“เพ...แม่ฝากดูแลมิลค์กี้ด้วยนะ แม่ขอบใจลูกมากนะที่รักและเอ็นดูมิลค์กี้มาตลอด” นางอุทุมพรบอกลูกเขยเพื่อฝากลูกสาวที่นางรักมากที่สุด มานิตาขาดความรักจากครอบครัว นางรู้และคาดหวังว่าเพทายจะเข้ามาเติมเต็มส่วนนี้ให้กับลูกสาวของนางได้ “ไม่ต้องห่วงนะครับแม่ ผมรักมิลค์กี้ ผมจะไม่ทำให้มิลค์กี้ต้องเสียใจ” เพทายบอกแล้วหันใบหน้าหล่อเหลาไปมองภรรยาสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เมื่อรับคำอวยพรจากญาติผู้ใหญ่แล้วทั้งสองก็อยู่ในห้องหอเพียงลำพัง แม้จะเคยร่วมเตียงกันมาแต่ใช่ว่ามานิตาจะไม่ตื่นเต้นกับการเข้าหอในวันนี้ “เป็นอะไรไปครับ” เพทายที่เพิ่งเดินไปถอดสูทตัวนอกของตัวเองก็เดินเข้ามาหาเจ้าสาวคนสวยที่นั่งอยู่บนเตียง “เปล่าค่ะ” “มิลค์กี้ตื่นเต้นเหรอ” เพทายถามแล้วอมยิ้มออกมากับท่าทีน่ารักของภรรยาสาว ถึงจะผ่านการร่วมเตียงกันมาแต่วันนี้เป็นวันสำคัญทำให้เธออดประหม่าไม่ได้เพราะกลัวทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า “นิดหน่อยค่ะ” “ทำไมล่ะ กลัวอะไรเหรอ” เพทายเลื่อนมือไปจับมือเล็กแล้วนำมาวางที่ตักของตัวเองแล้วหันข้างมองมานิตาด้วยสายตาหวานซึ้ง
“ทำไมเพคิดว่าท้องนี้จะเป็นลูกสาวคะ” คิ้วสวยขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยว่าชายหนุ่มไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน “คืนก่อนเพฝัน...ฝันว่าอลิซมาหาเพ...มาบอกเพว่าอยากขอมาอยู่ด้วย อยากเป็นคนที่ทั้งเพและมิลค์กี้รัก เพเลยมั่นใจว่าอลิซจะต้องมาหาเราแน่ๆ” “เพ” “เราจะดูแลลูกคนนี้ให้ดีที่สุดเลยนะครับ ก่อนหน้านี้เพอาจจะดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่หลังจากนี้เพจะดูแลและปกป้องมิลค์กี้เท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้นะครับ” “ขอบคุณนะคะเพ” “ครับ ขอบคุณเยอะจังเดี๋ยวจูบให้ปากเจ่อเลยดีไหม” “ทุกวันนี้มันก็บวมไม่หายเลยนะคะเพ” ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยความสุขแล้วมองเจ้าบ่าวสุดหล่อของตัวเองในวันนี้ “อยากจูบทุกวันเลยครับ อยากจะทั้งมอนิ่งคิส กู๊ดไนท์คิสด้วยนะ” ทั้งสองสบสายตากันด้วยความรัก มานิตาไม่อยากจะเชื่อว่าในสายตาของเขาตอนนี้มีเพียงแต่เธอเพียงคนเดียว ความฝันที่ใฝ่หามันเป็นจริงแล้ว “คืนนี้เรามาต่อแขนต่อขาให้ลูกอีกดีกว่า ลูกจะได้ออกมาแข็งแรงๆ ดีไหมครับ” เพทายบอกพร้อมสายตาที่เจ้าเล่ห์ ทำเอาคนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อเขาเลื่อนไปปลดเสื้อผ้าของตัว
“มิลค์กี้!!” เพทายร้องเรียกคนตัวเล็ก แต่ดูเหมือนเธอจะโกรธและเดินหันหลังหนีไปจนเขาต้องรีบตามไปให้ทัน “บอสคะ...” เสียงแหลมของแม่เลขาฯ สาวร้องเรียกเพทาย ทำให้ชายหนุ่มหันมามองด้วยสายตาโกรธจัดแล้วพูดบางอย่างออกมา “ไปเก็บของซะ แล้วไสหัวออกจากที่นี่ไป ถ้าไม่อยากถูกไล่ออกก็เซ็นต์ลาออกเอง!!” เพทายมองผู้หญิงเซ็กซี่ที่นั่งแหมะที่พื้นอย่างโกรธกริ้ว แต่เขาไม่มีเวลามาลงโทษคนที่สร้างเรื่อง เพราะเขาต้องเอาเวลาไปง้อเมียและแม่ของลูกจนกว่าเธอจะโกรธเกลียดเขาไปมากกว่านี้ “มิลค์กี้”เพทายวิ่งตามเกือบจะทัน แต่สุดท้ายมานิตาก็พาลูกสาวตัวน้อยของเขาออกจากบริษัทไปแล้วอย่างรวดเร็ว จนชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างกลัดกลุ้ม มือทั้งสองข้างขยุ้มผมจนเสียทรงเนื่องจากกำลังกังวลกับอารมณ์ของเมียรักว่าตอนนี้เธอจะคิดไปไกลหรือยัง “โธ่เว้ย!!” หลังจากที่เห็นภาพบาดตาบาดใจมานิตาก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาจนลูกสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ ร้องถามเมื่อเห็นมารดาเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด “คุณแม่เป็นอะไรไปคะ” เสียงเล็กๆ ของมินตราถามมารดาที่ร้องไห้จนตาบวมเป่ง “ไม่เป็นอะไรค่ะ
“อย่างนั้นเหรอ จะให้มิลค์กี้เชื่อเหรอว่าแค่นั้น นั่งทับขนาดนั้นไม่มีอะไรกันใครจะเชื่อ” “งั้นเดี๋ยวให้ดูกล้องวงจรปิดเลย” เพทายพร้อมพิสูจน์ตัวเองเพราะไม่อยากให้มานิตาเข้าใจผิดกันไปใหญ่ “กล้องวงจรปิดห้องเพ” “เอ๊ะ” เพทายไม่ได้รอ เขากดที่หน้าจอโทรศัพท์และมีภาพที่เพทายกำลังนั่งทำงานและจู่ๆ แม่สาวทรงทรงโตก็ทรุดตัวนั่งที่ตักแกร่งโดยมีมือหนาพยายามผลักออก กระทั่งร่างของเธอเดินเข้ามาเจอทั้งสองคน “เห็นไหมครับว่าเพไม่ได้คิดนอกกายนอกใจมิลค์กี้เลยสักนิดเดียว ไม่เคยเลย” เพทายบอกแล้วกระชับอ้อมกอดของคนตัวเล็กมากขึ้นจากนั้นก็หอมศีรษะของเธอ “แต่เดี๋ยวนะ เพติดกล้องตั้งแต่เมื่อไหร่” มานิตาเงยหน้ามองชายคนรักอย่างสงสัย “ติดตั้งนานแล้วนะ เป็นปีแล้วแต่ไม่ได้บอกมิลค์กี้” “กรี๊ด...เดี๋ยวนี้เพ...งั้นตอนที่เรามีอะไรกันในห้อง...มันก็...” มานิตาหน้าแดงซ่านเมื่อถึงเดือนก่อนที่เธอไปหาสามีหนุ่มแล้วเขาเล่นกินเธอแทนข้าวทำเอาขาเล็กเปลี้ยไปหลายวันเพราะโดนจัดหนัก “เอิ่ม...” “เพ...อย่าบอกนะว่ากล้องบันทึกภาพหมดเลย” “ค
ตอนพิเศษ 1ครัวหรรษา วันนี้มานิตาเดินลงมาทำอาหารให้กับสามีและลูกๆ ของเธอ โดยที่เพทายยังคงนอนหลับอยู่ วันนี้เธอกะว่าจะทำอาหารเช้าง่ายๆ ให้กับสามี เพราะเมื่อวานกว่าชายหนุ่มจะกลับก็ดึกมากแล้ว เธอเลยอยากจะเอาใจเขาสักหน่อย มือน้อยทำง่วนอยู่กับการทำอาหารไม่ได้สังเกตว่าร่างหนาของเพทายเดินย่องมาข้างหลังของเธอ จากนั้นเขาก็ทำการโอบเอวบางของหญิงสาวเอาไว้ “อุ้ย...” “ทำอะไรครับมิลค์กี้” ใบหน้าหล่อเหลาของเพทายวางที่ไหล่บอบบางของมิลค์กี้ จากนั้นก็แนบปลายจมูกโด่งๆ ของตัวเองเข้าไปใกล้แก้มเนียนๆ ของเธอ “อย่าสิเพ...มิลค์กี้ทำข้าวเช้าให้เพกับลูกๆ อยู่นะ” “ไม่อยากกินข้าวเลย อยากกินอย่างอื่นมากกว่า” น้ำเสียงติดกระเส่าทำเอาคนที่กำลังทำกับข้าวอยู่ถึงชะงัก “หมายความว่ายังไง” “ก็เมื่อคืนเพกลับบ้านดึก เมื่อคืนนี้เรายังไม่ได้ทำกิจกรรมกันเลยนะ” เสียงทุ้มบอกจนคนตัวเล็กวางหม้อในมือแล้วเอาลงจากเตา จากนั้นเธอก็ทำการปิดมันลงก่อน เพราะรู้สึกว่าสามีกำลังทำบางอย่างกับร่างกายของเธอ “เพ...อย่างยุ่มย่ามสิ เดี๋ยวลูกๆ ตื่นแล้วนะ”
“อ๊ะ...” มานิตาร้องครางออกมาเสียงดัง เมื่อความเป็นชายของชายหนุ่มกระแทกกระทั้นเข้ามาในร่างกายของเธออย่างแรง จนคนตัวเล็กเอามือค้ำยันไปข้างหลัง “อย่าเสียงดังมิลค์กี้ เดี๋ยวลูกลงมา” มุมปากของเพทายยกยิ้มขึ้นเมื่อเสียงหวานๆ ของมานิตาร้องออกมาเสียงดัง “ก็เพ...ทำแรง” “แล้วแบบนี้ชอบไหม” ว่าจบมือหนาก็ทำการบีบเคล้นอกอิ่มของเมียรักอย่างแรง จนเนื้อหน้าอกปลิ้นกับร่องนิ้วหนาทันที “อื้อ...เพ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะความต้องการที่มากล้น กึก! เพทายถอดถอนกายแกร่งออกมาจนสุด จากนั้นก็กระแทกเข้าไปใหม่จนสุดลำ ทำเอามานิตาร้องซี้ดซ้าดด้วยความเสียวซ่าน เหงื่อของคู่ไหลออกมาเต็มไปหมด “อ๊า...แน่นจัง” เพทายร้องออกมา พร้อมกับจับเรียวขาเล็กของมานิตาเอาไว้ แล้วแยกออกกว้างมากขึ้น เพื่อให้เขาสามารถเคลื่อนกายเข้าไปในร่างกายของเธอได้มากขึ้น “อื้อเพ...อ๊าย!” มานิตากรีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อสามีหนุ่มทำการดันความแข็งร้อนเข้าไปในโพรงสาวอย่างแรง จนเธอเสียววาบไปทั่วสรรพางค์ ทำเอาคนตัวเล็กได้แต่ครวญครางไม่เป็นศัพท์ “ไม่ไหวแล้วเหรอ”
ตอนพิเศษ 2ผู้ชายน่ากลัว วันนี้มานิตาพาลูกๆ ทั้งสองคนอย่างมินมินและมิกซ์มากินข้าวที่ร้านอาหารประจำเพื่อมารอสามีเลิกงาน ชายหนุ่มบอกว่าอยากจะกินข้าวกับครอบครัว ซึ่งมานิตาเลือกจะออกมาจากบ้านกันเอง เพราะไม่อยากให้เพทายวนไปรับ เพราะร้านอาหารอยู่แถวที่ทำงานของเขา “คุณแม่ขา...น้องมินมินอยากกินอันนี้” นิ้วป้อมๆ ของลูกสาวจิ้มไปที่เมนูอาหารที่อยากกิน วันนี้พวกเขามากินร้านอาหารแนวอิตาเลียน ซึ่งเป็นอาหารที่ลูกสาวลูกชายชอบกิน “ได้สิคะ...อยากกินอันไหนเลือกเลยค่ะคุณสวย” พอได้มาเป็นคุณแม่เต็มตัวทำให้มานิตารู้สึกมีความสุขที่ได้ดูแลลูก และได้เห็นพัฒนาของลูกๆ ด้วย การได้ทำหน้าที่แม่นั่นมันคือสิ่งที่มีความสุขและดีที่สุด ยิ่งได้เห็นพวกเขาเติบโตมันคือสิ่งที่เธอดีใจและมีความสุขมาก “พี่มิลค์กี้...” เสียงทุ้มของใครบางคนทำให้มานิตาเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมกับพบใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนที่เธอพอจะจำได้ว่าเขาคือใคร “อิน...” หญิงสาวเรียกชื่อชายตรงหน้าเบาๆ อินคือน้องรหัสของเธอตั้งแต่สมัยเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่ชายหนุ่มค่อนข้างเป็นคนเงียบๆ ทำให้เธอและเขาไม่ค่อยได
“ได้... ครั้งนี้กูจะปรานีมึงนะไอ้อิน แต่ถ้ามึงมายุ่มย่ามกับเมียกูอีก และยังเอาเรื่องตอแหลๆ ที่มึงสร้างเรื่องขึ้นมา มาบอกเมียกู ตอนนั้นอนาคตของมึงดับแน่!” นิ้วหนาชี้ไปที่หน้าของอินทันที “คะ...ครับ...ขอบคุณมากๆ นะครับพี่เพ...” อินยกมือขึ้นไหว้ แล้วรีบวิ่งออกร้านอย่างรวดเร็ว จนคนทั้งร้านมองตามอย่างสงสัย ส่วนเพทายก็มองกลับคนที่มาสนใจเรื่องของเขาครั้งเดียว จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างลูกสาวคนโตทันที เมื่อตัวปัญหาเริ่มร้อน เพทายก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่เขาเห็นมานิตาเงียบลงจนผิดสังเกต ทำเอาชายหนุ่มถามออกมา “มิลค์กี้เป็นอะไร” มือหนาเลื่อนไปกุมมือเล็กของมานิตาพร้อมกับถามอย่างเป็นห่วง “เปล่าค่ะ” “คิดมากเรื่องที่ไอ้อินบอกอย่างนั้นเหรอ” เพทายพอจะเดาได้ว่ามานิตาอาจจะเครียดเรื่องที่อินเอาเรื่องโกหกมาเล่าให้เมียรักฟัง จนหญิงสาวเงียบลงผิดปกติ “เปล่าค่ะ” เสียงหวานบอกอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะมองหน้าเพทาย “อย่าคิดมากนะมิลค์กี้ เพไม่เคยทำอะไรอย่างที่อินบอก ส่วนเรื่องดาว วันนั้นเพไปเจอดาวจริง แต่ดาวเขามากับสามีเขานะ เลยแ
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ