นี่คือสองข้อความที่ไม่มีวันจะได้รับการตอบกลับ เหมือนกับช่วงเวลาของบทสนทนา ที่จะหยุดลงแค่ตรงนี้ตลอดชีวิตนี้เธอไม่สามารถตัดสินได้ว่าระหว่างซ่งซือเยว่กับจี้ซือหาน เธอรักใครมากกว่ากัน เธอรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้คนที่เธอรักมีเพียงจี้ซือหานคนเดียวชื่อนี้เป็นเหมือนรอยฟันที่เขาประทับไว้บนไหล่ของเธอ มันสลักลึกลงในหัวใจ ผสานไปกับกระดูกและเลือดเนื้อ ไม่ว่าจะกำจัดอย่างไรก็ไม่ออกเธออยู่กับเขา เคยเจ็บปวด เคยบาดเจ็บและก็เคยมีความสุข และก็ไม่เคยได้ทำตามหัวใจตัวเองมาก่อน แต่ครั้งนี้เธออยากที่จะรักเขาอย่างกล้าหาญ...ซูหว่านวางมือถือลง และก็วางความรู้สึกผิดในใจลงเช่นกัน เธอหยิบปากกาและไม้บรรทัดขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะวาดแบบอย่างมั่งคง...เธอจะเอาแบบแปลนนี้มอบให้กับจี้ซือหานในวันที่เขาขอเธอแต่งงาน แล้วบอกเขาว่าเธอรักเขามาแปดปีแล้ว ไม่เคยเปลี่ยนแปลงซูหว่านอยู่ทำงานตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็วาดโครงร่างออกมาเรียบร้อย จากนั้นก็วางปากกาลง เตรียมที่จะไปอาบน้ำ แต่จี้ซือหานก็โทรวีดีโอคอลมาพอดีเมื่อเห็นผู้ชายในจอมือถือ โครงหน้าคมชัดยิ่งกว่าเมื่อก่อน รูปร่างก็ดูผ่ายผอมลง คิ้วสวยก็ขมวดมุ่นน้อยๆ"คุณไม่ได้กินข้าวตรง
หลังจากที่จี้เหลียงชวนตกใจไปสักพัก ก็ตอบกลับไปว่า "ไม่มีปัญหา เดี๋ยวผมจัดการเอง"เมื่อเขาพูดจบก็จะวางสาย แต่ก็ได้ยินเสียงของพี่รองดังขึ้นอย่างขาดๆ หายๆ ก่อน"แล้วก็คุณเฉียว อลัน..."นั่นเป็นเพื่อนสนิทของเธอ ก็จะต้องได้เป็นสักขีพยานในช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของเธอด้วยความรอบคอบของเขา ความรักลึกซึ้งดั่งทะเลกว้างของเขา ยังทำให้จี้เหลียงชวนถึงกับซาบซึ้งไปด้วย"พี่รอง พี่จะต้องมีความสุขนะ"ความรักที่พี่ขอมา คุณซูที่พี่รอคอย จะต้อง จะต้องนำความสุขมาให้พี่ให้ได้นะจี้ซือหานยกยิ้มมุมปาก ใบหน้าขาวซีด ถูกรอยยิ้มจางๆ เข้าแทนที่...อีกไม่นานหรอก ความสุข อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น...หลังจากที่จี้เหลียงชวนวางสายไป ก็แจ้งข่าวให้กับคนในตระกูลจี้ให้เตรียมเครื่องบินส่วนตัวบินไปฟินแลนด์อย่างตรงเวลาจากนั้นก็โทรไปหาอลัน แต่โทรไปหลายสายก็ไม่มีคนรับ ก็เลยโทรไปหาซูชิง ให้ซูชิงไปหาอลันหลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ จี้เหลียงชวนก็ยกแก้วเหล้าบนเคาน์เตอร์ขึ้นดื่มจนหมด"ปึง" หลังจากวางแก้วเหล้าลง ก็หยิบเอาเสื้อสูทที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วตรงไปที่ไนท์คลับ...ในตอนที่ซานซานกำลังถือแก้วไวน์ต้อนรับแขกอยู่
เมืองเอซูชิงโทรติดต่อเบอร์ของอลันไม่ได้ จึงไปหาเธอที่บ้าน แต่ก็ไม่เจอใครซูชิงที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ รีบขับรถไปที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็วถึงได้รู้จากปากของพวกหมอว่าอลันถูกซูเหยียนบังคับพาตัวออกไปแล้วและในเวลาเดียวกันก็ได้รู้ว่า ไอ้สารเลวซูเหยียนนั่น บังอาจเตะคุณซูทีหนึ่งด้วย!กล้ารังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงของประธานจี้ ไม่รู้ไปกินดีหมีมาจากไหน!ซูชิงที่โมโหจนหน้าเขียวง้ำ หยิบมือถือออกมา โทรไปหาจี้ซือหานแต่เครื่องบินส่วนตัวของจี้ซือหานกำลังบินอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนแล้ว ไม่สามารถเปิดเครื่องได้ซูชิงจึงได้แต่โหลดคลิปจากกล้องวงจรปิดมาแล้วส่งไปยังมือถือของจี้ซือหาน ส่วนตัวเขาคืนนั้นก็รีบไปหาอลันที่เมืองหลวงเลยเช้าวันต่อมา ในตอนที่ซูหว่านกำลังถือดินสอ ตั้งใจวาดตึกหลังสุดท้ายตามที่ตั้งใจไว้อยู่ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเธอเหล่มองไปที่มือถือที่วางอยู่ข้างๆ อย่างไม่ใส่ใจ เมื่อเห็นชื่อด้านบนนั้น เส้นที่กำลังวาดอยู่ก็เบี้ยวไปไม่ได้ตามขนาดที่กำหนดไว้เธอจ้องมองไปยังอักษรสามตัวที่เขียนว่า "จิเหยียนโจว" กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง กำฝ่ามือที่ตื่นตระหนกก่อนจะยื่นมือออกไปหยิบมือถือ...หลังจากที่จิเห
เครื่องบินส่วนตัวลงจอดที่สนามบินตามกำหนดเวลา ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ออร่าเต็มเปี่ยมเดินออกจากสนามบินอย่างรวดเร็วท่ามกลางการคุ้มกันของเหล่าบอดี้การ์ดหลังจากที่เขาเข้าไปนั่งในรถหรูแล้ว ก็หยิบมือถือส่วนตัวออกมา คิดจะเปิดเครื่องโทรหาซูหว่านรายงานว่าเขาปลอดภัยดี แต่จู่ๆ อาการปวดหัวจี๊ดก็เกิดขึ้นอีกครั้งใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ขาวซีดไร้สีเลือดในฉับพลัน ขนาดดวงตาก็แดงไปด้วย...เขาโยนมือถือทิ้งไป ใช้มือสั่นๆ หยิบเอายาแก้ปวดที่ผู้อํานวยการวอชิงตันจ่ายให้กับเขาออกมาเทเข้าปากหลายเม็ดบอดี้การ์ดที่นั่งอยู่เบาะหน้า เมื่อเห็นว่าถึงเขาจะทำการรักษาแล้วแต่ก็ยังมีอาการปวดหัวรุนแรง จึงได้พูดเกลี้ยกล่อมออกมาอย่างเป็นห่วง "คุณท่าน ทำการผ่าตัดไปเลยดีไหมครับ?"ผ่าตัด นั่นก็หมายความว่าต้องเปิดกระโหลก ใครจะไปรู้ว่าหลังจากเปิดกระโหลก เขายังจะสามารถฟื้นขึ้นมาเห็นหน้าเธอได้อีกไหม เรื่องที่ไม่รู้แน่ชัดนี้ เขาไม่ทำหรอกจี้ซือหานพยายามฝืนความเจ็บปวด เงยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย กวาดไปทางบอดี้การ์ดอย่างเย็นชา "คำพูดของฉัน นายเห็นเป็นเพียงลมพัดผ่านงั้นเหรอ?"บอดี้การ์ดหยุดพูดในทันที คุณท่านกำชับไว้แล้วว่า
เมื่อเหล่าบอดี้การ์ดได้ยินประโยคนี้ ต่างก็ตกใจจนหน้าซีดเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่ก็เฝ้าอยู่หน้าประตูมาตลอด ทำไมคุณซูถึงหายตัวไปได้?พวกเขาก็ไม่มีเวลาจะคิดมาก ตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า "ครับ" จากนั้นก็รีบไปตามหาคนทันที...จี้ซือหานอยากจะส่งซูชิงกับอาเจ๋อไปหาด้วย เลยกลับไปที่รถ หยิบเอามือถือสำหรับใช้ทำงานที่ยังไม่ได้เปิดเครื่องเลยตั้งแต่เครื่องบินลงจอดเขากำลังคิดจะโทรไปหาพวกเขา ก็เห็นว่าเมื่อคืนซูชิงส่งคลิปๆ หนึ่งมาให้...เขาเห็นว่าในคลิปมีซูหว่านอยู่ด้วย เลยรีบเปิดดู ก็ได้เห็นซูเหยียนยกเท้าขึ้นถีบไปที่หัวใจของซูหว่านพอดีแววตาของจี้ซือหานฉายประกายเย็นยะเยือกน่ากลัวขึ้นมาทันที ซูเหยียน แกบังอาจแตะต้องผู้หญิงของฉัน อยากตายมากสินะ!เขาที่สีหน้าถมึงทึงขั้นสุดตั้งใจไว้ว่าหลังจากที่เจอตัวซูหว่านแล้วจะสับซูเหยียนออกเป็นชิ้นๆ ทันใดนั้นก็ได้ยินซูเหยียนพูดถึงซ่งซือเยว่ขึ้นมาประโยคที่ว่า "คุณรู้หรือเปล่า หลายเดือนมานี้กู้จิ่งเซิน มีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงสภาพยังไง" ทำให้จี้ซือหานถึงกับนิ่งอึ้งไปในคลิป เขาเห็นซูหว่านที่นอนหมอบอยู่บนพื้น เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ สายตาเธอเหม่อลอย ใบหน้าเต็มไปด้วยควา
ณ บ้านไม้เก่าๆ กลางป่าลึกลับในเกาะร้างติดทะเลซูหว่านถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ ที่ปากถูกเทปกาวติดเอาไว้หลายชั้นอย่างแน่นหนาความรู้สึกหายใจลำบากทำให้เธอค่อยๆ ตื่นขึ้นมาจากการสลบไสลอย่างช้าๆเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นว่ารอบๆ มีผู้ชายหน้าตาดุดันยืนอยู่ยี่สิบกว่าคนพวกเขามีรูปร่างสูงใหญ่โหดเหี้ยม ในมือถือพวกเครื่องมือก่อเหตุอย่างท่อนเหล็ก มีดแล่เนื้อเอาไว้แสงอาทิตย์ส่องลอดเข้ามาตามช่องไม้ สาดกระทบลงบนมีดเล่มนั้นจนส่องแสงประกายสีเงินออกมาแสงสีขาวเหล่านั้น สาดกระทบเข้าดวงตาของซูหว่าน ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก...เธอพยายามดิ้นรนโดยสัญชาตญาณ แต่ก็พบว่าทั้งมือและเท้าต่างก็ถูกมัดเอาไว้ ขยับไม่ได้เลยสักนิด"อย่าเสียแรงเลย เธอหนีออกไปไม่ได้หรอก..."ชายหน้าบากแหวกฝูงชน เดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าหนังพื้นหนาในตอนที่ได้เห็นชายหน้าบาก ซูหว่านก็เข้าใจในทันที พวกเขามาด้วยเรื่องของคุณเย่ก่อนหน้านี้เธอเคยหลอกชายหน้าบากมาก่อน บอกว่าคุณเย่ในบันทึกแจ้งความของตำรวจที่จริงคือคุณชายตระกูลเย่ที่มีแซ่ที่ออกเสียงเดียวกัน จึงทำให้เธอรอดมาได้ครั้งหนึ่งแต่คิดไม่ถึงว่าชายหน้าบากจะรู้ตัวว่าตัวเองถูกหลอกเ
สีหน้าของเธอขาวซีดเล็กน้อย แต่ในสายตาของหนิงรุ่ยเฉิงกลับกลายเป็นว่าละอายใจ "คุณซู ทั้งๆ ที่ตอนอยู่โรงพักคุณให้ชื่อ ข้อมูลของคุณเย่ แต่ทำไมต้องหลอกคนของผมว่าเป็นนายน้อยที่สี่ตระกูลเย่ด้วย คุณหลงรักผู้ชายที่ข่มขืนคุณงั้นเหรอ ถึงได้ปกป้องเขาแบบนี้?"ซูหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมทีคิดไว้แล้วว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่ยอมรับ แต่ตอนนี้หากว่าไม่ยอมรับก็จะยิ่งทำให้น่าสงสัยขึ้นไปอีกถ้าเป็นแบบนี้ หนิงรุ่ยเฉิงคงจะต้องเริ่มสืบจากคนใกล้ตัวของเธอทีละคนแน่ เธอคงต้องยอมรับ แต่ว่าต้องเปลี่ยนวิธีการยอมรับเมื่อคิดได้ดังนี้ ใบหน้าที่ซีดขาวก็ค่อยๆ สงบลง "ที่ฉันหลอกคนของคุณ นั่นไม่ใช่เพราะมาถึงเขาก็จู่โจมเข้ามาอย่างโหดๆ หรอกเหรอ ไม่มีมารยาทสักนิด แล้วทำไมฉันต้องบอกความจริงกับเขาด้วย ใครจะไปรู้ว่าเป็นเป็นคนดีหรือไม่ดี อีกอย่าง นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันอยากจะบอกก็บอก ไม่อยากบอกก็เป็นสิทธิ์ของฉัน!"เมื่อหนิงรุ่ยเฉิงได้ยินแบบนี้มุมปากที่กัดซิการ์เอาไว้ก็ยกขึ้นเล็กน้อย "คุณซู คุณยังคงพูดเก่งเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ"ซูหว่านก็ใช้สายตาหยิ่งยโสมองไปที่หนิงรุ่ยเฉิงเช่นกัน "ท่านประธานหนิง ไม่ใช่ว่าฉันพูดเก่ง ที่ฉั
เธอยังไม่ทันได้ถามสาเหตุอย่างละเอียด เชือกที่มักมือมัดเท้าอยู่ ก็ถูกมีดในมือของหนิงรุ่ยเฉิงตัดออกซูหว่านนึกว่าหนิงรุ่ยเฉิงจะปล่อยตัวเอง แต่ที่ไหนได้จู่เขาก็พลิกคมมีด ทันใดนั้นใบมีคมก็กดลงมาที่คอจากนั้นน้ำเสียงน่าเกรงขม ก็ดังขึ้นมาจากเหนือศีรษะ "คุณซู คอของคุณเรียวมาก แทงเข้าไปสักครั้ง น่าจะขาดได้เลยมั้ง??"เมื่อมีดที่เย็นเฉียบ เฉือนเข้ามาที่ผิวหนัง ทันใดนั้นเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของซูหว่านก็หยดลงมา...แต่เธอกลับบังคับตัวเองให้สงบ ช้อนสายตาขึ้นมองชายวัยกลางคนที่อยู่เหนือศีรษะ"ผอ.หนิง ฉันบอกว่าไม่รู้ว่าเขาก็เป็นใคร ก็คือไม่รู้สิ ต่อให้คุณฆ่าฉัน ฉันพูดไม่ออก คุณจะทรมานฉันไปทำไม?"เธอพูดจากนุ่มนวล แต่ในแววตากลับเผยสายตาที่แน่วแน่ไม่ว่าใคร ก็อย่าหวังจะดึงข้อมูลคุณเย่ไปจากปากของเธอเธอจะปกป้องจี้ซือหาน จะไม่ให้เขาต้องถูกทำร้ายแม้แต่นิดเดียว ต่อให้ตัวเองถูกข่มขู่ ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!หนิงรุ่ยเฉิงเห็นเธอยังปากแข็งขนาดนี้ จึงรู้ว่าเธอเดาได้ว่าตัวเองจะไม่ฆ่าเธอ เพราะงั้นจะเป็นจะตายถึงได้ไม่ยอมรับแบบนี้ดูท่าทางต้องให้เธอทรมานซะบ้าง ถึงยังไงซะคนเราเมื่อมาถึงจุดสิ้นหวังแล้ว ก็ย่อมเลือ