เพียะ!ฮาร์วี่ย์เหวี่ยงหลังฝ่ามือไปบนใบหน้าของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างใจเย็นผู้เชี่ยวชาญรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงก่อนที่จะสลบเหมือดแล้วลอยกระเด็นไปไกลผู้เชี่ยวชาญชนหล่นทับลงบนฝูงชน และทำให้คนอื่น ๆ อีกสองสามคนล้มลงพร้อมกันจากนั้นฮาร์วีย์ก็กระแทกมือลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ จานสองสามใบแตกเป็นชิ้น ๆ ทันที ก่อนจะปลิวไปทุกแห่งทุกหน“อ๊าก!”มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะหยุดผู้เชี่ยวชาญได้เมื่อมีคนล้มลงคนอื่น ๆ ก็จะเข้ามาแทนที่ คนเหล่านั้นไม่เกรงกลัวอะไร พวกเขาเหมือนแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ โถมเข้าหาฮาร์วีย์อย่างไม่ลดละฮาร์วีย์ยังคงสงบนิ่งเหมือนแมว บางครั้งเขาก็ขว้างเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารออกไปมากขึ้น และบางครั้งเขาก็แค่ตบหน้าผู้เชี่ยวชาญบรรดาภรรยาลับที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเพื่อดูการแสดงนั้น ก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเธอเห็นนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้เห็นคนที่มีความนิ่งสงบขนาดนี้ แม้ในขณะที่เผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญมากมายเอลานอร์ สแตนตันถอยออกไปที่ประตูด้วยท่าทางหวาดกลัว เธออดที่จะเอามือปิดปากตัวเองไม่ได้ เพราะกลัวว่าหัวใจของเธอจะกระโดดออกมา
"ตาย! ตาย! ตาย!"อาร์ยาหวีดร้องอย่างไม่ลดละในขณะที่เคลื่อนไหวร่างกายให้เร็วขึ้นเธอใช้ดาบที่อยู่ในมือฟาดฟันลงไปแบบไม่ยั้ง เธออยากจะฟันฮาร์วีย์ให้แหลกเป็นชิ้น ๆ เสียจริง ๆฮาร์วีย์แสดงท่าทีสงบนิ่ง เมื่อเขาหลบหลีกการโจมตีของอาร์ยาได้อย่างง่ายดายผู้เชี่ยวชาญจากตระกูลบาวเออร์ตกตะลึงเป็นอย่างมากท้ายที่สุดแล้วทุกคนต่างรู้ดีว่าอาร์ยานั้นมีความแข็งแกร่งขนาดไหน...แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่สามารถทำให้ฮาร์วีย์เกิดรอยขีดข่วนได้เลยเจฟฟ์ บาวเออร์ที่ดูมีความมั่นใจตลอดเวลา ได้แสดงสีหน้าที่ดูแย่มากเมื่อเห็นภาพนั้นในหัวของเขามีแต่เรื่องของฮาร์วีย์ เขาใช้ทรัพยากรเกือบทั้งหมดก็เพื่อเหตุการณ์นี้เท่านั้นถ้าฮาร์วีย์สามารถเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ก็จะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ๆ!ในขณะที่เจฟฟ์ขมวดคิ้วอยู่นั้น ร่างของอาร์ก็กลายเป็นภาพหลอนติดตา เมื่อแสงสะท้อนบนดาบของเธอส่งแสงวาบเข้ารุมล้อมฮาร์วีย์เอาไว้เพียะ!เมื่อทุกคนต่างคิดว่าอาร์ยากำลังจะชนะ ก็ได้ยินเสียงตบดังกึกก้องแสงวาบก็หายไป แม้แต่ภาพหลอนติดตาน้ันก็หายไปเช่นกันอาร์ยาส่งเสียงฮึดฮัดเมื่อร่างของเธอลอยกระเด็นออกไปเหมือนว่าวที่สายป่านขาดมี
"อะไรกัน? เธอจะยอมแพ้แล้วเหรอ? หรือเธอวางแผนเพื่อดูว่าเธอจะไปได้ไกลแค่ไหน?”ใบหน้าของเจฟฟ์ดูหมองหม่น“นายน่าจะรู้นะว่าฉันมีคนมากพอที่จะจัดการกับนายได้! พวกเขาจะทำให้นายต้องเหนื่อยอ่อนได้ถ้าจำเป็น!”"ไม่เลวนี่ นายมีคนที่แข็งแกร่งอยู่กับนายตั้งมากมาย”ฮาร์วีย์ยิ้มอย่างใจเย็น“แต่ในเมื่อฉันรู้ว่านายวางแผนที่จะทำอย่างนี้กับฉันตั้งแต่แรก แล้วทำไมนายถึงทึกทักว่าฉันมาที่นี่คนเดียวล่ะ?”เจฟฟ์ตัวแข็งทื่อ จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่เอลานอร์อย่างโกรธเกรี้ยว“นางสารเลวไร้ประโยชน์!”ปัง!เกือบจะในเวลาเดียวกัน ประตูอาคารอีคลิปส์ก็ถูกเปิดออก กลุ่มคนที่ใส่เสื้อคลุมและสวมหน้ากากอนามัยจำนวนหนึ่งร้อยคนต่างกรูกันเข้ามาทันทีพวกเขาทั้งหมดถือดาบและดูสงบนิ่งมากราเชลยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มคนพวกนั้นพวกเขากระจายตัวไปรอบ ๆ ฮาร์วีย์อย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญของตระกูลบาวเออร์“กองบังคับคดีของหลงเหมินเหรอ?“ราเชล?”เจฟหัวเราะอย่างเย็นชา“เธอบ้าไปแล้วเหรอ?!“ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร“เธอกล้าดียังไงมาสร้างปัญหากับคนของเธอที่นี่! เธอคิดว่าเธอเป็นใคร?"“ฉันไม่อยากมาตั้งแต่แรก…”ราเ
ฮาร์วีย์ลุกขึ้นยืน ราเชลก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณ เธอไม่กล้ายืนเคียงข้างฮาร์วีย์เจฟฟ์ถึงกับชะงักงันเมื่อเห็นภาพนั้นเอลานอร์ก็รู้สึกสับสนเช่นกันความคิดที่เป็นไปไม่ได้ก็ผุดขึ้นในใจพวกเขาทันทีฮาร์วีย์ยิ้มอย่างใจเย็น“ฉันคือหัวหน้ากองบังคับคดี”เหล่าสาวกของกองบังคับคดีต่างทำความเคารพด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและถือดาบอยู่ในมือ“พร้อมรับใช้แล้วครับ หัวหน้ายอร์ก!“พวกเราสวัสดีหัวหน้ายอร์ก!” เสียงนั้นกึกก้องไปทั่วห้องเจฟฟ์ตัวแข็งทื่อทันที เหล่าภรรยาลับของเขาก็เฉื่อยชาด้วยความตกใจเช่นกัน“หัวหน้ายอร์กเหรอ?!”เอลานอร์ตกใจมาก เธอรู้จากเจฟฟ์ว่าฮาร์วีย์น่าจะได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้ากองบังคับคดีของหลงเหมิน...แต่เธอไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าฮาร์วีย์เป็นหัวหน้าซะเอง!“หัวหน้ายอร์ก?”“ผู้คนต่างพูดว่าหัวหน้ากองบังคับคดีที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่คือเทพสงคราม ซึ่งเป็นผู้มีความสามารถชั้นยอดพร้อมกับความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัว ซึ่งนายใหญ่ของหลงเหมินให้ความไว้วางใจ ไม่มีทางที่เขาเป็นคน ๆ นั้นหรอกใช่ไหม?”"มันเป็นไปได้ยังไงกัน? เขาดูไม่เหมือนสมาชิกของที่นั่นเลย!”“แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ทำไมรอง
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าอันอันอึกทึกก็ดังขึ้นมาจากภายนอกเห็นได้ชัดว่ามีคนอยู่ข้างนอกมากมาย มากกว่าผู้เชี่ยวชาญของเจฟฟ์ซะอีกเลือดคงเจิ่งนองเต็มอาคารแน่ถ้าหากไม่สามารถจัดการกับสถานการณ์นี้ได้อย่างเหมาะสม!หลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์ ลูกน้องที่เจฟฟ์ให้ความไว้วางใจก็ก้าวไปข้างหน้า ชายคนนั้นคำรามออกมาว่า “ถึงแม้ว่าแกจะเป็นหัวหน้ากองบังคับคดี แต่แกมีสิทธิ์อะไรมาเห่านายน้อยบาวเออร์!“หลงเหมินและตระกูลบาวเออร์มีความแตกต่างกัน! แกคิดว่าแกจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของครอบครัวได้ง่าย ๆ อย่างนี้เหรอ?!”ผู้คนต่างรู้สึกประทับใจกับคำพูดของลูกน้องคนนั้น พวกเขาเริ่มคำรามออกมาพร้อมกันพวกเขาทั้งหมดอ้างว่าหัวหน้ากองบังคับคดีไม่มีสิทธิ์ที่จะโค่นเจฟฟ์ได้ในเวลาเดียวกันลูกน้องคนอื่น ๆ อีกสองสามคนก็เห็นผู้คนถือหน้าไม้และปืนไรเฟิลโผล่หัวออกมาจากพื้นสูง เพื่อรอจังหวะเหนี่ยวไกปืน“จริงอยู่ที่หลงเหมินไม่มีสิทธิ์ปกครองตระกูลบาวเออร์…”คำพูดของฮาร์วีย์ทำให้ฝูงชนทั้งหมดตัวแข็งทื่อ“แต่ถึงกระนั้นนายน้อยบาวเออร์ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำสาขาของหลงเหมินครึ่งหนึ่ง พร้อมกับสาขาภายในและภายนอกด้วย“เขาใช้ทรั
ฟุ่บ!ฮาร์วีย์เริ่มก่อน แล้วก้าวไปข้างหน้าเมื่อมองด้วยตาเปล่าการเคลื่อนไหวของเขาก็ดูเหมือนไม่ได้รวดเร็วอะไรเลย แต่มันรวดเร็วเกินกว่าใครจะจินตนาการได้เพียงชั่วพริบตาเขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเจฟฟ์แล้วลูกน้องที่เจฟฟ์ให้ความไว้วางใจไม่สามารถโต้ตอบในสถานการณ์นี้ได้เพียะ!เจฟฟ์ที่กำลังร้องคำรามเพื่อต่อสู้กลับ ถูกตบหน้าอย่างแรงจนกระเด็นไปทันที เลือดกระเซ็นไปทั่วขณะที่เขากระแทกเข้ากับเสาด้านหลังเขาก่อนที่เขาจะลุกขึ้นจากพื้นได้ มือที่เย็นเฉียบก็คว้าคอเขาไว้แล้วเพียะ!ฮาร์วีย์เหวี่ยงหลังฝ่ามือพาดหน้าเจฟฟ์ ปลุกเจฟฟ์ให้ตื่นในขณะที่เขากำลังจะหมดสติไป“นายน่าเบื่อมาก นายน้อยบาวเออร์“ทำไมนายถึงเป็นพวกตะกละที่ชอบให้ลงโทษอยู่ตลอดนักนะ? แค่คุยกับนายก็ทำให้ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว“ฉันจะถามนายเป็นครั้งสุดท้าย…“นายจะเลือกแบบไหน”ฝูงชนเงียบเสียงราวกับคนตาย'ยังไง?!''เป็นไปได้ยังไงเนี่ย?!'เจฟฟ์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่เทพสงคราม แต่เขาก็จะไม่มีปัญหาในการต่อสู้กับคนนับสิบคนพร้อมกันเลย!แต่เขาไม่มีแรงแม้แต่จะต่อสู้กับฮาร์วีย์เลย...พูดได้เลยว่าเจฟฟ์ดูน่าเวทนาพ
ในจำนวนนายน้อยสามคนของตระกูลนี้ เจฟฟ์เป็นคนหยิ่งผยองกว่าโจเซฟมากแต่ถึงกระนั้นทั้งสองคนก็เป็นบุคคลสำคัญที่ชอบเป็นศูนย์กลางของความสนใจแฮโรลด์แตกต่างออกไป เขาได้รับความรักจากคุณย่าบาวเออร์ตั้งแต่เด็ก เขาเป็นคนรอบคอบมาโดยตลอดและไม่ค่อยแสดงตัวต่อสาธารณะโลกรู้ว่ามีนายน้อยสามคน แต่มีคนไม่มากนักที่รู้ว่าแฮโรลด์มีหน้าตาเป็นอย่างไร หรือเขามีความสามารถอะไรหลังจากผ่านไปหลายปี แฮโรลด์ก็เข้าควบคุมทุกสิ่งที่คุณย่าบาวเออร์มอบให้เขาอย่างเงียบ ๆอีกทั้งเขายังเป็นคนที่มีความอดทนสูงมากด้วย นอกเหนือจากการส่งคนสองสามคนไปทดสอบโจเซฟหลังทำงานล้มเหลวเขาไม่ได้โจมตีพันธมิตรทางธุรกิจของฟลัตเวลล์ และไม่ได้พยายามยึดทรัพย์สินทั้งหมดไว้กับตัวเองเขาเป็นผีที่ไม่มีเงาแต่เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นในขณะนี้ ทุกคนสามารถบอกได้เลยว่าเขาทรงพลังเพียงใด อำนาจอันยิ่งใหญ่ของเขาภายในตระกูลบาวเออร์นั้นแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนการปรากฏตัวและความสนใจของเขาเพียงอย่างเดียว ก็ได้แซงหน้าทั้งเจฟฟ์และโจเซฟไปแล้วเจฟฟ์เผยรอยยิ้มแปลก ๆ เมื่อเห็นแฮโรลด์“ในที่สุดนายก็มาถึงที่นี่ น่าเสียดายที่นายมาสายไปหน่อย!”“เหลวไหลน่ะ”แฮโรล
“แน่นอนว่าถ้าคุณต้องทำในแบบของคุณ ฉันก็ไม่ว่าอะไร“แต่อย่างไรก็ตามฉันเชื่อว่าคุณเป็นคนฉลาด“ทำไมต้องไปต่อต้านตระกูลบาวเออร์ ในเมื่อคุณมีสิ่งที่คุณต้องการอยู่แล้ว“เพราะยังไง ๆ เราก็ไม่มีความแค้นต่อกัน!“นอกจากนี้ตระกูลบาวเออร์และหลงเหมินก็เป็นหน่วยงานที่แตกต่างกัน แต่หัวหน้าของทั้งสองแห่งนี้ยังคงเหมือนเดิมมาตั้งแต่สมัยโบราณ“ถึงแม้คุณจะไม่ให้ความเคารพฉัน แต่อย่างน้อยก็คิดถึงคน ๆ นั้นด้วย“คุณพอใจที่จะต่อสู้กับตระกูลบาวเออร์เท่านั้นเหรอ?”แฮโรลด์อวดรอยยิ้มจาง ๆ ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมแต่แอบซ่อนความดูถูกเหยียดหยามเอาไว้แฮโรลด์แตกต่างจากเจฟฟ์และโจเซฟตรงที่ดูเหมือนหมาป่าที่ซ่อนอยู่ในชุดแกะมากกว่าไม่เพียงแต่เขาจะรับมือได้ยากเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนเจ้าเล่ห์และน่ากลัวอีกด้วยฮาร์วีย์หรี่ตามองเขาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเผยรอยยิ้มจาง ๆ“คุณพูดถูกเกี่ยวกับเรื่องนั้น“ผมสามารถส่งมอบเจฟฟ์ให้กับคุณ…“แต่มีเงื่อนไขบางประการ”“ผมจะทำทุกอย่างที่ทำได้ ตราบเท่าที่มันอยู่ในอำนาจของผม!” แฮโรลด์ตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ“ทรัพย์สินที่เป็นของผมจะต้องโอนให้อยู่ภายใต้ชื่อของผมในวันพรุ่งนี้”"ได้แน่น
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข