“แต่ถึงยังไงผมก็ไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บตัวแบบนี้อีก”แววตาอ่อนหวานยามที่เขามองมาทำให้แก้มคนถูกมองร้อนผ่าว ต้องรีบเปลี่ยนเรื่อง“จริงสิคะ! ฉันยังไม่ได้ขอบคุณคุณเลยที่ช่วยดูอลิศให้ แล้วก็ต้องขอโทษคุณด้วยที่ทำให้ลำบาก ต้องคอยดูยายจอมซนให้ตั้งหลายวัน แล้วนี่คุณยังต้องลำบากหอบหิ้วลูกมาหาฉันถึงเมืองไทยอีก ทั้งๆ ที่งานคุณก็ยุ่งขนาดนั้น บอกตามตรงว่าฉันเกรงใจคุณมาก...อุ๊ย!” วิศราชะงักกึกเมื่ออีกฝ่ายยื่นปลายนิ้วมาแตะที่ริมฝีปาก“ชู่...ถ้าคุณพูดออกมาอีกคำเดียว ผมจะไม่เกรงใจคุณแล้วนะ!” ดวงตาสีเทาที่ทรงอานุภาพทำลายล้างสูงมองสบตาอย่างมีนัย จนวิศราต้องเสหลบตาคู่นั้นด้วยหัวใจที่หวั่นไหวใช่ว่าเธอจะไม่รู้ความในใจที่อีกฝ่ายมีให้มาตลอด แต่กระนั้นเธอก็ไม่อยากเอาเปรียบให้เขาเข้าใจว่าเธอกำลังให้ความหวัง หรือหลอกใช้ความหวังดีของเขาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียว“อลันคะ...อย่าทำแบบนี้ คุณก็รู้ใช่ไหมว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้ และตอนนี้ฉันไม่เหลือหัวใจที่จะรักใครได้อีกนอกจากลูก สิ่งที่ฉันให้คุณได้ก็มีเพียงแค่ความปรารถนาดีอย่างจริงใจเท่านั้น ยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่เหมาะสมกับคุณมากกว่าผู้หญิงที่เต็มไปด้วยบา
“มากับใครเนี่ยลูก”“ก็มากับคนที่แกก็รู้ว่าใครไงเล่า” วิศราตอบแทนลูกสาว พลางบุ้ยใบ้ไปที่ร่างสูงสง่างามที่ยืนกอดอกมองคู่ซี้ต่างวัยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์“ตายแล้ว! มิสเตอร์บอสของฉันก็มาด้วยเหรอนี่!” หนุ่มตี๋ทำตาโตดี๊ด๊า ก่อนตวัดค้อนใส่อย่างหมั่นไส้เมื่อเห็นอลันแกล้งขยับกายหลบด้านหลังแม่เพื่อนสาวทันควัน เพราะกลัวถูกเขากอดฟัดเหมือนที่ทำกับอลิศ“เชอะ...ทำมาเป็นหวงตัวกับเรา ใช่ซิ ฉันมันแค่ตัวสำรอง ไหนเลยจะสู้คนบางคนได้...” คนพูดแกล้งชายตามองหน้าแม่เพื่อนสาวที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างหมั่นไส้ “แล้วนี่มากันเมื่อไหร่ ทำไมแกไม่โทร. บอกฉันก่อนล่ะ”“ก็มาเจอตอนที่แกมาส่งฉันแล้วกลับบ้านไปเอาเสื้อผ้านั่นแหละ ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกันเลยไม่ได้โทร. บอก” วิศราตอบพลางต้อนทุกคนไปที่ห้องนั่งเล่น โดยมีแม่หนูอลิศเดินตามติดมานั่งเบียดกระแซะเพื่อนรักของมารดาไม่ห่างราวกับเป็นปาท่องโก๋“มิน่าล่ะ โทร. หาทั้งวันก็ไม่ติด ที่แท้ก็แอบดอดพาหลานฉันมาหาสาวแถวนี้นี่เอง ชิ ร้ายจริงๆ”“ใครว่าผมมาหาสาวอย่างเดียว” อลันกลั้นหัวเราะแกล้งเก๊กหน้าขรึมวางมาดบอสใหญ่น่าเกรงขาม “ผมจะมาตรวจงานของ ‘พวกคุณ’ ด้วยต่างหากเล่า
“เริ่ด! มันต้องอย่างนี้สิเพื่อน!” ยุทธนาดีดนิ้วเปาะ ก่อนหันไปเปิดกระเป๋าหยิบแฟ้มมายื่นให้ “ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องเตรียมงานฉันเริ่มไปบางส่วนแล้ว ตอนนี้ฉันได้คัดโพรไฟล์นางแบบมาคร่าวๆ แล้วอยู่ในแฟ้มนี่ เหลือแค่เลือกขั้นสุดท้าย แล้วก็เรียกมาเซ็นสัญญาและนัดซ้อมเดินแบบ ส่วนแบบดีไซน์ต่างๆ ฉันมีที่ออกแบบไว้บ้างแล้ว ส่วนของแกจะออกแบบใหม่ทั้งหมดหรือใช้แบบร่างดีไซที่เคยวาดมาปรับเอาก็ตามใจ เรื่องธีมโชว์เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันอีกที เวลากระชั้นก็จริงแต่ฉันคิดว่าไม่น่ามีปัญหา ฉันเชื่อว่าเราทำได้”“แต่เรื่องเครื่องมือกับสถานที่ทำงานล่ะ ฉันคิดว่าทำที่โรงแรมนี่คงไม่สะดวก” วิศราหันไปถามความเห็น เธอไม่ต้องการเสียสมาธิเพราะใครบางคนที่อาจบุกมาหาเรื่องเธอได้ทุกเมื่อที่ต้องการ และเธอไม่ไว้ใจผู้ชายคนนั้นเลย ไหนจะเป็นห่วงลูกสาวตัวน้อยอีก“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมให้คนของเราเตรียมเซฟเฮาส์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ให้แล้ว ขาดเหลืออะไรพวกคุณก็บอกได้ พร้อมเมื่อไหร่ก็ย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่นได้เลย ช่วงนี้ผมได้เวเคชันยาว พอมีเวลาช่วยเป็นที่ปรึกษาให้พวกคุณได้ แถมระหว่างนี้คุณก็ยังได้อยู่ใกล้ชิดคอยดูแลอาการพ่อคุณได้ด้ว
ปราบดาตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงสลัดภาพวิศรากับเด็กน้อยคนนั้นออกจากหัวไม่ได้เลย ทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นตามกวนใจเขาตลอดเวลา ไหนจะภาพเจ้าหนุ่มหน้าตี๋ที่เข้ามาพัวพัน หรือภาพที่ผู้ชายต่างชาติคนนั้นผวากอดเธอกลางล็อบบีนั่นอีก วิศรานั้นเป็นคนหยิ่งและถือตัวมาแต่ไหนแต่ไร การที่เธอไม่ได้ต่อว่าอีกฝ่ายที่เข้ามากอดกลางที่สาธารณะนั่นก็พอจะบ่งบอกให้รู้ถึงระดับความสนิทสนมที่ไม่ธรรมดา แล้วไหนจะเด็กที่ชื่ออลิศคนนั้น ที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ แต่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก มันเหมือนกับเขาถูกชะตา รู้สึกเอ็นดูตั้งแต่แรกพบ ยิ่งยามที่เห็นหนูน้อยใกล้ชิดสนิทสนมกับหนุ่มฝรั่งตัวโตที่มาด้วยกันเป็นพิเศษ เขาก็แอบใจหาย บังเกิดความหวงแหนเล็กๆ ขึ้นมาในใจ อยากเป็นคนที่เดินจูงมือน้อยๆ นั่นแทนผู้ชายคนนั้น“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจอย่างหนักหน่วงทำให้คนแอบยืนสังเกตอาการอยู่นานประหลาดใจ“ปราบจ๊ะ!” มือที่แตะลงมาทำให้คนใจลอยคืนสติ“ค...ครับ พี่ปูว่าอะไรนะครับ!”“ใจลอยไปไหนจ๊ะ ไม่สบายหรือเปล่า” ปุริมามองท่าทางของน้องชายอย่างเป็นห่วง“เปล่านี่ครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร แค่เพลียๆ นิดหน่อยเท่านั้น”“งั้นก็แล้วไป พี่ก็เป็นห่วง”
“ทำไมพี่ปูถามอย่างนั้นล่ะครับ”“ไม่รู้สิ พี่แค่รู้สึกว่าปราบเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ ไม่ก็กำลังรอใครสักคนอยู่” ปุริมาเอ่ยตามความรู้สึกโดยหารู้ไม่ว่าคำถามนั้นกระแทกใจคนฟังเข้าอย่างจัง จนเขาหน้าเปลี่ยนสีไปวูบหนึ่ง ก่อนที่จะข่มอารมณ์ปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติ“พี่ปูอย่าคิดมากไปเลยครับ ผมก็แค่ยังหวงชีวิตหนุ่มโสดตามประสาเท่านั้นเอง ไม่แน่นะครับ บางทีถ้าผมเห็นยัยตัวเล็กของพี่บ่อยๆ ก็อาจจะอยากมีเป็นของตัวเองบ้างสักวันก็ได้ใครจะไปรู้”“ให้มันจริงเถอะจ้ะ อย่าให้พี่กับหลานรอจนเหงือกแห้งแล้วกัน” ปุริมากระเซ้าน้องชาย โดยหารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดหนักที่ผ่านมาเขาไม่เคยจินตนาการเรื่องการมีลูกของตัวเองมาก่อนไม่ว่ากับใคร แม้แต่กับพรีมโรส ผู้หญิงที่เขาคบหาดูใจคนปัจจุบัน จะเป็นอย่างไรนะ ถ้ามีใครสักคนมาเรียกเขาว่า ‘พ่อปราบ’ บ้าง เพียงแค่คิดหัวใจก็พองโตคับอกแล้ว ภาพเด็กน้อยแก้มยุ้ยคนนั้นโผล่แวบเข้ามาในสมองถ้าหนูน้อยอลิศนั่นเป็นลูกของหนึ่งในสองหนุ่มที่ใกล้ชิดกับวิศราจริงๆ เขาก็คงทำใจปล่อยวางยอมให้เธอไปตามทางที่เธอต้องการ ส่วนเขาก็จะฝังกลบความทรงจำในอดีตให้หมดเสีย อย่างน้อยก็ไม่ต้องรู้สึกทรมา
“ส่วนสถานที่แคสติงหรือนัดฟิตติงนางแบบ ผมให้ทีมงานเราที่ประจำอยู่ที่นี่จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้แล้ว ถ้ามีอะไรขาดเหลือหรือต้องการอะไรก็บอกมาได้เลยนะ ผมจะได้ให้เขาหามาเพิ่มให้”ยุทธนาทำเมินสายตาจับผิดของเพื่อนสาวแล้วหันไปมองบุรุษรูปงามด้วยแววตาเป็นประกายวิบวับ“เอ...ถ้าขาดคนรักคอยเอาใจ บอสจะหาเพิ่มให้สักคนสองคนได้ไหมครับ”“ขอโทษนะยอร์ชชี่ ถ้าเป็นเรื่องนั้นผมคงช่วยคุณไม่ได้จริงๆ” คนถูกถามแกล้งทำหน้าขรึม ปรายตามองไปที่หญิงสาวข้างกาย “เพราะตัวผมเองก็ยังขาด...เหมือนกัน”“หูยยย...เดี๋ยวนี้หยอดเก๊งเก่งนะครับบอส หยอดเก่งแบบนี้น่าพาไปเรียนทำขนมครกเอาไว้จีบสาวไทย หน้าตาหล่อชวนฝันอย่างบอสนี่ รับรองว่าสาวๆ เดินตามกันเป็นพรวนแน่ จริงไหมวีวี่” คนพูดลอยหน้าลอยตาถามยั่วคนใจแข็ง ก่อนสะบัดค้อนใส่อย่างหมั่นไส้เมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมาหน้าตาย“ไม่รู้สิ ฉันไม่ชอบกินขนมครกนี่” “ขนมครกเป็นยังไงเหรอคะแม่ส้ม” เจ้าของเสียงใสๆ ถามตามประสาคนช่างสงสัยแต่กลับช่วยให้คนเป็นแม่หายใจหายคอคล่องขึ้น“ขนมครกเป็นขนมไทยที่ทำจากแป้งค่ะ เขาจะเอาแป้งมาหยอดใส่ในพิมพ์ที่ทำเป็นหลุมๆ พอสุกก็จะใช้ช้อนแคะออกมาจากพิมพ์ เอาไว้ว่างๆ แม
หญิงสาวเงยหน้าสบตาคนพูด พอเห็นประกายที่ฉายออกมาจากดวงตาคู่นั้น ใจเจ้ากรรมก็เริ่มทำงานหนักอีกครั้ง วิศราพยายามข่มความรู้สึกไม่ให้ไหลไปตามความใจดีของคนตรงหน้า ทั้งที่รู้ดีว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ แต่เธอต่างหากที่ไม่คู่ควรจะรับความรู้สึกนั้นมา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้! ตอนที่เธอมีเรื่องให้ห่วงหน้าพะวงหลังเต็มไปหมด ทั้งเรื่องพ่อ เรื่องลูกสาว ไหนจะเรื่องงานสำคัญ แล้วยังเรื่องนายตัวร้ายนั่นที่เธอไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนอีก แม้ตอนนี้จะสบายใจไปเปลาะหนึ่งที่อย่างน้อยลูกสาวของเธอก็อยู่ในที่ปลอดภัย แต่ก็ยังไว้ใจผู้ชายคนนั้นไม่ได้ แต่ไม่ว่าเขาจะมาไม้ไหน เพื่อปกป้องลูกสาวสุดที่รัก ต่อให้ต้องชนกับเขาเธอก็จะทำ...“วีวี่...” อลันเรียกเสียงทุ้ม มืออุ่นๆ แตะที่ข้อศอกเบาๆ ทำให้คนใจลอยได้สติ“คะ...คะ คุณว่าไงนะคะ”“ผมจะบอกว่างโทรศัพท์คุณดังน่ะ”“อุ๊ย!” วิศราเพิ่งได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของตนดัง พอเห็นเบอร์แปลกๆ ที่โชว์อยู่บนหน้าจอ หญิงสาวก็นิ่วหน้า แต่ก็กดรับสาย อลันมองใบหน้าสวยหวานที่เจ้าตัวมักจะเก็บความทุกข์ไว้กับตัวจนกลายเป็นปิดกั้นทุกคนไม่ให้รุกล้ำเข้าไปภายในอาณาเขตต้องห้ามของหัวใจ พอเขาก้าวเข้าไปใกล้
“แล้วจะให้พี่ไปสู้รบปรบมือกับคุณส้มเขาหรือไงล่ะปราบ มันจะไปมีประโยชน์อะไร ยังไงเขาก็เป็นพ่อลูกกันนะ จะว่าไปคุณส้มเธอก็พูดถูก เราต่างหากที่เป็นคนอื่น”ปุริมาถอนหายใจเพื่อระบายความอัดอั้นออกมา ดวงตาหม่นเศร้าหันไปมองผ่านช่องกระจกที่หน้าประตูเพียงหวังจะได้เห็นเงาของคนที่รัก ขอแค่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดีด้วยตาตัวเองเธอก็พอใจแล้ว กับวิศรานั้นเธอไม่คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมาญาติดีด้วย เมื่อกำแพงอคตินั้นสูงเกินกว่าที่เธอจะพังทลายเข้าไปถึงหัวใจลูกเลี้ยงสาว ปุริมาได้แต่หวังว่าสักวันความดีและความจริงใจของเธอจะสามารถเอาชนะใจลูกสาวของวิศรุตได้บ้าง อย่างน้อยก็ขอแค่อีกฝ่ายไม่รังเกียจน้องสาวต่างแม่“เรากลับกันเถอะนะปราบ”พอเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงแล้ว พยาบาลพิเศษที่คอยดูแลอาการวิศรุตจึงเดินเข้าห้องไป ทำให้ปราบดาสบโอกาส นอกจากเขาจะไม่เดินตามพี่สาวไปแล้วยังฉวยมือปุริมา และเอื้อมไปที่ลูกบิดประตูห้องนั้นทันที“นั่นคุณจะทำอะไร!”ยังไม่ทันได้เปิดเข้าห้องดังใจ จู่ๆ ก็มีมือของใครบางคนมาหยุดยั้งเขาไว้เสียก่อน ปราบดาหันขวับไปมองร่างสูงสง่าที่ปราดเข้ามาแทรกทันที“คุณ!” คิ้วเข้มเลิกขึ้น เพราะจำชายหนุ่มต่างชาติตรงหน้าไ
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่
วิศรานั่งฟังอย่างสงบ และเริ่มคิดตาม เพราะเป็นคนสำคัญที่สุดจึงต้องหวงแหน เขาก็คงเหมือนเธอที่หวงบิดาเพราะคิดว่าเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวในชีวิต อนิจจา...หากวันนั้นเธอไม่ก้าวร้าวพี่สาวของเขาก่อน หมอนั่นก็คงไม่คิดกำราบเธอด้วยวิธีป่าเถื่อนรุนแรงแบบนั้น เธอเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องมันถึงเลยเถิดแบบนี้‘ฉันต้องขอโทษคุณแทนตาปราบด้วยนะคะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด’ ปุริมาเอ่ยอย่างจริงใจ ‘แล้วก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมอโหสิให้เขา’วิศรามองสบตาแม่เลี้ยงเต็มๆ ตาโดยไม่มีอคติมาบดบังเป็นครั้งแรก ‘ฉันเองก็ผิดที่ทำตัวไม่ดีกับคุณเหมือนกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าน้องชายคุณนักหรอกค่ะ’‘แต่อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีกว่าปราบตรงที่ยังมีลมหายใจ โชคดีที่มีคนที่คุณรักและรักคุณมากมาย ฉันขอพูดอะไรกับคุณอีกนิดได้ไหมคะ’วิศราพยักหน้ารับนิดๆ‘พูดมาสิคะ’‘ฉันคิดว่าตาปราบเขาแอบชอบคุณมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วละค่ะ จำตอนที่เขาขับรถชนสุนัขของคุณได้ไหมคะ’แน่นอนว่าวิศราย่อมจำได้แม่น‘ที่จริงตาปราบก็ตกใจมากเหมือนกัน ทีแรกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะลงมาดูมาขอโทษคุณเพราะเขาเองก
ร่างเพรียวระหงของสตรีผู้หนึ่งยืนนิ่งปล่อยใจล่องลอยไปแสนไกล เธอกำลังทอดสายตามองท้องฟ้าที่ดูหม่นเศร้ายามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้แห้งกรอบปลิวเมื่อยามต้องแรงลมราวกับท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกหนี แต่ก็มีในบางจังหวะที่ชวนให้คนฟังรู้สึกถึงความอ่อนหวานปนขมปร่าในหัวใจยามที่คิดถึงใครบางคนที่รักแต่จำต้องจากไปไกลแสนไกลนี่มันก็เกือบปีแล้วสินะที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันเหมือนจะยาวนาน แต่น่าแปลกที่เธอยังคงจำเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมาได้อย่างดีทีเดียวหลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนลอบยิงอย่างอุกอาจที่สวนอาหารแห่งนั้นไม่นาน ก็มีข่าวครึกโครมว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่คนร้ายซัดทอดว่า คนที่จ้างวานให้มายิงเธอนั้นคือ...พรีมโรส แฟนสาวของปราบดานั่นเอง ส่วนเหตุผลจูงใจของผู้หญิงคนนั้นวิศราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะคงไม่พ้นเรื่องหึงหวง แต่แทนที่เธอจะโกรธแค้น น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกสงสารปนสังเวชใจที่นางแบบสาวที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ผู้นั้นคิดตื้นๆ เลือกตัดอนาคตตัวเอง ทำในสิ่งที่ผิดจนทำให้คนที่เธอรักต้องจากไปตลอดกาล แถม
ตอนที่วิศราไปถึงหน้าห้องผ่าตัดมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นั่นคือคณะที่พากันไปทัวร์สวนสัตว์วันนี้ที่พอรู้ข่าวก็คงรีบมาที่โรงพยาบาลกันทันที รวมถึงยุทธนาที่ตามมาหลังจากทราบข่าว สีหน้าทุกคนร้อนรนมีรอยกังวล แต่คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นพี่สาวของคนเจ็บนั่นเอง ใบหน้าซีดเผือดของปุริมายังคงเปื้อนคราบน้ำตา สิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้แม่เลี้ยงของเธอล้มพับไปคือลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นเอง“แม่ส้มขา...” เสียงเรียกนั้นทำเอาวิศราสะดุ้งสุดตัว พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเธอจึงอ้าแขนรับร่างป้อมที่วิ่งตรงมาหาโดยอัตโนมัติ “แม่ส้มเป็นอะไรคะ นั่น! ทำไมเลือดแม่ส้มออกเต็มเสื้อเลยคะ”รอยเลือดแห้งกรังที่อกเสื้อทำให้แม่คนช่างเจรจาสงสัย“ไม่ใช่เลือดแม่หรอกค่ะ แต่เป็นของ...”คนพูดกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดเมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่พุ่งเข้ามารับกระสุนพร้อมกับกอดเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกวายร้ายนั่นทำอันตรายเธอได้ แต่คนช่วยกลับรับเคราะห์เสียเอง เลือดบนอกเธอก็คงเป็นเลือดเขานั่นเอง“เป็นยังไง...หมอว่ายังไงบ้างคะ” วิศราพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจเธอตอนนี้มันเต้นรัวด้วย