เพียะ !!
เพียะ !! ฝ่ามือหนาที่ยังประคองบั้นท้ายสวยบีบเฟ้นที่เกิดรอยนิ้วมือทั้งฟาดฝ่ามือลงเนื้อผิวแก้มก้นอย่างมันเขี้ยวเมื่อคนเด็กกว่าส่ายร่อนบดท่อนเอ็นที่เสียบอยู่ด้านหลัง ทั้งกดสะโพกเข้าออกดังสวบๆ ทั้งเตียงนอนนิ่มลั่นเอี๊ยดอ๊าดขึ้นตามจังหวะการกระแทกถี่รัว ผู้ถูกกระทำหายใจหอบกระชั้นหนักเมื่อความเสียวกระสันเข้าครอบครองพลางร้องครางเรียกชื่อชายหนุ่มอย่างหลงลืมตัวว่าเป็นแค่ผู้หญิงที่ปวีร์เอาไว้ระบายน้ำเสียว โพรงเนื้อนุ่มหวานฉ่ำ มีมวลน้ำเสียวที่ไหลออกมายืดติดท่อนลำยาวใหญ่ทั้งตอดรัดรึงปลายหัวหยักจนนิ่วหน้าหนักครั้นความเสียวกำลังจะแตกซ่านอยู่รอมร่อ ก่อนจะถอนมันออกแล้วดันใบหน้าหวานให้อ้าปากรอรับน้ำอุ่นที่กำลังสาวชักรีดออกมา"ซีด -- อ๊า”
น้ำสีขาวขุ่นพุ่งกระฉูดเข้าใบหน้าเห่อร้อนเปรอะไปทั้งรอบดวงตาลและไหลเข้าปาก “อึก”“กลืนลงไปเฌอเอม”
“มัน อื้อ...” “กลืน” ปวีร์บีบกรามคนตัวเล็กเพื่อให้กลืนน้ำอสุจิลงไป เฌอเอมแลบลิ้นเลียเศษส่วนที่ยังติดบริเวณขอบปากลงท้องอย่างพะอืดพะอมเพราะมันเป็นครั้งแรกที่เธอได้ลิ้มลอง เมื่ออารมณ์เสร็จสมได้ถูกปลดปล่อย ชายหนุ่มก็หยิบทิชชูออกมาเช็ดรอบหัวหยักและมือที่เลอะน้ำตัวเองโดยไม่สนใจร่างโป๊เปลือยที่นอนหอบหายใจไม่เป็นจังหวะก่อนจะเดินใส่ผ้าเช็ดตัวออกไปห้องตัวเองในทันที ได้เสร็จเขาก็ไป... มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เมื่อทั้งหมดที่ปวีร์ทำ เขาย้ำเสมอว่ามันเกิดจากความเกลียด มองคนอายุน้อยเป็นเพียงเครื่องบำบัดความใคร่และความเกลียดชังก็เท่านั้น ในขณะที่เฌอเอมกลับรู้สึกผูกพันมาตั้งแต่เด็ก เพราะเห็นปวีร์มาตั้งแต่จำความได้ มีช่วงหนึ่งที่ยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ครั้นผู้เป็นแม่เป็นอดีตพนักงานในบริษัทของปุริมมาก่อน กระทั่งความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่เปิดเผยออกมา ยามนั้นเขาก็เปลี่ยนไปในเช้าต่อวันต่อมา
ความเร่งรีบไปมหาวิทยาลัย อีกไม่กี่เดือนเฌอเอมก็จะเรียนจบในสาขาคณะนิเทศศาสตร์ เธอมีความสนใจในงานบันเทิงเกือบทุกแขนงเพราะชอบในการเป็นศิลปะและศาสตร์ของมัน ทว่าวันนี้เหมือนความเร่งรีบจะไม่เป็นผลเสียเท่าไหร่ เมื่อนาฬิกาปลุกตัวเก่งดันมาเสียเอาในวันที่สำคัญเพราะมีกิจกรรม เป็นผลให้เผลอตื่นสายแล้วยังเงอะงะหยิบจับของผิดๆ ถูกๆ พาลให้ช้าไปใหญ่ ร่างเล็กวิ่งตุบตับลงบันไดอย่างเร่งรีบ จัดแจงเครื่องแต่งกายยัดชายเสื้อนักศึกษาลงในกระโปรงแล้วคาดเข็มขัดแบบหลวมๆ ในขณะกึ่งวิ่งกึ่งเดิน
"คุณเอมกินข้าวเช้าก่อนนะคะ ป้าตั้งโต๊ะไว้ให้แล้ว"
เสียงที่ดังเอ่ยออกมา ก่อนที่ป้าราตรีโผล่ศีรษะออกจากห้องครัวตะโกนถามคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาเข้ารูป เมื่อเช้าเตรียมไว้แบบง่าย เป็นข้าวต้มหมูทรงเครื่องและน้ำผลไม้รสโปรดของเฌอเอม
“ไม่ค่ะป้า เอมรีบกลัวไปไม่ทัน”
“เพิ่งเจ็ดโมงเช้าเองนะคะ”
“มีกิจกรรมค่ะป้าตรี ต้องไปก่อนเวลา”
เมื่ออีกฝ่ายมีเหตุผล ป้าราตรีก็ไม่อยากเซ้าซี้ เฌอเอมสวมรองเท้านักศึกษาอย่างเรียบร้อย ก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายใบโปรดและหยิบหนังสือเพียงไม่กี่เล่มเข้าวงแขน อีกทั้งรถยนต์คันที่ใช้ขับประจำดันมาเสียเมื่อสองวันก่อน ฉะนั้นการเดินทางไปมหาวิทยาลัยในครั้งนี้คงไม่พ้นการเรียกแท็กซี่อีกเช่นเคย ก้าวเท้าออกมาหน้าบ้านได้เพียงไม่กี่ก้าวกับมีเรื่องทำให้เฌอเอมตกใจ เมื่อถูกดึงเรียวแขนอย่างแรง
"ว๊าย!!"
แรงกระชากทำคนตัวเล็กเซกระแทกเข้ากลางอกของปวีร์ เขาตื่นเช้ากว่าปกติ เพราะต้องออกไปดูงานนอกสถานที่ จังหวะที่ลงบันไดเพื่อเดินไปข้าวเช้า พลันดวงตาคู่คมก็เปรยเห็นความรีบร้อนของน้องสาวคนละพ่อละแม่
“ไปไหนแต่เช้า”
เมื่อเห็นว่าเฌอเอมสวมชุดนักศึกษา ก็คิดด้านลบไปก่อนว่าคนอายุน้อยต้องไปที่อื่นก่อนมหาวิทยาลัย พลันชุดรัดรูปนั้นช่างขัดหูขัดตาอยู่ไม่น้อย เพราะโดยนิสัยปวีร์ไม่ชอบผู้หญิงโชว์สัดส่วนเกินงาม
“ไปเรียน”
“เช้าขนาดนี้ ไปช่วยแม่บ้านทำความสะอาดตึกหรือไง”
ประโยคที่เอ่ยถามออกมานั้น เฌอเอมรู้ในทันทีเลยว่าอีกฝ่ายกำลังจับจ้องในทางที่ผิด เรียวแขนที่ถูกกระชากแล้วกำไว้ยังค้างอยู่อย่างนั้น เรียวปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากัน ไม่รู้จะต่อความยาวประโยคใดเพราะคนอายุมากคงจ้องหมายจะหาเรื่อง
“...”
"นัดใครไว้แต่เช้า”
“เอมไปเรียนจริงๆ แล้วมีกิจกรรมด้วย”
เธอยังยืนยันคำเดิม ขณะที่ปวีร์เอาแต่มองคนเด็กกว่าด้วยแววตาฉุนเฉียว
"ไปยังไง"
"เรียกแท็กซี่"
ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยสนใจถามไถ่เธอเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้ดันเอ่ยปากราวกับสนใจและเป็นห่วงเป็นใยขึ้นมา
ไม่หรอกพี่วีร์ไม่ได้เป็นห่วงอะไรเรา แค่ถามตามประสาคนอยู่บ้านหลังเดียวกัน
หนึ่งความคิดผุดขึ้น ก่อนจะตาเบิกกว้างและฉงนงงที่ได้ยินคนตรงหน้าเอ่ยขึ้น
"ขึ้นรถ -- จะแวะไปส่ง"
!!
เฌอเอมกำลังนึกว่าตัวเองต้องหูฝาด ยืนนิ่งแล้วเรียบเรียงประโยคที่ได้ยินเมื่อสักครู่ใหม่อีกครั้ง ปวีร์อาสาไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยทั้งที่ไม่เคยเจียดเท้าไปเหยียบมันเลยด้วยซ้ำ คนตัวเล็กได้แต่ยืนอึ้งทั้งดวงตากะพริบถี่มองคนอายุมากอย่างประหลาดใจ กระทั่งเสียงทุ้มตวาดดังอัดปะทะเข้าใบหน้าจนสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ
"หูหนวกเหรอ บอกจะไปส่ง"
เพราะอีกฝ่ายตั้งท่าจะอารมณ์เสีย เป็นผลให้เฌอเอมรีบเดินหน้าตั้งไปรอชายหนุ่มบนรถคันหรู เจ้าของมันเดินมาตามหลังทั้งสีหน้าหงุดหงิด วันนี้เขาแต่งตัวดูสบายตากว่าปกติ ก็เพราะอาชีพการเป็นช่างภาพมือทองไม่จำเป็นต้องใส่สูทผูกเนกไทเหมือนพนักงานออฟฟิศ ดังนั้นเขาจะใส่แบบไหนก็ได้ ขอแค่ดูแล้วสุภาพเป็นพอ คนตัวเล็กขึ้นนั่ง รัดเข็มขัดเพื่อความปลอดภัยทั้งกระโปรงที่สั้นอยู่แล้วเมื่อต้องนั่งบนเบาะซูเปอร์คาร์ก็พลันร่นสูงขึ้นมากลางต้นขา ผิวขาวเนียนละเอียด ยามกระทบกับแสงยามเช้ายิ่งกระจ่างจนหางตาคู่คมเผลอมองอย่างไม่ตั้งใจ
เพราะรู้สึกเหมือนถูกจ้อง เฌอเอมหันมองคนอายุมาก ทว่าอีกฝ่ายกลับหลบสายตาโฟกัสไปยังถนนด้านหน้า ชายหนุ่มพ่นลมหายใจแรงเหมือนคนหงุดหงิด เขาไม่ชอบมองอะไรวับแวบจากเรือนกายของเฌอเอม
ถ้าพี่วีร์ไม่ชอบที่ผู้หญิงแต่งตัวแบบนี้ แต่ทำไมเห็นกดไลก์คนนมตู้มๆ เสื้อผ้าน้อยชิ้นออกบ่อย
ถามตัวเองก็ไร้ซึ่งคำตอบ เธอสลัดความคิดนั้นออกจากศีรษะแรงๆ และเอ่ยปากสนทนาขึ้นอีกครั้ง"พี่วีร์ว่างเหรอ""เคยว่างที่ไหน"น้ำเสียงเย็นชาทั้งเคร่งขรึมเอ่ยตอบ ขณะที่หญิงสาวไม่รู้ต้องใช้บทสนทนาไหนมาเป็นประโยคถัดไป บรรยากาศในรถที่เงียบกริบ ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ดังเข้ามา มีเพียงเสียงหัวใจของหญิงสาวมันเต้นตุบๆ แทบจะหลุดออก เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย"ไม่ว่าง -- ทำไมไปส่งเอมได้""ทางผ่าน"เกือบเข้าใจผิดว่าเขาคงหวังดีเสียแล้ว ที่แท้ก็แค่ทางผ่านของก็แค่นั้น จากที่แอบดีใจน้อยๆ ก็ฝ่อลง นั่งนิ่งและเงียบปากมองไปยังด้านนอกตัวรถ บรรยากาศที่อยู่แล้วยิ่งเงียบเข้าไปอีก ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของกันและกัน ในขณะที่ชายหนุ่มก็เหล่มองเรือนร่างของคนด้านข้างด้วยสายตาขรึมเข้ม ทำเฌอเอมประหม่าอย่างหนัก ไม่ชินกับการอยู่สองต่อสองโดยปราศจากเรื่องแบบนั้น ครั้นทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง คือตอนปวีร์มีอารมณ์“กลัวเหรอ"เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นพลันทำให้หัวใจอีกฝ่ายเต้นตึกตัก ใช่เธอกลัว กลัวจะทำให้อีกฝ่ายรำคาญเสียมากกว่า ได้แต่นั่งเม้มปากพลางขยับศีรษะส่ายไปมาแทนคำตอบว่าไม่ หอบหนังสือเ
ลาฟฟี่ก้าร์ผับในค่ำคืนของย่านบันเทิง เต็มไปด้วยแสงสีเสียงและผู้คนเริ่มพลุกพล่าน จุดนัดพบคือด้านหน้าของผับ เฌอเอมมาถึงก่อนและนั่งรอเพื่อนเกือบหนึ่งชั่วโมง มองไปทิศทางไหนก็มีแต่หนุ่มสวมควงกันมาเป็นคู่ ในส่วนตัวเองยังหน้าหน้างอตามลำพัง“ทำไมยังไม่มา”เพราะนั่งรอนาน ย่อมถูกสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองอย่างสงสัย จนรู้สึกเกิดความประหม่า เปิดกระเป๋าหยิบมือถือเพื่อหมายจะต่อสายตามเพื่อนของตัวเอง ก็ต้องเงยหน้าที่ก้มมองหน้าจอขึ้นไปมองต้นทางของเสียงเรียก“เอม!!”แนนนี่เดินมาพร้อมกับชายไม่คุ้นหน้า คนมองแอบแปลกใจ ในทีแรกนึกว่าเพื่อนจะควงแฟนหนุ่มที่มารับกลับบ้านไปเมื่อตอนเย็น ทว่ากับควงชายอีกคนมาผับแห่งนี้“กำลังจะโทรหา”“โทษทีนะเพื่อนรถติด ลานจอดรถก็เต็ม ต้องเอาไปจอดฝั่งโน้น เลยใช้เวลาเดินนานไปหน่อย”"อืม"“นี่พี่พอล”แนนนี่แนะนำชายที่ควงมาได้ แม้เฌอเอมจะยกยิ้มแสดงท่าทียินดีที่ได้รู้จัก ทว่ายังงงๆ แต่กระนั้นก็พอเดาออกว่าคนที่เพื่อนหนีบมาด้วยเป็นชายในสต๊อกหรือที่เรียกว่ากิ๊กนั้นเอง“แล้วนี่เพื่อนแนนเอง ยัยเอมที่เคยเล่าให้ฟัง”“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องเอม ได้เจอตัวจริงก็วันนี้”หญิงสาวยกมือไห
สติอันน้อยนิดพลันแตกกระเจิง เพราะชายที่มีศักดิ์เป็นพี่ส่งเกลียวลิ้นร้อนสอดมุดสัมผัสกับคนเด็กกว่าอย่างช่ำชอง หว่างขาคนตัวเล็กถูกมือหนาสัมผัสจุดอ่อนไหว ปลายนิ้วกลางกรีดลงร่องอันคุ้นเคยแล้วขยี้ลงจุดที่เรียกว่าคลิตอริส เฌอเอมสะดุ้งจนยกปลายเท้ายืนสองข้าง ดันข้อมือหนาเพื่อให้เขาเอานิ้วออก ทว่าอีกฝ่ายกลับกลั่นแกล้งด้วยการยังบี้ลงหนักๆ“อ้ะ!! เอามือออกนะ”“ทำอยู่”“เอาออก ฮื่อ...”คำขอร้องที่เอื้อนเอ่ยเป็นเพียงอากาศ ครางอื้ออ้าทว่าถูกคนอายุมากกลืนเสียงนั้นหายไปในลำคอ ประกบดูดดึงริมปาก พลางบดเบียดลงหนักๆ จนแตกจากบดและขบขยี้ ด้านล่างยังส่งเรียวนิ้วเข้าไปควานหาปุ่มอ่อนไหวในช่องทางนุ่มนิ่ม พลันสายตาคมกริบก็ทอดมองเบื้องล่างที่กำลังขยับเข้าออกได้จนสุดข้อ กระตุ้นตัวตนของเฌอเอมให้แสดงออกมา ครั้นเธอพยามจะปกปิดและอดกลั้นเอาไว้"พี่ พะพอ อึก""ต้องการก็บอก อย่าทำเป็นแอ๊บหน่อยเลยสาวน้อย"“อ่ะฮื้อ...”เฌอเอมปล่อยมือร้ายนั้น ลูบใบหน้าที่ชุ่มน้ำจนแทบหายใจเป็นปลา ยามด้านในตำจุดกระสันย้ำๆ เสียจนฉี่แทบแตก ทำใบหน้าสวยแดงก่ำเชิดสูงอ้าปากครางกระเส่าเมื่ออีกฝ่ายโถมเรียวนิ้วแรงขึ้นจนตัวสั่นกระเพื่อม ปวีร์ยืนสูดปาก
เช้าต่อมา“คุณเอม!!”ป้าราตรีที่กำลังเช็ดจานล้างแล้วหันออกทางประตูห้องครัวเจอคนอายุน้อยเดินเข้าบ้านในช่วงเวลา 10 โมงเช้า รีบวางสิ่งของที่อยู่ในมือวิ่งออกไปหาลูกเลี้ยงของเจ้านายด้วยความเป็นห่วง คนเด็กกว่าเมื่อถูกเรียกก็พลันชะงักหยุดนิ่งทั้งยกรอยยิ้มส่งให้ป้าแม่บ้านด้วยท่าทีข่มขืนใจ“คะป้า”“ป้าโทรหาตั้งแต่เช้าตรู่ไม่ติดเลย ถ้าเที่ยงนี้ยังไม่เห็นมา ป้าจะโทรบอกคุณปุริมกับคุณชญาแล้วนะคะ”“แบตหมดค่ะป้า”“แล้วไปค่ะ ป้านึกว่าเกิดอุบัติเหตุหรือมีใครทำมิดีมิร้าย”ไม่มีใครกล้าทำหรอก ถ้าไม่ใช่ปวีร์...เฌอเอมจำเป็นต้องโกหกเพื่อให้คนแก่กว่าสบายใจ พลันมือเหี่ยวยกมือทาบอกแล้วถอนหายใจ เมื่อเฌอเอมกลับมาอย่างปลอดภัย สภาพร่างกายภายนอกที่เป็นปกติ แต่ใครจะไปรู้ว่าภายในใจมันยับเยินมากแค่ไหน“ถ้าไม่มีอะไร เอมขอตัวขึ้นไปอาบน้ำนะคะ”คนอายุน้อยรีบพาตัวเองขึ้นห้อง เมื่อเปิดประตูได้ก็โยนกระเป๋าสะพายใบเล็ก แล้วกระโดดตัวเองลงบนเตียงนิ่ม มองเพดานครุ่นคิดเรื่องระหว่างตัวเองกับผู้เป็นพี่ชาย เธอปล่อยให้ชายหนุ่มได้ใจมาเนิ่นนาน ปล่อยให้เขาอยู่เหนือทุกอย่างและทุกครั้ง แต่เพราะแม่สอนให้อ่อนน้อมถ่อมตน สอนให้มองปวีร์ในแง่ดี
ในครัวช่วงห้าทุ่ม ป้าราตรียังทำงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เตรียมเอาไว้ เมื่อพรุ่งนี้เมียเจ้าของบ้านอยากตื่นมาใส่บาตรในตอนเช้า พลันเก็บข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นอุปกรณ์ทำครัวให้เข้าที่ ทว่าก็ต้องตกใจเมื่อหันมาประจันหน้ากับปวีร์ที่เดินมายืนไม่พูดไม่จา“คุณวีร์ !! ป้าตกใจหมด”“ดึกป่านนี้ ป้าทำอะไร”“เตรียมของไว้ทำอาหารแต่เช้ามืด และเก็บของที่วางเกะกะค่ะ”“...”“ผม...ขอนมอุ่นแก้วหนึ่ง”คนแก่กว่าได้ยินถึงขั้นขมวดคิ้วเป็นปม ก่อนจะวางสิ่งของในมือแล้วหันไปทำนมอุ่นให้ชายหนุ่ม แม้จะสงสัยอยู่บ้าง เพราะโดยปกติปวีร์ไม่ใช่คนชอบดื่มนม นอกจากน้ำเปล่าก็มีแอลกอฮอล์หรือไม่ก็น้ำอัดลมที่เขาชอบกลืนลงท้อง นึกสงสัยก็ได้แต่เงียบไว้อย่างนั้น จัดการอุ่นนมให้ชายหนุ่มแล้วเทลงแก้วกันความร้อน แล้วยื่นให้ปวีร์“ได้แล้วค่ะ”“ขอบคุณครับป้า”เขาเดินถือแก้วนมนั้นขึ้นชั้นบน ไม่ได้กลับเข้าไปในห้องนอนตัวเอง แต่ทว่ายืนอยู่หน้าห้องของเฌอเอม มือหนากำลังจะเคาะที่บานประตูก็ดึงลง ก่อนจะลองหมุนลูกบิดประตูแล้วปรากฏว่าห้องนอนนี้ไม่ได้ล็อก เขากำลังถือวิสาสะเข้าไปในห้องของน้องสาวผู้ที่จงเกลียดจงชังมาแต่ไหนแต่ไรโดยไม่ขออนุญาตแกร๊ก !!ด้านในปิด
อดีตห้องประชุมเล็กที่ยกเลิกการใช้งาน กลายเป็นพื้นที่เก็บโต๊ะเก้าอี้เก่าที่ชำรุดเพื่อรอการย้ายและทำลายบางส่วน ทว่ามีเด็กชายวัยสิบสองขวบและเด็กหญิงที่เพิ่งเข้าเรียนชั้นประฐมศึกษาที่หนึ่งนั่งอยู่ด้านใน คนพี่กำลังทำการบ้านตามคำสั่งครู ส่วนคนน้องนั่งเล่นตุ๊กตากระดาษอยู่ข้างๆ“พี่วีร์...”เสียงหวานของเด็กหญิงเฌอเอมเอ่ยเรียก ครั้นอีกฝ่ายเอาแต่จ้องงานที่วางไว้ตรงหน้าไม่ยอมคุยกัน ตั้งแต่แม่รับมาจากโรงเรียนก็เหมือนว่าจะไม่มีเพื่อนเล่น ตุ๊กตากระดาษในมือก็แทบเปื่อยเพราะเล่นซ้ำๆ แทบทุกวัน“เอมเรียกพี่ทำไม”“ไม่มีเพื่อนเล่น – เอมเหงา”พูดพร้อมใบหน้าน้อยหงิกขึ้น เฌอเอมกำลังงอแงเมื่อพี่ชายที่รักของตนเอาแต่ทำการบ้าน เมื่อเห็นว่าน้องสาวทำท่าเหมือนจะร้อง ทั้งตุ๊กตายังยับยู่ยี่จากการเล่นต่อเนื่องมาหลายวัน พลันมือน้อยๆ ของปวีร์ลูบเข้ากลางศีรษะของเฌอเอมแล้วยิ้มกว้างๆ ให้หนึ่งที“งั้นเอมรอตรงนี้นะ – พี่จะพาเพื่อนมาเล่นด้วย”ว่าเสร็จก็ลุกตัวปลิวเปิดประตูออกไป ทิ้งคนอายุน้อยกว่าอ้าปากพะงาบเพราะกำลังจะถามว่าเป็นเพื่อนที่ไหน นั่งปากยู่ยี่เพียงลำพังรอพี่ชายตัวเองกลับมา ผ่านไปเพียงสิบนาทีเท่านั้น พี่ชายที่รักของ
11:40ห้องพักผู้ป่วยยังเปิดเข้าเปิดออกตั้งแต่เช้าเพราะพยาบาลต้องเข้ามาวัดไข้อยู่เรื่อยๆ เฌอเอมที่หลับเพียงตาทว่าความรู้สึกยังตื่น เลยคิดว่าผู้มาใหม่นั้นคือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนำข้าวเที่ยงมาเสิร์ฟ“วางไว้ก่อนนะคะ เอมยังไม่หิว”“…”ถาดอาหารถูกวางลงโต๊ะกินข้าวและมีเสียงลากใกล้เข้ามา ทั้งยังสัมผัสได้ว่ามีคนขยับเข้ามาใกล้เตียงพักฟื้นของตัวเอง“เดี๋ยวลุกไปกินค่ะ หนูยังไม่-”จากที่นอนตะแคงหันไปมุมระเบียง พลิกตัวมาอีกฝ่ายเพื่อหมายจะสนทนากับเจ้าหน้าที่ ก็อ้าค้างกลางอากาศ เมื่อคนที่เข้ามาคือปวีร์ ชายหนุ่มขยับนั่งบนเตียง ใช้เรียวแขนโอบคนนอนลุกขึ้นแล้วยังดันคนอายุน้อยเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังแนบชิดอยู่ที่แผงอกแกร่งและยังลากโต๊ะกินข้าวเหมือนว่าจะบังคับให้เธอกินมื้อเที่ยงนี้“อะไรของพี่”“กินข้าว”“ยังไม่หิว”“ไม่หิวก็ต้องกิน”เขาออกคำสั่งทางสายตา จ้องมองเสียจนใบหน้าน้อยๆ ร้อนผ่าว อุณหภูมิในกายสูงขึ้นอีกครั้ง ครั้นเอวบางถูกแขนแกร่งโอบกระชับเอาไว้ เธอได้แต่นั่งนิ่งพ่นลมหายใจหอบถี่ ไม่มีเรี่ยวแรงต่อปากต่อคำหรือขัดขืนใดๆ“...”“จะกินข้าวดีๆ หรืออยากให้-”“ออกไปนะ!! เอมไม่สบาย อย่าคิดอะไรบ้าๆ”กำปั้นน้อยๆ ท
บทสนทนาสองแม่ลูกยังต่อเนื่อง ชญาณัฐมองหาอีกคน ก็ว่าปวีร์ยืนอยู่นอกระเบียง เขาปล่อยให้แม่ลูกคุยกันโดยไม่เข้ามาขัดจังหวะ อีกทั้งไม่อยากอยู่เสวนากับแม่คนเลี้ยงที่เขาไม่ปลื้มชญาณัฐเดินออกมา พลันดวงตาคู่คมมองหญิงสาวที่ไม่เคยเรียกแม่เลยสักครั้ง เธอปิดประตูจกหวังจะคุยกับปวีร์เพียงลำพัง ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลเพ่งมองผู้ใหญ่ด้านนอกด้วยความสงสัยแม่กับพี่วีร์จะคุยอะไรกันนะ...“ขอบคุณที่ช่วยพายัยเอมมาส่งโรงพยาบาล”“ก็ฉันเข้าไปเจอ”ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตามองไปด้านนอกชมบรรยากาศพลบค่ำแทนการสบตาคุยกับแม่เลี้ยง น้อยครั้งที่เขาสองคนจะคุยกันดีๆ นอกจากมีสื่อกลางอย่างปุริมอยู่ด้วยถึงจะได้เอ่ยถึงกันบ้างยามจำเป็น“ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบเราสองคนแม่ลูก”“...”พอเธอพูดออกมาแบบนั้น คนที่นิ่งกลับเป็นปวีร์ มันเป็นเรื่องที่เขาสองคนต่างคนต่างรู้ ชญาณัฐไม่มีอะไรคาใจกับลูกเลี้ยง แต่อีกฝ่ายตั้งแง่มองในทางลบมาตลอดเวลา เลยเป็นผลให้แม่เลี้ยงอย่างเธอเข้าทำงานในบริษัทของผู้เป็นสามี รับเงินเดือนไม่ต่างจากพนักงานคนอื่น และยังไม่จดทะเบียนสมรสเพื่อพิสูจน์ให้ปวีร์ได้เห็นว่าเธอและลูกไม่ได้เข้ามาหวังฉาบฉวยในทรัพย์สินห
“เอมท้องได้สองเดือนแล้วครับน้าชญา”“...”ชญาณัฐที่ได้ยินก็เงียบปาก มองเด็กทั้งสองด้วยแววตาและสีหน้าเรียบเฉย พลันอีกฝ่ายนึกว่าเธอต้องไม่พอใจกับพฤติกรรมเกินงาม รู้ถึงไหนคงโดนนินทาไปถึงนั่น แต่ในสังคมปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว อยู่ก่อนแต่งหรือท้องก่อนแต่งมันมีเยอะแยะ ฉะนั้นเอามาวัดกันไม่ได้นอกจากความรักและความซื่อสัตย์ที่มีให้กัน สิ่งสำคัญในชีวิตคู่จะประคองอย่างไรให้ตลอดรอดฝั่งไม่เหมือนผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่เคยล้มเหลวมาก่อน“หนูขอโทษ”“ขอโทษทำไม แม่กับลุงอยากอุ้มหลานจะตาย”“แม่!”“แค่ตกใจที่หลานมาไวกว่าที่คิด”บรรยากาศจากตึงๆ กลายเป็นความรอยยิ้มของคนทั้งสี่ มีแม่บ้านอย่างป้าราตรียืนมองครอบครัวสุขสันต์อยู่ห่างๆ ครั้งที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในสมรภูมิของสงครามมานานหลายปีห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมของเฌอเอม หากนับเวลาก็รวมๆ หกเดือนได้ที่เธอไม่ได้กลับมาใช้ห้องนี้อีกเลย มันดูโล่งไปนิด มีเพียงแจกันและโซฟาที่ยังตั้งวางไว้ ทว่าวันนี้เธอได้กลับมาใช้มันอีกครั้ง“เมื่อไหร่จะขึ้นเตียง มาให้พี่นอนกอด”ปวีร์เอ่ยถามขณะที่ตัวเองนั้นนอนยกแขนเท้าศีรษะแล้วตะแคงออกมาทางระเบียง เฌอเอมอยู่ในชุดนอนสีขาวตัวบางชนิดที่ว่ามองเ
ปวีร์ก็ไม่ฟังอยู่ดี เพิ่มข้อนิ้วเข้าไปอีก ล้วงผนังอุ่นเพื่อหาจุดกระสัน ตำถี่ๆ ให้คนอายุน้อยเสพความสุขได้อย่างเต็มที่ ขณะที่บั้นท้ายอวบอัดมีท่อนลำแข็งขดอยู่ด้านล่าง ความต้องการทำปวีร์ปวดหนึบ อยากควักมันออกมาแล้วสอดกระแทกเสียให้จบๆ แต่เมื่อเฌอเอมบอกว่าไม่ไหว ก็ทำได้เพียงเกี่ยวเบ็ดให้อย่างถึงใจ หลังจากนั้นค่อยจัดการตัวเองด้วยการชักว่าว“เสียวไหมคะ”เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เชิดดวงตามองคนอายุน้อยที่เอาแต่กัดริมฝีปากแล้วหลับตาแน่น เฌอเอมตัวแดงขึ้นเพราะความซาบซ่าน นั่งแอ่นเร่าร่างกายบนตักของชายหนุ่มราวกับยั่วเย้าอารมณ์ทางเพศของอีกฝ่าย เรียวนิ้วจิกเข้าที่หัวไหล่หนา ส่วนเรียวขานั้นก็อ้าออกกว้างให้ปวีร์ขยับเข้าออกได้ถนัด“อ่ะ ฮื่อ”ดวงตาคมหลุบต่ำลง มองผลงานตัวเองที่กำลังเล่นงานคนอายุน้อย กระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าน้ำเสียวของเฌอเอมไหลเยิ้มออกมาเป็นสวย“อ่า เอมมองหน่อย”“มะไม่...ไม่มอง”“สวยนะ...มองหน่อย”เขาหว่านล้อมให้คนอายุน้อยก้มมอง จากที่หลับตาก็ปรือปรอยแล้วหลุบมองตามคำสั่ง ช่องทางรักของตัวเองมีข้อนิ้วขอชายคนรักสอดไปตั้งสามนิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่ กลีบกุหลาบแยกออกเป็นทางเห็นแม้กระทั่ง
จากเดิมที่ตั้งใจมาอยู่เพื่อพักฟื้นจากอาการป่วย กลายเป็นว่าชายหนุ่มกลับย้ายมาอยู่ถาวร ขนข้าวของจำเป็นบางส่วนเข้ามาไว้ในคอนโด ปวีร์ยังคงทำงานที่รักตามเดิมคือช่างภาพ แม้ออฟฟิศกับคอนโดอยู่กันหลายกิโลเมตรก็ไม่เป็นอุปสรรค สามารถขับรถไปกลับรวมๆ เกือบสามสิบกิโลเมตรต่อวันได้แบบสบาย และอดทนต่อการจราจรติดขัดจนเฌอเอมแอบประหลาดใจ เพราะชายที่รักไม่ชอบอะไรที่แออัดโดยเฉพาะรถบนท้องถนนขณะที่คนอายุน้อยเริ่มทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของปุริม ปล่อยให้คนอายุมากกับภรรยาได้ช่วยกันบริหารอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรหากปุริมเกษียณตัวเองและวางมือลง แน่นอนว่าปวีร์ต้องเข้ามารับช่วงต่อเพราะเป็นลูกชายคนเดียวครัวเล็กๆ กำลังถูกใช้อุ่นอาหารสำเร็จที่ซื้อมาจากตลาด มื้อนี้เฌอเอมเลือกเป็นเมนูโปรดของปวีร์ เป็นแกงพะแนงเนื้อมะเขือพวงและยังมีหมูทอดแดดเดียวและน้ำจิ้มแจ่วรสจี้ดจ้าด ยังไม่ทันเสร็จดี ร่างน้อยๆ ถูกแขนแกร่งโอบกอดทางด้านหลังในจังหวะที่เธอไม่ทันตั้งตัว ปวีร์เปิดประตูเข้าห้องหลังจากกลับจากทำงานเพียงเงียบๆ แล้วเดินย่องมากอดคนอายุน้อยเหมือนเช่นทุกวัน“ตกใจหมดเลย”เอ่ยเพียงประโย
เขาสูดดมกลิ่นตัวทั่วกายบาง ความหอมรัญจวนทำสติที่มีแทบคลั่งอยู่รอมร่อ เพราะหลงรักเฌอเอมมานานแต่ทว่าดันซ่อนความรู้สึกเอาไว้แบบมิดชิดและบิดเบือนความจริงที่มี กระทั่งได้เปิดเผยออกมาทุกอย่างมันก็กระจ่างชัดเจนและทำให้เขากล้าแสดงออกมากขึ้นร่างนุ่มนิ่มแดงซ่านขึ้นมาราวกับว่ามีสีละเลงบนกาย ชุดนอนผ้าซาตินบนกายสาวหลุดออกอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของชายหนุ่ม เรือนร่างขาวเนียนยามแสงไฟตกกระทบลงสู่ผิวขาวก็ปลุกตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดีที่เขาเคยบอกว่าร่างกายของเฌอเอมไร้ราคา ตอนนี้มันกลายเป็นของห่วงและของมีค่าที่ประเมินราคาไม่ได้สำหรับเขา...ริมฝีปากหยาบประกบลงที่ต้นขาขาว ลากไซ้ไปมาแล้วยังพ่นลมหายใจรดริน ทำเฌอเอมขนลุกขนซันราวกับว่าที่ตรงนี้มีอุณหภูมิติดลบทั้งที่เปิดแอร์ในอุณหภูมิปกติ“อ่ะพี่วีร์...”เฌอเอมหลุดร้องทั้งสะดุ้ง ปวีร์งับเข้าที่ง่ามขาเพียงเบาๆ แต่ว่าแลบลิ้นเลียบริเวณนั้นก่อนจะปาดมายังช่องทางรักที่อยู่ใกล้แค่คืบ จับเรียวขาขาวให้แยกกว้างออกจากกัน มองรอยหยักที่ปิดไม่เสมอเพราะมันถูกความใหญ่โตของปวีร์มุดเข้าไปสำรวจด้านในมาแล้วครั้ง ชายหนุ่มมุดหน้าลงอย่างตั้งใจ ดูดดึงเนื้อสีอ่อนราวกับว่าเป็นหอยขม มอบค
“เอมเคยโกรธพี่ ที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ยัดเยียดให้เอมกับแม่เป็นผู้ร้ายมาตลอด”“...”เขาตั้งใจฟังอย่างมาก รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ ขณะที่คนอายุน้อยก็หายใจแรงเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ“แม่เคยสอนไว้ว่า การให้ที่ดีคือการให้อภัย – ถ้าเอมให้แล้ว พี่สัญญาได้ไหมจะไม่ทำให้เอมเสียใจอีก”“...”“เอมให้โอกาสพี่วีร์นะ”“เอม!!”ปวีร์ที่ได้ยินใจเต้นรัวมากกว่าเดิม แต่มันเป็นความดีใจ เขาได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู เฌอเอมให้โอกาสเขาแล้ว รีบจับร่างระหงหันหน้าเข้ามาหา ยกมือเกลี่ยข้างแก้มเนียนละเอียดแผ่วเบา พลันมองเห็นใบหน้าละมุนมีรอยยิ้มขึ้นมามันทำให้หัวใจของเขาพองโต ความพยายามง้อให้เธอกลับมาหากนับก็เวลาเป็นเดือนๆ อาจยังน้อยกับการกระทำป่าเถื่อนที่เขาเคยทำ แต่ถือว่านานมากสำหรับเขากับการใจแข็งของเธอ แต่ตอนนี้มันอ่อนลงแล้ว เฌอเอมให้โอกาสอย่างที่เขาขอ“พี่รักเอม”มือหนายังประคองข้างแก้ม เขาโฉบหน้าต่ำลง ป้อนเรียวปากให้คนอายุน้อยอย่างละมุน ปวีร์ค่อยๆ เล็มงับไปทีละน้อย แตกต่างจากที่เคยเอาแต่บดเบียดแรงๆ เพื่อความสะใจ มันอ่อนโยนขึ้นจนหญิงสาวหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง“พี่วีร์หยุด...”“พี่คิดถึง พี่โหยหาแต่เอม”ยิ่งเขาพูดออกม
“วันนี้กลับบ้านเลย ไม่มีอะไรน่าหวงแล้ว”“ขอบใจนะหมอ”ปุริมที่เอ่ยขอบคุณเมื่อคุณหมอที่รู้จักดูแลลูกชายอย่างดีตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้“ค่ารักษาใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ ไม่ต้องสำรองจ่ายอะไร – กลับบ้านไปก็ดูแลตัวเองดีๆ นะวีร์”“ครับอาหมอ”อาการป่วยของปวีร์ในตอนนี้ ตัวไม่ร้อนและไม่มีอะไรน่าห่วง เมื่อดีขึ้นตามลำดับคุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ข้าวของบางอย่างมีเฌอเอมช่วยเก็บและขนลงไปไว้ในรถให้ก่อน ภายในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงพ่อลูกที่อยู่กันลำพัง ปวีร์สวมชุดลำลองตัวโปรดของตัวเอง และนั่งรอเฌอเอมขึ้นกลับมาประคองเดินลงไปด้วยกัน“กลับบ้านนะวีร์”“กลับคอนโดครับ”“...”ได้ยินก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ลูกชายไม่มีคอนโดส่วนตัวแล้วจะไปอยู่กับใคร“คอนโดของเอม – ผมอยากไปอยู่กับน้อง”“จะไม่กวนใจน้องเหรอวีร์”เพราะความสัมพันธ์ของเด็กสองคนมันยังไม่ดีขึ้นและยังคลุมเครือ ปุริมเกรงว่าลูกชายจะไปสร้างความรำคาญให้คนอายุน้อย ครั้นเฌอเอมยังมีธุระเรื่องของงานที่เธออาจจะต้องทำเป็นจริงเป็นจังในเร็วนี้ แต่กระนั้นปวีร์ยังยืนยันที่จะติดสอยห้อยตามไปพักฟื้นตัวเองต่อที่คอนโดของหญิงสาว และเหตุผลหลักเขาอยากอยู่ที่นั่นเพื่อง้อและปรับคว
นิสัยก้าวร้าวและความไม่เป็นสุภาพบุรุษคือเปลือกนอกที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูเข้มแข็งและสร้างเกราะปกป้องกันความรู้สึกให้ตัวเองในยามที่ครอบครัวแยกสลายจากกัน แม้มันจะเป็นวิธีที่ผิดก็ตาม“ปล่อยเอม”“อาบให้พี่หน่อย”ดวงตาคู่สวยเลิกมองคนที่นั่งสูงกว่า แม้ว่าเฌอเอมจะยืนก็อยู่เพียงระดับหน้าอกเท่านั้น เพิ่งอาการดีขึ้นจะอาบน้ำเธอก็กลัวว่าไข้ชายหนุ่มจะขึ้นมาอีก แต่กระนั้นก็ยังถูกคะยั้นคะยอเพราะปวีร์เหนียวตัวไม่น้อย ร่างกายหมักหมมมาหลายวันหากได้ฟอกตัวด้วยสบู่หอมๆ ก็คงสดชื่นขึ้นไม่น้อยห้ามไม่ได้ก็คงต้องทำตาม ปวีร์มีอภิสิทธิ์ของคนป่วยทำให้เธอตามใจได้ ถอดชุดผู้ป่วยออกจากตัวแล้วใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวยานที่มีติดตู้เสื้อผ้าผู้ป่วยเอาไว้ เฌอเอมปลดฝักบัวลงแล้วเปิดน้ำในระดับอุณหภูมิห้อง ไม่ให้หนาวมากจนชายหนุ่มสะท้าน รดริดบนผิวกายหยาบก่อนจะบีบสบู่เหลวลงมือแล้วลูบไล้ลงแผ่นหลังและไปยังจุดอื่นๆปวีร์หันด้านหน้าให้คนอายุน้อยถูให้ทั่ว มือบางลูบไล้บนหน้าอกที่เปล่งกล้ามออกเป็นมัดๆ ยามสัมผัสเข้ากับเม็ดกลมแข็งๆ ก็ทำปวีร์ขนลุกขนชันไม่น้อย“พี่หนาวเหรอ”“เปล่า พี่แค่...”เขาโอบกอดเฌอเอมโดยอีกฝ่ายไม่ตั้งตัว ดันเข
ปวีร์ยังคงกอดแน่น คราวนี้กลับมีแรงยื้อคนอายุน้อยเอาไว้ เมื่อเฌอเอมไม่มีทางหลุดจากอ้อมกอดของชายหนุ่มก็ทำได้เพียงกดออดเรียกพยาบาล แม้ว่านางพยาบาลจะเข้ามาแทงเข็มแล้วใส่สายน้ำเกลืออีกรอบ มืออีกข้างของปวีร์ก็ยังโอบเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“เสร็จแล้วพี่พักผ่อนต่อเถอะ”“เอม...”“พี่ป่วยอยู่”“ฟังพี่”เฌอเอมยืนนิ่ง สูดหายใจเข้าแรงๆ เมื่อหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ ยอมอดทนฟังกับคำขอโทษเดิมๆ ของปวีร์อย่างร้าวราน“มันช้าไปไหมถ้าพี่จะบอกว่า...รักเอม”ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ากลางใจ เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินจากปากของปวีร์ ชายหนุ่มสารภาพความรู้สึกที่มี มันชัดเจนตั้งแต่เฌอเอมก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังนั้น จุดอ่อนของปวีร์มันก็อยู่ที่หัวใจและความรัก ตอนนั้นเขากลัวแม่และลูกมาแย่งความรักพ่อมีให้ กลัวความไม่สมบูรณ์ของคำว่าครอบครัว แต่ตอนนี้กลับกลัวว่าจะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อเฌอเอมอยู่ข้างกาย“ไม่มีเอมอยู่เหมือนขาดอะไรบางอย่างไปจากชีวิตพี่ ให้ปวีร์แสนร้ายคนนี้กลายเป็นปวีร์แสนดีไหม”เขากำลังขอโอกาสจากคนอายุน้อย เฌอเอมกลืนความรู้สึกกระอักกระอ่วนลงคอ จุกแน่นภายในใจไปเสียหมด นิ่งเสียจนปวีร์เดาความคิดและความรู้สึกเธอไม่ได้ ก่
เช้าต่อมาแสงสีทองสาดส่องทั่วทั้งท้องฟ้า ขับไล่ความมืดมนในยามค่ำคืน เฌอเอมรู้สึกตัวตื่นเมื่อแดดแยงตา เมื่อคืนเธอไม่ได้เข้าไปนอนในห้อง เผลอหลับเพราะแอบมองปวีร์บนระเบียง ก่อนจะลุกขึ้นกะทันหันแล้วมองลงไปด้านล่าง ไม่มีชายใจร้ายยืนอยู่ตรงนั้น เขาหายไปแล้วหรือยอมแพ้ไปตั้งแต่เมื่อคืน ถอนหายใจแล้วยกมือลูบใบหน้าตัวเอง โดนกระทำขนาดนี้ปวีร์คงไม่มาราวีเธออีกแล้ว“ก็ดีเหมือนกัน คงทนไม่ไหวหรอก”เดินเข้ามาด้านในทิ้งตัวลงเตียงนอนนุ่มนิ่ม ครั้นรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวเพราะนั่งหลับทั้งคืน หลับตาลงหวังจะพักผ่อนต่อก็ต้องลืมตาเมื่อมือถือดังเพราะมีสายเรียกเข้า“แม่...”เฌอเอมย่นคิ้วโก่งเล็กน้อย เมื่อชญาณัฐโทรมา“ค่ะแม่ เอมเพิ่งตื่น”(จะกลับมาบ้านไหมลูก)“ยังค่ะ”(เหรอ...แม่แค่โทรมาบอก พี่วีร์ป่วยนะลูก ไข้ขึ้นสูงตัวร้อนมาก ตอนนี้แอดมิตในห้องผู้ป่วยวิกฤต)“วิกฤติ”เฌอเอมถึงกับงงมากกว่าเดิม ชายหนุ่มยืนตากฝนทั้งคืนพอเข้าใจได้ว่าต้องเป็นไข้ แต่มันถึงขั้นไหนถึงต้องอยู่ห้องวิกฤตความไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนใจร้าย เฌอเอมใช้เวลานี้ในการสมัครงานหน้าออฟฟิศและระบบออนไลน์ ไม่อยากคิดฟุ้งซ่านและไม่อยากเป็นห่วงปวีร์ นอนกระวนกร