ฮาร์วีย์ ยอร์กยังคงไม่แยแส มือขวากำลังจะผลักเข้าหาเขาโดยไม่รู้ตัวทันใดนั้น เสียงที่นุ่มนวลซึ่งเต็มไปด้วยอำนาจดังมาจากในตู้เสบียง “โยนา ลินช์ อย่าทำอะไรโดยไม่คิด!”“แค่ยึดตู้เสบียงก็ผิดมากแล้ว ยิ่งทำร้ายคนตามอำเภอใจนั้นก็ยิ่งน่าขยะแขยงกว่าเดิมอีก”ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของโยนาหายไปหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น จากนั้นเธอก็ก้มศีรษะลงและตอบว่า “ค่ะท่าน”จากนั้นเธอก็จ้องฮาร์วีย์ตาถลึง หลังจากที่เธอพูดจบและก้าวออกไปอย่างไม่เต็มใจฮาร์วีย์ไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอและเดินตรงไปในตู้เสบียงในตู้เสบียงมีบริกรไม่มากนัก พวกเขามีกันเพียงสองคน และมีโต๊ะตั้งอยู่ตรงกลางชายและหญิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นชายและหญิงวัยกลางคน แม้ว่าเสื้อผ้าของพวกเขาจะไม่ได้งดงามมากนัก แต่ก็มีรัศมีที่ดูไม่ธรรมดาพร้อมกับท่าทางของพวกชนชั้นสูง พวกเขาดูเหมือนจะร่ำรวยไม่ก็มีเกียรติในที่เกิดเหตุมีชายวัยกลางคนนั่งอยู่เพียงคนเดียว มีอาหารเลิศรสมากมายอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขากินไม่มากนัก เขาเพิ่งหยิบตะเกียบขึ้นมาและกินมันเพียงไปบางส่วนสายตาของฮาร์วีย์มองข้ามฝูงชนและไปมองเข้าที่ใบหน้าของชายวัยกลางคน เขาต้องเป็นคนที่พูดเมื่อกี้แน่อ
โยนา ลินช์เป็นคนแรกที่ตะโกนใส่ฮาร์วีย์ ยอร์ก "ไอ้ส*รเลว! กล้าดียังไงมาแช่งเจ้านายของฉัน?!”เมื่อเธอพูดจบปืนที่เอวก็ปรากฏขึ้นในมือของเธอ มันเกือบจะจ่อไปที่หน้าผากของฮาร์วีย์ชายและหญิงหลายคนเอามือท้าวเอวไว้ฮาร์วีย์ไม่สนใจคนกลุ่มนี้และพูดอย่างเฉยเมยว่า “คนที่ต้องการเอาชีวิตคุณจะมาฆ่าคุณอย่างช้าที่สุดในอีกสามวัน ถึงตอนนั้นแม้แต่เทพฮาเดสก็ไม่อาจช่วยคุณได้”“ใครจะกล้ามาปลิดชีวิตนายท่าน?!” ใบหน้าสวยของโยนาเย็นชา!“ฉันไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร แต่การมาเพื่อเรียกร้องความสนใจวิธีนี้ คุณเชื่อไหมว่า ฉันจะฆ่าคุณในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า”“คุณรู้ไหมว่านายท่านของฉันคือใคร?”“ในมอร์ดูนายท่านของฉัน…”ขณะพูดออกไป ชายวัยกลางคนก็จ้องมองโยนะอย่างเย็นชา ซึ่งทำให้เธอหยุดพูดทันทีเธอเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอหลุดปากออกไป เธอจึงเปลี่ยนไปหัวข้ออื่นทันทีและพูดว่า “รีบขอโทษนายท่านเสีย ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าคุณ!”ในขณะที่พูด เซฟตี้ปืนของโยนาก็ถูกปลดออก และคราวนี้ปืนก็กดเข้าที่หน้าผากของฮาร์วีย์"หนวกหู!"ดวงตาของฮาร์วีย์เย็นชา เขาตบหน้าเธอโยนาวูบไปชั่วครู่ และก่อนที่เธอจะทันได้ตอบโต้ บนใบหน้าของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดอย
ฮาร์วีย์ ยอร์กชำเลืองมองโยนา ลินช์ด้วยท่าทางประหลาดใจ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก นี่เป็นเรื่องในตระกูลของคนอื่นเบนจามิน ลินช์เชิญให้ฮาร์วีย์นั่งลง จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “พ่อหนุ่ม ผมจะเรียกคุณว่าอย่างไรดี?”ฮาร์วีย์พูดอย่างเฉยเมยว่า “ฮาร์วีย์ ยอร์ก”เบนจามินรินชาให้ฮาร์วีย์และถามอย่างจริงจังว่า “น้องชายยอร์ก คุณรู้ทักษะทางการแพทย์บ้างไหม?”ฮาร์วีย์ตอบเบาๆ ว่า “ไม่”“แล้วคุณรู้ทักษะด้านฮวงจุ้ยหรือเป็นหมอดูงั้นเหรอน้องยอร์ก?”"ไม่"“แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าผมจะอยู่ได้ไม่นาน น้องยอร์ก” เบนจามินพูดอย่างใจเย็นราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับชีวิตและความตาย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถซ่อนความหวั่นไหวในดวงตาได้คนเราอาจจะคุ้นเคยกับชีวิตและความตายของผู้อื่น แต่ไม่มีใครสามารถเพิกเฉยต่อชีวิตและความตายของตนเองได้ฮาร์วีย์พูดอย่างเฉยเมย “มีคนต้องการให้คุณตาย ถ้าผมจำไม่ผิด มีการลอบสังหารอย่างน้อยสามครั้งในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ยิ่งไปกว่านั้น การลอบสังหารทั้งสามระลอกนี้ได้ทิ้งบาดแผลให้คุณอย่างน้อยสิบแห่ง คุณได้จ้างหมอฝีมือดีมาดูแลอาการบาดเจ็บของคุณ”เบนจามินตกใจมาก“ที่จริงทักษะทางการแพทย์ของแพท
“นายท่านลินช์?!”ลูกน้องของเขาทุกคนอ้าปากค้างเมื่อเห็นฉากนี้และเริ่มล้อมฮาร์วีย์ ยอร์กในทันทีโยนา ลินช์ยังพูดในขณะที่กุมแก้มของเธอด้วยว่า “ไอ้ส*รเลว แกมันอวดดี!”คงไม่มีใครคิดว่าวิธีแก้ปัญหาที่ฮาร์วีย์บอกคือการส่งเบนจามินให้ลอยออกไปเช่นนี้เขาต้องเป็นพวกไร้สมองอย่างแน่นอน!"หยุด! หยุด!”“อย่าทำอะไรวู่วาม!”ทันใดนั้นเอง เบนจามินพยายามลุกขึ้นจากพื้นและพูดกับโยนาและคนอื่น ๆ“พวกเธอจะหยาบคายกับน้องยอร์กไม่ได้!”โยนาและคนอื่น ๆ ผงะไปครู่หนึ่ง “นายท่านลินช์ ผู้ชายคนนี้ทำร้ายคุณ…”"ทำร้าย? บ้าเหรอ น้องยอร์กกำลังช่วยฉัน!”ทีแรก เบนจามินยังรู้สึกว่าฮาร์วีย์กำลังยั่วโมโหเขา ดังนั้นเขาจึงรำคาญมาก แต่เมื่อเขาฟื้นขึ้น เขาก็รู้ในทันทีว่าเขาได้พบกับปรมาจารย์ตัวจริงเข้าแล้วโยนาและคนอื่น ๆ มองไปรอบ ๆ พวกเขาตกใจมากที่เห็นว่าผิวพรรณของเบนจามินดีขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดสิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่เพียงแต่เลือดบนพื้นจะเป็นสีดำเท่านั้น แต่มันยังส่งกลิ่นเหม็นที่ไม่อาจบรรยายได้ออกมาไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันออกมาได้เพราะฮาร์วีย์เตะเขานี่มันได้ผลอย่างนั้นหรือโยนาและคนอื่น ๆ ตกตะลึงเล็กน้อย พวกเขา
เบนจามิน ลินช์เก็บหมายเลขโทรศัพท์ไปอย่างระมัดระวังและขอให้โยนา ลินช์มารับมันไว้ เขาพูดว่า “น้องยอร์กคุณสามารถให้โยนาช่วยคุณได้ทุกอย่างที่คุณต้องการในมอร์ดู”“พวกเรา ตระกูลลินช์ค่อนข้างมีอิทธิพลในดินแดนมอร์ดูของเรา ผมสัญญาว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างราบรื่น”เห็นได้ชัดว่าเบนจามินยังสัมผัสว่าฮาร์วีย์ ยอร์กมาที่มอร์ดูด้วยเรื่องใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดูจะน่าลำบากใจ!แต่เขาติดหนี้บุญคุณฮาร์วีย์ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ดังนั้นเขาจึงประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะยืนหยัดเคียงข้างฮาร์วีย์อย่างแน่นอนเขายังพยายามดึงฮาร์วีย์มาอยู่ข้างกายเขาย่อมต้องสนใจปรมาจารย์อย่างฮาร์วีย์แม้ว่าโยนาจะเย็นชาและดื้อรั้นไปสักหน่อย แต่เธอไม่ใช่คนโง่จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับทัศนคติของเบนจามิน เธอเข้าใจว่าฮาร์วีย์คือบุคคลที่พวกเขาต้องดึงเข้ามาเป็นพวกโยนากล่าวด้วยความเคารพว่า “พี่ยอร์กฉันต้องขอโทษที่คิดน้อยและทำให้ขุ่นเคืองใจเมื่อครู่!“ถ้าในอนาคตคุณต้องการอะไร บอกฉันได้เลย!”ฮาร์วีย์ยิ้มและพูดว่า “ด้วยความยินดี คุณลินช์ คุณใจดีมาก”เขาหยิบนามบัตรของโยนาขึ้นมาขณะพูดพวกเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่มีภูมิหล
หลังจากที่โยนา ลินช์ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และเธอก็พูดต่อว่า “แต่ถ้าเขามาจากประเทศหมู่เกาะ…”เบนจามิน ลินช์หรี่ตาและพูดอย่างเฉยเมยว่า “นั่นไม่น่าเป็นไปได้หรอก แต่ถ้าได้รับการยืนยันว่าเขามาจากประเทศหมู่เกาะจริง หลังจากเราช่วยเขาสามครั้งและตอบแทนบุญคุณของเขาได้แล้ว ก็ฆ่าเขาทิ้งซะ”โยนาขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “เข้าใจแล้วค่ะ!”เบนจามินมองดูสีหน้าของโยนา ก่อนจะหัวเราะและพูดว่า “ทำไม? เธอชอบเขาเหรอ? คิดว่าเขาไม่ใช่คนเลวอย่างนั้นใช่ไหม?“ฉันก็ยังคิดว่าเขาไม่ใช่คนเลว แค่ว่าตระกูลลินช์เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของประเทศ H ที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งกว่านั้น ฉันก็เป็นผู้บังคับบัญชาลำดับต้น ๆ จึงต้องระมัดระวังหลายอย่าง ระวังตัวไว้ก่อนก็จะดีกว่า”“หากเราพบว่าเราเข้าใจเขาผิดจริง ๆ เราอาจมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาทีหลังก็ได้ คิดว่าน้องยอร์กคงเข้าใจเรา”ใบหน้าของโยนาขึ้สีเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ก้มหัวลงและพูดว่า “นายท่าน ไม่ต้องกังวล ดิฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”เบนจามินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “อ้อ ใช่ มีอีกเรื่องที่สำคัญ เธอต้องหาให้ได้ว่าใครคือคนที่พยายามจะลอบสังหารฉันก่อนหน้านี้”
เจเรมี่ มาโลนมีสีหน้าเย็นชาทันทีที่เขานึกถึงเรื่องนี้ เขาเปิดประตูรถพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปากและพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “เอาข้าวของของนายไปใส่ในกระโปรงหลังรถ ระวังด้วย อย่าทำให้มันสกปรก”“แล้วก็ไปนั่งข้างหลัง หลังจากขึ้นรถแล้วก็ถอดรองเท้า ถือไว้ อย่าให้รถสกปรก!”“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการที่คนบ้านนอกอย่างนายมาที่นี่เพื่อเบียดเบียนซีอีโอมาโลน บอกไว้เลยนะ ฉันจะไม่ให้โอกาสนายได้ทำอย่างนั้นแน่!”ปัง!ฮาร์วีย์ ยอร์กมีท่าทีเฉยชา เขาเตะเจเรมี่ลงไปกับพื้นในทันทีเจเรมี่โกรธจัด “ไอ้เ*รนี่ แกจะเอาใช่ไหม?!”เพี๊ยะ!จากนั้นฮาร์วีย์ก็ตบหน้าเจเรมี่อย่างแรง ทำให้เขาก็กระเด็นออกไปทันที รอยฝ่ามือสีแดงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเจเรมี่กุมใบหน้าอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดว่าฮาร์วีย์จะกล้าทำร้ายเขาแต่คนอย่างเขามักจะรังแกคนขี้ขลาดเสมอ เมื่อเห็นสีหน้าเฉยเมยของฮาร์วีย์ เขาก็สั่นโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “น้องยอร์ก เอาล่ะ ได้โปรด ได้โปรด!”หลังจากถูกฮาร์วีย์ตบหน้า เขาก็ไม่โอหังเหมือนเดิมจากนั้นฮาร์วีย์ก็เข้าไปนั่งเบาะหลังโดยไม่สนใจเจเรมี่ที่ตีหน้าขรึมอยู่ในขณะนี้แน่นอนว่าฮาร์วีย์จำเป็นต้องสอนบทเรียนให้กั
ฮาร์วีย์ ยอร์กตกตะลึงขณะมองดูสถานที่นี้นี่คือร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในปากอ่าวของมอร์ดู ว่ากันว่าร้านนี้มีประวัติยาวนานกว่าร้อยปีสถานที่นี้มีคุณภาพและมีระดับ มันมีบรรยากาศระดับไฮเอนด์ ซึ่งหรูหราและทันสมัยการรับประทานอาหารในสถานที่ดังกล่าว อาหารสักจานอาจมีราคาหลายร้อยดอลลาร์ หากต้องการจองห้องจะต้องมีจ่ายอย่างน้อยสองพันสามร้อยเหรียญเลยทีเดียวราคาดูเหมือนจะไม่น่ากลัว แต่คนจากชนชั้นแรงงานธรรมดา ๆ ไม่อาจใช้จ่ายในสถานที่ดังกล่าวได้เคลลี่ไปได้สวยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และถือว่าเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จแล้วสำหรับจูน ลี ภรรยาของเขาก็มีข่าวลือว่าเธอเปิดเฟรนไชน์ร้านเสริมสวย และธุรกิจก็ไปได้ดี รายได้ปีละหลายแสนเหรียญได้อย่างไม่ยากเย็นตระกูลเช่นพวกเขาเรียกได้ว่าอยู่ในวงชนชั้นสูงแห่งมอร์ดูเลยทีเดียว แต่พวกเขาสูงส่งเกินมาจะมารับประทานอะไรในที่แห่งนี้แล้ว“น้องยอร์ก กรุณาเข้าไป!”เจเรมี่ มาโลนรู้แล้วว่าญาติที่ดูน่าสงสารคนนี้เป็นคนโหดเหี้ยม เขารู้สึกว่าเขาสูงส่งชนิดที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับฮาร์วีย์ เขาจึงนำฮาร์วีย์เข้าสู่อาคารแห่งสันติภาพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“คุณนา
“อย่างนั้นเหรอ?”ร็อดนีย์ทำเสียงเยาะเย้ยหลังจากได้ยินคำพูดของฮาร์วีย์“ฉันไม่ได้ต้องการดูหมิ่นอะไรแกหรอกนะไอ้หนู!“แกไปเอาความมั่นใจมาจากไหนเหรอ ถึงได้พูดอะไรออกมาแบบนั้น?“มา ๆ! บอกฉันหน่อยว่าแกเรียนที่ไหน ฉันจะได้ประเมินความสามารถของแกได้!“บอกตามตรงนะ ถึงแม้ว่าแกจะพาอาจารย์ซีเกลอร์มาที่นี่ โอกาสก็ยังคงมีเท่าเดิม!”ฮาร์วีย์เหลือบมองที่หัวของเวส ดูเหมือนว่าพลังชั่วร้ายที่อยู่ในตัวเขากำลังจะปรากฏออกมาแล้ว ความทุกข์ทรมานที่เขารู้สึกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาการนอนไม่หลับอาจเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยสำหรับเขาไปเลยก็ได้ถ้าเขาสามารถข่มใจให้นอนหลับได้ เขาก็จะต้องสะดุ้งตื่นเพราะฝันร้ายอยู่ดีณ จุดนี้ เขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นฮาร์วีย์รู้สึกสงสารอย่างไม่ต้องคิดทบทวนอะไรเลยฮาร์วีย์หันไปมองร็อดนีย์“ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยหรอก ผมไม่ได้เรียนรู้เรื่องนี้จากอาจารย์คนไหนทั้งนั้น”ร็อดนีย์ตกตะลึง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา"แล้วยังมีหน้ามั่นใจได้ถึงขนาดนี้อีกเหรอ?”“แต่ผมรู้เรื่องศิลปะการฆ่านะ” ฮาร์วีย์ตอบ“ยกตัวอย่างเช่น เมื่ออยู่ต่อหน
“อะไรนะ!”อาร์เล็ตตกใจมากกับอาการของคุณปู่ แต่เธอรู้สึกประหลาดใจมากกว่าที่ฮาร์วีย์สรุปอาการได้แม่นยำร็อดนีย์ก็สรุปอาการเหมือนเขาเป๊ะเวสทำสีหน้าแปลก ๆ เมื่อเขามองไปที่ฮาร์วีย์ เขาไม่คาดคิดว่าฮาร์วีย์จะเก่งกาจได้ถึงขนาดนั้นไคริทำสีหน้าแสดงความชื่นชมเธอเชื่อมั่นในความสามารถของฮาร์วีย์มาโดยตลอด นั่นคือเหตุผลที่เธอพาเขามาที่นี่ตั้งแต่แรกเป็นไปตามคาด เขาทำได้อย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้เวสมองฮาร์วีย์ก่อนจะหันไปมองร็อดนีย์“เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วนะ ร็อดนีย์“ลองทำตามวิธีการของคุณก็แล้วกัน แล้วดูซิว่าคุณจะรักษาผมได้หรือเปล่า”“ผมจะขอพูดตรง ๆ กับคุณนะเวส มีแหล่งพลังงานชั่วร้ายอยู่ในตัวคุณ วิธีเดียวที่จะช่วยคุณได้คือต้องกำจัดแหล่งพลังงานนั้นออกไป” ร็อดนีย์ตอบอย่างเคร่งขรึม“แต่ถึงกระนั้นผมก็มีอะไรอยากจะบอกคุณ“ขั้นตอนนี้มีความเสี่ยงมาก“ถ้าเราไม่ระวัง พลังงานชั่วร้ายในคุณก็จะปรากฏตัวออกมา แล้วฆ่าคุณทันที”อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อ“มั่นใจแค่ไหนคะ คุณปู่ฟอสเตอร์?”ร็อดนีย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง“ผมบอกไม่ได้ว่าแหล่งพลังงานนั้นอยู่ตรงไหนกันแน่ ดังนั้นตอนนี้โอกาสสำเร็จมีเพียงยี่สิบถึงส
“นานสุดแค่สองสามสัปดาห์เหรอ?อาร์เล็ตตัวแข็งทื่อก่อนที่จะระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา“ไอ้สารเลว! แกไม่เพียงแต่ไม่เก่งอะไรสักอย่างแล้ว แต่ยังกล้าสาปแช่งคุณปู่ของฉันอีกเหรอ?!“แกนี่มันช่างชั่วช้าจริง ๆ!“ไอ้คนไร้มนุษยธรรม!“ออกไป! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!“เลิกพยายามสร้างภาพที่นี่ได้แล้ว!“ถ้าฉันไม่เห็นแก่ไคริล่ะก็ฉันจะหักขาแกด้วยมือของฉันเองแล้ว!”เห็นได้ชัดว่าคำเตือนของฮาร์วีย์ทำให้อาร์เล็ตโกรธเคืองอย่างมากบรืน!มีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นก่อนที่รถโตโยต้า อัลพาร์ดสีเหลืองจะแล่นมาจอดอยู่ข้างนอกมีคนหนุ่มสาวสองสามคนกระโดดลงมาจากรถ พร้อมทั้งถือกล่องโบราณอยู่ในมือหลังจากนั้นก็มีชายสูงอายุคนหนึ่งเดินออกมาเขาสวมเสื้อคลุมที่เปล่งรังสีออร่าของผู้ปราดเปรื่องออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยฮาร์วีย์ทำหน้าสงสัยก่อนจะจดจำใบหน้านั้นได้ชายคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยระดับสุดยอดของโกลด์เด้น แซนด์“ในที่สุดคุณปู่ฟอสเตอร์ก็มาถึงแล้ว!อาร์เล็ตเดินออกไปรับด้วยสีหน้าเบิกบานใจ“คุณปู่มาถูเวลาพอดีเลย! ไม่อย่างนั้นครอบครัวของเราคงโดนนักต้มตุ่นหลอกเอา
ฮาร์วีย์ยิ้มจาง ๆ หลังจากได้ยินข้อสงสัยของอาร์เล็ต“สถานการณ์ของคุณเพแกนไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แค่ร่างกายของเขาโดนพลังงานชั่วร้ายเล่นงานเท่านั้นเอง“ปัญหานั้นจะได้รับการแก้ไขทันทีที่มีการจัดการที่ต้นเหตุ"“พลังงานชั่วร้ายเหรอ?”เวสชะงักไปครู่หนึ่ง“แต่ฉันก็ระวังตัวอยู่เสมอนะ ฉันไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในสถานที่ที่จะมีพลังชั่วร้ายแบบนั้นเลย“ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูฮวงจุ้ยก็ยังออกแบบคฤหาสน์ทั้งหลังนี้ให้ฉันด้วย ที่ดินก็มีความบริสุทธิ์ผุดผ่องด้วย แล้วทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะ?“นอกจากนี้เราก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้วด้วย แต่ไม่เคยเกิดเรื่องร้าย ๆ อะไรกับเราเลยจวบจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้“นั่นเป็นเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้แหล่งพลังงานชั่วร้ายนั้นได้เพิ่งหาทางเข้ามาที่นี่ได้" ฮาร์วีย์ตอบอย่างตรงไปตรงมา“เมื่อเร็ว ๆ นี้มันเจอหนทางที่เข้ามาที่นี่ได้เหรอ?'อาร์เล็ตหัวเราะอย่างเย็นชา“คุณคิดว่าเราโง่หรือไง?“พลังชั่วร้ายมีแต่ในบ้านผีสิงเท่านั้นแหละ!“บ้านของเราอยู่ในสภาพเดิมมาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว! ทำไมถึงเกิดขึ้นได้ล่ะ?!“คุณอ้างว่ามันมาที่นี่เมื่อไม่นานมานี้เหรอ?“ก็บอกมาเลยสิว่าปู่
อาร์เล็ตเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เวสฟังอีกครั้ง ก่อนจะกัดฟันกรอดต่อหน้าฮาร์วีย์“ทำไมคุณถึงทำอะไรตามใจชอบโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ?!“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน คุณก็คงตายแน่!“คุณคิดที่จะช่วยใครเพียงให้ได้ค่าขนมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเองน่ะเหรอ?!“คุณช่างเป็นคนน่ารังเกียจจริง ๆ!"ในดวงตาของอาร์เล็ตมีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม“ถ้าไม่ใช่เพราะผมที่ยกโครงเหล็กของรถเอาไว้ ป่านนี้คุณเพแกนก็คงกลายเป็นเศษเนื้อเละ ๆ ไปแล้วล่ะ”ใบหน้าของอาร์เล็ตดูมืดมนลงทันที“คุณกล้าดียังไงมาสาบแช่งคุณปู่ของฉันแบบนั้น ไอ้สารเลว!?!“ยอมรับออกมาต่อหน้าทุกคนซะว่าคุณพูดล้อเล่น!“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ คุณปู่ของฉันก็คงไม่ต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหรอก!”สีหน้าของอาร์เล็ตดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งในตอนนี้เธอรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนเมื่อคิดว่าฮาร์วีย์อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ปู่ของเธอต้องเสียชีวิต“ฮาร์วีย์เป็นนักศิลปะป้องกันตัวนะอาร์เล็ต เขามีความแข็งแกร่งกว่าผู้ชายธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เขาต้องมั่นใจที่จะช่วยคุณปู่ของคุณได้ ถึงได้ลงมือทำไปอย่างนั้น"ไคริก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว“ฉันไม่รู้ร
เมื่อได้ยินคำพูดของไคริ ผู้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผู้ชายคนนั้นก็ทำสีหน้าที่ดูแย่มากเห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งหมดต่างรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีโอกาสที่จะตายสูงมาก เมื่อดูจากสภาพร่างกายของเขาแล้ว“ขอบคุณที่เป็นห่วงลุงนะ"ชายคนนั้นแค่ยิ้มให้เฉย ๆ ราวกับว่าเขารู้ว่าความตายของเขาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้“โอ้ ไคริ… หลานไม่ต้องเศร้าเสียใจกับเรื่องปู่หรอก ปู่รู้ว่ามีชีวิตก็ย่อมมีตายเป็นธรรมดา“เออจริงสิ ปู่ได้ยินมาว่าหลานถูกลอบทำร้ายในระหว่างบินมาที่นี่เมื่อไม่กี่วันก่อนนี่นา“หลานสบายดีไหม?“ปู่มีหัวไชเท้าร้อยปีอยู่สองสามหัว เอาไปกินเพื่อเพิ่มพลังได้นะ"แน่นอนว่าชายคนนี้เป็นห่วงเรื่องสุขภาพของไคริไคริยิ้ม“ขอบคุณค่ะลุง!“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ มีคนบนเที่ยวบินเดียวกันได้ช่วยหนูเอาไว้ นั่นคือเหตุผลที่หนูยังมายืนอยู่ตรงนี้ได้"จากนั้นไคริก็ชี้ไปที่ฮาร์วีย์“หนูขอแนะนำให้ลุงรู้จักกับฮาร์วีย์ค่ะ เขาเป็นคนที่ช่วยชีวิตหนูไว้ในตอนนั้น“ฮาร์วีย์ นี่คือลุงของฉันค่ะ เวส เพแกน“ตระกูลเพแกนเป็นหนึ่งในตระกูลที่ตัดขาดจากโลกภายนอกที่อยู่ในโกลด์เด้น แซนด์แห่งนี้ พวกเขาถือเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของเมืองนี้
บรืน!สิบห้านาทีต่อมาก็มีเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งเข้ามาจอดตรงหน้าวิลล่าเมื่อกระจกรถเลื่อนลงมาก็เห็นใบหน้าอันงดงามของไคริแถมเธอยังใส่แว่นกันแดดด้วย เลยทำให้เธอดูทันสมัยและงามพริ้งเป็นพิเศษไคริเหลือบมองฮาร์วีย์ก่อนจะส่งยิ้มให้จาง ๆ“เชิญค่ะคุณยอร์ก"ฮาร์วีย์ไม่มีโอกาสได้มองหน้าไคริอย่างใกล้ชิดมาก่อน...แต่เมื่อได้มองภายใต้แสงแดดอันสดใส เขาบอกได้เลยว่าไครินั้นดูสวยราวกับภาพวาด แค่ความสวยดุจเทพธิดาเพียงอย่างเดียว ก็ทำให้ตึกรามบ้านช่องพังถล่มด้วยการมองเพียงแวบเดียวได้แล้วแมนดี้ก็มีหน้าตางดงามเช่นกัน แต่ไคริก็สวยไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอเลยทั้งสองคนนี้เป็นดั่งดอกไม้ที่สวยงดงาม เธอทั้งคู่ต่างก็มีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดในแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งยากจะบอกได้ว่าใครสวยกว่าใครโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เลือกไม่ได้หรอกว่าอยากจะได้คนไหนมากกว่ากันพวกเขาทั้งหมดคงอยากได้ทั้งสองคนนั่นแหละฮาร์วีย์สงบสติอารมณ์ตัวเองด้วยการหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนก้าวเข้าไปในรถทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็มีกลิ่นหอมภายในรถโชยเข้าจมูกทันที แล้วเมื่อมองเห็นขาอันเรียวเล็กของไคริเข้าไปอีก ฮาร์วีย์ก็อดที่จะรู้สึกวิงเวียนคล
ฮาร์วีย์ก้มศีรษะลงอย่างไม่ลังเล ก่อนจะตัดสินใจยอมแพ้ในเรื่องนี้จากนั้นเขาก็ยิ้มจาง ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปแมนดี้ทำเสียงเยาะเย้ยอย่างเย็นชา เธอคิดว่าฮาร์วีย์ดูแปลก ๆ ไปในตอนนั้น***ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮาร์วีย์กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อทำการสอบสวนคนในตระกูลจอห์นก่อนที่เขาจะเดินออกไปนั้นก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาฮาร์วีย์เหลือบมองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา“คุณไม่โทรหาฉันเลยนะคะ? ฉันเป็นเพื่อนของคุณนะฮาร์วีย์"มีเสียงนุ่ม ๆ ดังขึ้นจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง เธอคือไครินั่นเอง“คุณพาเทลเหรอ?”ฮาร์วีย์ตัวแข็งทื่อ เขาไม่คาดคิดว่าไคริจะโทรหาเขาในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้“คุณเรียกแต่ชื่อฉันไม่ได้เหรอคะ?” ไคริถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง“ก็ได้ครับไคริ"ฮาร์วีย์ไม่อ้อมค้อม“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมในช่วงเช้าตรู่ขนาดนี้เหรอ?”ฮาร์วีย์รู้ดีว่าคนอย่างไคริจะไม่มีวันทำอะไรโดยไม่มีเหตุผลไม่มีทางที่เธอจะแค่โทรมาเชิญฮาร์วีย์ไปดื่มชาด้วยกันเท่านั้น“บอกตามตรงนะคะว่าฉันได้สืบหาข้อมูลของคุณนับตั้งแต่วันที่เราเจอกันที่สนามบิน“ฉันได้ส่งคนไปติดตามคุณด้วย“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร“เพราะยังไงก็ตามฉันต
แมนดี้ขมวดคิ้วหลังจากได้ยินน้ำเสียงอันชอบธรรมชองอัลม่า“ฉันไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายเธอเลยนะอัลม่า“เลิกพยายามจับคู่ให้เราสักทีได้ไหม?”อัลม่าเงยหน้าขึ้นก่อนจะทำเสียงเยาะเย้ย“พี่ชายฉันเป็นผู้ชายที่มีความโดดเด่น! เขาเป็นลูกน้องที่นายน้อยคนโตให้ความไว้วางใจมากที่สุด!“ผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็อยากได้เขาเป็นแฟน!“ฉันให้โอกาสเธอก็เพราะเธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน! ฉันเก็บผู้ชายที่มีความโดดเด่นเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะ!“ไม่มีใครได้รับโอกาสนี้หรอก!อัลม่าทำสีหน้าที่ดูหยิ่งผยอง“เธอควรจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับเธอนะแมนดี้!”แมนดี้ทำสีหน้าเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอาหัวพิงหมอนพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก“เอาล่ะพอแค่นี้ก่อนนะ ฉันมีเรื่องต้องทำในวันพรุ่งนี้ ฉันต้องขอตัวก่อนละนะ" แน่นอนว่าเธอไม่อยากจะโต้เถียงกับอัลม่าในเรื่องนี้“ราตรีสวัสดิ์นะ!”อัลม่ายิ้มจาง ๆ“แต่ยังไงก็ตามฉันได้สัญญากับพี่ชายไว้แล้วนะแมนดี้...“ฉันบอกเขาไปว่าเธอยังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่ ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไอ้ตัวโสโครกที่เป็นสามีเก่าของเธอมาสามปีเต็มแล้วก็ตาม!“อย่าทำอะไรโง่ ๆ นะ!“ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าพี่ชายฉันจะจัดการกับเข