สีหน้าของเกรกอรี่เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขาพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณหมายความว่ายังไง?”“คุณกำลังบอกว่าเจนเซ่น คาร์ลสัน ขโมยผลการวิจัยของคนอื่นมางั้นเหรอ?”“คุณควรคิดให้รอบคอบก่อนที่จะพูดมันออกมา!”“ฉันเป็นคนช่วยเขาประสานงานตั้งแต่เขาตั้งโครงการวิจัยเมื่อห้าปีที่แล้ว!”“ในช่วงแรก ๆ ของการจัดตั้งโครงการ ฉันยังตรวจสอบข้อมูลในฐานข้อมูลด้วย ไม่มีใครทำวิจัยที่คล้ายกันเลย!”“ฉัน เกรกอรี่ คลาร์ก เป็นที่รู้จักอันดับต้น ๆ วงการแพทย์ของประเทศ H ฉันสามารถยืนยันได้! ผลวิจัยนี้เป็นเรื่องจริง ฉันจับตาดูเจนเซ่นในการค้นคว้าหาคำตอบมาโดยตลอด!”“บุคคลชั้นนำในวิชาชีพนี้รู้ดีว่าฉันเกลียดการลอกเลียนแบบผลงานทางการแพทย์มากที่สุดในชีวิต ถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่มีทางปล่อยให้คนแบบนี้ไปแน่นอน!”หมอหลาย ๆ ท่านที่อยู่รอบ ๆ พยักหน้ารับทันทีที่เขาพูดประเด็นนี้สถานะของเกรกอรี่ในวงการแพทย์นั้นสูงมาก เขายังมีชื่อเสียงในระดับนานาชาติอีกด้วยเขาเกลียดการคดโกงข้อมูลทางวิชาการมากที่สุดเพราะจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยจำนวนมากเขาเฝ้าดูเจนเซ่นซึ่งเป็นเด็กฝึกงานของเขาด้วนตัวเอง เจนเซ่นมีจริยธรรมทางการแพทย์สูงเนื่องด้วยภายใต้
ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะพูดเรื่องเหลวไหลจริง ๆ เพราะเขาพยายามเรียกร้องความสนใจจากเอลล่าเขาคิดว่าวิชาชีพด้านการแพทย์เป็นเรื่องที่คนนอกสามารถพูดและตัดสินได้ตามความต้องการงั้นหรือ?ฮาร์วีย์ไม่ได้โกรธเคืองอะไรจากคำพูดของเจนเซ่น เขากลับยิ้มและพูดคุยอย่างสบาย ๆ ว่า “ผมเพิ่งอ่านโครงการวิจัยของ ดร.คาร์ลสันตั้งแต่ต้นจนจบ… คุณสังเกตไหมว่าเอกสารฉบับนี้มีข้อบกพร่อง? เอกสารทางวิชาการที่อ้างถึงในผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมนี้ล้วนเป็นข้อมูลของนักวิจัยคนหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน…”“ผมบอกได้แค่ว่าเขาโง่จริง ๆ ถึงแม้เขาจะขโมยผลงานของคนอื่นมา แต่เขาก็ควรจะปรับแก้ไขเอกสารที่อ้างอิงถึงเป็นฉบับปัจจุบันสิ จริงไหม?”“แต่สาเหตุที่เขาไม่ทำแบบนั้นก็เพราะเขาไม่รู้และไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับงานวิจัยนี้มากนัก เขากลัวว่าข้อความจะไม่เกี่ยวพันกันหลังจากแก้ไขเอกสาร”“ผมพูดได้เลยว่า ดร.คาร์ลสัน ทำผลงานออกมาแย่มากเพราะมันมาจากการขโมยผลงานการวิจัยของคนอื่น…”ในแวดวงวิชาการ จำเป็นต้องมีเอกสารที่รองรับความเป็นไปได้ในการเผยแพร่ผลงานวิจัยดังกล่าวโดยทั่วไปเอกสารดังกล่าวจำเป็นต้องอ้างอิงถึงงานวิจัยและข้อมูลเป็นจำนวนมากจำ
ฮาร์วีย์ยิ้มและเดินไปที่แท่นโพเดียม จากนั้นเขาก็คว้าไม้ชี้มาจากมือของเจนเซ่น จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังจุดต่าง ๆ บนหน้าจอหมอและผู้เชี่ยวชาญหลายคนตกเหมือนถูกดึงให้สนใจการเคลื่อนไหวท่าทางต่าง ๆ ของเขาอย่างอธิบายไม่ได้เขากำลังจะทำอะไร?อะไรคือการชี้ไปที่ผู้เขียนวิจัยหลายคนที่อ้างอิงถึง มากกว่าจะชี้ไปที่เนื้อหาของงานวิจัย?แต่ใบหน้าของเกรกอรี่เปลี่ยนไปทันที และอยากจะหยุดการกระทำของฮาร์วีย์ แต่เขาก็ยังเข้าเดินเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่งในตอนนี้เจนเซ่นก็อ้าปากค้างราวกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างได้!ฮาร์วีย์ไม่ได้ชี้ไปที่ชื่อของผู้เขียน แต่เขาชี้ไปที่วันเดือนปีเกิดและวันตายของพวกเขาแทน!ในตอนนี้ทุกคนเริ่มสับสนจะสามารถพิสูจน์อะไรได้ถ้าชี้ไปตรงนั้น?การชี้ให้เห็นไปที่ข้อบกพร่องและการคัดบอกบนกระดาษยังสามารถอธิบายอะไรบางอย่างได้แต่เขากำลังจะสื่อถึงถึงอะไรที่ชี้ไปข้อมูลพวกนั้น?เป็นไปได้ไหมที่เขากล่าวหาว่าเจนเซ่นฉ้อโกงคัดลอกข้อมูลเพียงเพราะผู้เขียนหลายคนมีวันเดือนปีเกิดและวันตายเหมือนกัน? ฉ้อโกง? เป็นเรื่องตลกสิ้นดี!ในตอนนี้หลายคนมองฮาร์วีย์ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูคนโง่น่าชังคนหนึ่งผู้ชายคนน
“ใช่จริงด้วย! ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศอื่น ๆ เหล่านี้ถึงแก่กรรมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา…”“งานวิจัยบางเล่มได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ยังคงเป็นฉบับตีพิมพ์ครั้งแรก!”“และงานวิจัยที่อ้างอิงถึงนี้ ผู้เขียนเคยพูดไว้ว่าเขาทำวิทยานิพนธ์ผิดพลาดและขอให้ทุกคนไม่เอาไปอ้างอิง แต่นี่…”ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจำนวนมากให้ความสนใจกับเนื้อหาของงานวิจัยนี้อย่างตื่นเต้นแต่เมื่อทุกคนให้ความสนใจกับรายละเอียดมากขึ้นกลับพบช่องโหว่มากมายแม้แต่เกรกอรี่และเอลล่าต่างก็ต้องตกใจเมื่อได้ดูรายงานวิจัยอย่างละเอียดถี่ถ้วน‘รายงานวิจัยฉบับนี้คัดลอกผลการวิจัยของคนอื่นมาด้วยงั้นเหรอ?’‘นั่นเพราะเจนเซ่นไม่รู้ว่าวิทยานิพนธ์และข้อมูลเหล่านี้ที่อ้างอิงในงานวิจัยนั่นมาจากไหน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีช่องโหว่มากมาย’เอลล่ามองกลับมาที่ฮาร์วีย์ หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะอีกครั้ง แววตาของเธอเต็มไปด้วยความชื่นชมและเทิดทูนเขามันจะไม่เป็นเรื่องใหญ่อะไรถ้าคนในวงการด้านการแพทย์จะมองผ่านช่องโหว่เหล่านั้นแต่ในกรณีนี้ผู้เชี่ยวชาญในงานสัมมนามองไม่เห็นช่องโหว่เลยสักคน ในทางกลับกันคนนอกอย่างฮาร์
ฮาร์วีย์ฝืนยิ้มและพูดว่า “ผู้อาวุโสออสการ์ อาร์มสตรอง เหมือนเทพเจ้าในหมู่มวลมนุษย์ ถ้าเขาทิ้งงานวิจัยที่เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ทำไมเขาถึงให้คำแนะนำคุณเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่ะ?”“คุณกำลังจะหมายความว่าผู้อาวุโสอาร์มสตรองกำลังพยายามจะให้ร้ายคุณงั้นเหรอ?”“นาย…”เจนเซ่นชี้ไปที่ฮาร์วีย์ ใบหน้าของเขาแข็งกระด้าง “ผมจะโทรหาผู้อาวุโสอาร์มสตรองตอนนี้เพื่อพิสูจน์ว่าคุณพูดหมิ่นประมาทเขา!”“อะไรนะ? โทรหาผู้อาวุโสอาร์มสตรองงั้นเหรอ?”“ผู้อำนวยการคาร์ลสันมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้อาวุโสอาร์มสตรองงั้นเหรอ?”“ฉันได้ยินมาว่าในประเทศนี้ไม่มีใครสามารถติดต่อผู้อาวุโสอาร์มสตรองได้เลยสีกคน ผู้อำนวยการคาร์ลสันทำได้ยังไง?”แม้แต่เกรกอรี่ก็ยังตกใจ เขาไม่คิดว่าลูกศิษย์ของเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสอาร์มสตรองและโครงการวิจัยนี้ก็เป็นความคิดของผู้อาวุโสอาร์มสตรอง!ขอบคุณพระเจ้า!เป็นพระพรอย่างแท้จริงที่ได้เป็นครู!เกรกอรี่กระแอ่มไอเบา ๆ และพูดว่า “เจนเซ่น คุณจะพูดเรื่องไร้สาระกับคนนอกแบบนั้นไปทำไม?”“ข่าวลือว่าผู้อาวุโสอาร์มสตรองกำลังพักฟื้นที่ต่างประเทศ มันควรจะเป็นเวลาเช้าตรู่ที่นั่น ไม่ควรที่จะรบกวนเ
ทุกคนดูมึนงงเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ของฮา์วีย์ มันปรากฏเป็นชื่อ “แก่ แต่ไม่ซื่อสัตย์” บนหน้าจอโทรศัพท์ของฮาร์วีย์เจนเซ่นหัวเราะ“นายคิดว่าการโทรออกไปมั่ว ๆ จะพิสูจน์ได้ว่านายกำลังโทรหาผู้อาวุโสออสการ์ อาร์มสตรอง งั้นเหรอ?”“แน่นอนว่าไม่ได้”“แล้วทำไมนายถึงยังทำตัวอวดดีอยู่อีกล่ะ?!”ฮาร์วีย์เพียงแค่ยิ้ม“ผมไม่เหมือนคุณ ที่กดโทรหาเบอร์มั่ว ๆ แล้วบอกว่าเป็นผู้อาวุโสอาร์มสตรอง เบอร์ที่ผมโทรออกคือเบอร์ของเขาจริง ๆ ”ระหว่างที่ฮาร์วีย์กำลังพูดอยู่ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเหมือนถูกตักสาย เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ตัดสายเขาฮาร์วีย์พูดไม่ออก‘บ้าอะไรเนี่ย? เขาตัดสายกับฉันงั้นเหรอ?’เจนเซ่นชะงักแต่สุดท้ายก็หัวเราะออกมา“คุณบอกว่าเป็นเบอร์ของอาวุโสอาร์มสตรองจริง ๆ ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเขาถึงกดตัดสายคุณล่ะ? อย่าบอกนะว่าผู้อาวุโสอาร์มสตรองอารมณ์ไม่ดีแล้วตัดสาย!”“ดูเวลาของเราตอนนี้สิ! ที่นี่เวลา 9 โมงเช้า แต่เป็นเวลา 5 ทุ่มที่ออสเตรเลีย ผู้อาวุโสอาร์มสตรองควรพักผ่อนอยู่!”“อย่าบอกนะว่าเบอร์นั้นเป็นเบอร์ปลอม!”“ถึงมันจะเป็นเบอร์เขาจริง ก็ไม่มีทางที่เขาจะรับ
หน้าจอแสดงชื่อ “แก่ แต่ไม่ซื่อสัตย์” อีกครั้ง เป็นชื่อที่ฮาร์วีย์ตั้งขึ้นฮาร์วีย์รับสายในโหมดวิดีโอคอลทันที ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอ เขาดูค่อนข้างผอม แต่ยังดูสง่าสมกับเป็นคนฉลาดหลักแหลมเต็มไปด้วยความรู้มากมายเขาคงเพิ่งตื่นนอน เพราะเขายังสวมชุดนอนอยู่เลย ถึงอย่างนั้นเขาก็ให้ความรู้สึกว่าเขาเต็มไปด้วยพลังพระเจ้า!นี่คือ…ปรมาจารย์แห่งประเทศ H!เทพเจ้าแห่งวงการแพทย์!ออสการ์ อาร์มสตรอง!ผู้อาวุโสออสการ์ อาร์มสตรอง!ทุกคนสูดหายใยเข้าลึก ๆ หลังจากดูหน้าจอโทรศัพท์ของฮาร์วีย์ “นี่… คือผู้อาวุโสออสการ์ อาร์มสตรองจริง ๆ ฉันจำได้ว่าเขามีไฝที่หน้าผาก ต้องเป็นเขาจริงแน่นอน...” ใครบางคนในฝูงชนพูดออกมา แต่ในจังหวะนั้นเองมันเสียงดังราวกับฟ้าฟาดทุกต่างตกใจคนที่ไม่มีใครรู้จักหัวนอนปลายเท้าจะสามารถติดต่อกับผู้อาวุโสอาร์มสตรองได้ยังไง?สายตาของพวกเขาพร่ามัวอยู่หรือเปล่า?บางคนถึงขั้นตบหน้าตัวเองเพื่อพิสูจน์ดูว่าพวกเขากำลังฝันอยู่หรือไม่ ความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับจากการตบหน้าตัวเองทำให้พวกเขามั่นใจว่าไม่ได้ฝันไปเจนเซ่นนิ่งค้างเหมือนถูกแช่แข็งไปทันที ใบหน้าของเขาดูเหมือนเขาอ
ทุกคนเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวสภาพจิตใจของเจนเซ่นเกือบจะระเบิดออกมา ทำให้เขาสับสน‘เกิดอะไรขึ้น?’‘คนอย่างฮาร์วีย์ไม่เพียงแต่รู้จักกับผู้อาวุโสอาร์มสตรองเท่านั้น แต่เขายังคุยกับเขาเหมือนเป็นคนคุ้นเคยแม้จะอายุต่างกันก็ตาม’ก่อนที่ทุกคนจะได้สติ ผู้อาวุโสอาร์มสตรองก็หัวเราะออกมา“เอาล่ะฮาร์วีย์ มาเยี่ยมฉันได้ทุกเมื่อ นายรู้ดีว่าที่นี่ยินดีต้อนรับนายเสมอ…”“เรามาเข้าเรื่องกันก่อนเถอะ มีเหตุผลอะไรนายถึงโทรหาฉันตอนดึก ๆ แบบนี้”ผู้อาวุโสอาร์มสตรองมีจิตใจที่ดี ฮาร์วีย์ต้องมีเรื่องด่วนมากถึงได้รีบโทรหาเขาก่อนหน้านี้พวกเขาได้รำลึกถึงความหลังเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ควรที่จะเข้าสู่หัวข้อหลักได้แล้วฮาร์วีย์ไม่อยากเสียเวลา เขาพลิกเปิดเอกสารในมือแล้วโชว์ที่กล้องหลังจากนั้นผู้อาวุโสอาร์มสตรองก็เกิดอาการสับสน“ฮาร์วีย์ ทำไมนายถึงมีเอกสารโครงการวิจัยล่ะ?”“คุณเคยคุยกับผมเรื่องนี้มาก่อนใช่ไหม?” ฮาร์วีย์ถาม“ใช่ แต่หลังจากที่ฉันคิดพิจารณาแล้ว ฉันยืนยันว่าโครงการวิจัยนี้ไม่มีความเป็นไปได้ หากเราปฏิบัติจริงในชีวิตจริง จะมีโอกาสมากที่จะทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ออก จนอาจจะทำให
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข