เมื่อคำพูดนี้ออกไป จินหลิงเอ๋อร์ก็ดูไม่ดีฉู่เฉินไอ้เลวลามกนี่แอบสืบเรื่องเธออยู่เหรอ?แต่ปัญหาคือแม้แต่เธอก็ยังไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน?“แก...แกอย่ามาพูดไร้สาระนะ คอยดูว่าฉันจะฉีกแกอย่างไร!”จินหลิงเอ๋อร์โกรธสุดขีด!ที่จริงตั้งแต่เธอยังเด็กก็พบจุดที่ตัวเองไม่เหมือนกับคนรุ่นเดียวกันคนอื่นทั้งบนและล่างพัฒนาการหมด มีแต่เธอที่พัฒนาการแค่ข้างบนเมื่อเธอโตเป็นผู้ใหญ่ เธอยิ่งแตกต่างจากผู้หญิงรุ่นเดียวกันขึ้นไปอีก โดยเฉพาะบางส่วนที่กระดากจะพูดบางทีอาจจะเป็นเพราะร่างกายที่แตกต่าง เมื่อเธอเห็นผู้ชายก็จะทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง!แม้ว่าจะมีคนมาสู่ของถึงบ้าน หรือคนรวยจำนวนมากที่ตามจีบเธออย่างบ้าคลั่ง แต่จินหลิงเอ๋อ
ฟิ้ว!เสียงทะลุอากาศดังขึ้นทันทีฉู่เฉินอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา จินหลิงเอ๋อร์นี่จะโหดเหี้ยมไปแล้วมั้ง?หากเป็นคนอื่นคงถูกเธอฟาดจนตายไปแล้วผู้หญิงคนหนึ่งจิตใจต้องบิดเบี้ยวขนาดไหนถึงจะเป็นเหมือนจินหลิงเอ๋อร์ได้ ลงมือก็คือกระบวนท่าพิฆาต?พอคิดถึงตอนนี้ ฉู่เฉินก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไป เบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อหลบการโจมตีถึงชีวิตของจินหลิงเอ๋อร์ ยกฝ่ามือขึ้นมา เสียงตบดังขึ้น ฝ่ามือนั่นฟาดเข้าไปอย่างแรงที่บั้นท้ายอันแอ่นงอนอวบอิ่มของจินหลิงเอ๋อร์แม้ว่าฝ่ามือของฉู่เฉินจะออกแรงแค่สองส่วนเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ใช่แรงที่จินหลิงเอ๋อร์ที่มีกำลังภายในแค่ระดับต้นสามารถรับได้พร้อมตามมาด้วยความปวดแสบปวดร้อนตรงบั้นท้าย ร่างกายของจินหลิงเอ๋อร์เซ ก้าวเดินไปข้างหน้าไม่สิบกว่าก้าวก็เกือบจะล้มลงไป“แก...”จินหลิงเอ๋อร์โกรธจนหน้าเขียวไปหมด ทั้งอายทั้งโกรธ เธอกัดฟันจนฟันแทบจะแหลกหมดแล้วคนแซ่ฉู่ไร้คุณธรรมในการต่อสู้!มันมีใครที่ไหนที่กล้าลงมือจงใจตีบั้นท้ายของผู้หญิงต่อหน้าต่อตาคนมากมายขนาดนี้ ?“นี่เป็นแค่การสั่งสอนคุณ ผมเคยบอกแล้ว ว่าคนอื่นไม่ใช่พ่อของคุณ ไม่มีใครตามใจคุณหรอกนะ!”สายตาเย็นชาของฉู
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ
“ติ๊ง!”เวลานี้เอง ภายในสนามกีฬาเจียงจง หลี่จวิ้นเฟิงที่กำลังหลับตาพักผ่อนพลันได้ยินเสียงใสกังวานดังขึ้นข้างหูสำเร็จแล้ว!หลี่จวิ้นเฟิงลืมตาขึ้นฉับพลัน ท่าทางดูล้ำลึกจนยากจะคาดเดา เขายกเตาหลอมโอสถบนพื้นขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว แล้วเอ่ยปากพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ยาเทวดาสำเร็จแล้ว สามารถทดสอบผลลัพธ์ได้ทันที!”เมื่อสิ้นเสียงพูด หลี่จวิ้นเฟิงก็เปิดฝาเตาหลอมโอสถ ยาสีดำสามเม็ดกลิ้งจากเตาหลอมโอสถมาที่มือของหลี่จวิ้นเฟิงไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็เลือกผู้โชคดีสามคนจากที่นั่งผู้ชมด้านล่างเวที ทั้งสามคนล้วนเป็นผู้สูงวัยอายุเกิดหกสิบปี นอกจากนี้ยังมีคนหนึ่งถือผลตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาล ป่วยเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือดอย่างรุนแรง ใส่ขดลวดหัวใจไว้ในร่างกายสามอันแล้วหลี่จวิ้นเฟิงส่งยาในมือให้คนผู้นั้นหนึ่งเม็ดทันที แล้วยื่นน้ำแร่ไปให้อีกหนึ่งขวดผู้สูงอายุทั้งสามคนกินยาของหลี่จวิ้นเฟิงลงไปแล้ว อาการป่วยก็ดีขึ้นมากจริง ๆ ถึงขนาดที่ผู้ป่วยอาการหนักที่สุดคนนั้น จากเดิมที่ถูกลูกชายลูกสาวประคองขึ้นเวที แต่หลังจากกินยาเข้าไปก็ยืดตัวตรง เดินลงจากเวทีด้วยตัวเอง เมื่อเห็นฉากนี้ หลายคนที่ก่อนหน้านี้วิพากษ์วิ
แต่ยาลูกกลอนที่กระถางยาของเขาหลอมออกมาได้ก็สาเหตุมาจากยันต์อักขระเหล่านั้น ราวกับผลิตออกมาจากสายการผลิตไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติหรือคุณภาพของยาที่หลอมสำเสร็จ เทียบไม่ได้กับกระถางยาทองคำม่วงที่อยู่ในมือของฉู่เฉินแม้แต่น้อยหลี่จวิ้นเฟิงอดหัวเราะขำขันออกมาไม่ได้หลังจากเห็นกระถางยาที่ขึ้นสนิมในมือฉู่เฉิน จึงชี้ไปยังกระถางยาทองคำม่วงในมือฉู่เฉินพร้อมกล่าวขึ้น “คนแซ่ฉู่ ไม่ใช่ว่ากะอีแค่กระถางยาที่ดีกว่านี้หน่อยยังซื้อไม่ไหวหรอกนะ”“นี่เก็บสินค้าแผงลอยจากตลาดขยะที่ไหนมา ยังกล้าเอามาหลอมโอสถอีก ไม่กลัวคนกินแล้วตายหรือไง”ฉู่เฉินคร้านจะสนใจเขาเลยหยิบวัตถุดิบยาสองสามชนิดออกมาจากในกองสมุนไพร แล้วใช้มือเดียวบี้บดจนวัตถุดิบเหล่านั้นเป็นผง จากนั้นจึงโยนผงยาที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ทิ้งไปขณะที่ผงสมุนไพรเข้าสู่กระถางยาทองคำม่วง ฉู่เฉินก็ถ่ายพลังวิญญาณมายังกลางฝ่ามือต่อจากนั้นเปลวไฟสีน้ำเงินเข้มก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของฉู่เฉินราวกับเล่นกลหลี่จวิ้นเฟิงไม่กล่าววาจาใดอีก คว้าวัตถุดิบยาแล้วก็นำวัตถุดิบยาทั้งหมดใส่เข้าไปในกระถางยาเป็นไปตามที่อวี้ลู่คาดการณ์ไว้เลย ในกระบวนการหลอมโอสถทั้งหมด หลี่จวิ้นเฟิง
“หรูเยียน ที่ลูกพูดมาเป็นเรื่องจริงเหรอ”หลิ่วชิงเหอได้ยินแล้วก็เริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้างถ้าเป็นอย่างที่หลิ่วหรูเยียนพูดมาจริง ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็หลอกล่อเอาสูตรยาบำรุงปราณมาจากฉู่เฉินในช่วงที่ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด ฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะได้มียาบำรุงปราณขายด้วยเช่นกันแล้วนี่?คิดเรื่องพวกนี้แล้วหลิ่วชิงเหอก็กลับมานั่งลงที่เดิม จากที่ตอนแรกกะจะลุกขึ้นเตรียมออกจากสนามแข่งขันนี้ไป“จริงแท้แน่นอน หลี่จวิ้นเฟิงบอกกับหนูเองเลยนะ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่มั่นใจก็คงไม่เลือกการแข่งขันหลอมโอสถหรอกค่ะ”หลิ่วหรูเยียนพูดพลางยิ้มชั่วร้ายแม้ฉู่เฉินชนะไปรอบหนึ่งแล้ว ยังไงการแข่งขันรอบสองก็ถือว่าเสมอกันขอแค่หลี่จวิ้นเฟิงชนะการแข่งขันรอบที่สาม ผลก็จะออกมาเสมอกันทุกคนฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะไม่ขายหน้า และในทางตรงกันข้ามก็ยังได้รับความนิยมและประโยชน์โดยอาศัยการแข่งขันรอบที่สามนี้ด้วย ……อีกด้านหนึ่ง ถังจิ้งจือที่นั่งอยู่ตำแหน่งกรรมการก็ไม่เสแสร้งอีกต่อไป เยาะเย้ยกล่าว “ใช่แล้วยังไงล่ะ หรือว่าการแข่งขันรอบสามนี้ไม่ยอดเยี่ยมน่าชมหรอกเหรอ”“พวกคุณอย่าลืมซะล่ะ สามารถจัดการแข่งขันแพทย์แผนจีนตลอดทั้งปีนี้ได้ก็เพร
หลินจื้อหงทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาตบโต๊ะกล่าวเสียงดังลั่น“ท่านหลิน ผมไม่เห็นด้วยกับคำพูดคุณ!”ถังจิ้งจือเบะปากกล่าว “การแข่งขันแพทย์แผนจีนคราวก่อนก็จับฉลากได้ผู้ป่วยอาการแตกต่างกัน หรือใครจับได้โรคอาการรุนแรงก็ถือว่าคนนั้นชนะเหรอ?”“กฎก็เขียนชัดเจนอยู่แล้วว่าตัดสินจากการรักษา”“ไม่ใช่ความผิดของคุณหลี่ที่หยิบได้ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ก็คงกล่าวได้ว่าคุณหลี่มีคุณธรรมสูงส่งโชคเข้าข้างเขาก็เท่านั้น”“ส่วนฉู่เฉินรักษาคนไข้โรคฝีหนองทั้งร่างนั้นหายได้ก็เป็นวาสนาของคนไข้รายนั้น ไม่ใช่ผลงานของฉู่เฉินฝ่ายเดียว ดังนั้นฉันคิดว่าการแข่งขันนี้ต้องตัดสินเสมอกันเท่านั้น”แม่ง!จางเสวี่ยเหยียนเริ่มเกิดความคิดอยากจะตบปากคน!ฮว่าจิ่วหยางสูดลมหายใจลึก ถึงยังไงพวกเขาไม่กี่คนก็ล้วนเป็นกรรมการ หากมีการทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ขึ้นมาระหว่างกรรมการด้วยกันเอง จะทำให้คนอื่นเห็นวงการแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องตลกฮว่าจิ่วหยางคิดแล้วก็หันหน้าไปกล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ ไม่ทราบว่าคุณยอมรับคำตัดสินของท่านถังนี้หรือไม่” ฉู่เฉินยิ้มเยาะ มองสำรวจหลี่จวิ้นเฟิงและถังจิ้งจือ แล้วพยักหน้ากล่าว “ก็ได้ ถ้าผมไม่ยอมรับ เจ้าสอ