จนกระทั่งสงครามสิ้นสุดลงเมื่อชายหนุ่มรวบแม่หนูน้อยที่ดิ้นขลุกขลักมานั่งบนตักตรงหน้ากล้อง พร้อมหอบแฮ่กๆ ทั้งคู่ “อย่าไปฟังยายตัวเล็กนี่โมเมนะครับวีวี่” ด้วยความมันเขี้ยวคนพูดจึงฝังจมูกที่แก้มป่องใสเบาๆ อย่างรักใคร่เอ็นดู ภาพนั้นทำให้คนเป็นแม่หัวใจไหวหวั่น ก่อนรีบปัดความคิดเห็นแก่ตัวออกไปอย่างรวดเร็ว“ค่ะ”“พอดีผมเอารูปที่คุณกับยอร์ชชี่ถ่ายตอนดินเนอร์กันมาให้ยายหนูดู แกเลยรบเร้าให้โทร. หาคุณ บอกว่าคิดถึงอยากคุยกับคุณแม่” คนพูดคลายวงแขนยอมปล่อยร่างนุ่มนิ่มที่พยายามดิ้นขลุกขลักให้เป็นอิสระ “ไปดินเนอร์กับยอร์ชชี่มาเป็นยังไงบ้างครับ”“ก็ดีค่ะ อาหารอร่อยดี เพิ่งแยกกันเมื่อกี้เอง...”“ไหนคะๆ อังเคิลยอร์ชชี่ ขอหนูคุยด้วยหน่อย”วิศราอมยิ้มเมื่อเห็นลูกสาวตัวน้อยรีบตะกายขึ้นมานั่งบนตักของอลันอีกครั้ง“อังเคิลยอร์ชชี่...” ยังไม่ทันที่จะได้ตอบคำถามลูกน้อย จู่ๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนคิ้วงามเลิกขึ้นนิดๆ ก่อนละสายตาจากหน้าจอมือถือไปที่ประตูอย่างสงสัย ดึกป่านนี้แล้วใครกันมาเคาะประตู หรือว่าจะเป็น...“มีคนมาเคาะประตูหน้าห้องค่ะ สงสัยยอร์ชชี่ของคุณจะลืมอะไรแน่ๆ เลย งั้นเดี๋ยวฉ
“เมาแล้วก็กลับไปนอนซะ ทำอะไรหัดเกรงใจแฟนตัวเองบ้าง...อุ๊ย!” พูดไม่ทันจบ ร่างเพรียวบางก็ถูกกระชากเข้าไปปะทะแผงอกแกร่งอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเหลาโน้มลงหมายชิมรสริมฝีปากนุ่มที่เขารู้ดีว่าหวานแค่ไหน ทว่าคนตัวเล็กที่ระวังตัวอยู่แล้วรีบสะบัดหน้าหนี ทำให้เรียวปากอุ่นร้อนพลาดเป้าไปที่ลำคอระหงแทน“หึ...ไม่เลวนี่ ยั่วเก่งขึ้นแบบนี้คงได้ครูดีสินะ”“แน่นอน!”คำนั้นทำให้คนฟังฉุนกึก ยิ่งนึกถึงไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่ทำท่าอี๋อ๋อกับผู้หญิงตรงหน้าก็ยิ่งหงุดหงิด“งั้นเหรอ! ไหนดูซิว่า เวลาตั้งห้าปีมานี้ ไอ้หน้าจืดนั่นมันสอนกลเม็ดเด็ดๆ อะไรให้คุณบ้าง...”ปราบดาตวัดช้อนร่างบางขึ้นหมายจะพาไปที่โซฟา ไม่ยี่หระกับการดิ้นรนทุบตี ทั้งจิก ข่วน ขัดขืนอย่างบ้าคลั่ง ในหัวเขายามนี้มีแต่ภาพความสวีตระหว่างเธอกับยุทธนาเมื่อหัวค่ำ เป็นดังฟืนที่ค่อยกระพือโหมให้ไฟโทสะร้อนร้ายลุกโชน“คนบ้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ช่วยด้วย!” ร่างบางดิ้นขลุกขลักพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากปลอกแขนแกร่งที่รัดรึงร่างเธอไว้ โดยหารู้ไม่ว่ายิ่งเป็นการยั่วยุท้าทายให้อีกฝ่ายพยายามเอาชนะ ชายหนุ่มมองใบหน้าหวานสวยที่กำลังตื่นตระหนกก่อนกระตุกยิ้มร้ายก่อนโน้มหน้าเข้าหาริ
“ฉันไม่มีวันเชื่อคนลวงโลกอย่างนาย ออกไปจากชีวิตฉันสักที เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก” “แต่ผมมี!” พอขาดคำประตูก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง จนคนด้านในกระเด็นหงายหลัง“ว้ายยย”ร่างบางเซถลาราวกับนกปีกหัก แต่ก่อนที่เธอจะล้มลงไปนั้นเอง มือแข็งแรงก็รีบคว้าต้นแขนของเธอแล้วดึงเข้าหาแผ่นอกกว้างอย่างทันท่วงที“บอกแล้วไงว่าคุณหนีผมไม่พ้นหรอก” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ตาพราวมองคนในอ้อมแขนอย่างเป็นต่อ“คนสารเลว ดีแต่รังแกผู้หญิง นายมันน่ารังเกียจที่สุด!”“ขอบคุณที่ให้เกียรติชมกันนะ งั้นก็รู้ไว้อีกอย่างแล้วกันว่า คุณก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ผมเคยรังแก!”วิศราชะงักกึก มองใบหน้าคมเข้มของศัตรูตัวร้ายอย่างตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อนายตัวร้ายตรงหน้าหมายความว่ายังไง! ทว่ายังไม่ทันได้คำตอบ เสียงใครอีกคนก็ตะโกนแทรกเข้ามาเรียกสติ“แม่ขา! แม่หายไปไหน...”เสียงลูกรักทำให้หญิงสาวมือไม้อ่อนแรง ใจสั่นรัว ดวงตาคู่งามมองไปที่โทรศัพท์ซึ่งอยู่ใกล้แค่เอื้อมด้วยความหวาดหวั่น พอเห็นสายตาคมกริบตวัดจ้องมองไปที่โทรศัพท์ของเธอด้วยเช่นกันก็ยิ่งหายใจหายคอไม่ออกเธอควรทำอย่างไรดี จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์คับขันนี้อย่างไร... “วีวี่...คุณ
ทันทีที่คล้อยหลังเขาไป วิศราก็รีบวิ่งไปปิดล็อกประตูอย่างแน่นหนา ร่างเพรียวบางสั่นสะท้านไปทั้งตัวก่อนที่แข้งขาจะอ่อนแรงจนทรุดฮวบไปกองที่พื้น มือยังคงกุมอาวุธในมือแน่นราวกับมันเป็นเพื่อนตายที่เธอสามารถพึ่งพาได้ในยามนี้ หัวใจดวงน้อยยังคงกระหน่ำรัวไม่หยุด กระบอกตาแสบร้อนกลั่นหยาดน้ำใสๆ ออกมาอาบแก้มด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันทั้งโกรธ เกลียด แค้นเคือง หรือแม้แต่กลัว! เธอรู้ดีว่าทำให้อีกฝ่ายโกรธมากแค่ไหน นายปราบดานั่นคงไม่ยอมรามือจากชีวิตของเธอง่ายๆ แน่ จนกว่าเธอหรือไม่ก็เขาจะแพ้หรือล้มหายตายจากกันไปข้างหนึ่ง ชีวิตเธอต่อจากนี้คงหาความสงบไม่ได้หากไม่เป็นห่วงบิดาที่ป่วยหนัก เธอคงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างแล้วกลับไปอยู่กับคนที่เธอรักที่สุดที่ลอนดอน แต่ถ้าเธอทำแบบนั้นอีกครั้ง เกรงว่าอีกฝ่ายคงได้ใจคิดว่าเธอกลัวเขาจนหัวหดและหนีไปแบบคนขี้ขลาด เผลอๆ อาจทำให้ความลับที่เธอจงใจปกปิดมานานถึงห้าปีแตกได้สักวันไม่! ครั้งนี้เธอจะไม่หนีแล้ว ถ้าหมอนั่นต้องการเปิดศึก เธอก็พร้อมจะสู้แบบไม่คิดชีวิต ต่อให้ตายก็ไม่มีวันยอมให้ใครมาแย่งชิงหรือทำร้ายแก้วตาดวงใจของเธอได้ ต่อให้คนคนนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูก วิศรา
จากที่คิดว่าลืมได้สนิทแล้ว แต่เพียงเพราะเห็นภาพบาดตาระหว่างเธอกับผู้ชายคนอื่น เขาก็ไม่อาจสะกดกลั้นความรู้สึกในใจได้ ยิ่งเธอทำเหมือนไม่เคยรู้จักกัน แม้กระทั่งเห็นเขามากับผู้หญิงอื่นก็ทำท่าทีเย็นชาหมางเมินใส่อย่างไร้เยื่อใย ยิ่งทำให้เขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหวและพ่ายแพ้ใจตัวเอง ทันทีที่ส่งพรีมโรสที่คอนโดเสร็จ เขาก็รีบย้อนกลับมาที่นี่ หวังได้พบ ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันดีๆ สักครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะความใจร้อนวู่วามของเขาเอง ซึ่งเป็นผลมาจากภาพสวีตที่เห็นกับตาตรงหน้าห้องของเธอนั่นเองชายหนุ่มลูบปลายคางที่เริ่มจะปวดระบม ตามเนื้อตัวเหมือนจะยังชาๆ จากฤทธิ์เครื่องชอร์ตไฟฟ้าไม่หาย แต่สิ่งที่เขาติดใจสงสัยกลับเป็นเสียงจากโทรศัพท์เครื่องนั้นมากกว่า จนถึงตอนนี้เสียงเล็กๆ ใสๆ ยังคงกังวานติดหูไม่หาย‘แม่ขา...’เป็นเสียงของเด็กแน่นอน เด็กผู้หญิง! แต่เด็กคนนั้นเป็นใครกัน ที่สำคัญกว่านั้นคือทำไมถึงต้องเรียกวิศราว่า...แม่ร่างสูงใหญ่ชาวาบไปทั้งตัว หัวใจหล่นวูบ หันไปมองที่ประตูห้องที่ปิดสนิทนั่นอีกครั้งอย่างตกใจ“หรือว่าเด็กคนนั้นจะเป็น...”ลูกของเขา! ผลพวงที่เกิดจากสิ่งที่เขากระทำกับวิศราในวันนั้น“ไม่จริงน่
‘แล้วอาการอื่นล่ะครับ เช่น อาเจียนหรือว่าเหม็นสาบกลิ่นต่างๆ อย่างพวกอาหารมีไหม’‘อืม...ก็ไม่นะ ส่วนใหญ่ก็มีแค่อยากกินของรสเปรี้ยวๆ กับกินจุขึ้นแค่นั้น ว่าแต่ปราบถามทำไมจ๊ะ’ คนเป็นพี่หันมามองใบหน้าคมคร้ามอย่างแปลกใจ‘ปะ...เปล่าครับ แค่อยากรู้...’‘เอ มีพิรุธนะเรา ฮั่นแน่...อย่าบอกนะว่าแอบไปกุ๊กกิ๊กกับสาวที่ไหนแล้วไปทำเขาท้องป่องเข้า...’‘พรวด! แค่กๆ’ ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนสำลักกระอักกระไอหน้าดำหน้าแดงคนเป็นพี่จึงต้องเข้ามาช่วยลูบหลังให้อย่างตกใจอีกครั้ง‘เป็นอะไรไปตาปราบ ตายแล้ว อาการหนักนะนี่ พี่ว่าเราไปหาหมอหน่อยดีกว่า’‘ไม่...ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมขอนอนพักสักงีบคงดีขึ้น’‘เอางั้นเหรอ’ คนพูดมองสภาพอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยไว้ใจ ‘ก็ตามใจละกัน เฮ้อ...งั้นก็นอนที่โซฟานี่ก่อนเดี๋ยวพี่ให้ใครละลายยาหอมให้ดีกว่า’‘เอ่อ...พี่ปูครับ ถ้าจะกรุณาผมขอมะม่วงดิบหรืออะไรก็ได้ที่มันเปรี้ยวจัดๆ สักจานนะครับ’คำขอนั้นทำเอาปุริมารีบหันขวับมองพ่อน้องชายตัวดีอย่างไม่เชื่อหู‘เป็นเอามากนะน้องชายฉัน งั้นรอแป๊บหนึ่งเดี๋ยวพี่ไปเอามาให้ละกัน” คนเป็นพี่ได้แต่ส่ายหน้าแต่ไม่ได้คิดอะไรมากพอคล้อยหลังพี่สาว ปราบดาก็หลับตาลงป
“ยายส้ม!” อารามดีใจทำให้เขารีบคว้าร่างเพรียวบางเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยง และสำรวจด้วยความเป็นห่วง “แกเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ไหม แล้วนี่เป็นอะไรทำไมใส่ชุดเดิม...”“ทีละคำถามได้ไหมแก ฉันไม่รู้จะตอบข้อไหนก่อน”เสียงอ่อนล้าทำให้คนฟังชะงักกึก เพิ่งรู้สึกตัวว่าเผลอสติหลุดต่อหน้าประชาชีแปลกหน้าเป็นโขยงที่ยืนทำหน้างงงวย“ไม่มีอะไรแล้วครับ ขอบคุณทุกคนสำหรับความช่วยเหลือนะครับ”พอคล้อยหลัง รปภ. และพนักงานโรงแรมทั้งกลุ่ม เขาก็จัดการต้อนเพื่อนสาวเข้าห้องไปอย่างเร็วรี่“ต๊าย! นี่เกิดอะไรขึ้น มีสงครามกลางเมืองเกิดขึ้นในห้องแกเหรอยะยายส้ม หรือโดนโจรปล้น” ชายหนุ่มยกมือทาบอกเมื่อเห็นสภาพห้องสูทหรูที่ข้าวของตกเกลื่อนกลาด “แล้วนี่แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงยังใส่ชุดเดิมล่ะเนี่ย”“มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ” เจ้าของห้องตอบเสียงเนือยๆ หน้าตายังอิดโรย มือบางพยายามเสยผมยุ่งๆ ให้เข้าที่“อะไร ที่ว่านิดหน่อยน่ะมันเรื่องอะไร แล้วทำไมถึงต้องปิดโทรศัพท์ แกรู้ไหมว่ามิสเตอร์บอสพยายามโทร. หาแกทั้งคืนเลยนะ แถมให้ทางโรงแรมโทร. หาด้วยแต่แกก็ไม่รับ นึกว่าแกเป็นลมล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว เมื่อคืนโทรศัพท์ฉันก็แบตฯ หมดด้วย เลย
“อะไรกัน นี่ขนาดโรงแรมห้าดาวยังมีเรื่องแบบนี้อีกเหรอ ไปกันเหอะ แจ้งความกันไหมแก เดี๋ยวให้ รปภ. เปิดวงจรปิดดูหน้าไอ้หมอนั่นเป็นหลักฐานด้วย คนแบบนี้ต้องเอาเรื่องให้หลาบจำ เรื่องนี้ฉันจัดการเอง!” ยุทธนาตั้งท่าจะไปโทร. แจ้งเจ้าหน้าที่ รปภ.“เดี๋ยวก่อนแยมมี่! ไม่ต้องแจ้ง” วิศรารีบร้องห้ามเสียงหลง “ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่ตกใจ อีกอย่างตานั่นก็โดนฉันเล่นงานไปหนักอยู่เหมือนกัน คิดว่าเขาคงไม่กล้าทำอีกหรอก”“แกอย่าประมาทนะยะ เกิดมันย้อนกลับมาล่ะ” ยุทธนาฮึดฮัด คำถามนั้นใช่ว่าวิศราจะไม่คิดกังวลคนบ้าระห่ำอย่างนายปราบดานั่นทำได้ทุกอย่าง!“งั้นขอย้ายห้องก็พอแก ฉันไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ที่นี่เป็นโรงแรมของเพื่อนคุณอลัน หากมีอะไรเกิดขึ้นเขาคงไม่สบายใจ ฉันไม่อยากทำให้เขาเป็นห่วง ช่วงนี้งานเขาก็เครียดพอแล้ว แค่ช่วยดูยายหนูให้ระหว่างที่ฉันมาเยี่ยมพ่อ ฉันก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงดีแล้ว”“แหม...โทร. จิกฉันเป็นไก่ทั้งคืน คงไม่ห่วงเลยมั้งนั่น เออๆ ตามใจแกแล้วกัน เปลี่ยนใจอยากแจ้งความก็บอกมาละกัน งั้นคืนนี้ให้ฉันมานอนเป็นเพื่อนไหม เออจริงสิ ทำไมแกไม่กลับไปนอนบ้านล่ะ บ้านก็ออกใหญ่โต คนก็เยอะ จะได้ปลอดภัย”วิศราถอน
สถานที่จัดงานแต่งงานของคู่รักดีไซเนอร์คือสวนดอกไม้ที่ถูกจัดแต่งอย่างเรียบง่ายตามเจตนารมย์ของเจ้าสาวที่ไม่ต้องการงานเอิกเกริกแต่กระนั้นก็แอบมีกิมมิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับคู่รักดีไซเนอร์คนดังโดยเวทีถูกออกแบบให้เป็นรันเวย์สำหรับบ่าวสาวเดินไปทำพิธีอย่างมีสไตล์ แขกที่มาร่วมงานนอกจากครอบครัวแล้วก็มีแค่เพื่อนสนิทของสองฝ่ายเท่านั้น และทันทีที่เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้น แขกทุกคนก็พร้อมใจยืนขึ้นต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นวิศรุตในชุดสูทลุกขึ้นช้าๆ โดยมีภรรยาสาวช่วยประคองและส่งไม้เท้าให้สามีทำหน้าที่ส่งตัวเจ้าสาว เขายื่นมือไปรับมือลูกรักด้วยใบหน้าที่เป็นปลื้มจนน้ำตาคลอ“คุณพ่อ” เจ้าสาวสวมกอดบิดาสุดที่รักอย่างตื้นตัน ไม่คิดเลยว่าเธอจะได้มีวันนี้“ไปเถอะลูก”วิศรุตจับมือเจ้าสาวคนสวยพาเดินตรงไปยังแท่นทำพิธี โดยด้านหน้ามีเด็กหญิงตัวน้อยนำขบวนสองคนคือเด็กหญิงลูกปลาที่ทำหน้าที่คอยโปรยดอกไม้ให้ และอีกคนคืออลิศลูกสาวของเธอที่ทำหน้าที่ถือแหวน วันนี้หนูน้อยอลิศสวมชุดสีชมพูฟูฟ่องน่ารัก ที่ลำคอของเด็กน้อยสวมสร้อยแปลกตาที่มีแหวนวงหนึ่งห้อยเป็นจี้ แหวนเพชรสีชมพูสวยทอประกายสวยสดใส เป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูสำหรับทุกคนวิ
‘และเธอเพิ่งตอบตกลงยอมแต่งงานกับผมเมื่อไม่นานมานี้’แวบหนึ่งเหมือนชายหนุ่มหันมองตรงมาด้วยแววตาอ่อนหวานทำให้วิศราหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นโครมคราม นี่เขากำลังประกาศแต่งงานออกสื่อ อลัน เลวิธ หนุ่มโสดเนื้อหอมคนนั้นเนี่ยนะ‘โอ...พระเจ้า’ พิธีกรสาวรุ่นเดอะยกมือทาบอก ทำตาโตเท่าไข่ห่าน เชื่อว่าหากเทปนี้ออกอากาศไป จะต้องเรียกเรตติงได้ถล่มทลายเลยทีเดียว ‘คุณพอจะบอกได้ไหมคะอลันว่าใครคือผู้หญิงที่โชคดีคนนั้น’คำถามนั้นทำให้ใบหน้าคนถูกถามแต้มสีแดง นัยน์ตาสีเทาทอประกายพราวระยับ‘เธอเป็นดีไซเนอร์สาวชาวไทยครับ และเธอเป็นรักแรกพบของผม’วิศราแว่วได้ยินเสียงหวีดผ่านฝ่ามือที่ปิดปากของยุทธนา คำว่ารักแรกพบของเขาทำให้เพื่อนของเธอถึงกับเสียอาการไปไม่น้อยเลยทีเดียว“รักแรกพบ...”วิศราพึมพำเบาๆ สมองนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอและเขาได้พบกันครั้งแรก จำได้ว่าเป็นตอนที่เธอใจลอยเดินตัดหน้ารถเขาเพราะกำลังช็อกที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ นี่เขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยนะมันใช่เหรอ‘ว้าววว ฟังดูโรแมนติกจัง คุณพอจะเล่าเหตุการณ์นั้นให้พวกเราฟังได้ไหมคะ’‘อืม...ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาทุนที่วิทยาลัยแฟชั่น และผมได้ร
“ว้าววว...สวยที่สุดเลย สวยอย่างกับเจ้าหญิงแน่ะค่ะ ลองส่องกระจกดูสิคะ”ประโยคนั้นของช่างแต่งหน้าทำให้หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างระหงในชุดเจ้าสาวที่ออกแบบและตัดเย็บจากผ้าไหมและผ้าลูกไม้ที่สั่งทอมาเป็นพิเศษเพื่อเธอโดยเฉพาะและเป็นชุดเดียวในโลกจากการออกแบบของดีไซเนอร์หนุ่มชื่อดังของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Lewis โดยใช้โทนสีครีมอ่อนปนด้วยสีชมพูพาสเทลหวานละมุนไปทั้งตัวขับให้ผิวเนียนละเอียดของเธอเปล่งปลั่งงดงามเฉิดฉายราวกับเป็นเจ้าหญิงที่หลุดออกมาจากเทพนิยายก็ไม่ปานวิศรามองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกด้วยความรู้สึกตื้นตันในหัวใจปนประหม่า เธอเป็นคนขอร้องให้เขาเลือกสีอื่นที่ไม่ใช่สีขาว เพราะเธอไม่ใช่เจ้าสาวที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่อง แล้วเขาก็เลือกสีนี้มาให้ด้วยเหตุผลว่าเขาอยากเห็นเจ้าสาวของตัวเองสวยหวานที่สุดในวันที่แสนพิเศษของเราคนเป็นเจ้าสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาอาสาออกแบบตัดเย็บชุดนี้ให้เธอด้วยมือตัวเอง ทุกขั้นตอนทุกรายละเอียดที่เขาใส่ลงไปล้วนมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ และมันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูกตั้งแต่ครั้งที่ยังเป็นเด็กน้อยช่างฝันตามประสาเด็กผู้หญิงทั่วๆ ไป เธอเคยจินตนาการถึงง
จริงอย่างที่อลันว่า พอได้ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นๆ หญิงสาวก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันตา แต่ตอนที่กำลังจะลงไปด้านล่างเพื่อช่วยคนอื่นๆ ตามหาลูกสาว จู่ๆ สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องแหวนที่วางอยู่บนหัวเตียง แหวนที่ได้จากปุริมาวันนั้นแหวนของนายปราบดา!อะไรบางอย่างทำให้ร่างระหงเดินย้อนกลับไปหยิบแหวนนั้นขึ้นมาเปิดดู ประกายจากเพชรสีชมพูสะท้อนวูบเข้านัยน์ตาจนแสบพร่า“นายยังอยู่แถวนี้หรือเปล่า...” วิศรามองแหวนวงงามราวกับมันมีชีวิต “ถ้ายังอยู่แถวนี้ ช่วยให้ฉันตามหาลูกของเราให้พบด้วยนะคะ ขออย่าให้ลูกต้องเป็นอะไร อย่าให้อลิศเป็นอะไร ช่วยฉันด้วยนะคะ”ทันใดนั้น ลมเย็นวูบหนึ่งก็พัดผ่านร่างเธอไปทั้งๆ ที่หน้าต่างไม่ได้เปิด ราวกับใครบางคนได้ตอบรับคำขอนั้น หญิงสาวยิ้มกับตัวเองเศร้าๆ หากปราบดายังอยู่ตรงหน้า เธอคงไม่กล้าเอ่ยปากขอร้องเขาเช่นนี้ คงชวนทะเลาะมากกว่า แต่เพื่อลูกสุดที่รัก สิ่งไหนที่พอจะยึดเหนี่ยวหรือช่วยทำให้สบายใจได้บ้าง เธอก็ยอมทำทั้งนั้นวิศราปิดกล่องแหวนนั้นแล้ววางมันไว้ที่เดิม ทว่าตอนที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้องนั้นเอง จู่ๆ หูก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมา“ฮือๆ...” วิศราหันขวับอย่างตกใจ ก
งานแต่งงานของวิศราและอลันถูกตระเตรียมขึ้นท่ามกลางความดีใจของทุกคน แม้เจ้าสาวจะบอกว่าไม่ต้องการให้จัดงานใหญ่โตเอิกเกริก และอยากให้เป็นงานเล็กๆ ที่อบอุ่นมากกว่า ถึงกระนั้นทุกคนในบ้านอาภาพิพัฒน์ที่เพิ่งผ่านความเศร้าจากการสูญเสียไปเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มยิ้มออกและกระตือรือร้นกับงานมงคลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านอย่างปุริมาและนางรื่นรมย์ซึ่งถือเป็นพี่เลี้ยงคนสนิทของว่าที่เจ้าสาวกลายเป็นหัวเรือใหญ่ที่คอยเป็นธุระช่วยเหลือในการจัดการเรื่องต่างๆ อย่างเต็มใจท่ามกลางความดีใจเหล่านั้น ทุกคนกลับไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนมองภาพเหล่านั้นด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป เด็กหญิงอลิศทำหน้าหม่นหมอง ในมือกอดตุ๊กตาหมีที่แม่ของเธอให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนแน่นราวกับมันกลายเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในโลกที่เหลืออยู่ ก่อนค่อยๆ เดินแยกห่างออกมาเงียบๆ หลังจากเห็นทุกคนกำลังวุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้ยังมีความสำคัญกับใครอีกคน ไม่ทันไรทุกคนก็ลืมวันเกิดของเธอไปเสียแล้ว“พี่หมีจ๋า ทุกคนลืมวันเกิดอลิศหมดเลย ไม่มีใครรักอลิศแล้ว ไม่มีเลย...” เด็กน้อยขมุบขมิบงึมงำด้วยความรู้สึกว้า
คิดเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณโทรศัพท์เรียกเข้ามา หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อเห็นชื่อที่ขึ้นตรงหน้าจอ...อลัน เลวิธ!“คุณต้องเป็นญาติกับพ่อมดแน่ๆ” ปลายสายส่งเสียงหัวเราะกลับมา “รู้ได้ยังไงคะว่าคนแถวนี้กำลังคิดถึงคุณอยู่”“รู้ด้วยหัวใจไงครับ ใจของคนที่รักกันมักเชื่อมถึงกันเสมอ” เสียงทุ้มนุ่มหูตอบกลับมาอย่างอ่อนหวาน พาให้หัวใจคนฟังเต้นผิดจังหวะด้วยความเขิน“คุณทำอะไรอยู่คะ วันนี้งานยุ่งไหม”“ก็ยุ่งเหมือนทุกวัน แต่พอได้ยินเสียงคุณก็หายเหนื่อย”“ปากหวานจังนะคะบอส”“อย่างอื่นก็หวานนะ ถ้าคุณอยากชิมเมื่อไหร่ก็บอกได้เสมอ ถ้าเป็นคุณ ผมยินดีให้ชิมทั้งตัวทั้งใจเลย”วิศราหน้าแดงก่ำ ดีที่อีกฝ่ายอยู่ไกลถึงอีกซีกโลก หากเขายืนอยู่ตรงนี้ เธอคงไม่กล้าสู้หน้า ตั้งแต่ผ่านเรื่องเฉียดเป็นเฉียดตายมา ดูเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนที่กล้าพูดกล้าแสดงความรักออกมาอย่างเปิดเผยมากกว่าเดิม“ทำไมนิ่งไปครับ คิดอะไรอยู่”“ฉันคิดถึงคุณ ถ้าตอนนี้คุณอยู่ตรงนี้ด้วยกันก็คงดีสิคะ”“อย่ามาทำให้ผมเคลิ้มเชียวนะวีวี่ คุณยังไม่รู้สินะว่าตอนนี้ผมแทบจะกลายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสายการบินระหว่างประเทศอยู่แล้ว นี่เพื่อนสนิทผมมันก็ร่ำๆ อยู่
วิศรานั่งฟังอย่างสงบ และเริ่มคิดตาม เพราะเป็นคนสำคัญที่สุดจึงต้องหวงแหน เขาก็คงเหมือนเธอที่หวงบิดาเพราะคิดว่าเป็นคนสำคัญเพียงคนเดียวในชีวิต อนิจจา...หากวันนั้นเธอไม่ก้าวร้าวพี่สาวของเขาก่อน หมอนั่นก็คงไม่คิดกำราบเธอด้วยวิธีป่าเถื่อนรุนแรงแบบนั้น เธอเองก็มีส่วนผิดที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เรื่องมันถึงเลยเถิดแบบนี้‘ฉันต้องขอโทษคุณแทนตาปราบด้วยนะคะ สำหรับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด’ ปุริมาเอ่ยอย่างจริงใจ ‘แล้วก็ต้องขอบคุณที่คุณยอมอโหสิให้เขา’วิศรามองสบตาแม่เลี้ยงเต็มๆ ตาโดยไม่มีอคติมาบดบังเป็นครั้งแรก ‘ฉันเองก็ผิดที่ทำตัวไม่ดีกับคุณเหมือนกัน ที่จริงฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าน้องชายคุณนักหรอกค่ะ’‘แต่อย่างน้อยคุณก็ยังโชคดีกว่าปราบตรงที่ยังมีลมหายใจ โชคดีที่มีคนที่คุณรักและรักคุณมากมาย ฉันขอพูดอะไรกับคุณอีกนิดได้ไหมคะ’วิศราพยักหน้ารับนิดๆ‘พูดมาสิคะ’‘ฉันคิดว่าตาปราบเขาแอบชอบคุณมาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้วละค่ะ จำตอนที่เขาขับรถชนสุนัขของคุณได้ไหมคะ’แน่นอนว่าวิศราย่อมจำได้แม่น‘ที่จริงตาปราบก็ตกใจมากเหมือนกัน ทีแรกเขาก็ทำอะไรไม่ถูก ตั้งใจจะลงมาดูมาขอโทษคุณเพราะเขาเองก
ร่างเพรียวระหงของสตรีผู้หนึ่งยืนนิ่งปล่อยใจล่องลอยไปแสนไกล เธอกำลังทอดสายตามองท้องฟ้าที่ดูหม่นเศร้ายามที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ความเงียบสงัดทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงใบไม้แห้งกรอบปลิวเมื่อยามต้องแรงลมราวกับท่วงทำนองบทเพลงแห่งชีวิตที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างไม่อาจหลีกหนี แต่ก็มีในบางจังหวะที่ชวนให้คนฟังรู้สึกถึงความอ่อนหวานปนขมปร่าในหัวใจยามที่คิดถึงใครบางคนที่รักแต่จำต้องจากไปไกลแสนไกลนี่มันก็เกือบปีแล้วสินะที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีเขา มันเหมือนจะยาวนาน แต่น่าแปลกที่เธอยังคงจำเหตุการณ์ต่างๆ ในวันวานที่ผ่านมาได้อย่างดีทีเดียวหลังจากเหตุการณ์ที่เธอโดนลอบยิงอย่างอุกอาจที่สวนอาหารแห่งนั้นไม่นาน ก็มีข่าวครึกโครมว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้ทว่าที่น่าตกใจกว่านั้นคือการที่คนร้ายซัดทอดว่า คนที่จ้างวานให้มายิงเธอนั้นคือ...พรีมโรส แฟนสาวของปราบดานั่นเอง ส่วนเหตุผลจูงใจของผู้หญิงคนนั้นวิศราก็เดาได้ไม่ยาก เพราะคงไม่พ้นเรื่องหึงหวง แต่แทนที่เธอจะโกรธแค้น น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกสงสารปนสังเวชใจที่นางแบบสาวที่กำลังมีอนาคตรุ่งโรจน์ผู้นั้นคิดตื้นๆ เลือกตัดอนาคตตัวเอง ทำในสิ่งที่ผิดจนทำให้คนที่เธอรักต้องจากไปตลอดกาล แถม
ตอนที่วิศราไปถึงหน้าห้องผ่าตัดมีคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นั่นคือคณะที่พากันไปทัวร์สวนสัตว์วันนี้ที่พอรู้ข่าวก็คงรีบมาที่โรงพยาบาลกันทันที รวมถึงยุทธนาที่ตามมาหลังจากทราบข่าว สีหน้าทุกคนร้อนรนมีรอยกังวล แต่คนที่อาการหนักสุดเห็นจะเป็นพี่สาวของคนเจ็บนั่นเอง ใบหน้าซีดเผือดของปุริมายังคงเปื้อนคราบน้ำตา สิ่งเดียวที่คอยเหนี่ยวรั้งไม่ให้แม่เลี้ยงของเธอล้มพับไปคือลูกสาวตัวน้อยที่นอนหลับซุกหน้ากับอกผู้เป็นแม่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวนั่นเอง“แม่ส้มขา...” เสียงเรียกนั้นทำเอาวิศราสะดุ้งสุดตัว พอหันไปเห็นว่าเป็นใครเธอจึงอ้าแขนรับร่างป้อมที่วิ่งตรงมาหาโดยอัตโนมัติ “แม่ส้มเป็นอะไรคะ นั่น! ทำไมเลือดแม่ส้มออกเต็มเสื้อเลยคะ”รอยเลือดแห้งกรังที่อกเสื้อทำให้แม่คนช่างเจรจาสงสัย“ไม่ใช่เลือดแม่หรอกค่ะ แต่เป็นของ...”คนพูดกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจสะดุดเมื่อคิดถึงใบหน้าคนที่พุ่งเข้ามารับกระสุนพร้อมกับกอดเธอไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกวายร้ายนั่นทำอันตรายเธอได้ แต่คนช่วยกลับรับเคราะห์เสียเอง เลือดบนอกเธอก็คงเป็นเลือดเขานั่นเอง“เป็นยังไง...หมอว่ายังไงบ้างคะ” วิศราพยายามข่มเสียงไม่ให้สั่นทั้งที่ในใจเธอตอนนี้มันเต้นรัวด้วย