แวนซ์ถูกบดขยี้อย่างไม่มีชิ้นดีที่มารีน่า เบย์ คลับเฮ้าส์ ในขณะที่บอดี้การ์ดส่วนตัวของเขาก็ต้องกลายเป็นคนพิการจากการโดนตบเพียงครั้งเดียวเขารู้ว่าจริง ๆ แล้วฮาร์วีย์เป็นคนน่ากลัวขนาดไหนเขากำลังวางแผนที่จะหาใครสักคนมาช่วยปกป้องเขาในอีกสองสามวันหลังจากนี้ เขาอยากได้นักต่อสู้ผู้มีความเชี่ยวชาญสักสองสามคนมาอยู่ข้าง ๆ เขา ก่อนที่เขาจะไปเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์อีกครั้ง...แต่เขาไม่คิดว่าจะมาเจอฮาร์วีย์เข้าที่นี่เมื่อเทียบกับฮาร์วีย์แล้ว ลูกน้องของเขา...ทันใดนั้นคอของแวนซ์ก็รู้สึกแห้งผากขึ้นมาทันที“คุณยอร์ก...”ร่างกายของเขาใกล้จะยอมแพ้แล้ว เขากำลังจะคุกเข่าลงไปในอีกไม่กี่วินาทีนี้แล้วความเจ็บปวดอย่างรุนแรงยังติดตรึงอยู่ในหัวของเขา โซร่า...บอดี้การ์ดส่วนตัวของเขาก็ตัวแข็งทื่อทันทีที่เธอเห็นฮาร์วีย์ แต่เธอไม่กล้าแม้แต่จะต่อกรกับเขาเลย“คนนั้นไงแวนซ์! ไอ้คนนั้นแหละคือฮาร์วีย์ ยอร์ก!“ฉันสืบข้อมูลเขามาแล้ว! เขาเป็นแค่นักท่องเที่ยวจากประเทศ H!”เจซชี้ไปที่ฮาร์วีย์พร้อมรอยยิ้มที่ดูชั่วร้าย“ไอ้สารเลวนั่นตบหน้าฉัน แล้วยังทำลายธุรกิจของฉันด้วย!”เจซกัดฟันกรอด ใบหน้าของเขาดูแดงก่ำ เขาได้
แวนซ์ยังคงรู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย เขาตัวสั่นขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ไม่มีปัญหาอะไรเลยครับ...”เขามีความคิดเห็นในเรื่องนี้...แต่ไม่ใช่ในเวลานี้อย่างแน่นอนถึงแม้ว่าเขาจะต้องการแก้แค้น แต่ก็ยังไม่ใช่ในครั้งนี้เขาจะต้องเป็นคนปัญญาอ่อนแน่ ๆ ถ้ายังจะทำการต่อกรกับฮาร์วีย์ ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยก็ตามนั่นคือสาเหตุที่แวนซ์ยอมแพ้อย่างเร็วที่สุด“ไม่มีเลยเหรอ?”ทุกคนต่างตัวแข็งทื่อเมื่อได้ยินคำพูดของแวนซ์ พวกเขาทุกคนรู้สึกตัวชาขึ้นมาทันทีนี่เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าผู้ทรงอิทธิพลของประเทศที่สามารถจะเหยียบย่ำใครก็ได้นั้นจะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!เหล่าสาวสวยพวกนั้นต่างกระทืบเท้าด้วยความโกรธเกรี้ยว บางคนถึงกับตบหน้าตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไปครู่ต่อมาฮาร์วีย์ก็เดินเข้าไปหาแวนซ์“คุกเข่า"เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คิดที่จะปล่อยแวนซ์ให้ลอยนวลออกไปได้เลยแวนซ์ไม่เพียงแต่พยายามจะบีบบังคับเคทีให้ตกอยู่ในภาวะจำยอมเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังมองหาใครสักคน เพื่อมาช่วยระบายความโกรธแค้นทันทีที่เขาออกมาจากโรงพยาบาลโชคดีที่ฮาร์ว
ฝูงชนต่างนิ่งเงียบหลังจากเห็นภาพนั้นพวกเขาตัวสั่นกันเป็นพัก ๆ ในขณะที่ตะลึงงันกันไปหมดพวกเขาไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าได้เจซรู้สึกตัวชาเป็นอย่างมากเช่นกัน นี่เป็นความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังอยู่ในฝันร้ายที่ไม่มีวันจบสิ้นหลังจากตบหน้าแวนซ์ไปแล้ว ฮาร์วีย์ก็ส่งยิ้มจาง ๆ ให้เจซ“ดูเหมือนว่าลูกพี่ลูกน้องของแกจะไม่สามารถลุกขึ้นยืนหยัดเพื่อแกได้เลยนะ“แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้ฉันรู้สึกกลัวได้เลย...“บอกให้เขาลุกขึ้นยืน แล้วดูซิว่าเขาจะกล้าทำอย่างนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากฉันหรือเปล่าเจซและคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกคอแห้งผาก พวกเขาต่างไม่รู้ว่าจะโต้ตอบฮาร์วีย์ยังไงดีเขารู้ว่าเขาจะกลายเป็นตัวตลกให้ชาวเมืองแบล็คเบิร์น ซิตี้หัวเราะกันยกใหญ่แน่ ๆ ถ้าไม่สามารถกอบกู้ชื่อเสียงของเขาได้ในวินาทีนั้นฮาร์วีย์ใช้กระดาษทิชชูเช็ดนิ้วก่อนจะเหลือบมองเจซ“ลูกพี่ลูกน้องของแกก็เหมือนกัน แกต้องการจะหาประโยชน์จากคุณคอบบ์และคุณโมเรโน่“ฉันได้จัดการกับแกแล้ว แต่แกอยากให้ฉันจัดการกับญาติผู้น้องของแกด้วยไหม?”'คุณโมเรโน่เหรอ?!''เอลเลน โมเรโน่เหรอ?!'แวนซ์ได้สติอย่างรวดเร็วเขารู้ว่าเ
เจซรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง เขาเอามือกุมหน้าที่บวมเป่งพร้อมกับตะโกนออกไปอย่างโกรธเกรี้ยว "คุณตบหน้าผมทำไมเหรอเจซ?!“ฮาร์วีย์ ยอร์กคือใครกัน?!“เขาเป็นแค่นักท่องเที่ยวไม่ใช่เหรอ?!“เขามาจากประเทศ H แล้วยังไงเหรอ? เรากระทืบคนแบบนี้ทุก ๆ ปีอยู่แล้วนี่!“คุณควรช่วยผมสิ! ทำไมถึงไปเข้าข้างเขาล่ะ?!”เจซโกรธมาก เขารู้สึกหมดหนทางและรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากด้วยเขาไม่เข้าใจว่าทำไมไพ่ใบสำคัญของเขาถึงกลัวฮาร์วีย์ได้ถึงขนาดนี้ถึงแม้ว่าฮาร์วีย์จะเป็นคนที่มีความสามารถในประเทศ H แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผู้ทรงอิทธิพลของแบล็คเบิร์น ซิตี้อย่างเจซและแวนซ์จะต้องกลัวเกรงอะไรนี่นา! ผู้คนจากประเทศ H ไม่มีสิทธิ์มาอวดเบ่งในสถานที่แบบนี้!นอกจากนี้ในความคิดของเจซนั้น เขาไม่จำเป็นต้องกลัวผู้คนแบบที่แวนซ์กำลังกลัวอยู่เลยไม่ว่าจะยังไงก็ตามเขาก็ยังคงเป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลลีแห่งทะเลใต้!ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้สืบทอดมรดกของตระกูล แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มีอำนาจมหาศาล! ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมเขาถึงต้องกลัวนักท่องเที่ยวด้วยล่ะ?ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของเขาในแบล็คเบิร์น ซิตี้ หรือแม้แต่ในทะเล
'ไอ้ปัญญาอ่อน!''ไอ้โง่เง่าเอ๊ย!'เมื่อเห็นเจซทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนั้น แวนซ์ก็แทบจะหลั่งน้ำตาออกมาเขาตบเจซอย่างไม่ปรานีก็เพื่อให้เขารู้ว่าฮาร์วีย์ไม่ใช่คนธรรมดาสถานการณ์นี้จะคลี่คลายลงได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ทำการขอโทษผู้ชายคนนั้นเขาไม่ได้คาดหวังให้เจซปฏิเสธความเมตตาของเขา แล้วหาเรื่องตายให้ตัวเอง“แก…”แวนซ์ชี้หน้าเจซพร้อมกับกัดฟันแน่น“ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวแกเอง! ถ้ายังทำตัวแบบนี้อยู่อีกก็เชิญทำไปคนเดียวเถอะ!”“แกเป็นใครกันแน่?!“ฉันพาแกมาที่นี่ก็เพื่อให้แกมาจัดการกับฮาร์วีย์นะ! แกไม่เพียงแต่ไม่ทำอย่างนั้นแล้ว แกยังตบหน้าและดูถูกฉันอีกด้วย!“แกลืมไปแล้วเหรอว่าใครคอยช่วยหนุนหลังให้แกขึ้นสู่อำนาจ?!“ฉันจะบอกอะไรให้นะ! ฉันจะจัดการกับแกเมื่อฉันเล่นงานฮาร์วีย์เสร็จแล้ว!“เรามาดูกันว่าหลังจากนั้นแกยังกล้ามาอวดเบ่งต่อหน้าฉันไหม!“แกคิดว่าแกดูน่าประทับใจหลังจากอวดเบ่งได้นานขนาดนี้เหรอ?!“ไม่ว่าแกจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน แกก็เป็นแค่คนรับใช้ของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู่แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้เท่านั้นหละ!“อาจารย์ของฉันไม่ใช่ใครอื่นนอกจากรองผู้นำขององค์กรแห่งนี้!“รุ่นพี่ขอ
"แกคิดว่าจะต่อกรกับผู้นำองค์การนี้ได้เหรอ?“ถ้ารุ่นพี่ของฉันได้ยินเรื่องนี้ แกก็จะตายภายในไม่กี่วินาที!“ถึงแม้พวกแกจะมีเป็นร้อยคนก็ยังต่อสู้กับเขาไม่ไหวเลย!“ถ้าเขาอยากจะตบหน้าแกเขาก็ตบหน้าแกไปทั่วทุกมุมโลกเลย!“แกควรชื่นชมช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแกเอาไว้นะ!“ถ้ารุ่นพี่ของฉันมาถึงเมื่อไหร่ แกก็จะไม่มีโอกาสได้อ้อนวอนขอร้องเขาหรอก!”เจซไม่อยากคุยกับฮาร์วีย์อีกต่อไป ในตลอดชีวิตของเขานี้เขาไม่เคยเห็นชายที่หยิ่งยโสเช่นนี้มาก่อนเหล่าสาวสวยพวกนั้นกลับมาได้สติกันอีกครั้งก่อนจะจ้องมองฮาร์วีย์ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามท้ายที่สุดแล้วเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะยั่วยุผู้ชายที่ทรงอำนาจอย่างเจซได้“คุณไม่ต้องการให้ผมหาคนมาช่วยจริง ๆ เหรอครับคุณยอร์ก?จูเลียนทำสีหน้าที่ดูจริงจัง เขาพยายามเตือนฮาร์วีย์อีกครั้งหลังจากตรวจดูข้อมูลเพิ่มเติมทางโทรศัพท์“เทรย์เป็นราชาแห่งอาวุธในระดับสูงสุดที่เอาชนะผู้เชี่ยวชาญในแบล็คเบิร์น ซิตี้มานับไม่ถ้วน! ชื่อเสียงของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อการแสดงหรอกนะ!“มีคนถึงกับคิดว่าเขาเป็นคนที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้เป็นเทพสงครามแห่งทะเลใต้คนที่สอง!“ตระกูลโมเรโน่ ตระกูลคอบบ์ แ
"แกก็พอจะมีความสามารถอยู่บ้างนะฮาร์วีย์...“แต่...แล้วยังไงล่ะ?“แกมันก็แค่เศษสวะที่ตั้งกองอยู่ตรงหน้านายน้อยเบียร์สตัดท์เท่านั้นแหละ!“เอาล่ะ! เขาแข็งแกร่งพอจะทำให้ซีอีโอทอฟต์คุกเข่าได้ แต่มันมีความหมายอะไรล่ะ?“เขาโชคดีนะที่ได้อวดเบ่งสักครั้งสองครั้ง!“แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลสำคัญอย่างแท้จริง เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย!“นี่เป็นเพียงความโกรธแค้นอันไร้ความสามารถของคนที่ไม่มีวันประสบความสำเร็จ!“เขาจะได้รู้ว่าเขาต่างจากนายน้อยเบียร์สตัดท์มากแค่ไหนในไม่ช้านี้!”ทุกคนต่างทำสีหน้าสงสารในขณะจ้องมองฮาร์วีย์ไม่ว่าฮาร์วีย์จะทรงพลังสักเพียงไหน ภูมิหลังของเขาก็ยังด้อยกว่าเจซและคนอื่น ๆ“ผู้อาวุโส!”“นายน้อยเบียร์สตัดท์!”“คุณเบียร์สตัดท์!”มีคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปรุมล้อมเทรย์ เบียร์สตัดท์ทันที เจซทำสีหน้าเวทนาเป็นอย่างยิ่งเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าฝูงชน“เกิดอะไรขึ้นที่นี่เหรอเจซ? ทำไมคุณถึงโทรไปเรียกผมมาช่วยคุณที่นี่?”เทรย์พับแขนเสื้ออย่างใจเย็นราวกับว่าไม่มีอะไรสำคัญสำหรับเขาเลยเจซครวญครางอย่างเย็นชา“คนนอกคนนี้เอาแต่อวดเบ่งอยู่ที่นี่ แล้วยังตบหน้าผมด้วย!”“อย่างนั้น
"ค้นหาความจริงเหรอ?“ทำไมฉันต้องค้นหาด้วยล่ะ?“คนอ่อนแอพวกนี้สนใจแต่เรื่องจิ๊บจ๊อยซะจริง ๆ เทรย์เอามือกอดอกในขณะที่ก้าวเท้าไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนาน“ผู้แข็งแกร่งอย่างฉันไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องอะไรแบบนี้หรอก“ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ยืนเคียงข้างกับคนที่ฉันต้องการเท่านั้น“ถึงแม้ว่ารุ่นน้องของฉันจะไปฆ่าใครหรือเผาบ้านใครมา เขาก็ยังคงอยู่ในสายตาของฉันอยู่ดี“ถึงแม้ว่าแกจะทำอะไรที่ถูกกฎหมาย แกก็ยังต้องชดใช้สำหรับการใช้กำลังกับรุ่นน้องของฉันนะ"เจซรู้สึกเบิกบานใจหลังจากได้รับการหนุนหลังจากเทรย์อย่างไม่เปลี่ยนแปลง“ไอ้สารเลวคนนี้บอกว่าแม้แต่ผู้นำของสหพันธ์ศิลปะการต่อสู้แห่งแบล็คเบิร์น ซิตี้ ก็ไม่มีสิทธิ์มาต่อกรกับเขา แล้วนับประสาอะไรกับคุณ!”“ใช่แล้วครับนายน้อยเบียร์สตัดท์! ไอ้สารเลวนั่นพูดแบบนั้นจริง ๆ!” ลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ร้องบอกออกมาพร้อมกัน“แกกำลังดูถูกผู้นำองค์กรอยู่เหรอ?! แกกำลังล้อเลียนองค์กรแห่งนี้อยู่ใช่ไหม?!”เทรย์ส่งเสียงเยาะเย้ยออกมาอย่างเย็นชา“ทำไมช่วงนี้ถึงมีคนที่เรียกว่าผู้มีอำนาจมากมายนัก?“ลองมองดูตัวเองในกระจกสิ!“คนนอกอย่างแกกล้ามาอวดเบ่
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข