ในช่วงที่เกิดความวุ่นวายที่สถานีตำรวจเมื่อครั้งที่แล้ว ออกัสต์ มีบอดี้การ์ดของตระกูลบาวเออร์อยู่ด้วย น่าเสียดายที่มีนักข่าวไล่ตามเขามากเกินไปบอดี้การ์ดไม่กล้าตอบโต้ ในขณะที่วงศาคณาญาติของเหยื่อก็ไม่คิดจะรามือออกัสต์ไม่มีทางที่จะป้องกันตัวเองจากฝูงชนที่พุ่งเข้ามาหาเขาได้เลยหลายคนชักอาวุธออกมาโจมตีเขา ถ้าไม่ใช่เพราะออกัสต์เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ แขนขาของเขาคงไม่เหลืออีกต่อไปแล้วแต่ร่างกายของเขาฟกช้ำไปทุกส่วน มีรอยคล้ำรอบดวงตาของเขาด้วยออกัสต์ไม่ได้มีความแค้นกับคนเหล่านั้น เขาจึงไม่ถือสาแต่เขารู้แก่ใจดีว่าฮาร์วีย์จะต้องถูกจัดการเพราะเรื่องทั้งหมดนี้!“เขากล้าดียังไงถึงต่อกรกับฉัน!“เขาจะต้องชดใช้!”แม้ว่าออกัสต์จะตกใจเมื่อรู้ว่าฮาร์วีย์ยังคงคิดหาทางที่จะทำลายแผนการที่วางไว้อย่างดีของเขาได้ แต่เขาก็ตกใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์กล้าที่จะโต้กลับ อันที่จริง ชายผู้นี้ทำให้โจเซฟและคนอื่น ๆ เสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา“เราควรทำอย่างไรต่อไปดี นายน้อย?”เลขาจอมจู้จี้ของออกัสต์เป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างเพรียวและใบหน้าที่งดงาม เธอเข้าใกล้ออกัสต์ โดยมีแล็ปท็อปอยู่ในมือ“ฮาร์วีย์รอดพ้นจากข้อกล่าวหา
“หากเราไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากนายน้อยสิบสามได้ เราจะต้องพบกับจุดจบอันเลวร้ายหากเราคิดจะสู้กับฮาร์วีย์”"หุบปาก!“นี่เธอกำลังสอนฉันงั้นเหรอ!”ออกัสต์โกรธมาก"คิดดูให้ดีสิ! เราจะอยู่รอดในฟลัตเวลล์ได้ยังไง ถ้าเราไม่สามารถจัดการกับคนนอกที่น่ารังเกียจได้?”ออกัสต์รีบดึงโทรศัพท์ของเขาออกมาอย่างรวดเร็วและเลื่อนดูรายชื่อผู้ติดต่อที่มีอยู่ดวงตาของเขาเป็นประกายเมื่อนิ้วของเขาหยุดที่เบอร์โทรต่างประเทศ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขาหลังจากนั้นไม่นาน“นายน้อยคนที่สิบสามคงไม่ยอมช่วย แต่ต้องมีคนช่วยได้แน่“ถ้าฉันจัดการกับฮาร์วีย์ไม่ได้ คนอื่นต้องทำได้แน่!"ไป! ไปที่ภารตะฮอลล์! พรุ่งนี้ชวนนายน้อยการ์เซียไปตีกอล์ฟ…“บอกเขาว่าฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะแห่งการปลอมตัวเลย”…ช่วงเช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้นฮาร์วีย์พาแมนดี้ไปที่บริษัทฮาร์ทสโตนเพื่อจัดการกับขั้นตอนของบริษัทแมนดี้เข้ารับตำแหน่งซีอีโอของบริษัทไม่นานหลังจากนั้นการตัดสินใจของฮาร์วีย์เพียงพอที่จะปิดปากของลิเลียนได้ แม้ว่าฝ่ายหลังจะไม่เห็นด้วยกับเขาก็ตามแม้แต่ซีนเธียร์ก็สามารถเป็นรองประธานซีอีโอของบริษัทได
“เพราะแบบนั้นผมถึงขอความช่วยเหลือจากคุณ…”ฮาร์วีย์ตัวแข็งเมื่อเขาได้ยินประวัติของตระกูลตอร์เรส รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขา“อย่าลืมสิว่าฉันอาจเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน แต่ฉันไม่ใช่หมอ”“นั่นก็จริง แต่คุณรู้ถึงศิลปะแห่งการสังหาร“สัมผัสกลืนวิญญาณเป็นหนึ่งในทักษะพวกนั้น“ตอนนี้มีแค่คุณเท่านั้นที่จะช่วยพ่อของผมได้“หากไม่เช่นนั้น ผมจะไม่ขอความช่วยเหลืออะไรจากคุณเลย”แน่นอนว่าแอนเซลรู้ดีว่าฮาร์วีย์คงจะไม่ลงมือช่วยง่าย ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยเอ่ยปากถึงเรื่องนี้เลยแต่หลังจากที่เห็นพ่อของเขาต้องทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวด ใบหน้าของเขาซีดราวกับกระดาษ แอนเซลถึงได้ตัดสินใจเสี่ยงมาขอความช่วยเหลือจากฮาร์วีย์โดยไม่ลังเล“ไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตขนาดนี้หรอก แอนเซล” ฮาร์วีย์ตอบ“ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าฉันจะรักษาพ่อของนายและทำให้เขากลับมาเป็นปกติได้หรอกนะ แต่ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ"ไม่ต้องห่วง พวกเราเป็นพี่น้องกันทั้งนั้น”แอนเซลรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง“ได้ยินแบบนั้นผมก็ตายตาหลับแล้ว คุณยอร์ก!”จากนั้นเขาก็โบกมือให้คนขับกลับบ้าน"จริงสิ ตอนที่ผมส่งคุณไปสอบ
ตำนานเล่าว่าคฤหาสน์แห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงที่ประเทศผงาดขึ้นมาเพื่อผู้นำคนแรกของฟลัตเวลล์เป็นเวลาเกือบร้อยปีแล้วที่คฤหาสน์ที่นี่ถูกรื้อถอนและสร้างใหม่อย่างต่อเนื่อง บริเวณนี้เหลืออสังหาริมทรัพย์เพียงสิบแห่งเท่านั้นเจ้าของคฤหาสน์เองก็ยิ่งใหญ่ไม่น้อยหน้าใครพวกเขาเคยเป็นเพราะบัญชาการสูงสุดของฟลัตเวลล์ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาเมืองเป็นอย่างมากผู้ที่ไม่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะไม่มีสิทธิ์อาศัยอยู่ในบ้านเหล่านี้เลยฮาร์วีย์ไม่ได้สนใจสถานที่นี้มากนัก แต่เขาก็ยังเข้าใจถึงความสำคัญของสถานที่เช่นกันรถจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หมายเลขหนึ่งในไม่กี่นาทีต่อมาจากนั้นฮาร์วีย์และแอนเซลก็ก้าวออกจากรถฮาร์วีย์มองไปรอบๆ อย่างสงสัยและเห็นอิฐสีน้ำเงินและกระเบื้องสีแดงอันงดงาม ซึ่งดูเหมาะกับสุนทรีย์ของผู้สูงอายุเป็นอย่างมากชายติดอาวุธในเครื่องแบบประจำการอยู่ทั่วสถานที่ นี่ก็เพียงพอที่จะอธิบายสิ่งต่าง ๆ ได้มากมายแล้ว“ด้วยความกรุณาเถอะ คุณยอร์ก!”แอนเซลนำข้อมูลประจำตัวทุกประเภทของชายในเครื่องแบบออกมาก่อนที่จะนำฮาร์วีย์ไปที่ลานบ้านลานภายในไม่ได้ไกลนัก แต่ถนนก็ได้รับการออกแบบมาอย่างดีจริง ๆ มีทางอ้อมมากมายสาม
ไม่แปลกเลยที่โคลตันจะค้นหาชื่อของฮาร์วีย์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงไม่พูดแบบนี้“นายจัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แต่ช่างหยิ่งยโสไม่น้อยเลย!”โคลตันก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาพยายามข่มฮาร์วีย์ด้วยรัศมีที่เขามี เขาไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของฮาร์วีย์“ทำตัวให้มีประสิทธิภาพแต่ต้องต่ำต้อยเข้าไว้ นี่คือหลักการของผม” ฮาร์วีย์ตอบ“ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังจะสื่อ…“แต่เราควรมองภาพรวมให้มากกว่าเสมอ!“ถ้ามีวิธีที่จะทำให้ทุกอย่างถูกต้องเหมาะสมได้ในคราวเดียว เราจะปล่อยให้ต้องเปลืองพลังงานไปทำไมตั้งแต่แรก?“ล่อเป้าหมายให้ออกมาก่อนที่จะกำจัดทิ้งทั้งยวง…“นั่นเป็นวิธีจัดการสิ่งต่าง ๆ ที่ดีที่สุดเลย คุณไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”"นั่นเป็นแค่ความคิดของนาย! เป็นหลักการของนายเพียงคนเดียว!” โคลตันตะคอกอย่างเย็นชา“แต่สำหรับฉัน นายก็แค่ไม่มั่นใจ! และท้ายที่สุดความไม่มั่นใจของนายนั่นแหละที่จะทำให้นายเจอปัญหาที่ใหญ่ขึ้น!”แอนเซลตามไม่ทันอย่างสิ้นเชิง แต่เขาก็สามารถกลับมาตามทันบทสนทนาของทั้งคู่ได้พ่อของเขาและฮาร์วีย์อาจจะกำลังพูดถึงออกัสต์เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก ทำไมพ่อของเขาถึงสนใจเรื่
แอนเซลตกใจมาก แต่โคลตันยังคงนิ่งเฉย ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเขารู้สึกอย่างไรจากนั้นเขาก็เดินไปก่อนที่จะแตะไหล่ฮาร์วีย์ฮาร์วีย์ยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร“ผมบอกพ่อแล้วไงว่าฮาร์วีย์น่าประทับใจมาก ทีนี้พ่อเชื่อผมหรือยัง?”แอนเซลยิ้มจาง ๆ“ให้คุณยอร์กดูการบาดเจ็บของพ่อในตอนนี้หน่อยได้ไหม?”ก่อนที่โคลตันจะพูดขึ้น เสียงหนึ่งก็ดังก้องมาจากข้างนอก“ลุงตอร์เรส! คุณอยู่ที่ไหน?"“ไปที่โถงกันเถอะ”โคลตันปรบมือ“เซียนน่ามาแล้ว“ไม่กี่วันก่อนเธอบอกพ่อว่าเธอไปเจอหมอคนหนึ่งเข้า“เธอตั้งใจจะให้พ่อได้รับการรักษา”“คุณยอร์ก เซียนน่ามาจากตระกูลไรท์” แอนเซลกระซิบข้างหูฮาร์วีย์“พ่อของเธอเป็นเพื่อนที่ดีของพ่อผม นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลของเราทั้งสองจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแบบนี้“ผมไม่รู้ว่าเธอจะพาหมอมา ผมเสียใจกับเรื่องนี้จริง ๆ”“ตระกูลไรท์งั้นเหรอ?”ฮาร์วีย์ยิ้มหลังจากได้ยินคำพูดของแอนเซล“ตระกูลผู้นำของบรรดาตระกูลสิบอันดับแรกในประเทศ H?“เซียนน่าเป็นเจ้าหญิงในตำนานของตระกูลงั้นเหรอ?“คนที่นายน้อยและเจ้าชายทุกคนอยากเกี่ยวพันด้วย?”แอนเซลพยักหน้าเบา ๆโคลตันมองฮาร์วีย์อย่างส
ชื่อของรูดอล์ฟไม่ใช่แค่คำโฆษณาเท่านั้นว่ากันว่าเขาได้ศึกษาทักษะทางการแพทย์โบราณจากทั้งอินเดียและประเทศหมู่เกาะ ตลอดจนการแพทย์แผนตะวันตกและตะวันออก ทักษะของเขาถือว่าไม่มีใครเทียบได้เขายังสามารถกรองข้อมูลที่ไร้ประโยชน์ส่วนใหญ่ออกไป และเก็บเฉพาะแก่นแท้ของทักษะทางการแพทย์เหล่านั้นไว้ได้ ซึ่งนั่นผลักดันให้เขามีชื่อเสียงมากขึ้นว่ากันว่าแม้แต่ราชวงศ์ของยุโรปเหนือก็ยังจ้างเขามารักษาตัวเองบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งนั้นช่วยให้อายุไขของพวกเขายืนยาวขึ้นแต่ทว่าค่ารักษาของรูดอล์ฟนั้นสูงมาก เขาจะเรียกเก็บเงินอย่างน้อยครั้งละล้านดอลลาร์หากเขาต้องผ่าตัดใครก็ตาม มันจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมากอย่างไรก็ตาม ธุรกิจของเขายังคงได้รับความนิยมแอนเซลเคยได้ยินเกี่ยวกับมือพิฆาตความตายในตำนานมาก่อนแล้ว แม้ว่าตระกูลตอร์เรสจะค่อนข้างเป็นที่รู้จักทั่วฟลัตเวลล์ แต่นั่นก็ยังไม่พอที่จะพาคนอย่างรูดอล์ฟมาที่นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเซียนน่า รูดอล์ฟคงไม่มีทางมาปรากฏตัวที่นี่ได้"คุณรูดอล์ฟได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของลุงตอร์เรส เขาบอกว่าลุงตอร์เรสเป็นวีรบุรุษ และเป็นเกียรติของเขาที่จะได้ทำการรักษาคุณลุง” เซียนน่าพูดห
เมื่อเห็นท่าทางเหยียดหยามที่รูดอล์ฟมี…ฮาร์วีย์ก็พูดอย่างใจเย็น “ผมไม่ใช่หมอ“และคุณคือมือพิฆาตความตายในตำนาน“ถ้าคุณน่าประทับใจขนาดนั้น ทำไมคุณไม่รักษาอาการป่วยของตัวเองก่อนล่ะ“ทุกครั้งที่คุณคิดจะทำแบบนั้น คุณกลับไม่มีเรี่ยวแรงพอจะผ่านมันไปได้ รู้สึกแย่กับมันใช่หรือเปล่า”ท่าทางภาคภูมิใจของรูดอล์ฟหยุดชะงักไปในทันทีเขามองฮาร์วีย์ด้วยความไม่เชื่อเขาไม่คิดว่าฮาร์วีย์รู้เกี่ยวกับความลับที่ไม่อาจพูดออกไปของเขาได้!ชื่อเสียงของเขาจะมัวหมอง หาคำพูดพวกนี้ถูกเผยแพร่ออกไป!รูดอล์ฟเปลี่ยนสีหน้าของเขาอย่างฉับพลัน “นี่นายสืบเรื่องของฉันเหรอ!”โคลตันและแอนเซลมองดูรูดอล์ฟด้วยสายตาแปลก ๆ เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของเขาอันที่จริงแล้ว พวกเขารู้ดีว่าฮาร์วีย์กำลังพูดถึงอะไรเซียนน่าตกตะลึงเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็รู้ว่าบทสนทนานี้เกี่ยวข้องกับอะไร เธออดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงสด“ทำไมผมต้องสืบเรื่องของคุณด้วย? คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญที่ผมต้องให้ความสนใจหรือไง?”ฮาร์วีย์ถึงกับพูดไม่ออก“และอีกอย่าง นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เราได้พบกันด้วย ผมจะเอาเวลาที่ไ