เมื่อซูหว่านตื่นขึ้น ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว ดวงตาที่ร้องไห้ของเธอนั้นบวมและเเดงมากเธอยกมือขึ้นและขยี้ตาของเธอ เมื่อเธอลืมอีกครั้ง ทันใดนั้นภาพก็เบลอเล็กน้อยเธอนั่งเหม่อที่ข้างเตียงและผ่อนคลายเป็นเวลานานก่อนที่สายตาของเธอจะกลับมาโฟกัสอีกครั้ง...หลังจากมองเห็นชัดเจนแล้ว เธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความถึงจอร์จ[คุณหมอจอร์จ ดวงตาของฉันเบลออีกแล้วค่ะ]ทางจอร์จไม่ได้ตอบเร็วขนาดนั้น เธอจึงวางโทรศัพท์ ดึงผ้าห่มออกแล้วลุกลงจากเตียงเมื่อเธอผลักประตูห้องและลงไปชั้นล่าง เธอเห็นจิเหยียนโจวนั่งเเละซานซานนั่งจ้องหน้ากันอยู่ในห้องรับเเขกเธอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่จิเหยียนโจวยังอยู่ที่นี่เธอถอนหายใจลึก ๆ เดิมทีเธอต้องการพาซานซานไปหาซ่งซือเยว่วันนี้ แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว คงจะไปไม่ได้เเล้วเมื่อซานซาน เห็นว่าเธอตื่นแล้ว ก็รีบลุกขึ้นเดินไปหาเธอแล้วถามเธออย่างอ่อนโยน ๆ ว่า "หว่านหว่าน หิวไหม เดี๋ยวฉันไปอุ่นอาหารให้"ขณะที่ซูหว่านกำลังจะกลับ เสียงที่พูดส่ง ๆ ของจิเหยียนโจวก็ดังมาจากด้านหลังของทั้งสองคน "ถึงเวลากลับบ้านแล้ว"ซานซานห
เมื่อผู้จัดการได้ยินคำพูดประโยคนี้ ใบหน้าสำนึกผิดก็เต็มไปด้วยความลำบากใจ "คุณชายถัง ผมจะโทรไปเร่งให้อีกสักรอบ กรุณารอสักครู่นะครับ..."หลังจากที่ผู้จัดการหมุนตัวเดินออกไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นความกังวลตั้งแต่สถานที่แห่งนี้มีการเปลี่ยนตัวเจ้าของ ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาเรื่องอีก ใครจะไปคิดว่าวันนี้จะมีพวกคุณชายตระกูลร่ำรวยอำนาจล้นฟ้ามากันเขาอุตส่าห์ส่งคนมากกว่าครึ่งร้านมาเพื่อมาดูแลพวกเขา เดิมคิดว่ารายได้วันนี้คงจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าแน่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะมาหาเรื่องในขณะที่ผู้จัดการกำลังแอบบ่นว่าวันนี้ซวยจริง ก็เห็นซานซานที่ใส่ชุดเดรสยาวเว้าหลังสีดำ เดินเข้ามาพร้อมกับรองเท้าส้นสูง"บอสครับ ในที่สุดบอสก็มาสักที พวกเขาบอกว่าถ้าหากบอสยังไม่มา จะสั่งปิดที่นี่ซะ!""ไม่ต้องกลัว"ซานซานพูดออกมาเสียงเรียบๆ อย่างไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด จากนั้นก็สาวเท้าเดินไปทางห้องรับรองวีไอพีเมื่อเปิดประตูเข้าไป มองเห็นผู้ชายที่นั่งอยู่ในมุมมืดๆ ข้างในห้อง สีหน้าของซานซานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยเดิมทีเธอคิดว่าก็คงจะเป็นพวกคุณชายลูกผู้ดีที่ว่างจัด จงใจมาหาอะไรสนุกๆ ทำแก้เบื่อเท่าน
เขาใส่เสื้อสูทสีขาว ในมือถือแก้วเหล้าไว้พลางนั่งไขว่ห้างไปพลางอย่างเกียจคร้านด้วยท่าทางคุณชายสุดๆถึงจะดูราวกับว่าเขาไม่ใส่ใจ แต่สายตากลับแอบมองมายังผู้หญิงที่กำลังดื่มเหล้าเป็นขวดๆ อยู่เธอสวมเดรสสีดำคอวีลึก ยิ่งทำให้เห็นสัดส่วนผอมเพียวที่ชัดเจน ท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่อง ยิ่งทำให้ดูผุดผ่องมีเสน่ห์ใบหน้างดงามแดงก่ำเนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผิวเดิมที่ขาวผ่องยิ่งส่งผลให้ตัวของเธอดูแดงก่ำเข้าไปอีกออร่าความงามที่แผ่กระจายออกมา ต่อให้เป็นตัวท๊อปที่นั่งอยู่ก็ยังสู้เธอไม่ได้เลยเมื่อพวกคุณชายทั้งหลายได้เห็นซานซานที่ใจเด็ดแบบนี้ก็อดที่จะเกิดความคิดไม่ดีขึ้นมาไม่ได้...จี้เหลียงชวนพบว่าพวกผู้ชายต่างจับจ้องไปที่ร่องอกที่อยู่ภายใต้เสื้อคอวีของเธอ สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที จากนั้นก็โยนแก้วเหล้าในมือออกไป"เพล๊ง" เสียงแก้วแตกดังขึ้นก่อนที่ซานซานจะได้ก้มลงไปหยิบเหล้าขวดที่สามขึ้นมา...เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่แก้วเหล้าของจี้เหลียงชวน ใบหน้าเล็กๆ สีแดงเรื่อส่งยิ้มจอมปลอมทางการค้ามาให้เขา "นายน้อยที่เจ็ดจี้ มีอะไรไม่พอใจหรือเปล่าคะ?"เมื่อจี้เหลียงชวนเห็นรอยยิ้มยั่วยวนบนใบหน้าของเธอก็รู้สึกไ
ซูหว่านพยายามบังคับตัวเองให้สงบใจลง หยิบมือถือออกมาแล้วโทรหาตำรวจแต่ตำรวจกลับไม่ได้มาถึงเร็วขนาดนั้น อีกอย่างหลังจากที่ดับเครื่อง ภายในรถก็อบอ้าวมากไม่นานความรู้สึกเริ่มขาดอากาศหายใจก็ทำให้เธอเริ่มที่จะหายใจผิดปกติเมื่อเธอเห็นว่าตำรวจยังไม่มา ก็รีบโทรไปหาซานซานทันทีแต่ด้วยความที่ซานซานรีบไปจัดการเรื่องด่วนที่ไนท์คลับ จึงเผลอทำมือถือตกเอาไว้ในรถ ก็เลยไม่ได้รับโทรศัพท์ของเธอเช่นกันซูหว่านโทรไปหลายสาย แต่ก็ไม่มีคนรับ ก็เลยเลิกโทร...เธอใช้ดวงตาแดงก่ำอย่างอัดอั้นใจมองไปยังประตูคฤหาสน์ที่ปิดสนิท ไม่มีใครออกมาช่วยเธอเลยสักคนด้วยการขาดออกซิเจนและอากาศหายใจรุนแรง ทำให้เธอรู้สึกโมโหจัดเธอยกมือถือในมือขึ้นมา แล้วทุบไปที่กระจกรถอย่างแรง ครั้งแล้วครั้งเล่าจนหน้าจอแตก แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้เธอไม่เคยรู้สึกโกรธมากเหมือนตอนนี้มาก่อน ความโกรธนั้นทำให้เธอกัดฟัน ทุ่มเทสุดกำลังที่จะทุบลงไปจิเหยียนโจวที่นอนฟุบดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่ชั้นหนึ่งอยู่ตรงราวระเบียง แต่ก็ไม่คิดที่จะไปเปิดประตู เพียงแค่มองดูอยู่เฉยๆซูหว่านทุบจนหน้าจอมือถือแตก แต่กระจกรถก็ยังอยู่ดีเหมือนเดิม...เธอเหนื่อยจน
เมื่อเขาเห็นเงาร่างที่นั่งกอดตัวเองกลม หัวใจก็กระตุกอย่างแรง"จอดรถ..."อาเจ๋อลดความเร็วลงทันที ก่อนจะเอารถไปจอดไว้ข้างทาง "ท่านครับ มีอะไรหรือเปล่า?"จี้ซือหานผลักประตูรถให้เปิดออกแล้ววิ่งลงไปหาซูหว่านอย่างรวดเร็วซูหว่านที่มองเห็นอะไรไม่ชัด รู้สึกได้แต่ว่ามีคนเข้ามาใกล้ จึงลุกขึ้นทันที แล้วก็ก้าวถอยหลัง"อย่าเข้ามา!"เมื่อจี้ซือหานเห็นเธอระวังตัวแบบนี้ ก็เข้าใจว่าเธอคงไม่อยากให้เขาเข้าใกล้ ก็เลยหยุดเดินเงาร่างสูงใหญ่ยืนตัวตรงอยู่กับที่ มองเธออยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำดวงตาที่เย็นชาของเขาค่อยๆ แดงเรื่อขึ้น ขนาดหางตาก็ยังแดง...จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้จบกันแล้ว ก็ไม่สามารถเข้าใกล้เธอได้เลยสักก้าวซูหว่านไม่รู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร รู้เพียงแค่ว่าหลังจากที่เธอบอกให้เขาอย่าเข้ามา อีกฝ่ายก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาอีกแต่ว่าตอนนี้เธอมองไม่เห็น หากว่าอีกฝ่ายรู้เข้า เกรงว่าจะเดินเข้ามาอีกเมื่อคิดได้ดังนั้น ความโกรธมากมายในใจก็ถูกความหวาดกลัวเข้ามาแทนที่...เธอรีบหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนว่าดวงตาจะมองเห็นหรือไม่ เธอก้มหน้าวิ่งออกไปเลยอาการต่อต้าน ป้องกันตัวแ
เมื่อซูหว่านได้ยินคำว่ากลับบ้าน เธอก็รู้สึกขบขันขึ้นมาอย่างที่สุด "นั่นเป็นบ้านของคุณ ไม่ใช่บ้านของฉัน"เธอไม่มีบ้าน ไม่มีตั้งแต่เล็กจนโต เดิมคิดว่าหาตัวพี่สาวเจอเธอก็จะมีบ้าน แต่คนตรงหน้าที่บอกว่าจะเป็นพี่เขยของเธอ กลับขังตัวเธอเอาไว้ในรถเนื่องจากเธอกลับบ้านไม่ตรงเวลา คิดจะทำให้เธอขาดอากาศหายใจตาย แล้วเธอจะกลับบ้านกับเขาอีกได้ยังไง...เมื่อจิเหยียนโจวเห็นว่าเธอไม่ยอมกลับ ก็พูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจว่า "นั่นเป็นบ้านที่ฉันซื้อให้กับพี่สาวของเธอ เป็นบ้านของเขา และก็เป็นบ้านของเธอด้วย"รอยยิ้มที่มุมปากของซูหว่านยิ่งเย็นชาขึ้นอีก "เพื่อที่จะหนีไปจากคุณ พี่สาวของฉันยอมที่จะจบชีวิตของตัวเอง นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้รักคุณเลย ทั้งบ้าน รถพวกนั้นล้วนไม่ใช่ของพี่ เป็นคุณที่คิดเองเออเอง ยัดเยียดทุกอย่างให้กับเขา!"จิเหยียนโจวสีหน้าเคร่งขรึม แววตาปรากฏร่องรอยความดุร้าย "ถ้าหากเขาไม่รักฉัน ทำไมถึงได้พยายามตามจีบฉันมาเป็นสิบปี เป็นเขาที่หักหลังฉันหลังจากที่เราเป็นแฟนกันแล้ว เขาทิ้งฉัน ก็เลยคิดหาวิธีหนีไปจากฉัน แต่พวกเธอกลับโทษทุกอย่างนี้ให้เป็นความผิดของฉัน!"ซูหว่านอึ้งไป คิดไม่ถึงว่าพี่สาวของเธอ
หว่านรู้สึกชาไปทั้งหัว แต่ก็พยายามรวบรวมความกล้าพูดกับเขาว่า "คุณจิ ฉันกลัวคุณมาก ขอไม่ไปกับคุณได้ไหมคะ?"ต่อให้ดวงตาของเธอจะบอดไปชั่วขณะ แต่เธอก็ไม่อยากจะกลับไปกับจิเหยียนโจวเธอกลัวว่าจะถูกเขาขังเอาไว้ในรถ ทำให้เธอต้องสัมผัสกับความรู้สึกใกล้ตายอีกเมื่อจิเหยียนโจวเห็นร่องรอยของความหวาดกลัวในดวงตาที่ไม่อาจโฟกัสได้ของเธอ สายตาของเขาก็ว้าวุ่นขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เขาจ้องมองซูหว่านอยู่สักพัก ก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ "กลับไปก่อน ค่อยว่ากัน"เมื่อซูหว่านได้ยินคำนี้ ก็รู้ว่าคงจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้วเธอไม่ดื้อดึงอีกต่อไป หลังจากที่ยื่นมือออกไปแล้วก็ปล่อยให้เขาพาตัวเองกลับไปบนรถที่เธอเกือบจะขาดอากาศหายใจเมื่อกี้ตามใจจากนี่ไปที่คฤหาสน์ใกล้มาก ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที รถก็หยุดวิ่งลงแล้วจิเหยียนโจวดึงแขนของเธอ พาเธอไปส่งที่ห้องนอน จากนั้นก็ไปหยิบยามาให้เธอกล่องหนึ่ง"นี่เป็นยาที่จอร์จไว้รักษาดวงตาของเธอ ฉันกลัวว่าเธอจะหนีไปก็เลยไม่ได้ให้เธอ"มิน่าจู่ๆ ดวงตาของเธอถึงได้มองไม่เห็นที่แท้ก็เป็นเพราะเขาเอายาไปซ่อน จงใจไม่ให้เธอได้กินยาตามเวลาซูหว่านบีบฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง คว
ยังคงเป็นคุณเย่เมื่อซูหว่านเห็นเขายืดมั่นเช่นนี้ก็อดที่จะรู้สึกจนใจไม่ได้เธอก็ยังคงไม่ตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของเขา อีกทั้งยังลบคำขอทั้งหมดทิ้งไปอีกด้วยในตอนที่กำลังจะออกจากไลน์ ก็เห็นกลุ่มของลูกค้าที่เคยร่วมงานกันมีคนกดกดเมนชั่นถึงจี้ซือหานกลุ่มนี้ออฟฟิศผู้บริหารกลุ่มบริษัทหนิงสร้างขึ้นเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า คนในกลุ่มมีถึงระดับประธานบริษัทเดิมทีเธอคิดว่าหลังจากที่เธอตายไป คนในบริษัทจะลบเธอออกจากกลุ่มซะอีก คิดไม่ถึงว่าจะไม่ลบ...คนที่กดเมนชั่นจี้ซือหานก็คือเวินเหิงซีอีโอกลุ่มบริษัทเวิน ดูเหมือนว่าเขาจะมีเรื่องด่วนติดต่อจี้ซือหาน แต่ติดต่อไม่ได้ก็เลยมากดเมนชั่นเขาในกลุ่มแต่จี้ซือหานไม่มีทางจะตอบข้อความประเภทนี้หรอก ก่อนหน้านี้ที่เขาเข้ากลุ่ม ก็เพราะกลุ่มบริษัทหนิงให้เธอไปอ้อนวอนลากเขาเข้ามาเมื่อซูหว่านคิดถึงอดีตเหล่านี้ นิ้วมือของเธอก็อดที่จะกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของเขาอย่างควบคุมไม่ได้...หลังจากที่พวกเขาเลิกกัน ก็บล๊อกเขาไปแล้ว ตอนนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่ก็ยังสามารถมองเห็นข้อความที่เคยส่งหากันได้หลังจากที่เธอกดเข้าไป ก็เห็นข้อความแชตที่จบไปตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ