หลังจากจัดการกับเจซและคนอื่น ๆ เรียบร้อยแล้ว ฮาร์วีย์ก็โทรหาไอรีนก่อนจะมาโรงพยาบาลแบล็คเบิร์น ซิตี้โรงพยาบาลแบล็คเบิร์น ซิตี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ตกแต่งอย่างหรูหราจนผู้คนต่างรู้จักโรงพยาบาลนี้กันทุกคนแต่ยังไงก็ตามทักษะทางการแพทย์ของโรงพยาบาลนี้อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนชื่อเสียงของโรงพยาบาลในเมืองนี้จะค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานโรงพยาบาลแห่งนี้มักจะอาศัยการหลอกเอาเงินจากนักท่องเที่ยว จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะฟันกำไรได้อย่างมหาศาลนักท่องเที่ยวต่างก็ไม่สามารถพึ่งพาใครได้ พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำทนให้ผ่านไปฮาร์วีย์เพิ่งเข้าใจในเรื่องนี้ก็เมื่อเขาต้องเดินทางมายังโรงพยาบาลแห่งนี้นี่แหละเนื่องจากไอรีนไม่ใช่คนที่นี่ เขาจึงไม่สามารถตำหนิไอรีนในเรื่องนี้ได้หลังจากนั้นไม่นานฮาร์วีย์และจูเลียนก็เดินทางมาถึงห้องโถงใหญ่ของโรงพยาบาลแห่งนี้“คุณยอร์ก"ไอรีนทักทายฮาร์วีย์ด้วยความเคารพ“เป็นยังไงบ้าง?”ฮาร์วีย์พยักหน้า“เธออยู่ในห้องฉุกเฉินค่ะ แต่...”ไอรีนรู้สึกลังเลฮาร์วีย์ขมวดคิ้ว หลังจากมองลอดช่องว่างระหว่างประตู เขาก็มองเห็นคนประมาณหกคนนอนอยู่บนเตียง
เรย์นหัวเราะอย่างเย็นชา“ฉันขอเตือนคุณนะว่าเราจะไม่คืนเงินให้เมื่อทำธุรกรรมกันเสร็จแล้ว“คุณสามารถพาคนไข้กลับไปได้แต่เราจะไม่คืนเงินมัดจำให้!“ออกไปเดี๋ยวนี้!“หยุดทำตัวน่ารำคาญได้แล้ว!”สีหน้าของไอรีนดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น“คุณทำเกินไปแล้วนะ!“คุณไม่ได้ช่วยอะไรคนไข้เลย แล้วยังไม่คืนเงินอีกเหรอ?!“ฉันจะฟ้องคุณ!”“จะฟ้องฉันเหรอ?!”เรย์นเขียนคิ้วของเธอก่อนจะชี้ไปยังตัวเลขที่อยู่บนผนังห้อง“หมายเลขโทรศัพท์ของฝ่ายบริหารและสถานีตำรวจทุกแห่งอยู่ตรงนี้แล้ว!“เชิญโทรหาคนที่คุณต้องการได้เลย!“ถ้าคุณทำให้ฉันกลัวได้ ฉันจะหมอบกราบคุณเลย!“คุณคิดว่าคนนอกแค่สองสามคนจะมาทำอวดเบ่งได้ที่นี่เหรอ?!“มาดูกันซิว่าจะมีใครรับสายของคุณหรือเปล่า!”เรย์นทำสีหน้าดูถูกเหยียดหยามเธอคุ้ยเคยกับการหลอกเอาเงินจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีถึงแม้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวโทรไปขอความช่วยเหลือ แต่โรงพยาบาลแห่งนี้ก็มักจะได้รับการปกป้องอยู่เสมอ “คุณช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”ไอรีนรู้สึกตื่นตระหนก นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนลำบากขนาดนี้ฮาร์วีย์เดินเข้าไปแตะไหล่ไอรีนก่อนที่จะพูดอย่างใจเย็
เอลเลนยังคงเมามายไม่ได้สติอยู่ในห้องฉุกเฉินใบหน้าของเธอดูซีดขาวราวกับหิมะ เธอน่าจะได้รับการล้างท้องและเยียวยาอาการบาดเจ็บของเธอแล้ว แต่บุคลากรทางการแพทย์กลับทิ้งเธอไว้ในห้องโดยไม่ได้ทำอะไรเลยฮาร์วีย์ขมวดคิ้วก่อนจะกดท้องของเอลเลน จากนั้นก็อุ้มเธอขึ้นแล้วบอกจูเลียนให้หยิบถังขยะเข้ามา เอลเลนดูสบายตัวขึ้นมากหลังจากได้อาเจียนออกมาเป็นเหล้าที่กินเข้าไปเกือบหมดหลังจากที่ไอรีนได้ใช้ยาในห้องฉุกเฉินจัดการกับอาการบาดเจ็บของเอลเลนแล้ว เอลเลนก็ถูกจับให้นั่งอยู่บนรถเข็นหลังจากนั้นไม่นานฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ ก็เตรียมตัวออกจากที่นั่นจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงเสียงฝีเท้าของผู้คนมากมายพร้อมกับเสียงกรีดร้องดังลั่นมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามจะบุกเข้าไปในห้องฉุกเฉินฮาร์วีย์มองอย่างใจเย็นก่อนที่จูเลียนจะก้าวออกไปข้างหน้าประตูถูกเตะให้เปิดออกทันทีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรูปร่างสูงใหญ่แปดคนลอยกระเด็นออกไป ก่อนจะหล่นกระแทกลงบนตัวเรย์น ช่างเป็นภาพที่ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งเกือบจะในเวลาเดียวกันคนกลุ่มหนึ่งที่มีท่าทีดุร้ายก็กำลังเดินอาจ ๆ อยู่กลางทางเดินมีผู้หญิงที่ค่อนข้างมีอายุเดินนำกลุ่ม
เมื่อเห็นว่าเนลลีเป็นคนไร้เหตุผล ไอรีนก็อดที่จะพูดขึ้นมาไม่ได้“คุณหมายถึงอะไรที่พูดว่าใส่ร้าย?!“เรากำลังพูดเรื่องข้อเท็จจริงกันอยู่นะ!“คุณรับเงินค่ารักษาคนป่วยไปแล้ว แต่ยังวิ่งไปดูแม่เทพธิดาที่ไหนก็ไม่รู้แทนที่จะทำงานของตัวเอง!“คุณปล่อยให้คนป่วยต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในห้องฉุกเฉินเป็นเวลาครึ่งค่อนชั่วโมง แล้วยังปฏิเสธที่จะคืนเงินมัดจำให้เราอีก!“โรงพยาบาลแห่งนี้มีศีลธรรมแบบไหนกันเหรอ?!“นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลด้วยซ้ำไป นี่เป็นแค่รังโจรเท่านั้นเอง!”ไอรีนหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาก่อนจะร้องบอกอย่างเย็นชาว่า "ฉันจะรายงานเรื่องนี้กับองค์การอาหารและยาฯ เดี๋ยวนี้!”ฮาร์วีย์เหลือบมองเนลลีอย่างใจเย็น ก่อนที่เขาจะทำไม้ทำมือส่งสัญญาณให้จูเลียนทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับเอลเลนคำพูดอันรุนแรงของไอรีนทำให้เนลลีรู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก เนลลีจ้องมองด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะโบกมือ เพื่อเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้มาห้อมล้อมฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ เอาไว้จากนั้นเธอก็ตบมือด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม และเผยให้เห็นเรียวขาอันเพรียวบางของเธอ“คุณจะต้องชดใช้สำหรับการทำอะไรผิด ๆ ที่โรงพยาบาลแบ
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเนลลีก็กลับมาได้สติอีกครั้งเธอเอามือกุมท้องในขณะจ้องมองฮาร์วีย์อย่างโกรธเกรี้ยว“แกกล้าดียังไงมาเตะฉัน ไอ้สารเลว?!“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?!”“เธอเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่ไร้ศีลธรรมไม่ใช่เหรอ?” ฮาร์วีย์ตอบ“ฉันระบุถูกคนแล้วใช่ไหมล่ะ?”“แก...”เนลลีเดือดดาลเป็นอย่างมากเมือเห็นฮาร์วีย์ทำหน้านิ่ง“ไป! เอาตัวเขามาก! พวกแกทุกคนเลย!” เธอร้องบอกในขณะที่ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“ฉันจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง!”เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายสิบคนเข้าไปล้อมฮาร์วีย์เอาไว้พร้อมกับอวดรอยยิ้มอันชั่วร้ายไอรีนตกใจมากกับภาพที่เห็น เธอไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และไม่คิดว่าโรงพยาบาลแห่งนี้จะไร้เหตุผลได้ถึงขนาดนี้“ระวังตัวด้วยค่ะคุณยอร์ก!” ไอรีนร้องบอกตามสัญชาตญาณเรย์นหัวเราะเบา ๆ อย่างเย็นชา“ไอ้เด็กคนนี้ตายแน่เพราะกล้าไปต่อกรกับผู้อำนวยการ!“เขาจะระวังตัวขนาดไหนก็ไม่สำคัญหรอก เขาต้องตายแน่ ๆ!”เหล่าคนป่วยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่กำลังดูโชว์นี้อยู่ต่างอดที่จะส่ายหัวและถอนหายใจไม่ได้ทุก ๆ คนรู้ว่าเนลลีเป็นชนชั้นกลาง แต่เธอก็พอมีอำนาจและเส้นสายอยู่บ้างไม่มีใครในโ
ฮาร์วีย์ขมวดคิ้วบอกได้เลยว่าแบล็คเบิร์น ซิตี้ช่างเป็นเมืองที่ไร้กฎหมายอย่างมากเห็นได้ชัดว่าการสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าของรัฐแบบนี้มันมากเกินไปแล้วเนลลีคิดว่าฮาร์วีย์จะต้องกลัวเมื่อเห็นหน้าเขาเธอกลับมาใจกล้าได้อีกครั้งในขณะที่กัดฟันแน่น“อะไรกัน? แกรู้สึกกลัวแล้วเหรอ?” เธอจ้องมองฮาร์วีย์พร้อมกับยิ้มอย่างเย็นชา“ในที่สุดแกก็เข้าใจแล้วสินะว่าทำผิดอะไรไป?“ยังมีเวลาอ้อนวอนขอร้องอยู่นะ!“ถ้าแกไม่ทำอย่างนั้นก็อย่ามาโทษฉันในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปล่ะ!”เนลลีบอกให้เรย์นไปตามเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่น ๆ มา ซึ่งทำให้ฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ โดนห้อมล้อมทั้งข้างในและข้างนอกผู้คนพวกนั้นต่างจ้องมองฮาร์วีย์และคนอื่น ๆ อย่างดุดัน พวกเขาต่างมั่นใจว่ามีจำนวนมากพอจะข่มขู่ให้คนพวกนั้นหวาดกลัวได้เนลลีเริ่มทำท่าหยิ่งผยองมากขึ้นเมื่อเห็นภาพนั้น“หมอบกราบและเลียรองเท้าของฉันให้สะอาดเลยนะไอ้หนู!” เธอร้องบอกหลังจากหัวเราะเบา ๆ อย่างเย็นชา“ถ้าไม่ทำ...แกกับเพื่อน ๆ จะต้องเข้าไปอยู่ในห้องขังสักพักหนึ่งล่ะ!”ไอรีนเริ่มรู้สึกตื่นตระหนกจูเลียนทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชาพ
เนลลีดีใจมากที่เห็นชายคนนั้นปรากฏตัว เธอกอดแขนชายคนนั้นด้วยท่าทีอ่อนโยนทันที ก่อนจะกระซิบบอกว่า "คุณมาได้จังหวะพอดีเลยสารวัตรมิลลเลอร์! ไอ้สารเลวนั่นด่าเราว่าเป็นคนไร้ศีลธรรมแล้วเริ่มตบตีพวกเราทุกคน!“แล้วยังเตะท้องฉันด้วย!“เธอต้องพาตัวเขาไปนะ! เขาต้องทบทวนในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป เขาจำเป็นต้องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาต่อต้านฉัน!”เนลลีชี้ไปที่ฮาร์วีย์ด้วยสีหน้าที่ดูสูงส่งและทรงพลังเรย์นและคนอื่น ๆ พูดพร้อมกับตะโกนใส่ฮาร์วีย์ที่ก่อปัญหาและทำตัวไม่มีเหตุผล“อะไรนะ? ใครทำร้ายผู้อำนวยการแพดโลว์?!“ในตอนกลางวันแสก ๆ เนี่ยน่ะเหรอ?!“กฎหมายไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยเหรอ?!”สารวัตรมิลลเลอร์จ้องมองฮาร์วีย์อย่างเย็นชา หลังจากที่รู้ว่าฮาร์วีย์ไม่ได้มาจากทะเลใต้ สารวัตรมิลเลอร์ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ“นำตัวเขากลับไป! เรามีเรื่องต้องคุยกันยาวเลยล่ะ!“ถ้าเขาขัดขืนก็ฆ่าเขาได้ทันที!”ฮาร์วีย์อวดรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนหรี่ตามองสารวัตรมิลเลอร์“คุณเป็นถึงสารวัตร คุณเป็นตัวแทนของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่คุณไม่ยอมสอบสวนอะไรก่อนเลยเหรอ?”“คุณคิดว่าฉันต้องการคนแบบคุณมาสั่งสอนฉันเหรอ?“คุณทำร้ายผู้คน! นี่เป
ฝูงชนต่างนิ่งเงียบ'นักท่องเที่ยวคนนี้อวดดีเกินไปแล้ว!''สารวัตรมิลเลอร์ยอมแพ้แล้ว แต่ก็ยังพยายามหาเรื่องเขาอยู่อีก! นี่เป็นเรื่องที่แย่มาก'สารวัตรมิลเลอร์ล้มลงไปกองกับพื้น เขาไม่สามารถบอกได้ว่าฮาร์วีย์นั้นทรงพลังแค่ไหนเมื่อเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาเขาอีกครั้งเขารู้สึกเดือดดาลด้วยความโกรธเกรี้ยว“อย่าทำอะไรให้มันเกินไปนะไอ้หนู...” สารวัตรมิลเลอร์ร้องบอกอย่างไม่พอใจเพียะ!ฮาร์วีย์เหวี่ยงหลังมือเข้าไปฟาดหน้าสารวัตรมิลเลอร์“คุณควรรู้ว่าเมื่อไหร่ควรยอมรับความผิดของตัวเองนะ"“คุณไม่เข้าใจแนวคิดง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน?”สารวัตรมิลเลอร์กำหมัดแน่นในขณะที่กัดฟันกรอด เขาอยากจะยิงฮาร์วีย์ให้ล้มลงตรงนั้นเลย แต่ก็ไม่มีความแข็งแกร่งพอจะทำอย่างนั้นได้“ผมขอโทษ!”แน่นอนว่าเขาไม่ได้กลัวฮาร์วีย์ แต่เขากลัวสารวัตรเฟลเลสมากด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่กล้าต่อกรกับฮาร์วีย์เมื่อได้ยินคำขอโทษฮาร์วีย์ก็ก้าวออกไปข้างหน้าก่อนจะตบหน้าสารวัตรมิลเลอร์“ออกไป!”สารวัตรมิลเลอร์เดินโซซัดโซเซออกไปจากสถานที่แห่งนั้นพร้อมกับสารวัตรคนอื่น ๆ สีหน้าของพวกเขาดูหมองหม่นอย่างชัดเจนในขณะที่เดินออกไปฝูงชนต่างตัวช
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข