11:40ห้องพักผู้ป่วยยังเปิดเข้าเปิดออกตั้งแต่เช้าเพราะพยาบาลต้องเข้ามาวัดไข้อยู่เรื่อยๆ เฌอเอมที่หลับเพียงตาทว่าความรู้สึกยังตื่น เลยคิดว่าผู้มาใหม่นั้นคือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนำข้าวเที่ยงมาเสิร์ฟ“วางไว้ก่อนนะคะ เอมยังไม่หิว”“…”ถาดอาหารถูกวางลงโต๊ะกินข้าวและมีเสียงลากใกล้เข้ามา ทั้งยังสัมผัสได้ว่ามีคนขยับเข้ามาใกล้เตียงพักฟื้นของตัวเอง“เดี๋ยวลุกไปกินค่ะ หนูยังไม่-”จากที่นอนตะแคงหันไปมุมระเบียง พลิกตัวมาอีกฝ่ายเพื่อหมายจะสนทนากับเจ้าหน้าที่ ก็อ้าค้างกลางอากาศ เมื่อคนที่เข้ามาคือปวีร์ ชายหนุ่มขยับนั่งบนเตียง ใช้เรียวแขนโอบคนนอนลุกขึ้นแล้วยังดันคนอายุน้อยเข้ามาใกล้จนแผ่นหลังแนบชิดอยู่ที่แผงอกแกร่งและยังลากโต๊ะกินข้าวเหมือนว่าจะบังคับให้เธอกินมื้อเที่ยงนี้“อะไรของพี่”“กินข้าว”“ยังไม่หิว”“ไม่หิวก็ต้องกิน”เขาออกคำสั่งทางสายตา จ้องมองเสียจนใบหน้าน้อยๆ ร้อนผ่าว อุณหภูมิในกายสูงขึ้นอีกครั้ง ครั้นเอวบางถูกแขนแกร่งโอบกระชับเอาไว้ เธอได้แต่นั่งนิ่งพ่นลมหายใจหอบถี่ ไม่มีเรี่ยวแรงต่อปากต่อคำหรือขัดขืนใดๆ“...”“จะกินข้าวดีๆ หรืออยากให้-”“ออกไปนะ!! เอมไม่สบาย อย่าคิดอะไรบ้าๆ”กำปั้นน้อยๆ ท
บทสนทนาสองแม่ลูกยังต่อเนื่อง ชญาณัฐมองหาอีกคน ก็ว่าปวีร์ยืนอยู่นอกระเบียง เขาปล่อยให้แม่ลูกคุยกันโดยไม่เข้ามาขัดจังหวะ อีกทั้งไม่อยากอยู่เสวนากับแม่คนเลี้ยงที่เขาไม่ปลื้มชญาณัฐเดินออกมา พลันดวงตาคู่คมมองหญิงสาวที่ไม่เคยเรียกแม่เลยสักครั้ง เธอปิดประตูจกหวังจะคุยกับปวีร์เพียงลำพัง ในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลเพ่งมองผู้ใหญ่ด้านนอกด้วยความสงสัยแม่กับพี่วีร์จะคุยอะไรกันนะ...“ขอบคุณที่ช่วยพายัยเอมมาส่งโรงพยาบาล”“ก็ฉันเข้าไปเจอ”ชายหนุ่มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ดวงตามองไปด้านนอกชมบรรยากาศพลบค่ำแทนการสบตาคุยกับแม่เลี้ยง น้อยครั้งที่เขาสองคนจะคุยกันดีๆ นอกจากมีสื่อกลางอย่างปุริมอยู่ด้วยถึงจะได้เอ่ยถึงกันบ้างยามจำเป็น“ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบเราสองคนแม่ลูก”“...”พอเธอพูดออกมาแบบนั้น คนที่นิ่งกลับเป็นปวีร์ มันเป็นเรื่องที่เขาสองคนต่างคนต่างรู้ ชญาณัฐไม่มีอะไรคาใจกับลูกเลี้ยง แต่อีกฝ่ายตั้งแง่มองในทางลบมาตลอดเวลา เลยเป็นผลให้แม่เลี้ยงอย่างเธอเข้าทำงานในบริษัทของผู้เป็นสามี รับเงินเดือนไม่ต่างจากพนักงานคนอื่น และยังไม่จดทะเบียนสมรสเพื่อพิสูจน์ให้ปวีร์ได้เห็นว่าเธอและลูกไม่ได้เข้ามาหวังฉาบฉวยในทรัพย์สินห
สองวันต่อมาอาการป่วยของเฌอเอมดีขึ้นกว่าวันแรกจนหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันพรุ่งนี้ และเป็นคืนสุดท้ายที่เธอต้องพักรักษาตัว เวลานี้ก็เกือบเที่ยงคืน เฌอเอมรู้สึกว่าตัวเองนั้นปวดฉี่ แต่เพราะความขี้เกียจบวกกับความง่วง ทั้งยังต้องหอบสายน้ำเกลือไปด้วยตลอดเวลา พยายามกลั้นเอาไว้เพื่อตื่นเช้ามาปลดปล่อยออกทีเดียว แต่ทว่าในตอนนี้เธอเริ่มปวดหนักและเหมือนว่าจะอั้นเอาไว้ต่อไปไม่ไหว“อ่า -- ปวดจนฉี่จะราดอยู่แล้ว”ร่างเล็กลงจากเตียง จับเสาน้ำเกลือลากไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลอย่างทุลักทุเล ความกลั้นเอาไว้เนิ่นนานแทบเผลอปล่อยออกมา ณ วินาทีนั้น จังหวะที่กำลังจะรั้งกางเกงลง ความอดกลั้นก็ขาดจนน้ำสีเหลืองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ เฌอเอมฉี่ราดกางเกงที่ยังถอดไปสุดเป็นผลให้เปียกจนไม่สามารถใส่กลับมานอนได้“ตายแล้ว เปียกแบบนี้จะใส่เดินออกไปยังไง”หน้ามุ่ยกับตัวเอง หากลุกมาแต่แรกคงไม่เป็นแบบนี้ จากนั้นหยิบที่ฉีดล้างคราบปัสสาวะที่ไหลตามขา แล้วใช้เท้ากวาดกางเกงเปียกกองไว้กับพื้น ก่อนจะดึงทิชชูซับคราบน้ำที่เปียกเฌอเอมเดินออกจากห้องน้ำด้วยเสื้อคนป่วยตัวยาวที่พอปิดมิดทั้งแก้มก้น ค้นตัวใหม่ในตู้เสื้อผ้าขนาดเล็ก ทว่าชุดส
หลายวันต่อมาอาการป่วยของเฌอเอมคือหายเป็นปกติ หลังจากกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านก็ดีขึ้นตามลำดับโต๊ะอาหารในวันหยุดสุดสัปดาห์ สมาชิกทั้งหมดอยู่ในบ้านพร้อมหน้าพร้อมตา ร่วมรับประทานอาหารค่ำกันในคืนนี้ เสียงช้อนกระทบจานกระเบื้องดังก๊อกแก๊ก ไม่มีบทสนทนานอกจากการตั้งหน้าตั้งตาตักอาหารที่อยู่ตรงหน้า เฌอเอมตวัดดวงตาขึ้นสูง มองคนเป็นแม่ที่กำลังปรนนิบัติสามีด้วยการตักอาหารให้อีกฝ่าย พลางมองพี่ชายอย่างปวีร์ที่เอาแต่ก้มหน้ากินไม่สนใจเสวนากับใครเช่นกัน คนอายุน้อยสุดกำช้อนในมือแน่น ขบเรียวปากอิ่มแล้วถอนลมหายใจแผ่วเบา ก่อนจะวางสิ่งที่อยู่ในมือลงและยกแก้วน้ำดื่ม“แม่คะ -- คุณลุงคะ”เสียงหวานที่เอ่ยเรียกผู้ใหญ่ทั้งสองคนดึงดูดความสนใจได้ดี ชญาณัฐและปุริมมองมายังหญิงสาวอายุน้อยที่นั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนคนด้านข้างอย่างปวีร์ยังก้มหน้าก้มตาเพิกเฉย ทว่าหูของเขานั้นผึ่งพร้อมฟังเสียกว่าใคร“มีอะไรเหรอเอม”“เอมจะขออนุญาตย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเฌอเอมรวบรวมความกล้าบอกในสิ่งที่เธอต้องการ รู้ดีว่าต้องได้รับการปฏิเสธจากผู้ใหญ่ทั้งสองคน บรรยากาศที่มีเสียงช้อนกระทบจานกลายเป็นภวังค์ความเงียบเข้ามาแทนปวีร์ก็ไม่ต่างจากที่เคี้
เช้าวันต่อมากระเป๋าใบใหญ่ลากลงมาชั้นล่าง เฌอเอมเตรียมของใช้ทุกอย่างไว้เมื่อหลายวัน กระทั่งผู้ใหญ่อนุญาตเพราะเคารพการตัดสินใจ การหาที่อยู่ใหม่เป็นไปโดยง่าย เมื่อแนนนี่แนะนำคอนโดของคนรู้จักให้เพื่อนตัวเอง ทำเลคืออยู่ใจกลางเมือง สะดวกต่อการเดินทางเพราะใกล้บีทีเอส ใกล้ห้างสรรพสินค้าและโรงพยาบาล“เหลือของไว้ที่บ้านบ้างหรือเปล่า”“ไม่เหลือค่ะแม่ – ของเอมนิดเดียว”“แม่อยากตามไปช่วยจัดของ”“ช่วยงานคุณลุงดีกว่า เอมมีแนนรอที่คอนโด จัดไม่นานก็คงเสร็จเมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่สะดวกใจให้ตามไป ก็ทำได้เพียงพยักหัวหงึก จากนั้นช่วยหิ้วกระเป๋าขึ้นรถครั้นเคลื่อนตัวมาจอดเอาไว้ตั้งแต่แรก พลันเสียงฝีเท้าดังมาจากบันไดดังตุบตับ ปวีร์ตื่นเช้ากว่าปกติ หากเป็นวันหยุดไม่เที่ยงก็เกือบเย็นเข้าถึงจะโผล่หัวออกมาจากห้อง เสียงฝีเท้าที่ลงน้ำหนักราวกับคนรีบเป็นผลให้ดวงตาสีน้ำตาลสองคู่หันมองอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพงัวเงีย ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งลุกจากเตียงได้ไม่นาน พลันก้าวช้าลงเมื่อรู้สึกว่าถูกมองจากแม่ลูกไม่มีประโยคใดเอ่ยถาม นอกจากยืนกอดอกพิงขอบประตูแล้วมองคนอายุน้อย ช่วยกันกับแม่หยิบสิ่งของขึ้นรถให้เรีย
ในส่วนของปวีร์ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเขี่ยข้าวในจาน พลันได้ยินว่าผัดถั่วงอกคือของโปรดคนอายุน้อยก็อยากจะลองชิมบ้าง เพราะกับข้าวจานหลักในหนึ่งอาทิตย์ต้องมีอาหารจานนี้อย่างน้อยสองถึงสามวัน ชายหนุ่มตักสิ่งที่อยู่ตรงหน้าราดบนเม็ดข้าวสวย จ้องมันอย่างกับเป็นตัวแทนใครบางคนแล้วตักเข้าปากเคี้ยวแก้มตุ่ยจนปุริมตวัดดวงตามองอย่างประหลาดใจ“แกไม่กินถั่วงอก”คนเป็นพ่อทักท้วงขึ้น ลูกชายไม่กินผักชนิดนี้มาตั้งแต่เด็ก ทว่าคราวนี้ปวีร์กลับตักเข้าปากไม่มีทีท่าสะอิดสะเอียน“แค่ไม่ชอบ ไม่ได้หมายความว่าผมกินไม่ได้”เขาก็ยังคงเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพ่อเสมอมา คนอายุมากเมื่อเห็นว่าเป็นโต๊ะอาหารทั้งยังนั่งกินกันไม่อิ่มก็ไม่อยากต่อปากต่อคำ ไม่มีบทสนทนาในประโยคต่อไป ปุริมปิดปากเงียบและนั่งเคี้ยวข้าวมองลูกชายอย่างสงสัย พักนี้ปวีร์ดูขรึมมากกว่าปกติ จากเดิมที่เอาแต่ตำหนิภรรยาของตนก็ผ่อนลง กระทั่งลูกชายตัวดีชิงอิ่มเป็นคนแรกแล้วเดินขึ้นห้องไป“แปลก”“อะไรคะ รสชาติกับข้าวมันแปลกไปเหรอ”เพราะยังไม่สามารถหาคำตอบจากคนอายุน้อยได้ว่าผิดปกติไปเพราะเรื่องใด ก็หันมาสนใจเมียและดูแลกันในโต๊ะอาหาร ส่วนปวีร์ผู้ดูเซื่องซึมหมายจะขึ้นมาอาบ
คลินิก“ค่ายาและค่ารักษาทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบบาทค่ะ”เจ้าหน้าที่การเงินแจ้งค่ารักษา จากนั้นเดินไปรับยาและรับคำแนะนำวิธีการกินยาอย่างถูกต้องให้กับแนนนี่ โดยคนป่วยนั่งกุมท้องทว่าอาการก็ทุเลาลงมากกว่าตอนแรก และรอเพื่อนหลังจากเข้าตรวจจากแพทย์ประจำคลินิก ในตอนนี้แนนนี่ไม่ต่างจากญาติผู้ป่วยและจัดการช่วยค่ารักษาพยาบาลให้เพื่อนไปก่อน“เรียบร้อยแล้ว”เข้ามาประคองเพื่อนสาวแล้วเดินไปยังที่จอดรถ แต่ต้องพลันชะงักเมื่อมีเสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอทั้งสองคนตามหลัง“น้องแนน น้องเอม”“...”“มาทำอะไรกันเหรอ”ผู้กล่าวทักทายคือชายที่รู้จัก คิมบังเอิญที่ผ่านมาทำธุระแถวนี้ ครั้นเห็นสองสาวเดินโอบกันมาอย่างทุลักทุเลก็จอดรถเพื่อถามไถ่อย่างเป็นห่าง“พี่คิม”แนนนี่ที่แปลกใจ เรียวคิ้วก็แอบขมวดน้อยๆ เมื่อเจอคิมเพื่อนของแฟนกิ๊กหนุ่ม อีกทั้งเท่าที่ทราบบ้านของคิมก็ไม่ได้อยู่แถวนี้เสียด้วยซ้ำ“เอมเป็นอะไร ทำเดินตัวงอแบบนี้”เพราะเห็นว่าคนอายุน้อยเดินไม่ปกติ รีบแสดงความเป็นห่วงเข้าประคองฝั่งขวา โดยมีแนนนี่ประคองอยู่ฝั่งซ้าย“ไม่สบายค่ะ ปวดท้อง”“มากไหม หาหมอมาหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะพี่คิม”ประโยคหลังเป็นการเอ่ย
“วีร์ มีงานติดต่อเข้ามา”“...”โจอี้เพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานานตั้งแต่เรียนระดับมัธยมปลาย กระทั่งปัจจุบันลงขันกันเปิดบริษัท จากเล็กๆ ก็เติบโตจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ความชอบในการถ่ายภาพนำมาเป็นอาชีพที่ทำเงินให้เขากับเพื่อนได้มากทีเดียว“ลองดู”ยื่นไอแพดให้ปวีร์ เมื่อข้อมูลและคอนเซปต์ของลูกค้าที่ส่งให้ทางบริษัท วีเจร์ สตูดิโอ ได้พิจารณา หลังจากมีผลงานจนเข้าตาผู้ใหญ่หลายเจ้าอยากได้ฝีมือการถ่ายภาพของปวีร์และโจอี้ไปร่วมงาน“ถ่ายนิตยสาร”“อืม – ของคุณดาริน เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ดาดาริน แต่ว่าที่เราถ่ายจะเป็นหนังสือใหม่ในเครือ”ปวีร์ดูรายละเอียดทั้งหมดที่ผู้ว่าจ้างส่งมา เป็นนิตยสารแฟชั่นและมีดาราดังมาขึ้นปกให้ ระยะเวลาคร่าวๆ จากการคำนวณน่าจะใช้เวลา 3 วันเพราะสถานที่ถ่ายคือต่างจังหวัด นั่งพิเคราะห์ชั่วครู่เมื่อมันเป็นงานที่ท้าทายฝีมือตัวเองพอตัว ครั้นปกติปวีร์จะมีโอกาสได้ทำเฉพาะการถ่ายภาพในสตูเท่านั้น แต่งานนี้คือการถ่ายภาพนอกเหนือจากสิ่งที่ทำประจำซ้ำๆ ในแต่ละวัน ก่อนจะวางไอแพดลงแล้วเอนกายซบลงโซฟา ทั้งสีหน้าเหนื่อยหน่ายปรากฏขึ้น“รับ – มึงตอบกลับเขาไปได้เลย”“เป็นอะไร หน้ามึงเป็นตูดหมามา
“เอมท้องได้สองเดือนแล้วครับน้าชญา”“...”ชญาณัฐที่ได้ยินก็เงียบปาก มองเด็กทั้งสองด้วยแววตาและสีหน้าเรียบเฉย พลันอีกฝ่ายนึกว่าเธอต้องไม่พอใจกับพฤติกรรมเกินงาม รู้ถึงไหนคงโดนนินทาไปถึงนั่น แต่ในสังคมปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว อยู่ก่อนแต่งหรือท้องก่อนแต่งมันมีเยอะแยะ ฉะนั้นเอามาวัดกันไม่ได้นอกจากความรักและความซื่อสัตย์ที่มีให้กัน สิ่งสำคัญในชีวิตคู่จะประคองอย่างไรให้ตลอดรอดฝั่งไม่เหมือนผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่เคยล้มเหลวมาก่อน“หนูขอโทษ”“ขอโทษทำไม แม่กับลุงอยากอุ้มหลานจะตาย”“แม่!”“แค่ตกใจที่หลานมาไวกว่าที่คิด”บรรยากาศจากตึงๆ กลายเป็นความรอยยิ้มของคนทั้งสี่ มีแม่บ้านอย่างป้าราตรียืนมองครอบครัวสุขสันต์อยู่ห่างๆ ครั้งที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในสมรภูมิของสงครามมานานหลายปีห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมของเฌอเอม หากนับเวลาก็รวมๆ หกเดือนได้ที่เธอไม่ได้กลับมาใช้ห้องนี้อีกเลย มันดูโล่งไปนิด มีเพียงแจกันและโซฟาที่ยังตั้งวางไว้ ทว่าวันนี้เธอได้กลับมาใช้มันอีกครั้ง“เมื่อไหร่จะขึ้นเตียง มาให้พี่นอนกอด”ปวีร์เอ่ยถามขณะที่ตัวเองนั้นนอนยกแขนเท้าศีรษะแล้วตะแคงออกมาทางระเบียง เฌอเอมอยู่ในชุดนอนสีขาวตัวบางชนิดที่ว่ามองเ
ปวีร์ก็ไม่ฟังอยู่ดี เพิ่มข้อนิ้วเข้าไปอีก ล้วงผนังอุ่นเพื่อหาจุดกระสัน ตำถี่ๆ ให้คนอายุน้อยเสพความสุขได้อย่างเต็มที่ ขณะที่บั้นท้ายอวบอัดมีท่อนลำแข็งขดอยู่ด้านล่าง ความต้องการทำปวีร์ปวดหนึบ อยากควักมันออกมาแล้วสอดกระแทกเสียให้จบๆ แต่เมื่อเฌอเอมบอกว่าไม่ไหว ก็ทำได้เพียงเกี่ยวเบ็ดให้อย่างถึงใจ หลังจากนั้นค่อยจัดการตัวเองด้วยการชักว่าว“เสียวไหมคะ”เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เชิดดวงตามองคนอายุน้อยที่เอาแต่กัดริมฝีปากแล้วหลับตาแน่น เฌอเอมตัวแดงขึ้นเพราะความซาบซ่าน นั่งแอ่นเร่าร่างกายบนตักของชายหนุ่มราวกับยั่วเย้าอารมณ์ทางเพศของอีกฝ่าย เรียวนิ้วจิกเข้าที่หัวไหล่หนา ส่วนเรียวขานั้นก็อ้าออกกว้างให้ปวีร์ขยับเข้าออกได้ถนัด“อ่ะ ฮื่อ”ดวงตาคมหลุบต่ำลง มองผลงานตัวเองที่กำลังเล่นงานคนอายุน้อย กระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าน้ำเสียวของเฌอเอมไหลเยิ้มออกมาเป็นสวย“อ่า เอมมองหน่อย”“มะไม่...ไม่มอง”“สวยนะ...มองหน่อย”เขาหว่านล้อมให้คนอายุน้อยก้มมอง จากที่หลับตาก็ปรือปรอยแล้วหลุบมองตามคำสั่ง ช่องทางรักของตัวเองมีข้อนิ้วขอชายคนรักสอดไปตั้งสามนิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่ กลีบกุหลาบแยกออกเป็นทางเห็นแม้กระทั่ง
จากเดิมที่ตั้งใจมาอยู่เพื่อพักฟื้นจากอาการป่วย กลายเป็นว่าชายหนุ่มกลับย้ายมาอยู่ถาวร ขนข้าวของจำเป็นบางส่วนเข้ามาไว้ในคอนโด ปวีร์ยังคงทำงานที่รักตามเดิมคือช่างภาพ แม้ออฟฟิศกับคอนโดอยู่กันหลายกิโลเมตรก็ไม่เป็นอุปสรรค สามารถขับรถไปกลับรวมๆ เกือบสามสิบกิโลเมตรต่อวันได้แบบสบาย และอดทนต่อการจราจรติดขัดจนเฌอเอมแอบประหลาดใจ เพราะชายที่รักไม่ชอบอะไรที่แออัดโดยเฉพาะรถบนท้องถนนขณะที่คนอายุน้อยเริ่มทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของปุริม ปล่อยให้คนอายุมากกับภรรยาได้ช่วยกันบริหารอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรหากปุริมเกษียณตัวเองและวางมือลง แน่นอนว่าปวีร์ต้องเข้ามารับช่วงต่อเพราะเป็นลูกชายคนเดียวครัวเล็กๆ กำลังถูกใช้อุ่นอาหารสำเร็จที่ซื้อมาจากตลาด มื้อนี้เฌอเอมเลือกเป็นเมนูโปรดของปวีร์ เป็นแกงพะแนงเนื้อมะเขือพวงและยังมีหมูทอดแดดเดียวและน้ำจิ้มแจ่วรสจี้ดจ้าด ยังไม่ทันเสร็จดี ร่างน้อยๆ ถูกแขนแกร่งโอบกอดทางด้านหลังในจังหวะที่เธอไม่ทันตั้งตัว ปวีร์เปิดประตูเข้าห้องหลังจากกลับจากทำงานเพียงเงียบๆ แล้วเดินย่องมากอดคนอายุน้อยเหมือนเช่นทุกวัน“ตกใจหมดเลย”เอ่ยเพียงประโย
เขาสูดดมกลิ่นตัวทั่วกายบาง ความหอมรัญจวนทำสติที่มีแทบคลั่งอยู่รอมร่อ เพราะหลงรักเฌอเอมมานานแต่ทว่าดันซ่อนความรู้สึกเอาไว้แบบมิดชิดและบิดเบือนความจริงที่มี กระทั่งได้เปิดเผยออกมาทุกอย่างมันก็กระจ่างชัดเจนและทำให้เขากล้าแสดงออกมากขึ้นร่างนุ่มนิ่มแดงซ่านขึ้นมาราวกับว่ามีสีละเลงบนกาย ชุดนอนผ้าซาตินบนกายสาวหลุดออกอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของชายหนุ่ม เรือนร่างขาวเนียนยามแสงไฟตกกระทบลงสู่ผิวขาวก็ปลุกตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดีที่เขาเคยบอกว่าร่างกายของเฌอเอมไร้ราคา ตอนนี้มันกลายเป็นของห่วงและของมีค่าที่ประเมินราคาไม่ได้สำหรับเขา...ริมฝีปากหยาบประกบลงที่ต้นขาขาว ลากไซ้ไปมาแล้วยังพ่นลมหายใจรดริน ทำเฌอเอมขนลุกขนซันราวกับว่าที่ตรงนี้มีอุณหภูมิติดลบทั้งที่เปิดแอร์ในอุณหภูมิปกติ“อ่ะพี่วีร์...”เฌอเอมหลุดร้องทั้งสะดุ้ง ปวีร์งับเข้าที่ง่ามขาเพียงเบาๆ แต่ว่าแลบลิ้นเลียบริเวณนั้นก่อนจะปาดมายังช่องทางรักที่อยู่ใกล้แค่คืบ จับเรียวขาขาวให้แยกกว้างออกจากกัน มองรอยหยักที่ปิดไม่เสมอเพราะมันถูกความใหญ่โตของปวีร์มุดเข้าไปสำรวจด้านในมาแล้วครั้ง ชายหนุ่มมุดหน้าลงอย่างตั้งใจ ดูดดึงเนื้อสีอ่อนราวกับว่าเป็นหอยขม มอบค
“เอมเคยโกรธพี่ ที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ยัดเยียดให้เอมกับแม่เป็นผู้ร้ายมาตลอด”“...”เขาตั้งใจฟังอย่างมาก รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ ขณะที่คนอายุน้อยก็หายใจแรงเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ“แม่เคยสอนไว้ว่า การให้ที่ดีคือการให้อภัย – ถ้าเอมให้แล้ว พี่สัญญาได้ไหมจะไม่ทำให้เอมเสียใจอีก”“...”“เอมให้โอกาสพี่วีร์นะ”“เอม!!”ปวีร์ที่ได้ยินใจเต้นรัวมากกว่าเดิม แต่มันเป็นความดีใจ เขาได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู เฌอเอมให้โอกาสเขาแล้ว รีบจับร่างระหงหันหน้าเข้ามาหา ยกมือเกลี่ยข้างแก้มเนียนละเอียดแผ่วเบา พลันมองเห็นใบหน้าละมุนมีรอยยิ้มขึ้นมามันทำให้หัวใจของเขาพองโต ความพยายามง้อให้เธอกลับมาหากนับก็เวลาเป็นเดือนๆ อาจยังน้อยกับการกระทำป่าเถื่อนที่เขาเคยทำ แต่ถือว่านานมากสำหรับเขากับการใจแข็งของเธอ แต่ตอนนี้มันอ่อนลงแล้ว เฌอเอมให้โอกาสอย่างที่เขาขอ“พี่รักเอม”มือหนายังประคองข้างแก้ม เขาโฉบหน้าต่ำลง ป้อนเรียวปากให้คนอายุน้อยอย่างละมุน ปวีร์ค่อยๆ เล็มงับไปทีละน้อย แตกต่างจากที่เคยเอาแต่บดเบียดแรงๆ เพื่อความสะใจ มันอ่อนโยนขึ้นจนหญิงสาวหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง“พี่วีร์หยุด...”“พี่คิดถึง พี่โหยหาแต่เอม”ยิ่งเขาพูดออกม
“วันนี้กลับบ้านเลย ไม่มีอะไรน่าหวงแล้ว”“ขอบใจนะหมอ”ปุริมที่เอ่ยขอบคุณเมื่อคุณหมอที่รู้จักดูแลลูกชายอย่างดีตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้“ค่ารักษาใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ ไม่ต้องสำรองจ่ายอะไร – กลับบ้านไปก็ดูแลตัวเองดีๆ นะวีร์”“ครับอาหมอ”อาการป่วยของปวีร์ในตอนนี้ ตัวไม่ร้อนและไม่มีอะไรน่าห่วง เมื่อดีขึ้นตามลำดับคุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ข้าวของบางอย่างมีเฌอเอมช่วยเก็บและขนลงไปไว้ในรถให้ก่อน ภายในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงพ่อลูกที่อยู่กันลำพัง ปวีร์สวมชุดลำลองตัวโปรดของตัวเอง และนั่งรอเฌอเอมขึ้นกลับมาประคองเดินลงไปด้วยกัน“กลับบ้านนะวีร์”“กลับคอนโดครับ”“...”ได้ยินก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ลูกชายไม่มีคอนโดส่วนตัวแล้วจะไปอยู่กับใคร“คอนโดของเอม – ผมอยากไปอยู่กับน้อง”“จะไม่กวนใจน้องเหรอวีร์”เพราะความสัมพันธ์ของเด็กสองคนมันยังไม่ดีขึ้นและยังคลุมเครือ ปุริมเกรงว่าลูกชายจะไปสร้างความรำคาญให้คนอายุน้อย ครั้นเฌอเอมยังมีธุระเรื่องของงานที่เธออาจจะต้องทำเป็นจริงเป็นจังในเร็วนี้ แต่กระนั้นปวีร์ยังยืนยันที่จะติดสอยห้อยตามไปพักฟื้นตัวเองต่อที่คอนโดของหญิงสาว และเหตุผลหลักเขาอยากอยู่ที่นั่นเพื่อง้อและปรับคว
นิสัยก้าวร้าวและความไม่เป็นสุภาพบุรุษคือเปลือกนอกที่เขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูเข้มแข็งและสร้างเกราะปกป้องกันความรู้สึกให้ตัวเองในยามที่ครอบครัวแยกสลายจากกัน แม้มันจะเป็นวิธีที่ผิดก็ตาม“ปล่อยเอม”“อาบให้พี่หน่อย”ดวงตาคู่สวยเลิกมองคนที่นั่งสูงกว่า แม้ว่าเฌอเอมจะยืนก็อยู่เพียงระดับหน้าอกเท่านั้น เพิ่งอาการดีขึ้นจะอาบน้ำเธอก็กลัวว่าไข้ชายหนุ่มจะขึ้นมาอีก แต่กระนั้นก็ยังถูกคะยั้นคะยอเพราะปวีร์เหนียวตัวไม่น้อย ร่างกายหมักหมมมาหลายวันหากได้ฟอกตัวด้วยสบู่หอมๆ ก็คงสดชื่นขึ้นไม่น้อยห้ามไม่ได้ก็คงต้องทำตาม ปวีร์มีอภิสิทธิ์ของคนป่วยทำให้เธอตามใจได้ ถอดชุดผู้ป่วยออกจากตัวแล้วใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวยานที่มีติดตู้เสื้อผ้าผู้ป่วยเอาไว้ เฌอเอมปลดฝักบัวลงแล้วเปิดน้ำในระดับอุณหภูมิห้อง ไม่ให้หนาวมากจนชายหนุ่มสะท้าน รดริดบนผิวกายหยาบก่อนจะบีบสบู่เหลวลงมือแล้วลูบไล้ลงแผ่นหลังและไปยังจุดอื่นๆปวีร์หันด้านหน้าให้คนอายุน้อยถูให้ทั่ว มือบางลูบไล้บนหน้าอกที่เปล่งกล้ามออกเป็นมัดๆ ยามสัมผัสเข้ากับเม็ดกลมแข็งๆ ก็ทำปวีร์ขนลุกขนชันไม่น้อย“พี่หนาวเหรอ”“เปล่า พี่แค่...”เขาโอบกอดเฌอเอมโดยอีกฝ่ายไม่ตั้งตัว ดันเข
ปวีร์ยังคงกอดแน่น คราวนี้กลับมีแรงยื้อคนอายุน้อยเอาไว้ เมื่อเฌอเอมไม่มีทางหลุดจากอ้อมกอดของชายหนุ่มก็ทำได้เพียงกดออดเรียกพยาบาล แม้ว่านางพยาบาลจะเข้ามาแทงเข็มแล้วใส่สายน้ำเกลืออีกรอบ มืออีกข้างของปวีร์ก็ยังโอบเธอเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย“เสร็จแล้วพี่พักผ่อนต่อเถอะ”“เอม...”“พี่ป่วยอยู่”“ฟังพี่”เฌอเอมยืนนิ่ง สูดหายใจเข้าแรงๆ เมื่อหลีกเลี่ยงมันไม่ได้ ยอมอดทนฟังกับคำขอโทษเดิมๆ ของปวีร์อย่างร้าวราน“มันช้าไปไหมถ้าพี่จะบอกว่า...รักเอม”ราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงเข้ากลางใจ เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินจากปากของปวีร์ ชายหนุ่มสารภาพความรู้สึกที่มี มันชัดเจนตั้งแต่เฌอเอมก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังนั้น จุดอ่อนของปวีร์มันก็อยู่ที่หัวใจและความรัก ตอนนั้นเขากลัวแม่และลูกมาแย่งความรักพ่อมีให้ กลัวความไม่สมบูรณ์ของคำว่าครอบครัว แต่ตอนนี้กลับกลัวว่าจะไม่มีผู้หญิงที่ชื่อเฌอเอมอยู่ข้างกาย“ไม่มีเอมอยู่เหมือนขาดอะไรบางอย่างไปจากชีวิตพี่ ให้ปวีร์แสนร้ายคนนี้กลายเป็นปวีร์แสนดีไหม”เขากำลังขอโอกาสจากคนอายุน้อย เฌอเอมกลืนความรู้สึกกระอักกระอ่วนลงคอ จุกแน่นภายในใจไปเสียหมด นิ่งเสียจนปวีร์เดาความคิดและความรู้สึกเธอไม่ได้ ก่
เช้าต่อมาแสงสีทองสาดส่องทั่วทั้งท้องฟ้า ขับไล่ความมืดมนในยามค่ำคืน เฌอเอมรู้สึกตัวตื่นเมื่อแดดแยงตา เมื่อคืนเธอไม่ได้เข้าไปนอนในห้อง เผลอหลับเพราะแอบมองปวีร์บนระเบียง ก่อนจะลุกขึ้นกะทันหันแล้วมองลงไปด้านล่าง ไม่มีชายใจร้ายยืนอยู่ตรงนั้น เขาหายไปแล้วหรือยอมแพ้ไปตั้งแต่เมื่อคืน ถอนหายใจแล้วยกมือลูบใบหน้าตัวเอง โดนกระทำขนาดนี้ปวีร์คงไม่มาราวีเธออีกแล้ว“ก็ดีเหมือนกัน คงทนไม่ไหวหรอก”เดินเข้ามาด้านในทิ้งตัวลงเตียงนอนนุ่มนิ่ม ครั้นรู้สึกปวดเมื่อยตามตัวเพราะนั่งหลับทั้งคืน หลับตาลงหวังจะพักผ่อนต่อก็ต้องลืมตาเมื่อมือถือดังเพราะมีสายเรียกเข้า“แม่...”เฌอเอมย่นคิ้วโก่งเล็กน้อย เมื่อชญาณัฐโทรมา“ค่ะแม่ เอมเพิ่งตื่น”(จะกลับมาบ้านไหมลูก)“ยังค่ะ”(เหรอ...แม่แค่โทรมาบอก พี่วีร์ป่วยนะลูก ไข้ขึ้นสูงตัวร้อนมาก ตอนนี้แอดมิตในห้องผู้ป่วยวิกฤต)“วิกฤติ”เฌอเอมถึงกับงงมากกว่าเดิม ชายหนุ่มยืนตากฝนทั้งคืนพอเข้าใจได้ว่าต้องเป็นไข้ แต่มันถึงขั้นไหนถึงต้องอยู่ห้องวิกฤตความไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนใจร้าย เฌอเอมใช้เวลานี้ในการสมัครงานหน้าออฟฟิศและระบบออนไลน์ ไม่อยากคิดฟุ้งซ่านและไม่อยากเป็นห่วงปวีร์ นอนกระวนกร