หลังจากที่ซูชิงดึงสติกลับมาจากความตกใจได้ เขาก็รีบสาวเท้าตรงไปยังเตียงผู้ป่วยอย่างกระตือรือร้น พลันจ้องมองดวงตาของจี้ซือหานขนตาที่เรียงเป็นแพหนาสั่นไหวไปมาให้ความรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้อยู่กับใครบางคนในฝัน...จี้ซือหานพยายามจะลืมตาขึ้นมา ทว่าแม้เขาจะพยายามเท่าไรมันก็ไม่ยอมลืมเสียที...เขากำลังติดอยู่ในห้วงแห่งความฝันอันสวยงาม ในฝันซูหว่านกำลังโอบกอดลูกของพวกเขาพร้อมกับชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขจี้ซือหานจมอยู่ในความฝันโดยไม่อยากจะจากไป ทว่าวันหนึ่งกลับมีซูหว่านอีกร่างที่ดูไร้ชีวิตชีวายื่นมือออกมาหาเขาซูชิงที่คอยเฝ้ามองซือหานตลอดทั้งคืนเอามือลูบท้องของตัวเองเบาๆ เธอร้องไห้พร้อมกล่าว "ซือหานฉันคิดถึงคุณจังเลย เมื่อไรคุณจะมารับฉันล่ะ"จี้ซือหานหันกลับไปมองซูหว่านที่กำลังอุ้มลูกพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ตน ขณะเดียวกันเขาก็หันกลับมามองซูหว่านอีกคนที่ยืนร้องไห้จนตาบวมอยู่ในกลุ่มหมอกเขาแยกไม่ออกว่าใครคือซูหว่านตัวจริงกันแน่ จึงทำได้แค่เพียงตกอยู่ในสภาวะที่ต้องดิ้นรนสับสนระหว่างความสุขและความเสียใจท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะเดินไปหาซูหว่านที่แทบจะทำให้ตนปวดใจราวกับเป็นอัมพาต ยิ่งเข้าใกล้เธอ
นี่ประธานจี้กำลังคิดบัญชีแบบทบต้นทบดอกอยู่?พอดีเลยเขากับซูเหยียนเดิมทีก็มีเรื่องบาดหมางกันอยู่แล้ว งั้นก็รวมยอดทั้งของเก่าของใหม่รวมกันเลยเป็นไง?ซูชิงที่เต็มไปด้วยพลังบวกตอบรับจี้ซือหาน "ไม่ต้องห่วงครับ ให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ"เมื่อทำการมอบหมายภารกิจสำเร็จ จี้ซือหานก็พยายามจะดันตัวเองขึ้นมา แต่เขากลับพบว่านอกจากนิ้วมือที่ขยับไปมาได้แล้วนั้นทั่วทั้งร่างกายเขาก็ไม่สามารถขยับได้เลยนิ้วมือถูกเขาบิดทีละนิ้วเป็นการรวบรวมพลังทั้งหมด จี้ซือหานรวมแรงไปที่ฝ่ามือหวังว่ามันจะช่วยดันตัวเขาขึ้นมาได้ แต่มันก็ไร้ประโยชน์รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายพยายามจะลุกขึ้นมา แต่เมื่อเห็นว่าใบหน้าวิจิตรดุจประติมากรรมชั้นยอดนั้นปรากฎเหงื่อพราย ซูชิงจึงรีบเข้าไปห้ามปราม"ประธานจี้คุณเพิ่งจะฟื้นหลังจากหมดสติไปนาน อย่าเพิ่งขยับอะไรมากเลยครับ ผมว่าคุณควรฟื้นฟูร่างกายก่อนสักพักแล้วก็ทำกายภาพบำบัด...."จี้ซือหานลองใช้แรงยกตัวเองขึ้นมารอบแล้วรอบเล่า เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผลเขาก็จนปัญญายอมยกธงขาว...เขาขมวดคิ้วลงอย่างห่อเหี่ยวใจพลันนึกขึ้นมาได้ว่าหว่านหว่านเองก็เคยหมดสติไปนานเช่นเดียวกันก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรับรู้ได้ถึ
จี้ซือหานพอลืมตาตื่นก็เป็นวันที่สองแล้ว พอมองไปภายในห้องพักฟื้นก็เห็นคนตระกูลจี้ยืนอยู่เต็ม คิ้วคมกริบและแววตาอันพร่างพราวก็ย้อมฉาบไปด้วยการหมดความอดทนตระกูลจี้รู้ว่าเขาเป็นคนชอบความเงียบสงบ เลยไม่ได้โหวกเหวกโวยวาย ได้แต่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ แต่เพราะมันเงียบเกินไป เลยเหมือนกับการประชุมของสมาชิกครอบครัวตรงหัวเตียงมีชายอายุวัย 75 ปี สวมชุดสูทรรองเท้าหนัง ผมขาวไปทั้งหัว หน้าตาก็ยังดูอ่อนเยาว์และกระฉับกระเฉง ลำตัวตั้งตรงเหมือนกับพู่กัน ดวงตาร้อนผ่าวไปด้วยน้ำตา เขามองดูใบหน้าอันซูบเซียวและซีดขาวของจี้ซือหานเขาถือไม้เท้าไว้และกล่าวด้วย้สียงทุ้มต่ำ "ซือหาน เจ้าคงลำบากเลยสินะ"เสียงของคนวัยชราแฝงไปด้วยความรู้สึกของคนอายุที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แต่กลับยังคงแข็งแกร่งและมีพลังผนวกกับบรรยากาศรอบตัวราวกับจะกลืนภูเขากลืนแม่น้ำที่แผ่ซ่านออกมา พอรวมกับเสียงนั้น ก็ทำให้คนรู้สึกถึงพลังพลานุภาพของความกดดันความรู้สึกดดันนั้นเป็นของคนตระกูลจี้ที่มีมาแต่กำเนิด นั่นคือบรรยากาศของคนอันทรงพลังที่ของคนที่อยู่ในตําแหน่งสูงมานาน ไม่มีใครอาจจะสามารถเทียบได้ง่ายนักจี้ซือหานก้มหน้าและพรุบสายตาลง เขาได้แต
นอร์เวย์ อาทิตย์ขึ้นในเช้าวันนี้ได้สาดแสงส่องผ่านหน้าต่างของคฤหาสน์กระทบเข้ามาในห้องที่ก่อขึ้นด้วยอิฐแดงภายใต้แสงอาทิตย์ แผ่นหลังของเธอไปคลุมไปด้วยผมหยิกหนา รูปร่างเพรียวบาง พอมองจากไกลๆ ก็ให้ความรู้สึกราวกับเหมือนเป็นภาพวาดจากสีน้ำมันซูหว่านกอดกั่วกัวเอาไว้และคลำหาขนมปังในจานพร้อมกับใช้มือที่สวมถุงมือเอาไว้ค่อยๆ ฉีกขนมปังออก จากนั้นก็ค่อยป้อนเข้าปากของเด็กผู้หญิงตัวเล็กกั่วกัวอ้าปากด้วยแก้มตุ้ยนุ้ยของเธอ เธอชะเง้อคอกินขนมปังโทสต์ที่น้าสาวยื่นมาให้ หลังจากเคี้ยวขนมปังโทสต์นุ่มๆ นั้นแล้วก็เงยหน้าจึ้นหันไปมองคนฝั่งตรงข้ามจิเหยียนโจวค่อยๆ ยุรยาตรเอามีดหั่นเสต็คเนื้อ หลังจากหั่นออกมาได้เป็นชิ้นก็ตักขึ้นมาชิ้นหนึ่งและป้อนมาไว้ตรงปากของซูหว่าน"ชูยี อ้าปาก"ภายในศีรษะเล็กๆ ของกั่วกัวกลับเต็มไปด้วยความสงสัย ลุงจอร์จบอกว่าแม่ของเขาชื่อว่าชูยี น้าสาวชื่อว่าชูนวลแต่ว่าช่วงที่ผ่านมานี้ ลุงแปลกๆ คนนี้เรียกน้าสาวว่าชูยี ทำให้กั่วกัวแยกไม่ออกระหว่างน้าสาวกับชูยีกั่วกัวไม่เข้าใจและไม่กล้าถาม กลัวว่าลุงแปลกๆ คนนี้จะดูเธอ เลยจึงได้แต่ก้มศีรษะเล็กๆ และทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆซูหว่านพอถูกช
ผู้ช่วยคนนั้นสั่นไปด้วยความตกใจและกล่าวอีกครั้ง "จี้ซือหานฟื้นแล้วครับ"จิเหยียนโจวตกใจได้ไม่กี่วินาทีก็กลับมามีท่าทีตามปกติเหมือนเดิม ราวกับว่าคาดการณ์ไว้แล้วว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาและก็ไม่ได้เอามาใส่ใจเขาหยิบผ้าเช็ดมือบนโต๊ะอาหารอย่างไม่เร็วไม่ช้ามาเช็ดนิ้วที่เปื้อนโจ๊กจนสะอาด...หลังจากเขาเช็ดสะอาดก็เงยหน้าขึ้นมาและหันไปมองกล้องวงจรปิดและบอกกับผู้ช่วย "ในเมื่อฟื้นแล้ว งั้นก็เอาของไปมอบให้เขาสักชิ้น"รับรองว่าพอจี้ซือหานได้เห็นจะต้องดีใจมาก ก็แค่ไม่รู้ว่าจะดีใจมากจนอาจจะกลับไปหมดสติอีกครั้งรึเปล่า...เขาเฝ้ารออยากเห็นท่าทีของจี้ซือหาน...จี้ซือหานซึ่งนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ก็ได้เห็นคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดส่งมาที่มือถือ หัวใจเขาเหมือนกับถูกม้าเหยียบกดเอาไว้ จนเขาเจ็บปวดรวดร้างอยากจะตาย เหมือนกับลำไส้ได้ถูกตัดออกนิ้วอันสั่นเทาของเขาได้ปัดคลิปวิดีโอจิเหยียนโจวป้อนข้าวให้กับซูหว่าน จากนั้นก็เปิดคลิปวิดีโอที่สองอย่างไม่อาจควบคุมได้ซูหว่านภายในคลิปวิดีโอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นพร้อมกับยิ้มให้กับจิเหยียนโจว เรียกเขาด้วยรอยยิ้มอันแสนหวาน : "เหยียนโจว..."ใบหน้าของจิเหยียนโจวก็เผย
อาเจ๋อพอเห็นวิธีลงมือของซูชิงที่บังคับวิลสันพูดที่อยู่ออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะตบไหล่ของซูชิงและกล่าว "เข้าร่วมกับพวกเราเถอะ"ซูชิงปิดประตูลง หลังจากรับสั่งให้คนพาครอบครัวของวิลสันไปส่งโรงพยาบาลก็หันมาพูดกับอาเจ๋อ "ข้าไม่ค่อยฉลาด..."อาเจ๋อเกาไปที่ด้านหลังท้ายทอย พอพูดแบบนี้แล้ว เขาดูฉลาดธรรมดาไปเลย ใช้เวลานานตั้งขนาดนี้แต่ทำไมยังไม่ทราบที่อยู่อีกอาเจ๋อขณะทีสงสัยในความฉลาดของตนเองก็ส่งเขาให้ไปเตรียมเปลี่ยนเครื่อง พร้อมกับพาลูกน้องบินไปยังนอร์เวย์อย่างติดจรวดตอนนี้ผู้ช่วยที่คอยตรวจสอบการเคลื่อนไหวในอังกฤษก็ได้รู้ว่าวิลสันได้บอกสถานที่แหล่งกบดานไปแล้ว เขาเลยรีบไปหาจิเหยียนโจวที่ห้องหนังสือเพื่อรายงาน"ประธานจิ คนของจี้ซือหานได้มาถึงคฤหาสน์ที่อังกฤษแล้วครับ แล้วก็จับครอบครัวของนายวิลสันบังคับให้เขาพูดที่อยู่ของท่านด้วย""งั้นเหรอ?"น้ำเสียงของจิเหยียนโจวเย็นชาและไม่ได้สนอยู่ในสายตา "งั้นก็ให้พวกเขามา"หลังจากหัวเราะเยาะเบาๆ ก็ได้รับสั่งผู้ชายอย่างเย็นชา "ไปขับเฮลิคอปเตอร์ของผมมา เอาไปจอดด้านหลังคฤหาสน์"หลังจากผู้ช่วยรับคำสั่งมา จิเหยียนโจวก็ได้นำเอาปากกาบันทึกเสียงและวิดีโอเทปที่เ
อาเจ๋อและซูชิงมองเฮลิคอปเตอร์ที่บินชึ้นสูงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองหน้ากันอาเจ๋อระงับความโกรธในใจและรีบสั่งให้คนไปติดตามเส้นทางการบินของเฮลิคอปเตอร์นั้นทั้งสองกลับมาที่คฤหาสน์เพื่อวางจะสดตามรอบเส้นทางและเตรียมไล่ตามจิเหยียนโจวอีกครั้งลูกน้องได้ออกมาจากห้องนอนของซูหว่านและพบปากกาบันทึกเสียง เทปบันทึกและกระดาษที่เขียนให้กับจี้ซือหาน"คุณเจ๋อ ของสองชิ้นนี้ถูกทับไว้ใต้กระดาษแผ่นนี้ คงจะเป็นคุณซูที่ทิ้งไว้ให้"อาเจ๋อรับของสามสิ่งนั้นมาก็เปิดปากกาบันทึกเสียง ตอนได้ยินเสียงอันคุ้นเคยจากในปากกาก็สะดุ้งขึ้นมาเล็กน้อยและไม่ค่อยมั่นใจพร้อมกับเงยหันไปถามซูชิง "นี่คือ..."ซูชิงสีหน้าหมองหม่นขึ้นมา "นี่คือเสียงของคุณซูครับ..."ซูชิงรับเทปบันทึกจากอาเจ๋อมา พอเซฟลงไว้ใน USB แล้วก็เอาไปเสียกับโน๊ตบุ๊คทั้งสองพอได้เห็นภาพบนจอ หัวใจก็รู้สึกทิ้งดิ่ง...ซูชิงกำของสองสิ่งนั้นไว้แน่นและหันไปพูดกับอาเจ๋อ "คุณไปตามจิเหยียนโจว ผมจะกลับไปก่อนเพื่อให้ประธานจี้ได้ตัดสินใจ"อาเจ๋อสีหน้าอึมครึมและพยักหน้าเบาๆ และก็พาคนของตัวเองตามจิเหยียนโจว ส่วนซูชิงก็รีบกลับไปที่เมืองเมืองเอก่อนที่เขาจะเข้าไปยังห้อง
เฮลิคอปเตอร์ของจิเหยียนโจวหลังจากมาหยุดลงตรงเขาลูกหนึ่งก้เปลี่ยนเป็นเฮลิคอปเตอร์อีกลำในทันที หลังจากเปลี่ยนเครื่องหลายครั้งในที่สุดก็ถึงสวิสเซอร์แลนด์ซูหว่านหลังจากถูกบังคับให้เข้าไปในคฤหาสน์ก็เอากั่วกัวมอบให้กับจอร์จ "รบกวนคุณช่วยดูเธอหน่อย ฉันมีเรื่องบางอย่างจะคุยกับเขา"จอร์จรู้ว่าซูหว่านซึ่งถูกหลอกมาตลอดทางกำลังจะไปคิดบัญชีกับจิเหยียนโจว เขาก็เลยรับกั่วกัวมาและให้เวลากับพวกเขาจอร์จหลังจากอุ้มเด็กไปแล้ว ภายใต้ช่วยประคองของคนรับใช้ พอลองควานหาดู ซูหว่านก็ได้มานั่งลงตรงโซฟาในห้องรับแขกหลังจากเธอนั่งลง เธอก็ลองเหลือบสายตาก็พอจะให้ได้อย่างลางๆ และพยายามเพ่งเพื่อหวาดตามองหาว่าจิเหยียนโจวอยู่ไหนหลังจากพบ เธอก็เผยอริมฝีปากสีแดงเบาๆ และถามจิเหยียนโจวอย่างเย็นชา "คุณสัญญากับฉันแล้ว ระยะเวลา 1 เดือนได้มาถึงแล้ว คุณควรจะปล่อยฉันกลับประเทศ ตอนนี้คุณยังจะหลอกฉันมาที่สวิสเซอร์แลนด์อีก คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?"ขณะจิเหยียนโจวหยิบบุหรี่ซิการ์ออกจากกล่องก็ได้ยินเสียงของซูหว่านและเหลือบมองเธออย่างไร้ซุ่มเสียง "ผมได้บอกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าคำพูดของผมมันเชื่อไม่ได้..."เขาเอาไฟแช็คออกมาและจุดบุห