เอลล่าไม่ได้ฟังสิ่งที่คนอื่นพูดเลย เธอพูดกับฮาร์วีย์เบา ๆ “ฮาร์วีย์ งานสัมมนาทางการแพทย์นี้ไม่เหมือนกับการบรรยายทั่วไป ดูเหมือนจะมีเรื่องสำคัญในวิชาชีพแพทย์แห่งเซาท์ไลท์ที่จะประกาศในงานสัมมนาทางการแพทย์ครั้งนี้ด้วย”เอลล่ากลัวว่าฮาร์วีย์จะไม่เข้าใจว่างานสัมมนาทางการแพทย์นี้มีขึ้นเพื่ออะไร เธอจึงอธิบายให้ฮาร์วีย์ฟังเหมือนกระซิบเสียงเบา ๆ ฮาร์วีย์พยักหน้าและมองขึ้นไปที่แท่นโพเดียมมีหน้าจอขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังแท่นโพเดียมและในตอนนี้มีตัวอักษรขนาดใหญ่หลายตัวบนหน้าจอ“อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการสร้างเซลล์ใหม่”จากนั้นมีการระบุชื่อเกรกอรี่และเจนเซ่นแม้ว่าฮาร์วีย์จะไม่ค่อยรู้เรื่องวิชาชีพแพทย์มากนัก แต่เขาก็พอรู้ว่าอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจหมายถึงโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดโรคนี้รักษาได้ยากมากอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติตราบใดที่ผู้ป่วยพักผ่อนเพียงพอก็จะสามารถหายได้เองอย่างไรก็ตามอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงนั้นมีผลกระทบมาก ถ้าผู้ป่วยไม่ระวังตัวเองก็อาจจะแก่ชีวิตวิธีการดั้งเดิมในการจัดการกับโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบขั้นรุนแรงคือการผ่าตัดอย่
เจนเซ่นเอื้อมมือออกไปโบกมือให้ทุกคนเงียบ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “อย่างที่เราทราบกันดีว่าสาเหตุส่วนใหญ่ที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเกิดจากอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหัวใจ!”“ในการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบให้หายขาดตามวิธีการดั้งเดิมคือการผ่าตัดเพื่อตัดกล้ามเนื้อหัวใจที่อักเสบออกแล้วทำการผ่าตัดบายพาสหัวใจ!”“แต่วิธีนี้เสี่ยงมาก!”“ในอีกด้าน ผู้ป่วยต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมหาศาล ในทางกลับกันยังเป็นการท้าทายทักษะของแพทย์ของเราอย่างมากด้วยเช่นกัน!”“บุคคลสำคัญในวงการศัลยกรรมหลายคนมีการผ่าตัดที่คล้ายคลึงกัน สิ่งนี้ทำให้ผู้ป่วยวิกฤตจำนวนมากเสียชีวิตเนื่องจากไม่สามารถนัดวันผ่าตัดได้ นี่คือความรับผิดชอบของเรา!”เจนเซ่นพูดต่อ “อย่างไรก็ตามพลังงานของมนุษย์มีขีดจำกัด! แม้ว่าแพทย์ของเราทุกคนจะมีทักษะ ถึงแม้ว่าเราจะสามารถผ่าตัดได้ 24 ชั่วโมงต่อวันก็ตาม แต่จำนวนผู้ป่วยที่รอดชีวิตที่สามารถช่วยชีวิตได้กลับน้อยมาก! ผมเสียใจเป็นอย่างมาก!”ทุกคนต่างพากันอ้าปากค้างด้วยความชื่นชม ทุกคนเป็นหมอ หมอคนไหนที่ไม่เต็มใจที่จะรักษาผู้ป่วยบ้าง?อย่างไรก็ตามมนุษย์ทุกคนมีพลังเรี่ยวแรงจำกัด!หมอหลายคนยอมสละว
เกรกอรี่ยิ้มให้ทุกคนและพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง แน่นอน ฉันยินดีเป็นอย่างยิ่งถ้ามันเป็นไปได้!”“อย่างไรก็ตามเนื่องจากประเด็นหลักของวันนี้คือการสัมมนาทางการแพทย์ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า!”“โอเค! ขอเชิญผู้อำนวยการคาร์ลสันขึ้นมาบรรยาย!”“เชิญครับ!”“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เราได้มีส่วนร่วมในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ในวิชาชีพแพทย์ในวันนี้!มีเสียงอุทานดังขึ้นจากฝูงชน จากนั้นเจนเซ่นก็เดินไปที่แท่นโพเดียมและเริ่มกดเล่นวิดีโอในระหว่างนั้นเขาก็อธิบายว่า “ผู้อาวุโสที่เคารพรักของผม การทดลองวิจัยในครั้งนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ผลการทดลองบ่งชี้ว่าตราบใดที่การสร้างคาร์ดิโอไมโอไซต์ขึ้นใหม่ด้วยวิธีการทางเทคนิคสร้างเซลล์ใหม่จะสามารถแทนที่เซลล์เนื้อร้ายได้ ดังนั้นปัญหาของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดสามารถแก้ไขได้!”“เช่นเดียวกับถ้าคุณมีเนื้อร้ายที่ผิวหนัง คุณจะต้องตัดผิวหนังออกและรอให้มันปรับเซลล์ผิวใหม่ นั่นจึงมีแนวคิดที่คล้ายกัน”“แน่นอนว่าถ้ามันเกี่ยวข้องกับหัวใจต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่านี้และยาที่ใช่ก็จะต้องเฉพาะเจาะจงมากขึ้น…”“มีเอกสารตรงหน้าพวกคุณทุกคน คุณสามารถอ่า
ดวงตาของเจนเซ่น ซึ่งยืนอยู่ที่โพเดียมเกิดประกายความไม่พอใจอย่างไรก็ตาม เขาเก็บงำความลับไว้ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา“เอลล่า ผู้ชายคนนี้เป็นใคร? เขาพูดเรื่องเหลวไหลอะไรแบบนี้ที่นี่ได้ยังไง? เขาไม่รู้หรือไงว่าเรื่องนี้มันจริงจังแค่ไหน!” เกรกอรี่ซึ่งอยู่ไม่ไกลพูดอย่างไม่พอใจเกิดอะไรขึ้น?ไม่ผิดถ้าเอลล่าจะพาผู้ชายมาที่นี่ถ้าเขาคนนั้นไม่ถามอะไรเหลวไหล แต่ตอนนี้ชายคนนี้กลับพูดเป็นนัยว่าเจนเซ่นเอาผลงานของคนอื่นมาเป็นของตัวเองเขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหางั้นเหรอ?ในตอนนี้เกรกอรี่โกรธมาก!บางเรื่องไม่สามารถพูดโดยไร้ซึ่งหลักฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาประวัติศาสตร์นี้!ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงมากมันจะเปลี่ยนช่วงเวลาที่ควรจะเป็นเรื่องราวที่สวยงามให้กลายเป็นเรื่องตลกร้ายสำหรับทุกคน“เกิดอะไรขึ้น? ดูเหมือนคุณจะไม่ใช่คนที่ทำงานด้านการแพทย์ ถ้าคุณพูดจาลวก ๆ แบบนี้ ผู้อำนวยการคาร์ลสันสามารถฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทได้ คุณรู้ใช่ไหม?”“พ่อหนุ่ม ระวังปากของคุณไว้ก็ดี! อย่าพูดเรื่องเหลวไหลอะไรที่นี่!”“รีบไปขอโทษ ดร.คาร์ลสันซะ ถ้าไม่ใช่เพราะจะยังรักษามารยาทต่อ ดร.คาร์ลสัน เราคงสั่งให้หน่วยรักษาความ
สีหน้าของเกรกอรี่เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”“คุณกำลังบอกว่าเจนเซ่น คาร์ลสัน ขโมยผลการวิจัยของคนอื่นมางั้นเหรอ?”“คุณควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะพูดมันออกมา!”“ฉันเป็นคนช่วยเขาประสานงานตั้งแต่เขาตั้งโครงการวิจัยเมื่อห้าปีที่แล้ว!”“ในช่วงแรก ๆ ของการจัดตั้งโครงการ ฉันยังตรวจสอบข้อมูลในฐานข้อมูลด้วย ไม่มีใครทำวิจัยที่คล้ายกันเลย!”“ฉัน เกรกอรี่ คลาร์ก เป็นที่รู้จักอันดับต้น ๆ วงการแพทย์ของประเทศ H ฉันสามารถยืนยันได้! ผลวิจัยนี้เป็นเรื่องจริง ฉันจับตาดูเจนเซ่นในการค้นคว้าหาคำตอบมาโดยตลอด!”“บุคคลชั้นนำในวิชาชีพนี้รู้ดีว่าฉันเกลียดการลอกเลียนแบบผลงานทางการแพทย์มากที่สุดในชีวิต ถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้คนแบบนี้ไปแน่นอน!”หมอหลาย ๆ ท่านที่อยู่รอบ ๆ พยักหน้ารับทันทีที่เขาพูดประเด็นนี้สถานะของเกรกอรี่ในวงการแพทย์นั้นสูงมาก เขายังมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติอีกด้วยเขาเกลียดการคดโกงข้อมูลทางวิชาการมากที่สุดเพราะจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยจำนวนมากเขาเฝ้าดูเจนเซ่นซึ่งเป็นเด็กฝึกงานของเขาด้วนตัวเอง เจนเซ่นมีจริยธรรมทางการแพทย์สูงเนื่องด้วยภายใต้
ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะพูดเรื่องเหลวไหลจริง ๆ เพราะเขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากเอลล่าเขาคิดว่าวิชาชีพด้านการแพทย์เป็นเรื่องที่คนนอกสามารถพูดและตัดสินได้ตามความต้องการงั้นหรือ?ฮาร์วีย์ไม่ได้โกรธเคืองอะไรจากคำพูดของเจนเซ่น เขากลับยิ้มและพูดคุยอย่างสบาย ๆ ว่า “ผมเพิ่งอ่านโครงการวิจัยของ ดร.คาร์ลสันตั้งแต่ต้นจนจบ… คุณสังเกตไหมว่าเอกสารฉบับนี้มีข้อบกพร่อง? เอกสารทางวิชาการที่อ้างถึงในผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมนี้ล้วนเป็นข้อมูลของนักวิจัยคนหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน…”“ผมบอกได้แค่ว่าเขาโง่จริง ๆ ถึงแม้เขาจะขโมยผลงานของคนอื่นมา แต่เขาก็ควรจะปรับแก้ไขเอกสารที่อ้างอิงถึงเป็นฉบับปัจจุบันสิ จริงไหม?”“แต่สาเหตุที่เขาไม่ทำแบบนั้นก็เพราะเขาไม่รู้และไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับงานวิจัยนี้มากนัก เขากลัวว่าข้อความจะไม่เกี่ยวพันกันหลังจากแก้ไขเอกสาร”“ผมพูดได้เลยว่า ดร.คาร์ลสัน ทำผลงานออกมาแย่มากเพราะมันมาจากการขโมยผลงานการวิจัยของคนอื่น…”ในแวดวงวิชาการ จำเป็นต้องมีเอกสารที่รองรับความเป็นไปได้ในการเผยแพร่ผลงานวิจัยดังกล่าวโดยทั่วไปเอกสารดังกล่าวจำเป็นต้องอ้างอิงถึงงานวิจัยและข้อมูลเป็นจำนวนมากจำ
ฮาร์วีย์ยิ้มและเดินไปที่แท่นโพเดียม จากนั้นเขาก็คว้าไม้ชี้มาจากมือของเจนเซ่น จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังจุดต่าง ๆ บนหน้าจอหมอและผู้เชี่ยวชาญหลายคนตกเหมือนถูกดึงให้สนใจการเคลื่อนไหวท่าทางต่าง ๆ ของเขาอย่างอธิบายไม่ได้เขากำลังจะทำอะไร?อะไรคือการชี้ไปที่ผู้เขียนวิจัยหลายคนที่อ้างอิงถึง มากกว่าจะชี้ไปที่เนื้อหาของงานวิจัย?แต่ใบหน้าของเกรกอรี่เปลี่ยนไปทันที และอยากจะหยุดการกระทำของฮาร์วีย์ แต่เขาก็ยังเข้าเดินเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่งในตอนนี้เจนเซ่นก็อ้าปากค้างราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างได้!ฮาร์วีย์ไม่ได้ชี้ไปที่ชื่อของผู้เขียน แต่เขาชี้ไปที่วันเดือนปีเกิดและวันตายของพวกเขาแทน!ในตอนนี้ทุกคนเริ่มสับสนจะสามารถพิสูจน์อะไรได้ถ้าชี้ไปตรงนั้น?การชี้ให้เห็นไปที่ข้อบกพร่องและการคัดบอกบนกระดาษยังสามารถอธิบายอะไรบางอย่างได้แต่เขากำลังจะสื่อถึงถึงอะไรที่ชี้ไปข้อมูลพวกนั้น?เป็นไปได้ไหมที่เขากล่าวหาว่าเจนเซ่นฉ้อโกงคัดลอกข้อมูลเพียงเพราะผู้เขียนหลายคนมีวันเดือนปีเกิดและวันตายเหมือนกัน? ฉ้อโกง? เป็นเรื่องตลกสิ้นดี!ในตอนนี้หลายคนมองฮาร์วีย์ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูคนโง่น่าชังคนหนึ่งผู้ชายคนน
“ใช่จริงด้วย! ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอื่น ๆ เหล่านี้ถึงแก่กรรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา…”“งานวิจัยบางเล่มได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ยังคงเป็นฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก!”“และงานวิจัยที่อ้างอิงถึงนี้ ผู้เขียนเคยพูดไว้ว่าเขาทำวิทยานิพนธ์ผิดพลาดและขอให้ทุกคนไม่เอาไปอ้างอิง แต่นี่…”ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจำนวนมากให้ความสนใจกับเนื้อหาของงานวิจัยนี้อย่างตื่นเต้นแต่เมื่อทุกคนให้ความสนใจกับรายละเอียดมากขึ้นกลับพบช่องโหว่มากมายแม้แต่เกรกอรี่และเอลล่าต่างก็ต้องตกใจเมื่อได้ดูรายงานวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วน‘รายงานวิจัยฉบับนี้คัดลอกผลการวิจัยของคนอื่นมาด้วยงั้นเหรอ?’‘นั่นเพราะเจนเซ่นไม่รู้ว่าวิทยานิพนธ์และข้อมูลเหล่านี้ที่อ้างอิงในงานวิจัยนั่นมาจากไหน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีช่องโหว่มากมาย’เอลล่ามองกลับมาที่ฮาร์วีย์ หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชมและเทิดทูนเขามันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไรถ้าคนในวงการด้านการแพทย์จะมองผ่านช่องโหว่เหล่านั้นแต่ในกรณีนี้ผู้เชี่ยวชาญในงานสัมมนามองไม่เห็นช่องโหว่เลยสักคน ในทางกลับกันคนนอกอย่างฮาร์
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข