บทที่ 6ได้แล้วห้ามทิ้ง “ไม่เคย...” “งั้นวันนี้ก็เคยได้แล้ว” ว่าจบมือหนาก็เลื่อนมือมาปลดกระดุมเสื้อของมานิตาออกพร้อมกับแยกสาปเสื้อออกจากกันเพื่อให้เห็นความงดงามภายใน “ไม่เอา” “เอาเถอะ...ทนไม่ไหวแล้วว่ะ อยากเอามาตั้งนานแล้ว เธอจะห้ามทำไมเนี่ย” เสียงทุ้มบอกอย่างกระเส่า แค่เขาเห็นเนินอกขาวผ่องอวบอิ่มมันยิ่งทำให้คนตัวโตสูญเสียการควบคุม “อะไร นี่นายคิดไม่ดีกับฉันมานานแล้วเหรอ” มือเล็กดันไหล่กว้างเพื่อมองใบหน้าหล่อเหลาและถามเขาออกไป “ก็เธอแม่งยั่วเยไม่ให้คิดไกลได้ไงวะ” เพทายเป็นคนตรงๆ แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะตรงขนาดนี้ ขนาดเป็นเพื่อนกันมันยังคิดอกุศลกับเธอได้ “ตรงไหนเนี่ย...” “ทุกตรง ยิ่งวันที่เธอไปว่ายน้ำที่มหาวิทยาลัยด้วยฉันก็อดใจไม่ไหวว่ะมิลค์กี้ คนบ้าอะไรใส่ชุดว่ายน้ำแล้วเซ็กซี่เป็นบ้าเลย” “จะบ้าเหรอ ใครๆ ก็ใส่ชุดว่ายน้ำลงเล่นน้ำกันไหม จะมามีอารมณ์อะไรเนี่ย” “เหอะ...ไว้เดี๋ยวคืนนี้กูจะอธิบายด้วยร่างกายของกูไงว่ามันมีอารมณ์แบบไหน” ตั้งแต่แฟนเก่าอย่าง ‘อลิซ’ เสียไป เขาก็ไม่เคยคิดเปิดใ
“ชอบไหม...” “เพ...คือฉัน” มือน้อยถูกควบคุมด้วยมือใหญ่ที่เขาจับมือเธอปัดป่ายไปมาทั่วหน้าท้องแกร่งกระทั่งมันมาหยุดตรงเป้ากางเกงที่มีบางอย่างกำลังดุนดันกางเกงยีนของเขาออกมา “มันอยากได้เธอนะมิลค์กี้ มันอยากเป็นของเธอ” เสียงเข้มบอกอย่างกระเส่า ตอนนี้อารมณ์ของเขามันพลุ่งพล่านไปหมดแล้วตั้งแต่เห็นเรือนร่างท่อนบนที่เปล่าเปลือยของมานิตา “ฉันทำตัวไม่ถูก” ใครมันจะไปทำตัวถูกเมื่อสถานะเพื่อนมันกำลังเลื่อนขึ้นมากกว่าเดิม แถมอย่างอื่นก็แนบชิดมากกว่าเดิมด้วย “ทำตัวให้ชินสิ เธอเป็นเมียฉัน ส่วนฉันเป็นผัวเธอไม่เห็นมีอะไรที่จะทำตัวไม่ถูกเลย” มือหนาจับที่มือเล็กให้ลูบไล้ไปมาที่เป้ากางเกงจนใบหน้าหวานแดงซ่านอย่างเขินอาย ขนาดเขายังไม่ถอดกางเกงมันยังขนาดนี้ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายในมันจะใหญ่ขนาดไหน วันนั้นที่เห็นเธอพยายามที่จะไม่มองเพราะกลัวความยิ่งใหญ่ของมัน “ไม่เอาสิ ฉันเขินนะ” “จับทุกวันจะได้ชินไง เธอจะได้ไม่เขินด้วย” เพทายพยายามพูดเกลี้ยกล่อมให้คนตัวเล็กโอนอ่อนไปกับสัมผัสของเขา และเขาก็รู้ด้วยว่ามานิตาเองก็มีความต้องการ
“อืม...” มานิตาพยักหน้าแล้วเหลือบมองคนตัวโตที่เพิ่งละจากยอดอกอิ่มมามองเธอเช่นเดียวกัน “ยอมแล้วใช่ไหม” “อื้อ...รีบทำได้ไหมไม่ไหวแล้วอะ” ปากเล็กเผยอบอกจนคนที่กำลังคลุกเคล้าร่างกายของเธอยิ้มร่าเมื่อได้ยินคำยินยอมของคนตัวเล็ก “จัดให้เลยครับคนสวย” ร่างหนาหยัดกายขึ้นนั่งคุกเข่าแล้วมองคนตัวเล็กที่นอนบิดเย้ายวนเขาอยู่บนเตียงกว้าง ใครเจอแบบนี้ก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน หุ่นของมานิตาเหมือนนางเอกเอวีญี่ปุ่นที่ตัวเล็กแต่อย่างอื่นไม่เล็กเลย “สวยจังวะ...แม่งเอ๊ย” ความเสียวซ่านมันไปกระจุกรวมที่เอ็นร้อนผ่าวเป็นที่เรียบร้อย มันพร้อมที่จะเข้าไปอยู่ในร่างกายสวยๆ ของมานิตาที่เขาเคยชิมมาแล้วว่ามันหวานฉ่ำแค่ไหน แต่ตอนนี้จะให้เขาเล้าโลมอีกมีหวังตัวเขาเองต้องแตกก่อนเป็นแน่ “สวยก็เข้ามาสิ ไม่อยากได้เราเหรอ” มานิตาบอกเสียงหวานกระแทกใจของเพทายเข้าอย่างจัง มีผู้หญิงสวยๆ มายั่วแบบนี้คนอย่างเพทายหรือจะอดใจไหว “อยากสิ...อยากมานานแล้วด้วย” เพทายฉีกยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำเชิญชวนของคนตัวเล็ก มานิตาเหมือนแม่มดตัวน้อยที่กำลังเสกให้เขาเป็นนายพรานล่า
“เอา...เดี๋ยวจะทำให้เสียวจนลืมความเจ็บเลย” สิ้นเสียงเข้มเขาก็จัดการยกเรียวขาของมานิตาขึ้นสูงแล้วนำไปพาดที่บ่าแกร่ง จากนั้นเขาก็เริ่มโถมตัวเองเข้าใส่คนที่นอนอยู่ใต้ร่าง “อู้ว...เพ...ทำอะไร” เสียงหวานขาดห้วงเมื่อเธอรับรู้ถึงความเจ็บปวดแต่ก็มีความเสียวซ่านแทรกเข้ามาเป็นระยะ “อ๊า...รัดแน่นไปไหมขยับไม่ได้เลยเนี่ย” ร่างกายของมานิตากับเขาช่างแตกต่างในด้านกายภาพ แต่มันไม่มีผลเมื่อได้มาแนบชิดกันแบบนี้ “ไม่เอาแล้ว มิลค์กี้...” เสียงหวานขาดหายไปแต่แทนที่ด้วยเสียงครวญครางที่เพทายต้องยิ้มออกมาเพราะเธอกำลังเสียวซ่าน เขารับรู้จากแรงขมิบตอดลำเนื้อแกร่ง “อะไรครับ บอกผัวสิ...บอกสิว่ารู้สึกยังไง” พั่บ!! พั่บ!! พั่บ!! เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นไปทั่วห้องพร้อมกับเสียงฝนที่เพิ่งเทลงมาเมื่อครู่ อุณหภูมิเย็นจัดจากแอร์บวกกับความเย็นจากอากาศภายนอกไม่ได้ลดทอนความร้อนรุ่มของหนุ่มสาวทั้งสองได้ “เพ...มิลค์กี้ใจจะขาด” สิ่งที่สอดแทงเข้ามาในกายมันทำให้ขนในกายลุกเกรียว ช่องทางล่างที่ถูกรุกรานมันขมิบตอดทุกครั้งที่กายใหญ่ลู่เข้าออก “อ๊า...
“ขยับสิ ควบคุมฉันสิคนสวย” มือใหญ่จับเคล้นที่สะโพกสวยพร้อมกับฟาดแรงๆ จนเธอเผลอร้องออกมา “อ๊ะ...ตีมาได้” “มันเขี้ยว น่าเอาขนาดนี้จะไปไหนได้วะ ขยับสิเมียจ๋า” “ทำยังไง” แม้จะเคยดูพวกหนังโป๊มาบ้างแต่พอภาคปฏิบัติเธอกลับสอบตก เมื่ออยู่ในสถานการณ์จริงความเขินอายมันมีมากกว่าจะให้โยกคลึงบนกายหนา “โยกสิ ขยับขึ้นลงเบาๆ นะเดี๋ยวฉันแตก” เพทายบอกแล้วจับที่สะโพกสวยขึ้นลงเพื่อช่วยสอนคนตัวเล็กให้ออนท็อปมากขึ้น “อ๊า...เสียวจัง” เพราะความใหญ่ยาวของเพทายที่แทรกลึกในกายสาวทำเอาเธอเสียวไปทั่วสรรพางค์ ร่างกายเล็กค่อยๆ ขยับขึ้นลงตามที่เพทายบอกและยิ่งดันร่างกายลงไปมากเท่าไหร่ท่อนเนื้อของเขาก็ยิ่งแทรกลึกเข้ามาจนเธอจุกท้องไปหมด “ของนายใหญ่เกินไปนะ” “ไม่ดีเหรอมีผัวค...ใหญ่อะ” “ไม่รู้ ไม่เคยลองกับคนอื่น แยกไม่ออก” มานิตาบอกอย่างเผลอตัวเพราะคิดว่ากำลังคุยเล่นเหมือนยามปกติ แต่มันกลับทำให้คนตัวโตโกรธ เขาเลยสวนสะโพกเข้าใส่คนตัวเล็กอย่างแรง “อย่ามาพูดแบบนี้อีกมิลค์กี้ กูผัวมึง และจะเป็นคนเดียวด้วย ถ้าคิดเอาตัวไ
บทที่ 7ความสัมพันธ์คืบหน้า บรรยากาศช่วงเช้าที่มหาวิทยาลัยมีเหล่านักศึกษาเดินเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ก็ไม่ได้มีเยอะมากเนื่องจากบางคนชอบลงเรียนบ่ายเพราะไม่อยากตื่นเช้า “โย...” ญาณินเรียกเพื่อนชายที่จะเรียกว่าสนิทไหมก็ไม่เชิง “ว่า” วาโยที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่เงยหน้ามองเพื่อนสาวที่วันนี้สวยแปลกตา ทั้งๆ ที่ปกติญาณินก็สวยอยู่แล้วแต่หล่อนชอบด่าเขาเลยเปลี่ยนมุมมองจากน่ารักเหมือนนางฟ้าเป็นน่ายักษ์เหมือนนางมาร “เห็นมิลค์กี้ไหม ทำไมมาสายจัง” ดวงตากลมโตกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็ยังไม่มีวี่แววของร่างเล็กๆ ทั้งๆ ที่ปกติมานิตาจะมาถึงมหาวิทยาลัยเร็วกว่าใคร “ไม่เห็นเหมือนกัน ฉันก็รอไอ้เพอยู่เนี่ย ปกติมันขาดเรียนที่ไหน มีช่วงหลังๆ ที่มันชอบหายหน้าหายตา” “นั่นสิมิลค์กี้ก็ด้วย เอ๊ะ...” คิ้วสวยของญาณินขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยพร้อมกับฉุกคิดบางอย่างในสมองขึ้นมา จนวาโยเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสาว “อะไร” “ฉันว่าสองคนนี้มีอะไรแปลกๆ หรือเปล่า” เพราะความฉลาดหลักแหลมและความที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเป็นที่หนึ่งทำให้ญาณินกำลังคาดเดาเรื่องของมานิ
“อะไรกันเนี่ย!!” พะแพรพี่สาวคนสวยของเพทายเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับมาเจอภาพน้องชายนอนกอดกับมานิตาเพื่อนสาวที่เคยเห็นหน้าค่าตามาบ้าง แต่พอมาเจอในสภาพนี้ทำเอาคุณแม่ลูกหนึ่งถึงกับตกตะลึง “อะไรกันครับพะแพร”เสียงทุ้มของใครบางคนที่ถามจากนั้นก็เดินเข้ามาในห้องเพทายติดๆ จนมานิตาต้องเอาตัวเองไปซุกใต้ผ้าห่มเพราะอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว “โอ้ว!!” เสียงตกตะลึงของแอชตันพี่เขยของเพทาย และยังเป็นรุ่นพี่ที่คณะของเธอด้วย แม้จะไม่สนิทแต่ก็รู้จักกันบ้าง “พี่แอชตันออกไปรอพะแพรก่อนนะคะ พะแพรขอเคลียร์กับน้องชายตัวดีก่อน เราด้วยนะมิลค์กี้” พะแพรยืนเท้าสะเอวมองสาวร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของน้องชายเธอ “ตื่นได้แล้วไอ้น้องตัวดี!!” “ใครมาอะ...อ้าวเจ้!!” นิ้วหนายกขึ้นขยี้ตาของตัวเองแล้วเพ่งมองไปยังประตูก็พบกับร่างเล็กของพี่สาวที่กำลังทำหน้ายักษ์ใส่เขาอีกแล้ว “ใช่ฉันพี่แกไง ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยเลยนะ แล้วลงไปคุยกันข้างล่าง มิลค์กี้ด้วย แต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วลงไปข้างล่าง อย่าช้าล่ะ” “เจ้...อะไรเนี่ย มาบ้านก็มาโหวกเหวกโวยวาย คนจะหลับจะนอน” เพทาย
“แต่มิลค์กี้เป็นเพื่อนเราไม่ใช่เหรอเพ ทำไมทำแบบนี้” พะแพรพอจะรู้จักมานิตาดี หญิงสาวน่ารักจนเธออดเอ็นดูไม่ได้ แต่ไม่คิดว่าน้องชายตัวเองจะเป็นเอามากที่มายุ่งกับเพื่อนแบบนี้ “เพื่อนเปลี่ยนเป็นเมียไม่ได้เหรอ เจ้อย่าโวยเถอะ” “ไอ้เพ...” “ที่รักครับอย่าโกรธน้องมันเลยนะ พะแพรกำลังท้องอยู่ด้วยพี่ไม่อยากให้พะแพรเครียด” มือหนาของแอชตันเอื้อมไปบีบไหล่ทั้งสองข้างของภรรยาเพื่อให้เธอใจเย็นมากที่สุด “พี่แอชตันก็ดูน้องพะแพรสิคะ มันน่าไหม” “เราโอเคหรือเปล่ามิลค์กี้ แล้วคิดดีแล้วใช่ไหมที่จะคบกับเพทาย” แอชตันหันไปมองรุ่นน้องสาวที่ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็เคยคุยกันมาบ้างสมัยที่ยังเรียนอยู่ “เอ่อ...มิลค์กี้” “ตอบไปสิมิลค์กี้ ไม่ต้องมาทำหน้าแดงกับผัวพี่สาวฉัน” เพทายหงุดหงิดใจเมื่อเห็นสายตาของมิลค์กี้ที่มองแอชตัน เพราะเขารู้ว่าสมัยปีหนึ่งเธอเคยแอบๆ ปลื้มแอชตัน “เพ...ไปว่ามิลค์กี้อย่างนี้ได้ยังไง” พะแพรเอ็ดน้องชายที่ทำตัวพาล แต่สายตาก็รู้แล้วว่าน้องของเธอกำลังหึงหวงคนตัวเล็กมากแค่ไหน “ไม่ต้องหันไปมองพี่แอชตัน มองหน้าพี
“ไม่ดีตรงไหน ฉันทำอะไรผิดล่ะ” “นี่นายยังไม่รู้ตัวเลยเหรอ นายปล้ำฉันนะ นายยังมีหน้ามาบอกตัวเองไม่ผิดอีกเหรอ” ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะไม่เข้าใจคนตัวโตที่ไม่ยอมสำนึกอะไรเลย “ก็บอกจะรับผิดชอบเธอก็เล่นหนีหายหน้าไปเป็นอาทิตย์เนี่ย ตอนงานแต่งเพทายกับมิลค์กี้เธอก็เอาแต่หลบหน้าฉัน” วาโยไม่รู้ใจของผู้หญิงคนหนึ่ง การที่หญิงสาวหลบหน้าเขามันทำให้เขากระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก “ฉันบอกแล้วไงว่าถ้านายแค่อยากรับผิดชอบก็ลืมๆ เรื่องคืนนั้นไปเถอะ ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว” หญิงสาวหันไปทางอื่นพร้อมกับความรู้สึกที่เจ็บลึก เธอไม่ต้องการแค่นั้น มันอาจจะดูโลภเกินไปแต่ใครจะทนอยู่กับผู้ชายที่แค่ต้องการรับผิดชอบเราแค่นั้นล่ะ “แล้วต้องการอะไรอีกหือ” เสียงเข้มบอกอย่างออดอ้อนเมื่อคนตัวเล็กกำลังทำเหมือนงอนเขาเสียนี่ “เปล่า” “ถ้างั้นบอกรักก่อนสิ ละเดี๋ยวจะให้อย่างอื่นด้วย” จู่ๆ ชายหนุ่มก็โพล่งบางอย่างออกมา ญาณินเลยเงยหน้ามองคนตัวโตอย่างสงสัยกับคำพูดของเขา “อะไรของนาย” “รักฉันไม่ใช่ไง ไม่คิดจะบอกรักผัวตัวเองหน่อยเหรอ” คำพูดของวาโยสร้างคว
“ถ้านายต้องการแค่รับผิดชอบฉันไม่เอาหรอก เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉัน ปล่อยนะ ฉันโทร.ให้ที่บ้านมารับแล้ว ฉันจะไม่รบกวนคนอย่างนายอีกต่อไป!” ก่อนจากวาโยเห็นว่าญาณินมีน้ำตาที่ขอบตาจนอยากจะเอามือหนาไปปาดคราบน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่ก็ต้องชะงักมือกลับเพราะถ้าทำอะไรมากกว่านี้เธออาจจะโกรธ วาโยมองญาณินที่เดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่หดหู่ ไม่รู้ทำไมคำพูดของเธอมันฉายเข้ามาในความคิดซ้ำๆ ถ้าเธอไม่ต้องการความรับผิดชอบแล้วต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์วันนั้นญาณินก็แทบไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งเพิ่งผ่านพ้นงานแต่งของเพื่อนรักอย่างมานิตายิ่งได้เห็นว่าเพื่อนมีความสุขเธอก็ยินดี แต่สักพักก็รู้สึกหดหู่ใจเมื่อหันมามองความรักของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อดี ความบริสุทธิ์ก็ถูกวาโยช่วงชิงไปจนไม่เหลือชิ้นดี ถามว่ารู้สึกดีไหมคงตอบว่าใช่ มันไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ทางกายแต่มันมากกว่านั้น เธอชอบวาโยมาตั้งนานแล้ว นานจนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเริ่มชอบตอนไหน ตลอดระยะเวลาการเป็นเพื่อนกันเธอพยายามไม่สนิทกับชายหนุ่มมากไปกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเพราะกลัวว่าสักวันความรู้ส
ลำกายหนากระเสือกกระสนเข้ามาในโพรงสาวอย่างรุนแรงจนเขารับรู้ว่าคนตัวเล็กกำลังกระตุกอย่างรุนแรงพร้อมกับเสียงกรีดร้องเป็นทางยาวที่บ่งบอกถึงความสุข “กรี๊ด” มือน้อยที่จับที่ต้นแขนแกร่งที่เอื้อมมาบีบเคล้นอกอิ่ม “เสร็จแล้วเหรอ ตอดแรงขนาดนี้” วาโยกระหยิ่มยิ้มเมื่อเห็นคนตัวเล็กสุขสมแล้ว ต่อไปถึงตาของเขาบ้าง และคืนนี้มันจะไม่จบเพียงเท่านี้อย่างแน่นอน วาโยเปลี่ยนท่าให้คนตัวเล็กนอนคว่ำ จากนั้นเขาก็จัดการยกสะโพกสวยขึ้นเพื่อรับกับเอ็นร้อนที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำรักของเธอ จากนั้นก็สวนมันเข้าไปในโพรงสาวที่ยังคงแน่นหนึบอย่างแรง “อ๊า...เจ็บ” “ทั้งเจ็บทั้งเสียวเลย” วาโยคุกเข่าแล้วเสยตัวตนร้องเข้าไปอย่างแรงจนใบหน้าหวานลู่แนบกับที่นอนหนานุ่มเพราะหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรต่อไป “อ๊ะ...จะทำอะไรโย” “ท่าหมาไง คราวก่อนเธอบอกฉันปากหมา วันนี้ฉันเลยจะเอาท่าหมาให้เธอดู” วาโยมองเอ็นร้อนที่ผลุบเข้าออกมาโพรงสาวจากทางด้านหลัง มันยิ่งทำให้เขาซาบซ่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน การที่ได้กระแทกเข้าไปในกายสาวที่ตัวเองชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ก็เพิ่มความดุ
“หึหึ...ทำตัวน่ายั่วขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนจะทนได้” “แต่นายเป็นเพื่อนฉัน นายต้องทนได้สิ เพื่อนกันใครเขาทำแบบนี้” “ไอ้เพมันยังทำกับมิลค์กี้ ทำไมฉันจะทำกับเธอไม่ได้วะ เลิกเอาคำว่าเพื่อนมาพูดได้แล้วไหม เข้าไปอยู่ในตัวแบบนี้คำว่าเพื่อนมันขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” วาโยตะโกนบอกที่คนตัวเล็กชอบย้ำคำว่าเพื่อนกับเขายิ่งนัก อยากเป็นอะไรหนักหนาเพื่อนเนี่ย “อยากเป็นอะไรหนักหนากับคำว่าเพื่อน ให้เป็นผัวเหอะ เดี๋ยวจะเลี้ยงอย่างดีเลย” “ไอ้วาโย” “เปลี่ยนจากเรียกไอ้ไปเรียกผัวแทนได้ไหม นับตั้งแต่นี้เธอเป็นเมียฉันละ ถ้ายังพูดเพื่อนๆ อะไรอีก เดี๋ยวจับปล้ำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” วาโยร้องขู่เพราะจะจัดการคนตัวเล็กที่ชอบเอาคำว่าเพื่อนมาอ้างตลอด ตอนนี้หญิงสาวได้สติแล้ว แต่ร่างกายเบื้องล่างตอดขนาดนี้ คำว่าเพื่อนมันก็ไม่ต้องจำเป็นแล้วไหม ญาณินรีบหุบปากของตัวเองทันทีเมื่อเจอคำขู่ของวาโย แถมชายหนุ่มยังกระหน่ำสะโพกสอบเข้ามาอย่างรุนแรง มือบางทั้งสองข้างจิกลงบนที่นอนหนานุ่ม ส่วนใบหน้าหวานหลับพริ้มเมื่อความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านไปทั่วเรือนร่าง
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอหอมกรุ่นจากนั้นปากหยักก็ทำรอยที่ต้นคอหญิงสาวอยู่หลายจุด ก่อนจะมาหยุดที่อกอิ่มชูชันท้าทายปากของเขาเหลือเกิน จ๊วบ!! มือหนาของวาโยรวบอกอิ่มเอาไว้ในมือแล้วใช้ปากหยักเข้าครอบครองป้านสีหวานที่ล่อตาล่อใจของเขาเหลือเกิน เม็ดเล็กแต่ชูชันรับกับปากหนาได้เป็นอย่างดี “อ๊า...อย่ากัดนะ” ญาณินร้องเสียงลงเมื่อวาโยใช้ฟันคมๆ งับลงไปด้วยแรงที่ไม่มากไม่น้อยเกินจนคนตัวเล็กที่รับรู้ถึงสัมผัสรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์ “แม่งโคตรชอบเลยรู้ไหม เด้งรับปากฉิบหายเลย” ตอนนี้วาโยสลัดความคิดว่าที่เพื่อนไม่ควรเล่นเพื่อน แต่วันนี้มันอดใจไม่ไหวจริงๆ ในเมื่อญาณินสวยสดเหลือเกิน “อ๊า...อ๊ะ...โย” “หือ อะไรจ๊ะ” วาโยเหลือบตามองคนตัวเล็กที่กำลังร้องครวญครางราวกับกำลังจะขาดใจ “เสียว” “เดี๋ยวได้เสียวกว่านี้แน่ๆ เลยคนสวย” ว่าจบวาโยก็ชันร่างกายสูงของตัวเองขึ้นเพื่อจัดการเผด็จศึกคนตัวเล็กสักที เสียเพื่อนเขาก็เอาถ้ามันทำให้ได้ตัวของหญิงสาวมาไว้ในครอบครอง ถ้ารู้ว่าเธอสวยขนาดนี้ไม่ให้เป็นเพื่อนหรอก
“ไว้ญาณินตื่นขึ้นมากูจะบอกความเลวของพวกมึงให้หมดเลย ให้เลิกคบพวกมึงซะ” ว่าจบวาโยก็พาคนตัวเล็กออกมาจากโต๊ะ จากนั้นก็พาเดินเข้าไปหลังร้านที่มีห้องพักรับรองที่เวลล์สร้างเอาไว้ มีอยู่สามสี่ห้องเพื่อเอาไว้รองรับเพื่อนๆ ที่อาจจะเมาแล้วกลับไม่ไหว “เกิดอะไรขึ้นวะวาโย” เวลล์ที่เพิ่งไปรับลูกค้ามาเดินมาเจอวาโยกำลังโอบญาณินเข้ามาข้างในด้วยสภาพราวกับกำลังละเมอ “ไม่รู้ว่าเพื่อนของญาณินเอาอะไรให้เธอกิน เธอเลยมีสภาพนี้ ผมขอยืมห้องก่อนได้ไหมจะให้ไอ้ตัวเล็กมันเข้าไปพักก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน” “เออได้ดิ จัดการเองได้ไหม เฮียมีรับลูกค้าเยอะวันนี้” “ครับไม่เป็นไร แค่ให้ยืมห้องผมก็ซึ้งน้ำใจละ” วาโยกล่าวขอบคุณเวลล์ที่เป็นเพื่อนพี่ชายคนหนึ่ง วาโยลากคนตัวเล็กเข้าไปพักผ่อนในห้องเพราะหวังให้หญิงสาวคืนสติโดยไว ไม่รู้พวกนั้นมันเอาอะไรให้ญาณินกินกันแน่ทำไมอาการของหญิงสาวถึงแปลกๆ อย่างนี้ “นอนก่อนนะญาณิน เดี๋ยวหาผ้ามาเช็ดให้” ร่างกายของหญิงสาวเริ่มร้อนขึ้นจนเขาอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนมือน้อยๆ ก็คว้าหมับที่ข้อมือทันที “วาโ
ทั้งสองเดินทางมายังคลับของเวลล์ที่ตอนนี้หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการ ไม่แปลกใจว่าช่วงหลังๆ กิจการของคลับเป็นไปได้อย่างดี “ไหนเพื่อนเธอเหรอ” วาโยมองไปรอบๆ เพื่อหาเพื่อนของญาณินและก็พบกับกลุ่มเพื่อนสามสี่คน และมีผู้ชายอยู่ประมาณสองคน ส่วนที่เหลือเป็นผู้หญิง “ไหนนายบอกจะไปหาพี่เวลล์ จะไปกับฉันทำไม” ญาณินหันมาแว้ดใส่เพื่อนสนิทที่เหมือนจะเดินตามไป “เฮียคงกำลังยุ่งๆ รับลูกค้า ขอไปนั่งด้วยได้ไหม” เวลล์บอกคนตัวเล็กเพราะจากสายตาที่เขาประเมินกลุ่มเพื่อนของญาณินดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ ถ้าปล่อยให้หญิงสาวไปคนเดียวมันคงไม่ดีแน่ “โหย...อะไรของนาย” “ถ้าให้ไปเดี๋ยวเลี้ยงเหล้าด้วย โอเคไหม” ข้อเสนอของวาโยน่าสนใจ จนญาณินคลี่ยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ มีคนเลี้ยงเหล้าใครบ้างจะไม่สนใจ ทำให้ตอนนี้ทั้งสองหนุ่มสาวเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “เฮ้...ญาณิน” เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นเรียกเพื่อนสาว “ดีใจจังได้เจอพวกแก” ญาณินยิ้มให้กับเพื่อนที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์กรึ่มๆ เพราะดื่มกันก่อนท
ตอนพิเศษYanin X Wayoขอเป็นมากกว่าเพื่อน ชีวิตที่แสนเรียบง่ายของญาณินเป็นอันต้องพังทลายลงเมื่อบิดาประกาศกร้าวให้เธอไปดูตัวคู่หมั้นของตัวเอง คู่หมั้นที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหน้าตาเป็นอย่างไร วันนั้นเธอร้องห่มร้องไห้ไปหามานิตาเพื่อให้เพื่อนช่วยคิดแผนการล้มเลิกการดูตัวในครั้งนี้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่กล้าที่จะไปขอความช่วยเหลือจากวาโย เพราะมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะบอกให้วาโยมาแกล้งเป็นแฟน “เฮ้อ...” “เป็นอะไรไปญาณิน” วาโยที่นั่งกินข้าวเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนของตัวเองที่เอาแต่นั่งหน้าเศร้าตีหน้ามึนทำเอาคนที่กำลังกินอาหารอยู่รู้สึกกร่อยขึ้นมาทันที “ไม่มีอะไร” “เอ้า!! ไม่มีอะไรได้ไง แกเอาแต่ทำหน้าซึมแบบนี้” วาโยมองเพื่อนอย่างสงสัย เพราะช่วงหลังๆ มานี่ทั้งสองไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเพทายกับมานิตาตัวติดกันราวกับปลาท่องโก๋ พวกเขาเลยกลายเป็นส่วนเกินที่ต้องมากอดคอร้องไห้เมื่อโดนเพื่อนทิ้งไปจู๋จี๋กัน “คิดๆ อะไรนิดหน่อย” “คิดอะไรวะ” วาโยที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังสะบัดผมไปข้างหลัง จนทำให้เขามองเห็นร่องหน้าอกขอ
“รีบเปลี่ยนนะครับ ไว้ถ้ากลับมาจากทะเล เพขอจัดหนักสักน้ำนะ” ชายหนุ่มบอกอย่างมีเลศนัย จนมานิตาได้แต่หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ค่ะ” เมื่อทั้งสี่เปลี่ยนชุดแล้ว พวกเขาก็เดินไปยังทะเลที่อยู่หน้ารีสอร์ต เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยทำเอาพวกเขาต่างมีความสุข “คุณแม่ขา...มาช่วยหนูก่อกองทรายหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ของลูกสาวบอก จากนั้นมานิตาที่เพิ่งเป็นแบบถ่ายรูปให้กับเพทายต้องละความสนใจแล้วเดินไปหาลูกสาวลูกชายทันที “ไปช่วยลูกก่อกองทรายกันค่ะเพ...” เพทายเดินมากุมมือของมานิตาแล้วพาเดินตรงไปหาลูกสาวที่นั่งที่ทรายทันที “คุณแม่ครับ อันนี้เป็นเครื่องบินน้องมิกซ์วาดเอง” เสียงของลูกชายบอกอย่างเจี๊ยวจ๊าว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันไปมอง ก็พบกับภาพเครื่องบินในจินตนาการของลูกชาย “วาดเองเหรอครับ” “ครับ” เพทายและมิลค์กี้มองหน้ากันเมื่อเห็นภาพที่ลูกชายวาด มันสวยเกินกว่าที่เด็ก 5 ขวบจะวาดด้วยซ้ำ แสดงว่าลูกชายของพวกเขาอาจจะมีพรสวรรค์ด้านนี้ “สวยจังเลย คนเก่งของแม่”มานิตาทำการหอมหัวของลูกชายหนึ่งที พร้อมที่จะมองเพทายแล้วยิ้มอ